สถาบันนโยบายสาธารณะ (สนส. ม.อ.)

รายชื่อโครงการ

jakkarin เมื่อ 31 ธ.ค. 2562 15:27 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์อาสาประชารัฐ “การพัฒนาการแปรรูปสิ่งทอและหัตถกรรมท้องถิ่น” (ปี 2563)ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานแนวคิด ๓ ประการ ได้แก่ (๑) “ต่อยอดอดีต” โดยมองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศในด้านอื่น ๆ น่ามาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่ (๒) “ปรับปัจจุบัน” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ ทั้งโครงข่ายระบบคมนาคมและขนส่งโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล และการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต และ (๓) “สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต” ด้วยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพื้นฐานของการต่อยอดอดีตและปรับปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้จึงต้องการพัฒนาสิ่งทอท้องถิ่นให้กับเกษตรกรปักผ้า ทำดอกไม้ ด้วยหัตถกรรม อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์และมีสิ่งทอท้องถิ่นซึ่งเป็นต้นทุนของชุมชน ใช้ความรู้ทางวิชาการด้านออกแบบสิ่งทอ แปรรูปผลิตภัณฑ์ การวางแผนในการประชาสัมพันธ์และด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การตลาดออนไลน์ รวมทั้งเพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์การทำงานตรงตามสาขาวิชา และองค์ความรู้ที่เรียนโดยมีชุมชนเป็นฐานการนำความรู้สู่การปฏิบัติ ผ่านโครงงานที่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการเชิงพื้นที่ของชุมชน มุ่งเน้นผลลัพธ์ในการแก้ปัญหาด้านความยากจน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ ให้สามารถสร้างฐานรายได้และขยายโอกาสทางการค้า ควบคู่ไปกับการยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลางและลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศได้
rawipha_lpru เมื่อ 29 พ.ย. 2562 16:47 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปางการประเมินการจัดการพลังงานในกระบวนการผลิตของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดบ้านทุ่งบ่อแป้นต่อการปรับเปลี่ยนเตาผลิจไอน้ำก้อนเห็ด (ปี 2562)โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินผลการจัดการพลังงาน ในกระบวนการผลิตของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดบ้านทุ่งบ่อแป้น ต่อการปรับเปลี่ยนเตาผลิตไอน้ำนึ่งก้อนเห็ด ผู้วิจัยได้ทำศึกษา
เพื่อเปรียบเทียบการลดใช้พลังงานในกระบวนการผลิตเห็ด การลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของเตาผลิตไอน้ำ พร้อมทั้งศึกษาต้นทุนการผลิต โดยมีการเก็บข้อมูลการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตเห็ดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะเห็ดบ้านทุ่งบ่อแป้น ซึ่งประกอบไปด้วย การบดขี้เลื่อย การบดผสม การอัดก้อนเชื้อเห็ด การนึ่งก้อนวัสดุเพาะเห็ด การใส่เชื้อเห็ด การนำก้อนวัสดุพักในโรงเรือน การรดน้ำ และการเก็บเกี่ยว
ผลการประเมิน พบว่า สัดส่วนการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตนั้นมีการใช้พลังงาน ในการนึ่งก้อนวัสดุเพาะเชื้อเห็ด มีปริมาณการใช้พลังงาน 84% กระบวนการรดน้ำ สัดส่วนการใช้พลังงาน 12.8% และมีกระบวนการบดผสมมีสัดส่วนใช้พลังงาน 3% สำหรับการลดใช้พลังงานความร้อนจากการใช้เชื้อเพลิงแข็ง (ฟืน) ของเตาผลิตไอน้ำทั้ง 3 ชนิด เปรียบเทียบกับเตาดั้งเดิม ซึ่งเป็นถังขนาด 200 ลิตรได้แก่ เตานึ่งแบบ 3 กลับ เตาฟิวชัน และเตาลุงชูชาติ จะเห็นได้ว่า มีการลดใช้พลังงานของเตาทั้ง 3 ชนิด โดย เตาลุงชูชาติ มีการลดใช้พลังงาน 1,252.7 MJ/tonก้อนเชื้อเห็ด และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในกระบวนการผลิตต่อปีของเตาผลิตไอน้ำทั้ง 3 ชนิด พบว่า เตาลุงชูชาติมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุด 1,563.41 kgCO2 –eq /ปี สำหรับการคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตเห็ดที่มีต้นทุนมากที่สุด คือ ขี้เลื่อย 600 บาท/ton ก้อนเชื้อเห็ด
anunya เมื่อ 29 พ.ย. 2562 15:45 น.
มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่โครงการพี่นำน้องรักษ์น้ำ ตามแนวพระราชดำริ ปี พ.ศ.2560 ชุมชนบ้านป่าตึงงาม (ปี 2560)โครงการพี่นำน้องรักษ์น้ำ ตามแนวพระราชดำริ เป็นโครงการสนับสนุนให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะและเรียนรู้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามแนวพระราชดำริ โดยเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ส่งเสริมให้เยาวชนได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน อันจะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองด้านทรัพยากรน้ำของชุมชนที่เยาวชนเหล่านั้นเป็นเจ้าของ รวมถึงเชื่อมโยงไปสู่เยาวชนกลุ่มอื่นๆ จนเกิดเป็นเครือข่ายการรับผิดชอบต่อสังคมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผ่านกระบวนการคิด ไตร่ตรอง ตัดสินใจ และลงมือทำร่วมกันทั้งในระดับมหาวิทยาลัย โรงเรียน และชุมชน ในการนี้เยาวชนยังได้รับการสร้างทักษะในการประสานการพัฒนากับหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศ เพื่อไปสู่แนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนได้ในที่สุด
การประกวดพี่นำน้องรักษ์น้ำ ตามแนวพระราชดำริ ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2551 ภายใต้ “โครงการพี่นำน้องรักษ์น้ำ สนองแนวพระราชดำริ” และจัดประกวดต่อเนื่องมาแล้ว 9 ปี โดยดำเนินงานภายใต้มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ และน้อมนำแนวพระราชดำริไปปรับใช้ในการจัดการทรัพยากรน้ำของโรงเรียนและ/หรือชุมชน เยาวชนจะได้มีความรู้ความเข้าใจและนำเทคโนโลยีไปใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สร้างเครือข่ายการเรียนรู้เรื่องการจัดการทรัพยากรน้ำของโรงเรียนหรือชุมชนอย่างยั่งยืน
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 22 พ.ย. 2562 10:20 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลาง โครงการย่อยที่ 6: การแปรรูปและเพิ่มมูลค่าขมิ้นชันสำหรับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกขมิ้นชัน (ปี 2560)ขมิ้นชัน เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง เป็นพืชล้มลุกมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าขมิ้นชันมีสีเหลืองเข้ม จนถึงสีแสดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เหง้าของขมิ้นชัน มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ ใช้รักษาโรคผิวหนัง ผื่น คัน โดยการทำเป็นผงผสมน้ำ หรือเอาเหง้าสดฝนน้ำทา สามารถรักษาแผลได้ดี ขมิ้นชันเป็นพืชสมุนไพรพื้นเมืองของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก ขมิ้นชันที่ปลูกในภาคใต้ พบว่ามีคุณสมบัติที่ดีที่สุด ซึ่งพื้นที่ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เป็นแหล่งผลิตขมิ้นชันที่สำคัญ จากการทำโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยี โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปผลิตผลทางการเกษตรในท้องถิ่น ปี 2558 โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปขมิ้นแห้งและขมิ้นผง ซึ่งเป็นการแปรรูปเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาขมิ้นชันจากขมิ้นชันสดที่เก็บรักษาได้ในระยะเวลาสั้น เมื่อนำมาทำแห้งและทำเป็นผงจะทำให้เก็บรักษาขมิ้นชันได้นานและยังเป็นการเพิ่มทางเลือกในการใช้ประโยชน์ของขมิ้นชัน เช่น ยาทาภายนอก ซึ่งรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลาก เกลื้อน รักษาแผลพุพอง สำหรับการใช้ภายใน จะช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น อาหารไม่ย่อย ทดแทนการใช้ยาในปัจจุบัน (พนิดา, 2540) สำหรับทางเภสัชวิทยาขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการขับลม เนื่องจากขมิ้นชันมีน้ำมันหอมระเหย ฤทธิ์ในการต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นสามารถนำไปใช้สำหรับเป็นเครื่องสำอางค์หรือเครื่องประทินผิวต่างๆ ที่มีขมิ้นเป็นส่วนผสมได้
ตารางที่ 1 แสดงผลการวิเคราะห์คุณภาพของขมิ้นชันจากแหล่งต่างๆ
ตัวอย่างขมิ้น ปริมาณเคอร์คูมินอยด์ น้ำมันหอมระเหย
ขมิ้นชันตำบลลานข่อย 9.55% w/w 6.50% v/w
ขมิ้นอ้อย ราชบุรี 2.02% w/w 6.50% v/w
ขมิ้นชัน ราชบุรี 6.40% w/w 7.50% v/w
References not less than 5.0% w/w 6.0% v/w
ซึ่งจะเห็นได้ว่าขมิ้นชันที่ปลูกในพื้นที่ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เป็นแหล่งที่ปลูกขมิ้นที่ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพมากอีกแหล่งหนึ่ง แต่เนื่องจากราคาขมิ้นสดตกต่ำ ช่องทางการจำหน่ายน้อยและยังมีการผูกขาดของราคาของพ่อค้าคนกลาง ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาการขายขมิ้นชัน ทั้งนี้ทางผู้วิจัยตระหนักว่าการที่ชุมชนมีทรัพยากรที่มีคุณภาพดี แต่การนำไปใช้ประโยชน์ยังน้อยนั้นเป็นการเสียโอกาสในการทำรายได้ให้แก่ชุมชนเป็นอย่างมากซึ่งควรให้การสนับสนุนในแง่ของการปลูกและการแปรรูปให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการนำมาใช้ประโยชน์โดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยังไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากยังไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดที่จะเข้าไปส่งเสริมในการวิจัยและพัฒนา เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ซึ่งทางคณะผู้วิจัยได้ทำโครงการวิจัยกับทางกลุ่มผู้ปลูกขมิ้นชันเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2559 ในหัวข้อเรื่อง การสำรวจข้อมูลและการตรวจวิเคราะห์คุณภาพของขมิ้นชันในพื้นที่ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นของเกษตรกรผู้ปลูกในแง่ของการปลูก ปริมาณผลผลิต ปัญหาการเพาะปลูกและการวิเคราะห์สาระสำคัญของขมิ้นชัน คือ ปริมาณเคอร์คิวมินอยด์ และน้ำมันหอมระเหย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการเข้ามาพัฒนาให้กับชุมชนต่อไป อีกทั้งทางคณะผู้วิจัยได้มีการสำรวจความต้องการของเกษตรกรผู้ปลูกขมิ้นชันในตำบลลานข่อยร่วมกับเทศบาลตำบลลานข่อย พบว่า ความต้องการในลำดับแรกของชุมชนคือต้องการความรู้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ต้องการฝึกปฏิบัติในการแปรรูปขมิ้นชันเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพได้
ทั้งนี้ทางคณะผู้วิจัย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและปัญหาการใช้ประโยชน์ของขมิ้นชันดังกล่าว จึงมีความสนใจที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการบริการวิชาการให้กับเกษตรกรตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง และช่วยผลักดันในการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรพื้นบ้านเพื่อพัฒนาให้เป็นสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ของอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง และยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้เป็นได้มาตรฐานคุณภาพ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนต่อไป
suparp kanyacome เมื่อ 4 พ.ย. 2562 15:05 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชนตำบลกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ (ปี 2563)การพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นผลมาจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่งที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ประเทศต่าง ๆ มีการกำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับบริบทต่าง ๆ ของโลกที่เปลี่ยนไป

ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้กำหนดกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะ 20 ปีข้างหน้า หรือกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) โดยในเบื้องต้นได้กำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศไทยว่า “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ที่เป็น 5 ปีแรกของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สู่การปฏิบัติ โดยการมุ่งเน้นการพัฒนาที่จะเป็นการวางพื้นฐานที่สามารถสานต่อการพัฒนาในระยะต่อไป เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์กับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญา และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก” โดยได้จัดทำแผนที่นำทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในการเพิ่มขีดความสามารถ และศักยภาพการแข่งขันในระดับนานาชาติ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน รวมถึงการพัฒนาสังคมไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นการพัฒนาจากประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูง

คณะทำงานจึงต้องการได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนวิสาหกิจของประเทศ ทั้งนี้เพื่อจะทำให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในชุมชนสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการประกอบกิจการ และวางรากฐานของการขับเคลื่อนไปสู่ความเข้มแข็งและการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในที่สุด
SSOSWU เมื่อ 1 พ.ย. 2562 15:31 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ปี 2562)ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหรือสารจากธรรมชาติได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคเชื่อว่าสามารถทำให้เกิดความสะอาด และความสวยงามต่อร่างกาย และมีความปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมี ทำให้การผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางโดยวิสาหกิจชุมชนเพื่อประกอบอาชีพแพร่หลายขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการสุ่มตัวอย่างผลิตภัณฑ์จำนวน 20 รายการ และนำมาตรวจสอบคุณภาพทางด้านกายภาพ และจุลชีววิทยา พบว่าผลิตภัณฑ์ประมาณร้อยละ 10 ไม่ผ่านการทดสอบและจากการออกตรวจประเมินสถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครนายกพบว่าสถานที่ผลิตเครื่องสำอางหลายแห่งยังไม่ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้
ในปี พ.ศ. 2557-2561 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและวิสาหกิจชุมชน ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการใช้สมุนไพร โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน จัดอบรมให้ความรู้ ให้คำปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ให้บริการตรวจการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์และวิเคราะห์หาปริมาณสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายการยกระดับมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางวิสาหกิจชุมชนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข จากการประเมินผลการดำเนินการของโครงการพบว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มีจำนวนผู้ประกอบการที่ให้ความสนใจจำนวน และมีการบูรณาการงานบริการวิชาการกับการวิจัยและการเรียนการสอน เพื่อสานต่องานบริการวิชาการแก่ชุมชนโดยมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แก่ชุมชนให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและอย่างยั่งยืน ปี พ.ศ. 2562-2566 คณะเภสัชศาสตร์มีความประสงค์ที่จะจัดโครงการบริการวิชาการต่อยอดจากโครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและวิสาหกิจชุมชน จึงมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน โดยคณะเภสัชศาสตร์มีความพร้อมทางด้านองค์ความรู้ของคณาจารย์ นักวิจัย และนิสิต มีหลักสูตรการศึกษาและประสบการณ์ที่จะเป็นปัจจัยที่เอื้อให้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สามารถดำเนินการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
SSOSWU เมื่อ 1 พ.ย. 2562 15:05 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการบริการวิชาการแก่ชุมชน พัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก (ปี 2562)ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2548 โดยมีผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ10.5 ปัจจุบันมีจำนวนผู้สูงอายุของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากในปี 2558 มีประชากรผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมด และในปี 2564 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 20 ซึ่งจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในปี 2557 พบว่าโรคเรื้อรังที่พบมากในผู้สูงอายุ ได้แก่ ผู้สูงอายุไทยเป็นโรคความดันโลหิต ร้อยละ 41.4 โรคเบาหวาน ร้อยละ 18.2 และโรคหัวใจและหลอดเลือด ร้อยละ 2.15 และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักของการเกิดโรคเรื้อรังนั้นส่วนใหญ่เป็นผลจากวิธีการใช้ชีวิต พฤติกรรมเสี่ยงเรื่องการบริโภคอาหารหวานมันเค็มจัด ขาดการออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และมีความเครียด หากไม่ได้มีการรักษาควบคุมอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเสียชีวิตได้ และมีปัจจัยที่ส่งผลให้การดำเนินชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุที่ไม่เหมาะสมเพิ่มมากขึ้น จากสถิติในปี 2558 ดังนี้ ผู้สูงอายุที่อยู่เพียงลำพังคิดเป็น ร้อยละ 9 และอยู่เพียงลำพังกับคู่สมรสคิดเป็นร้อยละ 19, ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน ร้อยละ 34, ผู้สูงอายุยังใช้ส้วมแบบนั่งยอง คิดเป็นร้อยละ 54 และร้อยละ 18 มีห้องนอนอยู่บนชั้นสองของบ้าน ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นจะส่งผลให้ผู้สูงอายุเกิดความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มได้และยังมีส่วนทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาวะจิตที่แย่ลง เมื่อประชากรของประเทศไทยสูงวัยขึ้น ผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายของรัฐในการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาล เมื่อรวมค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขกับค่าใช้จ่ายสำหรับสวัสดิการด้าน อื่นๆ ที่จะต้องจัดสรรให้แก่ผู้สูงอายุแล้ว รัฐจะต้องมีภาระทางการเงินที่หนักมาก ถ้าไม่เตรียมแผนหรือมาตรการที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอนามัย และสวัสดิการของผู้สูงอายุ แผนหรือมาตรการที่มีประสิทธิภาพโดยต้องสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน และองค์กรในพื้นที่มีวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และมีความเฉพาะของพื้นที่ เป็นการนำใช้ศักยภาพของชุมชน ในอนาคตประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุที่อยู่ในภาระพึ่งพิงเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้อยู่ในภาวะพึ่งพิง คือ ผู้ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ในการทำกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเนื่องมาจากสาเหตุแห่งความชรา หรือ การเจ็บป่วย ผู้สูงอายุเหล่านี้ต้องการผู้ดูแลระยะยาว
จากสถิติของจังหวัดนครนายกมีผู้สูงอายุจำนวน 45,118 คน คิดเป็นร้อยละ 17.46 ของประชากรในจังหวัดจำนวน 258,358 คน และจำนวนผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง 28,499 คน คิดเป็นร้อยละ 63.16 แบ่งเป็น โรคความดันโลหิตสูงมี 19,010 คน คิดเป็นร้อยละ 47.65 โรคเบาหวานมี 8,090 คน คิดเป็นร้อยละ 20.27 และโรคหัวใจและหลอดเลือดมี 1,399 คน คิดเป็นร้อยละ 3.51 ส่วนข้อมูลสถานการณ์ระดับอำเภอบ้านนามีผู้สูงอายุจำนวน 10,986 คน คิดเป็นร้อยละ 17.23 ของประชากรในอำเภอจำนวน 63,759 คน และจำนวนผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง 7,508 คน คิดเป็นร้อยละ 68.34 แบ่งเป็น โรคความดันโลหิตสูงมี 5,040 คน คิดเป็นร้อยละ 44.95 โรคเบาหวานมี 2,088 คน คิดเป็นร้อยละ 18.62 และโรคหัวใจและหลอดเลือดมี 380 คน คิดเป็นร้อยละ 3.39 และสถานการณ์ของตำบลบางอ้อมีผู้สูงอายุจำนวน 726 คน คิดเป็นร้อยละ 22.15 ของประชากรในอำเภอจำนวน 3,278 คน และจำนวนผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง 645 คน คิดเป็นร้อยละ 90.1 แบ่งเป็น โรคความดันโลหิตสูงมี 416 คน คิดเป็นร้อยละ 57.30 โรคเบาหวานมี 179 คน คิดเป็นร้อยละ 24.66 และโรคหัวใจและหลอดเลือดมี 50 คน คิดเป็นร้อยละ 6.89 จากข้อมูลดังกล่าว สะท้อนถึงตำบลบางอ้อได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด และมีผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในอัตราที่สูงกว่าระดับจังหวัด และประเทศ
การดำเนินการในการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่มีอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่ผ่านมา โดยความร่วมมือกันของหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางอ้อ และ องค์การบริหารส่วนตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก และแกนนำภาคประชาชน มีการดำเนินการ เช่น การสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุ การจัดโครงการพัฒนาระบบการดูรักษาฟื้นฟู และป้องกันภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตำบลบางอ้อ การจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุที่พัฒนาเป็นโรงเรียนผู้สูงอายุที่กำลังดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตามความสนใจของผู้สูงอายุ และที่กำลังจะดำเนินงานคือโครงการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่ต้องการหารูปแบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหน่วยงานทั้งสองหน่วยงานได้สะท้อนข้อมูลจากการดำเนินการที่ผ่านมายังขาดความต่อเนื่อง จำนวนอาสาสมัครไม่เพียงพอสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุ จึงยังไม่สามารถลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างครอบคลุมผู้สูงอายุทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการนำใช้ข้อมูลสถานการณ์เพื่อการวางแผนที่ชัดเจน การติดตามสถานการณ์การดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาความรู้การดูแลที่นำไปสู่การทำงานวิจัยแบบ R2R และการจัดทำแผนพัฒนาตำบลได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงเกิดการคิดร่วมกันของ 3 ฝ่าย ในเบื้องต้น ที่จะพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวของตำบลบางอ้อ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์สถานการณ์ผู้สูงอายุ การค้นหาทุนทางสังคมที่ร่วมดูแลผู้สูงอายุ การออกแบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่นำใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ร่วมกัน โดยคณะพยาบาลศาสตร์เข้าร่วมบูรณาการการทำงาน 2 ส่วน คือ บูรณาการการเรียนการสอนสำหรับนิสิตพยาบาลในรายวิชาการสร้างเสริมสุขภาพ ชั้นปีที่ 2 และ รายวิชาการปฏิบัติการสุขภาพชุมชน ชั้นปีที่ 4 และ การบูรณาการการวิจัยเพื่อการพัฒนาข้อมูลตำบลที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ ทุนทางสังคมในพื้นที่สำหรับดูแลผู้สูงอายุ และการจัดบริการของหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะสมกับพื้นที่ และนำเสนอแลกเปลี่ยนในระดับจังหวัด และ ประเทศต่อไป
SSOSWU เมื่อ 1 พ.ย. 2562 14:57 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการพัฒนาสหกรณ์การเกษตรสู่ธุรกิจเพื่อสังคมต้นแบบ: การพัฒนาแผนการตลาดสำหรับกิจการเพื่อสังคม (ปี 2560-2562) (ปี 2562)มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของ Social Enterprise กิจการเพื่อสังคมและได้ดำเนินโครงการบริการวิชาการเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายพัฒนากิจการเพื่อสังคม ในฐานะหน่วยงานที่มีบุคลากรที่มีองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญการพัฒนาชุมชน การบริการทางวิชาการแก่ชุมชน และมีเครือข่ายความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ในสาขาบริหารธุรกิจ รวมถึงธุรกิจเพื่อสังคมและได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการสร้างเสริมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อสังคม ให้กับบุคคลภายนอก ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไปซึ่งนอกเหนือจากนิสิตในมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เข้มแข็งต่อไปในอนาคตตามปณิธานของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒที่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นมหาวิทยาลัยรับใช้สังคม
โครงการพัฒนาสหกรณ์การเกษตรสู่ธุรกิจเพื่อสังคมต้นแบบ : การพัฒนาแผนการตลาดสำหรับกิจการเพื่อสังคม เป็นหนึ่งในโครงการบริการวิชาการเพื่อสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเขื่อนพระปรง กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ชุมชน สหกรณ์ สมาคม และผู้มี ส่วนได้เสีย ในพื้นที่เขื่อนพระปรง ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่จะยกระดับเป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจธุรกิจเพื่อสังคม มีการดำเนินงานตามแผนธุรกิจทางการตลาดสำหรับกิจการเพื่อสังคม ให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนได้ ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาประเทศชาติต่อไป นอกจากนี้ บุคลากร คณาจารย์ และนิสิตได้มีส่วนร่วมในการบริการวิชาการให้แก่ชุมชนพร้อมทั้งนำความรู้ที่ได้มาใช้บูรณาการกับการวิจัย และการเรียนการสอนในรายวิชาที่เกี่ยวข้องพัฒนาการเรียนการสอนแก่นิสิตให้มีประสบการณ์จากสภาพแวดล้อมจริงและนำมาใช้
SSOSWU เมื่อ 1 พ.ย. 2562 14:32 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการสร้างเสริมศักยภาพเยาวชนนักปฏิบัติการจัดการขยะอินทรีย์ (ปี 2562)ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่สำคัญในโลกปัจจุบันซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของมนุษย์อันเนื่องมาจากความต้องการพื้นฐานและความต้องการความสะดวกสบายในด้านต่าง ๆ กระตุ้นให้มนุษย์พัฒนาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และวิทยาการในการนำทรัพยากรธรรมชาติใช้อย่างสะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการพัฒนากระบวนการผลิตทางด้านอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าทั้งที่เป็นสินค้าประเภททุน (CapitalGoods) และสินค้าบริโภค (Consumer Goods) ซึ่งกระบวนการผลิตนี้เองที่ก่อให้เกิดของเสียออกสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาน้ำเสีย ปัญหาอากาศเป็นพิษ ปัญหาด้านเสียง และผลของการบริโภคก็ทำให้เกิดของเสียกระจายสู่สิ่งแวดล้อมในรูปของขยะมูลฝอย น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ ฯลฯ จากข้อมูลของแผนพัฒนาจังหวัดนครนายก (พ.ศ. 2561-2564) พบว่า จัวหัดนครนายกประสบปริมาณปัญหาขยะมูลฝอย ตกค้างสะสมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเภทขยะมูลฝอยเปียก (เศษอาหาร ผัก และผลไม้) มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 54.94 ของขยะมูลฝอยทั้งหมด ซึ่งเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลที่มีเก็บรวบรวมขยะและนำไปกำจัดมีจำนวน 27 แห่ง หากแต่เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลที่ยังไม่มีการเก็บรวบรวมขยะมีจำนวน 18 แห่ง หรือร้อยละ 40 และศักยภาพในการเก็บรวบรวมขยะของจังหวัดได้ 126.03 ตัน/วัน จากอัตราการเกิดขยะ 148.33 ตัน/วัน และมีปริมาณขยะที่ส่งเสริมการกำจัดในครัวเรือน 22.3 ตัน/วัน
จากการประชุมร่วมกันกับ คุณนฤมล บุญเคลิ้ม นักวิจัยในโครงการนักวิจัยชุมชนรุ่นที่ 1 ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2561 ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อม ตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พบว่า ตำบลหนองแสง กำลังประสบปัญหาการกำจัดขยะมูลฝอยอย่างต่อเนื่อง เพราะมีปริมาณขยะ 1 พันตันต่อวันหรือ 3,650 ตันต่อปี และไม่สามารถกำจัดขยะเองได้ ต้องนำไปเทกองและฝังกลบที่บ่อขยะเอกชนในอบต.นาหินลาด อีกทั้งยังขาดการส่งเสริมการกำจัดขยะมูลฝอยในครัวเรือน ด้วยเหตุนี้ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จึงเล็งเห็นว่าการบริการวิชาการแก่ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนต้องมาจากความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่และเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของคณะฯ จึงได้จัด “โครงการสร้างเสริมศักยภาพเยาวชนนักปฏิบัติการจัดการขยะอินทรีย์” ขึ้น เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่มีความรู้และความเข้าใจในการจัดการขยะอินทรีย์โดยใช้ธรรมชาติบำบัด จนเกิดความความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อมในครัวเรือนและชุมชนของตน ในขณะเดียวกัน จะส่งผลถึงความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของชุมชนอีกด้วย โดยมีการบูรณาการการบริการวิชาการแก่ชุมชนและสังคมร่วมกับพันธกิจด้านการเรียนการสอนและการทำวิจัย รวมทั้งมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างบุคลากรสายวิชาการ สายสนับสนุน รวมทั้งโรงเรียน เครือข่ายนักวิจัยชุมชน และประชาชนในพื้นที่
SSOSWU เมื่อ 1 พ.ย. 2562 14:07 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการการจัดการพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น : การจัดทำทะเบียนวัตถุและการจัดนิทรรศการ ปีที่ 2 (2560-2562) (ปี 2560)พิพิธภัณฑสถานนับเป็นแหล่งความรู้ที่มีความสำคัญ เป็นองค์กรหลักในการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ อันเป็นมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ เพื่อการเรียนรู้ในสังคม นอกจากจะช่วยปลูกฝังให้ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนได้เห็นความสำคัญในมรดกของชาติ จนเกิดความรักความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่ายิ่งแล้ว พิพิธภัณฑสถานยังเป็นสถาบันการศึกษานอกระบบสำหรับการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต ที่เพิ่มพูนและพัฒนาภูมิปัญญาให้แก่ประชาชนในสังคมทุกระดับ
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนเป็นสถานที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวไทยพวน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมลักษณะทางวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตของชาวไทยกลุ่มนี้จากสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย ได้แก่ ผ้าซิ่นไทยพวน โม่หิน ถังต้มกาแฟโบราณ อุปกรณ์ทำการเกษตร เครื่องมือทอผ้า เป็นต้น พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนจึงเป็นเสมือนแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ไทยพวนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทยมานานหลายร้อยปี
อย่างไรก็ตาม จากการจัดโครงการอย่างต่อเนื่องของคณะสังคมศาสตร์ (เงินรายได้ของคณะ) ในพื้นที่ของวัดฝั่งคลอง ตำบลเกาะหวาย อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก จากการสรุปผลโครงการสังคมศาสตร์อาสาสู่ชุมชน ปี 5 ที่จัดขึ้นในปีงบประมาณ 2560 ทางคณะสังคมศาสตร์ได้จัดสำรวจความต้องการของชุมชนไปด้วยพร้อมๆกัน ซึ่งทางศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลและรับผิดชอบพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการจัดทำทะเบียนวัตถุในพิพิธภัณฑ์เพื่อช่วยจัดการให้พิพิธภัณฑ์มีความเป็นระบบและระเบียบมากขึ้น เนื่องจากสิ่งของในพิพิธภัณฑ์มักได้รับการบริจาคมาจากประชาชนในท้องถิ่น แต่ไม่เคยมีการทำเป็นทะเบียนรายชื่อหรือการจดบันทึกเกี่ยวกับหลักฐานต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน รวมถึงความต้องการในการนำความรู้ทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์มาช่วยอบรมและทำให้เยาวชนในชุมชนพร้อมที่จะสืบสานการดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ต่อไปในอนาคต จากศักยภาพของคณะสังคมศาสตร์ในการส่งเสริมงานศิลปวัฒนธรรมและผูกพันกับชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คณะฯเล็งเห็นถึงการดำเนินการจัดทำทะเบียนวัตถุ พร้อมๆกับการช่วยทำให้เยาวชนรู้จักและเริ่มที่จะเรียนรู้การจัดการพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของตนซึ่งช่วยส่งเสริมการตระหนักและสำนึกรักท้องถิ่นและทราบประวัติความเป็นมาของบรรพบุรุษของตน ซึ่งเยาวชนและคนในชุมชนจะสามารถถ่ายทอดความรู้ในด้านต่างๆ และนำประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้กับการบริหารงานของหน่วยงานตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คณะสังคมศาสตร์ได้งบประมาณในการดำเนินงานโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ 2561 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัตถุในพิพิธภัณฑ์มีเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในปีงบประมาณ 2562 โดยทางคณะสังคมศาสตร์ได้เพิ่มความช่วยเหลือในการจัดนิทรรศการของวัตถุในพิพิธภัณฑ์เพิ่มเข้ามาด้วย โดยเพิ่มคำอธิบายในวัตถุต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการเป็นประโยชน์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมต่อไปในอนาคต
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จึงเล็งเห็นว่าการบริการวิชาการแก่ชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนต้องมาจากความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ และเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของคณะฯ รวมถึงเพื่อให้เกิดการบูรณาการทั้งการเรียนการสอนและการวิจัย โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้นิสิตในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทมีประสบการณ์จริงจากการเข้าไปช่วยในการจัดการพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบของการปฏิบัติจริง ซึ่งส่วนมากบัณฑิตมักได้รับเพียงแต่การศึกษาจากภาคทฤษฎี โครงการดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการสร้างเสริมประสบการณ์ตรงในการดำเนินงานในพิพิธภัณฑ์อย่างแท้จริง สามารถปฏิบัติงานได้ทันทีตามความต้องการของหน่วยงานราชการต่างๆ
SSOSWU เมื่อ 1 พ.ย. 2562 13:52 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการการพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพในชุมชน : ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ (ปีที่ 1) (ปี 2561) (ปี 2562)หลักสูตรอัญมณีและเครื่องประดับ ได้ดำเนินงานโครงการบริการวิชาการ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากงานวิจัยยาถมดำปราศจากตะกั่วอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2557 ถึงปีงบประมาณ 2561 ซึ่งชาวบ้านในชุมชน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถเรียนรู้จากผลงานวิจัย แท่งถมดำปราศจากตะกั่วของมหาวิทยาลัย [1] พัฒนาทักษะและฝีมือในการสร้างต้นแบบเครื่องถมเงิน ที่มีลวดลายอันเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดสระแก้วได้ด้วยตนเอง และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน สร้างอาชีพและรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน จากการดำเนินโครงการบริการวิชาการที่ผ่านมา ได้วางรากฐานการเผยแพร่องค์ความรู้จากงานวิจัยร่วมกับการบูรณาการกับการเรียนการสอนและศิลปวัฒนธรรมของชุมชน รวมถึงความร่วมมือของหลายภาคส่วน อาทิ สมาคมเครื่องถมและเครื่องเงินไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมช่างทองไทย สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขตพื้นที่ 2 จังหวัดสระแก้ว และเทศบาลนครแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยการสร้างเครือข่ายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนได้ดำเนินการร่วมกับทางด้านการศึกษา เพื่อการเผยแพร่ความรู้ด้านต่างๆ ให้มีการเชื่อมโยงกับการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน เช่น การให้ความรู้ทางด้านธรณีวิทยาท้องถิ่น โดยมีความมุ่งหวังให้มีการพัฒนาอาชีพ สร้างความเข้มแข็งของชุมชนในแต่ละด้าน รวมทั้งการสร้างแนวทางในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของชุมชน โดยมีแผนการทำงานร่วมกันระหว่างคณะต่างๆ เพื่อให้เกิดการนำชุมชนในรูปแบบกิจการเพื่อสังคม ภายใต้กรอบนโยบายประชารัฐ ให้มีการขยายฐานการทำงานเชื่อมโยงกับระดับสากล ยังผลให้การดำเนินโครงการที่ผ่านมา 5 ปี การวางกรอบแนวคิดการทำงานแบบบูรณาการเกิดผลสำเร็จ จนทำให้ผลงานเป็นที่ประจักษ์จนได้รับรางวัลผลงานวิจัยที่พัฒนาชุมชนในระดับชาติ การเปิดโอกาสให้เข้าร่วมแสดงผลงานกับนายกรัฐมนตรี การแสดงผลงานในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ จนนำไปสู่การติดต่อพัฒนาสินค้าร่วมกับผู้ประกอบการซึ่งอยู่ระหว่างการขอรับการพิจารณาจาก สวทช. จนสามารถสร้างความตระหนักให้แก่ภาคเอกชนในแนวคิดของการสร้างหมู่บ้านต้นแบบทางเครื่องประดับ
การพัฒนาโครงการจะสำเร็จไปไม่ได้หากไม่มีความร่วมมือจากกลุ่มชุมชน ซึ่งการดำเนินงานในปีนี้มีแผนการดำเนินงานในการขยายเครือข่ายความร่วมมือกับหมู่บ้านเครื่องถมดำปราศจากตะกั่วและเครื่องเงิน อำเภอวัฒนานคร ร่วมกับชุมชนโดยรอบเพื่อพัฒนาความยั่งยืน โดยใช้แนวคิดของกลุ่มผู้นำชุมชนของการพัฒนาเยาวชนให้มีอาชีพและฝึกฝนฝีมือรวมถึงการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งมหาวิทยาลัยได้เห็นผลสำเร็จของการลงพื้นที่จนได้เยาวชนในชุมชนมาเรียนในหลักสูตรอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อนำกลับไปขับเคลื่อนชุมชนต่อไป ดังนั้น การวางแนวทางของการบริการวิชาการแบบกระจายเครือข่ายในปีนี้ จึงแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ ผลิตภัณฑ์และบริการ โดยขยายผลิตภัณฑ์จากเครื่องถม เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าของหลักสูตรแฟชั่นซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ของ อ.วัฒนานคร โดยมุ่งหวังให้เกิดการบูรณาการของผลิตภัณฑ์เพื่อทำแบรนด์สินค้าและการตลาดต่อไปในอนาคต และการขยายแนวทางการบริการความรู้ ให้มีความหลากหลายทั้งทางด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยการสอนพื้นฐานการออกแบบของหลักสูตรออกแบบผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการสอนเทคนิคการทำเครื่องประดับให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยนฮ่องกง โดยคาดหวังผลการทำงานแบบบูรณาการทีมคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิต และการพัฒนาเครือข่ายต่างๆของชุมชน จะทำให้เกิดเพิ่มพูนความผูกพันและภูมิใจให้เยาวชน สร้างความตระหนักในการจัดการบริการวิชาการเพื่อสังคมของมหาวิทยาลัย และการสร้างความเชื่อมโยงเครือข่ายของชุมชนจังหวัดสระแก้วด้วยกันเองนำมาซึ่งการพัฒนาชุมชนด้วยชุมชน แบบเครือข่ายบูรณาการ
จากผลสำเร็จของการพัฒนาพื้นที่แนวชายขอบประเทศกัมพูชา ของ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว จากการมีพื้นฐานทางด้านเครื่องประดับน้อยมาก ทำให้เกิดความมั่นใจหากมีการพัฒนาพื้นที่แนวชายขอบประเทศพม่า ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นแหล่งตลาดอัญมณีมาก่อน เนื่องจากการกระจายสินค้ามาจากเหมืองของประเทศพม่า แต่ปัจจุบันตลาดอัญมณีได้ซบเซาลงเนื่องจากการทำเหมืองพลอยในประเทศพม่าถูกจำกัดสิทธิโดยรัฐบาลพม่า ดังนั้นการพัฒนาความรู้ทางด้านธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ให้แก่ชุมชนจึงเป็นสิ่งที่ควรพัฒนาให้เกิดการกระจายความรู้ของชายขอบประเทศเพื่อเปิดโอกาสการเจรจากับรัฐบาลพม่าได้อีกครั้ง ทั้งนี้ทางผู้ดำเนินโครงการจึงได้ขยายกิจกรรมการบริการวิชาการเพิ่ม เพื่อพัฒนาและจัดการความรู้ทางด้านอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อพัฒนาพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับร่วมกับการบูรณาการการเรียนการสอนให้นิสิตได้ลงพื้นที่ในการพัฒนาอีกด้วย
ทั้งนี้การจัดทำโครงการต่างๆ ทางกลุ่มคณาจารย์มีความประสงค์จะเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินการต่างๆ ของแต่ละกิจกรรมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ข้ามเครือข่ายจากชุมชนสู่ภายนอก ด้วยวิธีการของสื่อออนไลน์ หรือการจัดหาแนวทางในการจัดทำเป็นแหล่งเรียนรู้เกิดเป็นรายวิชาให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศ ดังนั้นในปีงบประมาณนี้รูปแบบของการดำเนินการจะปรับเปลี่ยนเป็นการจัดกิจกรรมบริการวิชาการแบบมุ่งเป้าเพื่อสร้างแนวทางในการเกิดฐานการเรียนรู้จากแนวปฏิบัติที่ดีของชุมชนอย่างยั่งยืน
chompoo เมื่อ 1 พ.ย. 2562 13:28 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลดการเผา ลด PM2.5 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (ปี 2563)นับตั้งแต่เริ่มมีการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศตะวันตกประมาณศตวรรษที่ 19 ทำให้มีปริมาณก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งถือว่าเป็นก๊าชเรือนกระจก (Green House Gas) ที่สำคัญที่ออกสู่บรรยากาศเหนือพื้นผิวโลก (วิสุทธิ์ ใบไม้, 2548) จึงเป็นสาเหตุทำให้องค์ประกอบของบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย กล่าวคือ จะมีก๊าชต่างๆ ในบรรยากาศ ทั้งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ และที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นเพิ่มสูงขึ้นมากซึ่งชั้นบรรยากาศนี้เสมือนเป็น “ผ้าห่ม” ปกคลุมโลกไว้หรือที่เรียกว่า ชั้นเรือนกระจก ที่ปิดกั้นความร้อนของโลกเอาไว้ จึงทำให้อุณหภูมิทั่วไปของโลกสูงขึ้นจนเกิดสภาวะที่เรียกว่า “ภาวะโลกร้อน” (Global Warming) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ” (Climate Change)
การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตของประเทศไทยในช่วงระยะเวลา 4-5 ปี ที่ผ่านมานี้ ได้มีการจำลองสภาพภูมิอากาศในอนาคตขึ้น โดยศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA START RC) ได้ร่วมมือกับทางหน่วยงาน Commonwealth Scientific and Industrial Research Organization (CSIRO) ประเทศออสเตรเลีย ทำการศึกษาและจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่างขึ้น อันรวมถึงประเทศไทยทั้งหมดด้วย ทิศทางและแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่มีฝนมากขึ้นในเกือบทุกภาคของประเทศไทย ส่วนอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในประเทศไทยจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก อาจเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลง (ศุภกร ชินวรรโณ, 2550)
การเกษตรเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้ปริมาณก๊าชเรือนกระจกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเกิดจากการเผาวัสดุเหลือทิ้งจากการเก็บผลผลิตเสร็จเรียบร้อย ทำให้ปริมาณก๊าชเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้นจึงส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิของโลก โดยเฉพาะกระบวนการผลิตข้าวของเกษตรกร ตอซังมักจะถูกเผาในช่วงฤดูแล้งก่อนที่จะมีการไถเตรียมดิน จึงเป็นการสูญเสียทรัพยากรที่มีคุณค่าในนาอย่างยิ่งข้าวเหตุที่เกษตรกรเผาตอซังเพื่อความสะดวกในการจับสัตว์บางชนิดในนาช่วงฤดูแล้ง หรือสะดวกในการไถพรวนเพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการเผาตอซังข้าวติดต่อกันหลายปีเกษตรกรบางรายพบปัญหาหน้าดินแข็งไถพรวนและปักดำยาก อนุภาคดินจับตัวแน่นและทำให้เกิดการสูญเสียน้ำในดินในขณะที่เผาตอซัง และที่สำคัญจะเป็นการเพิ่มปริมาณก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ด้วยสาเหตุดังกล่าวจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาแนวทางให้เกษตรกรคืนตอซังข้าวสู่ดินโดยการไถกลบฟางลงไปในดินหลังเก็บเกี่ยวข้าว เมื่อมีการคืนตอซังข้าวสู่ดินแล้วดินนาจะมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น ความแข็งของดินลดลง การอุ้มน้ำของหน้าดินดีขึ้น และลดปัญหาวัชพืชลงเนื่องจากมีการตัดวงจรชีวิตวัชพืชในช่วงฤดูแล้งก่อนที่จะทำนาในช่วงฤดูฝน
มลพิษทางอากาศนับว่าเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งสังเกตได้จากระดับมลพิษในฝุ่นละอองขนาดเล็กมากขนาด 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่มีระดับความเข้มข้นเกินค่ามาตรฐานตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO guideline) และกระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา (US EPA) และยังเกินค่ามาตรฐานของประเทศไทยที่อนุญาตให้ระดับมลพิษสูงกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกถึง 2 เท่า จากภาพที่ 1 จะพบว่าระดับมลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานครจะยิ่งมีค่าสูงมากในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคมของทุกปี โดย Oanh (2007) ได้ทำการศึกษาแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานครและพบว่าฝุ่น PM2.5 ที่เขตดินแดงมาจากไอเสียรถดีเซลร้อยละ 52 จากการเผาชีวมวลร้อยละ 35 ฝุ่นทุติยภูมิและอื่นๆ ร้อยละ 13 ขณะที่ Oanh (2017) ได้ศึกษาแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ในประเทศแถบเอเชียและพบว่าฝุ่น PM2.5 มาจากไอเสียรถดีเซลร้อยละ 20.8-29.2 จากการเผาชีวมวลร้อยละ 24.6-37.8 ฝุ่นทุติยภูมิร้อยละ 15.8-20.7 และอื่นๆ ทั้งนี้ ในช่วงหน้าแล้งจะมีการเผาชีวมวลสูงกว่าในช่วงหน้าฝน
บ้านโนนเขวา ตำบลฆ้องชัยพัฒนา อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นพื้นที่ที่ประชาชนส่วนมากมีอาชีพทำนาซึ่งมีทั้งการทำนาปีและนาปรัง เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำชีซึ่งการทำนาของเกษตรกรส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้จะใช้เครื่องจักรกลมาช่วยในการทำนา อีกทั้งยังมีการเผาตอซังข้าวเพื่อเตรียมการเพาะปลูกต่อไป จึงก่อให้เกิดปริมาณฝุ่นละออง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่ปัจจุบันมีผลกระทบต้อสุขภาพของมนุษย์ ดังนั้น คณะดำเนินการจึงมีความสนใจที่จะจัดโครงการ ลดการเผา ลดPM2.5 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนขึ้น เพื่อร่วมกันจัดการตอซังข้าวด้วยวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวล้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรและเป็นการลดปัญหาฝุ่นละอง และปัญหาภาวะโลกร้อนจากการเผาตอซังข้าวของเกษตรกร โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนรวมถึงการบูรณาการกับการเรียนรู้ร่วมกันของกลุ่มนักศึกษา นักเรียน อาจารย์ และชุมชน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและหาแนวทางในการจัดการที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดบ่มเพาะให้บัณฑิตมีทักษะเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Start up) (ปี 2562)ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศและวิสัยทัศน์นายกรัฐมนตรีที่ต้องการพัฒนา “วิสาหกิจเริ่มต้น เป็นนักรบทางเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Warrior: NEW) และกำหนดให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เปิดสำหรับการเติบโตของอาเซียน” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นให้เป็นนักรบทางเศรษฐกิจ ที่สามารถใช้ทรัพยากรของประเทศในการผลิตสินค้าและบริการมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม การจ้างงานในท้องถิ่น และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค รวมทั้งก่อให้เกิดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อน ประเทศ โดยพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ในการสร้างความตระหนักและความตื่นตัว (Awareness) จิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial mindset) สู่กระบวนการบ่มเพาะและการพัฒนาผู้ประกอบการ (Incubation) ตลอดจนการการเร่งรัดธุรกิจสู่ตลาดสากล (Acceleration) ก่อให้เกิดการลงทุน (Investment) ทั้งจากการลงทุนร่วมทุน (Venture Capital) นักลงทุนบุคคล (Angel) และนักลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ (Corporate Venture Capital) ในวิสาหกิจเริ่มต้น สนับสนุนการเร่งพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและสังคมฐานความรู้ โดยให้ความสำคัญแก่การเป็นพื้นที่เปิด 4 ประการได้แก่ 1) ผู้ที่มีทักษะสูงจากทั่วโลก (Talent) 2) เร่งการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น (Business Growth) 3) สนับสนุนการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Investment) 4) การสร้างและพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น (Ecosystem)
คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เป็นหน่วยงานการศึกษาและในฐานะสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น จึงเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว ในการที่จะช่วยสนองตอบนโยบายการพัฒนาประเทศ พัฒนาแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ของประเทศไทย (พ.ศ. 2559 - 2564) ซึงได้กำหนดแนวทางส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ของไทยโดยเร่งดำเนินการให้มีการเพิ่มบทบาทของมหาวิทยาลัยในการสร้างความตระหนัก สร้างความตื่นตัว การบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น การบริหารจัดการนวัตกรรม ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี ผลักดันให้มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งสร้างสรรค์ ความคิดและนวัตกรรม ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศ การผลักดันให้มหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการ (Entrepreneurial university) และดำเนินการร่วมกับภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุน นักศึกษา นักวิจัย และผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่จะส่งเสริมพัฒนาธุรกิจจากความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้และเป็น New Engine of Growth ของประเทศ เพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จึงจำเป็นต้องจัดโครงการบ่มเพาะให้บัณฑิตเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Start up) เพื่อสร้างจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการ โดยจัดให้คำปรึกษา แนะนำเทคนิค กระบวนการ และอบรมแผนธุรกิจเพื่อพัฒนานิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 3 และ 4 ให้ได้รับทักษะทั้งด้านการผลิต การตลาด การจัดการ และการบริหารการเงินซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ และได้แผนธุรกิจที่จะสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาในการขอรับการสนับสนุนเงินทุนประกอบการได้
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดบ่มเพาะคุณธรรมและจริยธรรมให้กับนักเรียนในระดับปฐมวัย ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา (ปี 2562)พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรระบุว่า การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน ได้แก่ 1) มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง 2) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง – มีคุณธรรม 3) มีงานทำ– มีอาชีพ 4. เป็นพลเมืองดี และแนวปฏิบัติในเรื่อง “การมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง – มีคุณธรรม” ได้แก่ 1) รู้จักแยกแยะ ผิด-ชอบ ชั่ว-ดี 2) ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม 3) ปฏิเสธสิ่งที่ผิด สิ่งที่ชั่ว 4) ช่วยกันสร้างคนดีให้บ้านเมือง (ศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวสถิรคุณ. 2560: 10-12) และในปี พ.ศ.2555 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งพระราชทานให้แก่คณะองคมนตรี ในการจัดตั้ง “กองทุนการศึกษา” โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อดำเนินงานในกองทุน และ ทรงมีพระราชประสงค์ว่า “ให้โรงเรียนสร้างคนดีให้บ้านเมือง” โดยได้พระราชทานหลัก 3 ประการในเรื่องครูและนักเรียน ดังนี้

“ให้ครูรักเด็ก และเด็กรักครู ให้ครูสอนให้เด็กมีน้ำใจต่อเพื่อน
ไม่ให้แข่งขันกัน แต่ให้แข่งกับตัวเอง และให้เด็กที่เรียนเก่งช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า
ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนทำร่วมกัน เพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี”

การจัดการศึกษาให้แก่เยาวชนในปัจจุบัน เป็นไปตามนโยบายและแผนของประเทศ ได้แก่โดยที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ได้กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนไว้ 8 ประการ ได้แก่ 1.รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2.ซื่อสัตย์สุจริต 3.มีวินัย 4.ใฝ่เรียนรู้ 5.อยู่อย่างพอเพียง 6.มุ่งมั่นในการทํางาน 7.รักความเป็นไทย และ 8.มีจิตสาธารณะ ส่วน2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 กำหนดวัตถุประสงค์ มุ่งให้มีการวางรากฐานให้คนไทยเป็นคนที่สมบูรณ์ มีคุณธรรม จริยธรรม และจากการวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มของสังคมไทย พบว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังมีปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรม เช่น ความมีวินัย ความซื่อสัตย์สุจริต และจิตสาธารณะ และจากการสะท้อนปัญหาของนักเรียนและครู พบว่า ในปัจจุบันนักเรียนยังมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์อยู่บางประการ เช่น ขาดวินัย ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ขาดความรับผิดชอบ ขาดความซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติกรรมเสี่ยง / ก้าวร้าว และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560–2579 ได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ 4 ประการ ได้แก่ พัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองดี สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณธรรมจริยธรรม รู้รักสามัคคี และร่วมผนึกกำลังมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน พัฒนาระบบและกระบวนการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางและความเหลื่อมล้ำภายในประเทศลดลง และ4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน ได้ระบุไว้ในมาตรา 54 ว่า การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี หรือแม้แต่รัฐบาลปัจจุบันก็ยังมีนโยบายที่จะจัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ เพื่อสร้างคุณภาพของคนไทยให้เป็นคนดี มีคุณธรรม เป็นต้น จากข้อมูลเหล่านี้ จึงเป็นเหตุผลเบื้องต้นที่โรงเรียนจำเป็นต้องพัฒนาเป็นโรงเรียนบ่มเพาะคุณธรรมตามความสนใจ
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดมีหน้าที่ในการผลิตและพัฒนาครูเป็นหลัก นอกจากนั้นยังมีภาระกิจการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม และการบริการวิชาการในท้องถิ่น ซึ่งมีพื้นที่บริการวิชาการจำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ โดยมีประเด็นเกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมให้แก่ผู้เรียนในระดับต่าง ๆ โดยอาศัยองค์ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมศาสตร์ทางการศึกษาในการส่งเสริมและพัฒนา
ดังนั้นจึงได้ดำเนินการ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดจึงได้ดำเนินการโครงการบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรมให้กับนักเรียนในระดับปฐมวัย ประถมและมัธยมศึกษาขึ้น
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดแก้ไขปัญหาการจัดการศึกษาและคุณภาพการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปี 2562)สังคมโลกในศตวรรษที่ 21 มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม ดังนั้นการจัดการศึกษาจึงต้องปฏิรูปเพื่อให้สอดคล้องและทันต่อ การเปลี่ยนแปลง พัฒนาคนให้มีสมรรถนะและทักษะด้านต่าง ๆ ที่จำเป็น รวมทั้งมีศักยภาพการแข่งขันทั้ง ในระดับชาติและนานาชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) กล่าวว่า คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา การพัฒนาคนให้มีคุณภาพเป็นหัวใจที่สำคัญในการพัฒนาชาติให้มีความเจริญก้าวหน้าและยั่งยืน
คุณภาพการศึกษาคือกระจกสะท้อนคุณภาพคน จากการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ประเทศไทยมีการจัดสรรงบเกี่ยวกับการศึกษาเป็นอันดับที่ 2 ของโลก (สาธิต วงศ์อนันต์นนท์, 2557) เพื่อการปฏิรูปหลักสูตรที่มุ่งเน้นสมรรถนะและทักษะด้านต่าง ๆ ที่จำเป็น ปฏิรูปครู อาจารย์ และผู้บริหารให้มีความรู้มุ่งเน้นความเป็นนักวิชาการ มีสรรถนะสูงขึ้นทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งปฏิรูประบบบริหารจัดการให้สามารถแก้ปัญหาได้จริง ในเชิงประจักษ์และมีประสิทธิภาพ (วิทยากร เชียงกูล, 2559) แต่จากรายงานผลการปฏิรูป ในบริบทจริง ยังมีปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษาได้แก่ การคอรัปชั่น ปัญหาหนี้สิน วัฒนธรรมองค์กร สวัสดิการและขวัญกำลังใจในการทำงาน ที่เป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำทางด้านต่าง ๆ ของสังคมไทย แม้ว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการขยายโอกาสทางการศึกษาแต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษายังเป็นปัญหาที่เรื้อรังและบั่นทอนคุณภาพของคนในชาติมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเห็นในเชิงประจักษ์ว่าคุณภาพการศึกษาของนักเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่จะสูงกว่านักเรียน ในโรงเรียนขนาดเล็ก (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, 2558; สสค, 2558; วิทยากร เชียงกูล, 2559) นอกจากนี้ยังพบปัญหาวัฒนธรรมการทำงานและวัฒนธรรมการสอนแบบเดิมในโรงเรียนส่งผลต่อ การบริหาร และการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน (สำนักงานเลขาธิการ, 2553; พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค และ จิราภรณ์ - กาแก้ว, 2557; วิทยากร เชียงกูล, 2559)
ครูคือหัวใจของการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ (สสค, 2558) จากการรายงานผลแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พบว่าประเทศไทยประสบปัญหาการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ การศึกษาในประเทศไทยผลิตคุณภาพคนไม่ตรงกับตลาดแรงงาน และปัญหาพื้นฐานที่สำคัญคือคนมีคุณภาพความรู้และทักษะ อยู่ในระดับต่ำ (แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12, 2-12) สอดคล้องกับผลการสอบวัดผล ในระดับชาติและนานาชาติ ที่พบว่านักเรียนไทยมีทักษะเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหา อยู่ในระดับต่ำ ตั้งแต่ปี 2545 ถึง 2558 และผลการทดสอบยังไม่ดีขึ้นจนสามารถชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างได้ชัดเจน (โครงการ PISA ประเทศไทย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2560) จากเหตุผลดังกล่าวชี้ให้เห็น ถึงปัญหาคุณภาพครูภายใต้วัฒนธรรมชั้นเรียนแบบเดิม รวมทั้งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่สอดคล้อง กับทิศทางการพัฒนาคุณภาพคนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
การพัฒนาคุณภาพครูจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนแปลงวัฒธรรมแบบเดิม ในโรงเรียน ศูนย์วิจัยคณิตศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้พัฒนานวัตกรรมการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) และวิธีการแบบเปิด (Open Approach) ซึ่งประเทศญี่ปุ่นใช้พัฒนาวิชาชีพครูมาอย่างยาวนานมาปรับใช้ พบว่านวัตกรรมดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมแบบเดิม ในโรงเรียน พัฒนาคุณภาพครูและนักเรียน สามารถสร้างชั้นเรียนที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญได้จริง พัฒนาการเรียนรู้และยกระดับการคิดทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนให้สูงขึ้น สอดคล้องกับรายงานการประเมินระดับนานาชาติ TIMM ที่กล่าวว่า ความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นผลมาจากวิธีการสอนของครู โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้ใช้และพัฒนานวัตกรรมทั้งสอง โดยส่งผลให้นักเรียนมีระดับผลการคิดวิเคราะห์ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ในปัจุบันนวัตกรรมทั้งสองนี้ยังได้รับการยอมรับจากนักการศึกษา และนักคณิตศาสตรศึกษาว่าสามารถใช้พัฒนาวิชาชีพครูได้จริงในหลายประเทศ ในประเทศไทยได้นำทั้งสองนวัตกรรมนี้มาปรับใช้กับโรงเรียนในเขตพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นและเริ่มขยายผลในหลายภูมิภาค ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์วิจัยทางคณิตศาสตรศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น กระบวนการหลักของนวัตกรรมเน้นให้นักศึกษา ครู นักวิจัยหรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเรียกว่ากลุ่มการศึกษาชั้นเรียน ได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การเตรียมสื่อและการสร้างสื่อสำหรับจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การสังเกตชั้นเรียน การวิพากษ์ชั้นเรียนและการเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงชั้นเรียน ซึ่งหัวใจของการพัฒนาชั้นเรียน คือการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการแก้ปัญหาที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนเรียนรู้ตามศักยภาพของตนเอง
ตามแนวคิดของ Shulman (1986) การบูรณาการความรู้เชิงเนื้อหากับความรู้เกี่ยวกับวิธีการสอน เป็นสิ่งที่สำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ แต่พบว่าในชั้นเรียนทั่วไปมีจัดการเรียนการสอนที่ไม่เหมาะสมกับธรรมชาติและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น การใช้วิธีสอนแบบบรรยายในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาตอนต้น ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงกิจกรรมการเรียนรู้ที่ขาดการบูรณาการความรู้เชิงเนื้อหากับวิธีการสอน ซึ่ง Stigler & Hiebert (2009) กล่าวว่าปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลให้นักเรียนขาดโอกาสในการเรียนรู้ การคิดวิเคระห์และแก้ปัญหาด้วยศักยภาพของตนเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชั้นเรียน ควรเริ่มจากการพัฒนาคุณภาพครูด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีการสอน ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ (2553) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงวิธีการสอนนั้นควรมีความสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเรียนรู้ เต็มตามศักยภาพ กิจกรรมการเรียนรู้ควรเน้นกระบวนการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการสอนและการสังเกตชั้นเรียนที่เน้นการแก้ปัญหายังเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพครู (Suttiamporna, Loiphaa, Inprasitha & Sasomb, 2012) รวมทั้งในการเตรียมกิจกรรมและออกแบบการเรียนรู้ควรมีการวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อพิจารณาตำแหน่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกิจกรรม (Isoda, 2007) เพื่อสร้างภาพเชิงมโนทัศน์เกี่ยวกับการดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียนก่อนลงมือปฏิบัติจริง (ธวัชชัย เหล่าสงคราม, 2556)
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรเน้นการจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติและสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง สอดคล้องกับแนวคิดกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบเน้นการมีส่วนร่วมและลงมือปฏัติ (active learning) เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Bonwell, 1991) ปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดกิกรรมตามรูปแบบดังกล่าว คือบทบาทของครูในฐานะของผู้ดำเนินการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบูรณาการความรู้เกี่ยวกับเนื้อหา ความรู้เกี่ยวกับวิธีการสอน และความรู้เกี่ยวกับผู้เรียน โดยสะท้อนผ่านการนำเสนอสถานการณ์ปัญหาที่เร้าความสนใจ เหมาะสมและสอดคล้องกับประสบการณ์และพื้นฐานความรู้เดิมของผู้เรียน การตั้งประเด็นคำถามที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจและตอบสนองได้ง่าย การเป็นผู้อำนวยความสะดวกในด้านการจัดลำดับการใช้สื่อการเรียนรู้ การรวบรวมและการจัดระบบความคิดนักเรียนเพื่อให้ผู้เรียนใช้เป็นข้อมูลในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ ใช้การแทรกแซงที่เหมาะสมผ่านการตั้งคำถาม ตั้งประเด็นอภิปราย รวมทั้งให้คำแนะนำเพื่อให้ผู้เรียนสามารถสื่อสาร สื่อความหมาย สามารถคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง การพัฒนาครูให้สามารถบูรณาการความรู้และสามารถจัดการเรียนรู้ในรูปแบบดังกล่าวได้ ควรได้รับการตรวจสอบและคำแนะนำในแต่ละขั้นตอนเพื่อให้เกิดการพัฒนาได้จริงในบริบทโรงเรียน ซึ่งโดยทั่วไปยอมรับว่าระบบการให้คำปรึกษาและชี้แนะ (Coaching & Mentoring) ที่เน้นคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเป็นพี่เลี้ยง เป็นระบบที่สะท้อนกระบวนการพัฒนาที่มีความยั่งยืน รวมทั้งยังส่งผลต่อการสร้างวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีร่วมกันในภาคปฏิบัติเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู นอกจากนี้การสร้างเครือข่ายการปฏิบัติงานยังเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการสร้างความตระหนักและค่านิยม ที่ส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน (ภทัรวรรธน์ นิลแก้วบวรวชิญ์, 2559)
จากที่กล่าวมาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาทักษะและความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้ให้เป็นไปตามแผนและกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ยกระดับทักษะการสอนให้มีความสามารถในการบูรณาการความรู้ด้านต่าง ๆ เพื่อออกแบบและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงตามวัตถุประสงค์ จากความสำคัญดังกล่าว คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ได้ลงนามความร่วมมือกับ ศูนย์วิจัยคณิตศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อดำเนินโครงการแก้ปัญหาการจัดการศึกษาและคุณภาพการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการอ่านการเขียนและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปี 2562)จากการจัดอันดับคะแนนด้านการศึกษาของไทยโดย IMD (International Institute for Management Development : IMD) ปี พ.ศ. 2557 (2014) พบว่าคะแนนตัวชี้วัดด้านการศึกษาของประเทศไทยอันดับลดลงเกือบทุกด้านโดยประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาด้านการศึกษาอย่างเร่งด่วน อาทิเช่น ผลการทดสอบ PISA 2012 (อันดับที่ 44) คุณภาพการสอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน (อันดับที่ 44) โดยพื้นฐานสำคัญของปัญหาบางส่วนเกิดจาก นักเรียนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานบางระดับชั้นยังมีปัญหาในเรื่องการอ่านออกเขียนได้ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา รวมทั้งสถานศึกษาในฐานะหน่วยงานปฏิบัติการดำเนินงานจากนโยบายสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม จึงกำหนดนโยบายให้นักเรียนทุกระดับชั้นอ่านออกเขียนได้ อ่านคล่อง เขียนคล่อง การอ่านจัดเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาสติปัญญาของคนในสังคมไทย การอ่านจัดเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาสติปัญญาของคนในสังคมไทย การอ่านทำให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญาความรู้ความสามารถพฤติกรรมและค่านิยมต่างๆรวมทั้งช่วยในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตโดยพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตการอ่านจึงมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์อย่างยิ่ง 2 ประการ คือ ประการแรก สำคัญต่อชีวิตประจำวัน กล่าวคือ การอ่านเป็นการแสวงหาความรู้เพื่อนำมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ประการที่สองมีความสำคัญต่อการเรียนเพราะการอ่านเป็นหัวใจของการจัดกิจกรรมทั้งหลายในการเรียนการสอนและมีความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จอันส่งผลต่อการเรียนรู้ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษาหากเริ่มต้นดีรากฐานการอ่านของเด็กก็จะดีด้วย
มหาวิทยาลัยราชภัฏ ๓๘ แห่ง ทั่วประเทศ เป็นสถาบันการศึกษาของท้องถิ่นมีพันธกิจหลักตาม พรบ.มหาวิทยาลัยราชภัฏปี พ.ศ. 2547 ในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น มีรากเหง้าของการพัฒนาสถาบันการศึกษา มาจากโรงเรียนการฝึกหัดครูซึ่งมีประสบการณ์อันยาวนานในการผลิตและพัฒนาครู ตลอดจนบัณฑิตในสาขาอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีบุคลากรที่มีความเชียวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะด้านการผลิตและพัฒนาครู โดยจุดแข็งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุคือมีความใกล้ชิดกับท้องถิ่น มีฐานข้อมูลและสถานการณ์ปัญหาจริงของชุมชน ตลอดจนความสามารถในการประสานกับผู้บริหารทุกระดับ ได้รับการยอมรับจากภาคีเครือข่ายในระดับจังหวัดและภูมิภาค เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวในพื้นที่ให้บริการการศึกษา จึงได้จัดทำโครงการ “การอ่านการเขียนและการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มวิชาภาษาไทยที่สูงขึ้นตามเกณฑ์มาตรฐาน
anndusadee เมื่อ 1 พ.ย. 2562 11:00 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลา ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมายจังหวัดนครราชสีมา (ปี 2558)จากแผนการพัฒนาชุมชนบ้านศาลามีความเหมาะสมและสอดคล้องกับโครงการ เนื่องจากชุมชนมีความพร้อมที่จะร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมดำเนินการ ร่วมประเมินผลและร่วมรับประโยชน์ รวมทั้งบุคลากรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มีองค์ความรู้หลากหลาย เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันของแต่ละศาสตร์ ดังนั้นได้จัดทำโครงการย่อยที่ ๑ – ๖ : เขียนการพัฒนาเมล็ดพันธ์ข้าวสู่สากล และต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยมีชุมชนบ้านศาลามีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลา ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้ชื่อโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลา ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเมล็ดพันธ์ข้าวสู่สากล และต่อยอดเชิงพาณิชย์ พัฒนาศักยภาพของประชาชนให้มีความพร้อมในด้านการดำรงชีวิตและมีอาชีพที่มั่นคงและพร้อมที่จะขับเคลื่อนชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตบนรากฐานสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
กิจกรรมย่อยที่ ๑ : โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการตลาด เชิงการค้าและเชิงพาณิชย์ ในการจำหน่ายผลิตพันธุ์ข้าว
กิจกรรมย่อยที ๒ : โครงการศึกษาดูงานและอบรมเชิงการรับรองเมล็ดพันธุ์ข้าวสู่สากล
กิจกรรมย่อยที่ ๓ : โครงการอบรมเชิงการรับรองเมล็ดพันธุ์ข้าวสู่สากล
กิจกรรมย่อยที่ ๔ : การสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ เมล็ดพันธุ์ข้าว และข้าวสาร บ้านศาลา
กิจกรรมย่อยที่ ๕ : โครงการติดตามและประเมินผล เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์
กิจกรรมย่อยที่ ๖ : โครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่บ้านศาลาเพื่อเป็นสินค้าที่ระลึกในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘
anndusadee เมื่อ 1 พ.ย. 2562 10:22 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลา ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา (ปี 2557)จากนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนในชุมชนร่วมกันบริหารจัดการ และพัฒนาศักยภาพของตนเองที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่มุ่งเน้นการบริการวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่สังคม
บ้านศาลา ตั้งอยู่ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น พบว่า มีจำนวนครัวเรือน ๒๒๐ ครัวเรือน มีประชากร ๘๑๔ คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่สำหรับการประกอบอาชีพทั้งหมด ๖,๑๑๖ ไร่ ภูมิประเทศเหมาะสำหรับการเพาะปลูกข้าว เนื่องจากมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ (แม่น้ำมูล ระบบชลทาน หนองน้ำ) แต่การทำนาของเกษตรกรมีต้นทุนสูง เนื่องจากต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว และนิยมใช้สารเคมี ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรมีปัญหาสุขภาพ รายได้ลดลง สภาพดินเสื่อม
จากที่มาและปัญหาข้างต้น คณะผู้วิจัยจึงได้ดำเนินการโครงการ “การมีส่วนร่วมในการจัดการเพื่อพัฒนาชุมชนบ้านศาลา ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร สร้างรายได้ และตอบสนองต่อภารกิจของมหาวิทยาลัยฯ โดยเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง
จากการเข้าศึกษาบริบทชุมชน หมู่บ้านศาลาด้วยการสุ่มสอบถามด้วยแบบสอบถามและการสัมภาษณ์ประชากรจำนวน ๑๒๒ ครัวเรือน และจากการดำเนินการมาเป็นปีที่ ๒ ได้มีการดำเนินโครงการเพิ่มผลผลิตการปลูกข้าว การลดการใช้สารเคมี และการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งกรมการข้าว กรมพัฒนาที่ดิน ศูนย์วิจัยเมล็ดพันธุ์ข้าว และเกษตรอำเภอพิมาย และบริษัทผู้ผลิตคูโบต้า จำกัด ทำให้เกิดการร่วมมือกันทุกภาคส่วน มีแปลงนาสาธิตที่ให้ผลผลิตข้าวได้ในปริมาณเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งมีการนำข้าวเปลือกที่ได้มาทำการบรรจุเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าว จำหน่ายในท้องถิ่น
จากแผนการพัฒนาชุมชนบ้านศาลามีความเหมาะสมและสอดคล้องกับโครงการ เนื่องจากชุมชนมีความพร้อมที่จะร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมดำเนินการ ร่วมประเมินผลและร่วมรับประโยชน์ รวมทั้งบุคลากรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มีองค์ความรู้หลากหลาย เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันของแต่ละศาสตร์ ดังนั้นได้จัดทำโครงการย่อยที่ ๑ – ๖ : เขียนการพัฒนาเมล็ดพันธ์ข้าวสู่สากล และต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยมีชุมชนบ้านศาลามีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลา ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้ชื่อโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลา ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเมล็ดพันธ์ข้าวสู่สากล และต่อยอดเชิงพาณิชย์ พัฒนาศักยภาพของประชาชนให้มีความพร้อมในด้านการดำรงชีวิตและมีอาชีพที่มั่นคงและพร้อมที่จะขับเคลื่อนชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตบนรากฐานสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดส่งเสริม ความรักสามัคคี ความมีระเบียบวินัยเข้าใจสิทธิหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น (ปี 2562)แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพื่อความยั่งยืน ตามโครงการยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น คือพันธกิจสำคัญที่มหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งต้องปฏิบัติเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ข้อที่ 3.3 การปลูกฝังระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คือแผนการพัฒนาประเทศ ที่จะกำหนดกรอบและแนวทางการพัฒนาให้หน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วนมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกันอย่างมีเอกภาพ ตามร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีการแบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 6 ด้าน คือ 1) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 2) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3) ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน 4) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม 5) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 6) ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ภายในปี 2560-2579
การบรรลุวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืน มีจุดเริ่มต้นสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพื่อความยั่งยืน ซึ่งต้องมุ่งสร้างพลเมืองที่มีระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม และมีค่านิยมอันพึงประสงค์มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย รวมทั้งหลักการทรงงานและแนวพระราชดำริ โดยมีเป้าหมายคือคนไทยมีทัศนคติและพฤติกรรมตามบรรทัดฐานที่ดีต่อสังคม และมีตัวชี้วัดคือ ประชากรอายุ 13 ปีขึ้นไป มีกิจกรรมการปฏิบัติที่สะท้อนการมีคุณธรรม จริยธรรมเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงต้องจัดให้มีกิจกรรมการส่งเสริมระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ตามเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ คือคนไทยมีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และความเป็นไทยที่ดีงาม รวมทั้ง มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมส่วนรวม และมีค่านิยมที่พึงประสงค์ โดยเฉพาะความพอเพียง การมีวินัย สุจริตและจิตอาสา และมีตัวชี้วัด คือคนไทยมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมความเป็นไทย จิตสำนึกที่ดีงามต่อส่วนรวม เพิ่มขึ้น เด็ก เยาวชน และประชาชน มีกิจกรรมการปฏิบัติตนที่สะท้อนการมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมความเป็นไทย จิตสำนึกที่ดีงามต่อส่วนรวม ตามหลักคำสอนทางศาสนาเพิ่มขึ้น
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ในฐานะแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรัก ความสามัคคี ความเข้าใจในสิทธิหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น ภายใต้พื้นฐานประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขขึ้น เพื่อส่งเสริมและพัฒนากระบวนการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความมีวินัย จิตสาธารณะ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ค่านิยม และความเป็นไทย วางรากฐานวิถีชีวิตของคนไทย โดยส่งเสริมการเลี้ยงดูในครอบครัว ฝึกให้เด็กรู้จักการพึ่งพาตัวเองมีความซื่อสัตย์ มีวินัย ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม การนำหลักธรรมทางศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวันผลักดันให้มีการนำวัฒนธรรมการทำงานที่พึงประสงค์ไปปฏิบัติตลอดจนเสริมสร้างค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตลอดจนส่งเสริม พัฒนา และเผยแพร่องค์ความรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรมให้กับเครือข่ายทางสังคมให้มีบทบาทและความสามารถในการปลูกฝัง ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคม ตระหนักและร่วมกันเป็นเครือข่าย มีส่วนร่วมในกระบวนการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การมีวินัย จิตสาธารณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ เพื่อสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ โดยน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาเป็นหลักชัยในการดำเนินกิจกรรมอันประกอบด้วย งานเฟสที่ 1 เข้าใจ 1) กิจกรรมสร้างหลักสูตรการเรียนรู้ ระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย รวมทั้งหลักการทรงงานและแนวพระราชดำริ ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ มีหลักสูตรระยะสั้น และระยะยาว ที่เหมาะสมกับคนในช่วงวัยต่าง ๆ 2) กิจกรรมอบรมนักศึกษาแกนนำ ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ มีนักศึกษาเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 1,000 คน งานเฟสที่ 2 เข้าถึง 3)กิจกรรมสร้างเครือข่ายสถานศึกษา อบรมครูในการเผยแพร่หลักสูตร การเรียนรู้ ระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ มีสถานศึกษาเข้าร่วมเป็นเครือข่ายไม่น้อยกว่า 101 สถาบัน 4) กิจกรรมสร้างเครือข่ายชุมชน อบรมแกนนำชุมชนในการเผยแพร่หลักสูตร การเรียนรู้ ระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ มีชุมชนเข้าร่วมเป็นเครือข่ายไม่น้อยกว่า 101 ชุมชน 5) กิจกรรมประกวดสื่อ คนไทยมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมความเป็นไทย จิตสำนึกที่ดีงามต่อส่วนรวม ประกอบด้วย ศิลปะ หนังสั้น เพลง ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอุดมศึกษา และระดับประชาชน ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ เกิดสื่อคนไทยมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมความเป็นไทย จิตสำนึกที่ดีงามต่อส่วนรวมงานเฟสที่ 3 พัฒนา 6) กิจกรรมสร้างแหล่งเรียนรู้ ระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ เกิดพื้นที่ศูนย์กลางอันเป็นที่รวบรวมข้อมูล หลักสูตร ตลอดจนสื่อเพื่อถ่ายทอดให้แก่หน่วยงานอื่น ๆ 7) กิจกรรมสัมพันธ์และประกวดเครือข่ายสถานศึกษา 101 ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ นักเรียนจาก 101 สถาบันมีกิจกรรมร่วมกัน 8) กิจกรรมสัมพันธ์และประกวดเครือข่ายชุมชน 101 ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ ชุมชน 101 ชุมชนมีกิจกรรมร่วมกัน 9) กิจกรรมถอดบทเรียนและจัดทำสื่อเรียนรู้จากการดำเนินงาน
Thanakit เมื่อ 1 พ.ย. 2562 00:10 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต”หมู่บ้านหนองสองห้อง (ปี 2563)ชุมชนต้องการให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จากการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยดำเนินการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีผลงานเชิงประจักษ์ โดยทีมงานสำนักบริการวิชาการ รศ.ประสบสุข ฤทธิเดช และคณะ ได้ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน ส่งผลให้ ชุมชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจขอให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาชุมชน เมื่อชุมชน โดยการนำของผู้นำชุมชน นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ นายกเทศบาล ได้มาติดต่อสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลั้ยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อให้ศึกษาและร่วมพัฒนาชุมชน โดยชุมชนมีความต้องการหลายประเด็น ทั้งนี้หากเป็นไปได้ การทำฐานข้อมูลชุมชน นำสู่การวิเคราะห์เพื่อยกระดับการคุณภาพชีวิตของชุมชน การเข้าใจ เข้าถึง ชุมชนในพื้นที่ จึงเป็นขุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมพัฒนา ชุมชนอย่างแท้จริง การที่ชุมชนมีปัจจัยและสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ ทรัพยากร และความหลายกหลายอาชีพและรายได้ที่ดำเนินการชีวิตมาแต่เดิมนั้น หากจะเห็นการศึกษาเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมของชุมชน สร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ดี ธำรงค์ไว้ และเติมเต็มในสิ่งที่ชุมชนต้องการเพื่อพัฒนาการเป็นอยู่ของชุมชนให้รู้เท่าทันประเทศไทยและโลก ๔.๐ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆที่จะแทรกเข้ามาทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อันจะทำให้ชุมชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ชุมชนสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ในเทคโนโลยีผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดีดีงาม สืบสาน ต่อยอด จนทำให้สังคมได้รับการยอมรับหรือสร้างความโดเด่นเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชนได้นั้น ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมใน ร่วมคิด ร่วมวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน ให้เกิดผลงานที่เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลถึงความภาคภูมใจของชุมชน บนพื้นฐานวัฒฯธรรมและวิ๔ชีวิตของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงสนใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นการบูรณาการศาสตร์ “บูรณาการศาสตร์โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบัติการในพื้นที่จริงให้กับนักศึกษา สร้างงานวิจัยให้กับอาจารย์พี่ลี้ยงที่เป็นงานวิชัยเชิงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ให้กับประเทศชาติ โดยการนำนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่มีความรู้ในศาสตร์ มีประสบการณ์วิจัยในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ในชุมชนที่ต้องและได้เสนอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลงพื้นที่ เพื่อยกระดับส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยชุมชนได้ขอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ MOU) เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนาต่อยอดตามบริบทและความต้องการของชุมชน ดังนี้ โครงการอาสาประชารัฐ ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้ศึกษาวิเคราะห์ ออกแบบการส่งเสริมพัฒนาชุมชน โดยบูรณาการการเรียนการสอนของอาจารญ์และนักศึกษาหลาย ๆ ศาสตร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์บริบท ปัญหา สร้างฐานข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอด
ผลที่ได้กับชุมชน ชุมชนจะมีความเข้าใจในตนเอง รู้จักหน้าที่และสิทธิ ในการครองตนการเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสุขภาวะในชุมชน สร้างสุขภาพที่ดีของชุมชนและครอบครัว การดูแลตนเอง การรู้จัดเลือกกิน เลือกใช้ เลือกผลิต อาหารที่ถูกหลัก การดูแลสุขภาวะของตนเอง-คนสูงอายุและเด็กเล็ก-รวมทั้งเยาวชนในวัยเรียน ให้รู้จักการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีมือถือของชุมชน โดยกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อมนำราชโชบายของราชภัฏสู่การพัฒนาท้องถิ่นสร้างจิตอาสาในชุมชน โดย ราชภัฏสร้าง “จิตอาสาประชารัฐพัฒนาชุมชน” ให้เป็นไปตาม ปณิทานของราชภัฏ “”คนของพระราชา ข้าของแผนดิน” ที่ร่วมกันในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป อันจะส่งผลให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏได้นำนักศึกษาและอาจารย์ได้ลงปฏิบัติการ วิจัยและศึกษาข้อมูลในชุมชน โดยนำนักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติจริงในชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้ครอบคลุมในการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยใช้ศาสตร์ที่ได้ศึกษาในหลักสูตร บูรณาการเข้ากับศาสตร์ของกลุ่มที่ร่วมพัฒนา สร้างองค์ความรู้ใหม่ “ชีวิต ๔.๐ ในชุมชนมีความสุขด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง อาจารย์ นักศึกษา ชุมชน ได้เข้าใจการใช้ชีวิตในแต่ละบริบท สร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้สภาพแสดล้อม สื่อ เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ นำความรู้ที่ได้มาจัดการชีวิตสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
จิตอาสา หมายถึง การที่ทีมงานวิจัยและสมาชิกที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของกิจกรรม/โครงการ อันได้แก่ ผู้บริหารบุคลากรและนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการในชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เข้าใจหน้าที่ และสิทธิ การเป็นพลเมืองที่พึงประสงค์ตามคุณลักณะ ๔ ประการ ในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ความเข้าใจการปกครอง การใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข การอยู่ร่วมกับสังคม การพึ่งพาอาสัยกันและการเสียสระเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น โดยอาสาสมัครร่วมสร้างงาน สร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวกต่อสังคมและชุมชน
การเรียนรู้จากชุมชน จะทำให้ได้พบข้อเท็จจริง ที่เป็นความต้องการของชุมชน จะได้แนวทางและความต้องการของชุมชนที่ชัดเจน การพัฒนา สร้างงาน สร้างรายได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง มีรายได้ เข้าใจ เข้าถึงการใช้ชีวิต ในโลกเทคโนโลยี โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบูรณาการกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีกินอย่างมีความสุขและปลอดภัยจากเทคโนโลยี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผาสุข มีความรักสามัคี เข้าใจหน้าที่ บทบาทการเป็นพลเมืองในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างยั่งยืนสืบไป
จากการร่วมจากการลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บริบท ปัญหา และความต้องการกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ พบว่า ชุมชนมีความต้องการเบื้องต้นดังนี้
๑. ต้องการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเพื่อพัฒนาชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นพี่เลี้ยงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
๒. ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ด้านการการศึกษา ในชุมชนมี โรงเรียนประถมศึกษา ๒ แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒ แห่ง ที่เด็กในวัยเรียน ๑๙๗ คน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๕๙ คน
๓. ด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เทศบาลตำบลลำคลอง มีสถานีอนามัย ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๑ มีจำนวนบุคลากร ๔ คน อัตราการมีและการใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ ๑๐๐ และการดูแลสุขอนามัยของชุมชน เนื่องจากนุมชนมีการเลี้ยงสัตว์ วัว โค หมู่ ไก่ เป็น สุนัข และแมว
๔. อาชญากรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีสถานีตำรวจภายในตำบล ในการรักษาความปลอดภัยภายในตำบล ภายในหมู่บ้าน ทำให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบ ถ้าเกิดเหตุจะประสานไปยังตำรวจภายใน สภ. ลำปาว ดังนั้นการสร้างจิตอาสาในการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สร้างพลังของชุมชนให้มีความรักสามัคคี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ชุมชนต้องการให้เกิดขึ้นในชุมชน
๕. ยาเสพติด ปัญหาด้านการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ยาเสพติดที่มีปัญหาการค้าและแพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาเป็นกัญชาแห้ง และสารระเหย ตามลำดับ ส่วนไอซ์ กัญชาสด และพืชกระท่อม สภาพปัญหาอยู่ในระดับไม่รุนแรง การสังคมสงเคราะห์ งานในด้านการบำบัดและพื้นฟูผู้ป่วยและผู้ติดยาเสพติด และการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและพื้นฟู แก้ไขผู้กระทำผิดประกอบด้วยผู้กระทำผิดที่มาจากหลากหลายรูปแบบของสังคม เป็นเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ผู้พิการ
๖. ด้านระบบบริการพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เทศบาลตำบลลำคลอง มีพื้นที่ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์ ๒๐ กิโลเมตร ผ่านไปยัง อำเภอสหัสขันธ์ ส่วนภายในตำบล ถนนสายหลักที่ผ่านภายในหมู่บ้านจะเป็นลาดยาง คสล. และถนนลูกรัง ถนนลูกรังจะมีปัญหาในการคมนาคม ในฤดูฝน เนื่องจากเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขัง
การไฟฟ้า หมู่บ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน ๗ หมู่บ้าน และการประปา เทศบาลตำบลลำคลองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนในการจัดให้มีน้ำประปาอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลำคลองมีระบบน้ำประปาผิวดิน จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภค ความต้องการของชุมชนเป็นอย่างไร ต้องการทำอะไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๗. ไปรษณีย์และการสื่อสาร ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ตำบลไกลเคียงคือตำบลหนองสอ ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร แต่มีเจ้าหนี้ให้บริการในพื้นที่ การสื่อสารประชาชนในพื้นที่ให้โทรศัพท์สาธารณะเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตืดต่อสื่อสารเป็นหลัก หากชุมชนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ รู้จักใช้ จะช่วยด้านการสื่อสารได้สะดวกขึ้น
๘. ระบบเศรษฐกิจ ชุมชนมีอาชีพและรายได้จากการประกอบอาชีพดังนี้ ด้านการเกษตรประชากรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลประกอบอาชีพทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลด้านการเกษตร พื้นที่ทั้งหมด ๑๔,๗๔๔ ไร่
(๑) ข้าวนาปี ๗,๒๑๔ ไร่ จำนวน ๔๕๖ ครัวเรือน
(๒) ข้าวนาปรัง ๑.๒๐๐ ไร่ จำนวน ๒๐๐ ครัวเรือน
(๓) พืชไร่ ๒,๖๐๒ ไร่ จำนวน ๑,๒๖๔ ครัวเรือน
(๔) ไม้ผล ๘ ไร่ จำนวน ๙ ครัวเรือน
(๕) ไม้ยืนต้น ๕๒ ไร่ จำนวน ๓ ครัวเรือน
(๖) พืชผัก ๗๔ ไร่ จำนวน ๑๐๗ ครัวเรือน
(๗) การเกษตรอื่นๆ ๑๑๒ ไร่ จำนวน ๕๖ ครัวเรือน
๘.๒ ด้านการประมง ได้แก่ (๑) การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (๒) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน (๓) การอนุบาล ลูกปลานิลเพื่อจำน่าย และ (๔) อาชีพการประมงน้ำจืดในเขื่อนลำปาว
๘.๓ ด้านประศุสัตว์ ได้แก่ (๑) การเลี้ยง โค กระบือ (๒) การเลี้ยงสุกร และ (๓) การเลี้ยงเป็ด ไก่ดำ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๘.๔ ด้านการบริการ เทศบาลตำบลลำคลองได้จัดให้มีการบริการประชาชนดังนี้ (๑) ด้านการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเปิดให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) การให้บริการจัดเก็บภาษีเคลื่อนที่ (๓) การให้บริการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ และ (๔) การบริการเก็บขยะ และการดูดสิ่งปฏิกูลโดยคิดค่าบริการในราคาต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่
๘.๕ การท่องเที่ยว พื้นที่รับผิดชอบติดกับแหล่งท่องเทียวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวเขื่อนลำปาว ตลาดชุมชนคนขายปลา (ผันน้ำ) และ หาดดอกเกด (ทะเลอีสาน)
๘.๖ อุสาหกรรม พื้นที่เทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีโรงงานอุสาหกรรม ในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองเป็นลักษณะอุสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุสาหกรรมขนาดเล็ก
๘.๗ การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน การรวมกลุ่มทุกประเภท …๑๓… กลุ่ม แยกประเภทกลุ่ม (๑) กลุ่มอาชีพ ๑๓ กลุ่ม และ (๒) กลุ่มออมทรัพย์ ๑๒ กลุ่ม
๘.๘ แรงงาน ในพื้นที่เป็นการใช้แรงงานเกี่ยวกับการเกษตร การประมง การประศุสัตว์ ซึงเป็นอุสาหกรรมในครัวเรือน และการใช้แรงงานด้านการก่อสร้างในพื้นที่ และพื้นที่ไกลเคียงเป็นบ่างส่วน ประชากรส่วนมากในพื้นที่ ประกอบอาชีพเกษตรซึ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แรงงานเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนหมุนเวียนในกลุ่ม ในชุนชน
๙. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม การนับถือศาสนา ประชากรส่วนมากในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองนับถือศาสนาพุทธ สถาบัน องค์กรทางศาสนา เช่น วัด/สำนักสงฆ์ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านสะอาดนาทม วัดป่าศิริวรรณ วันศิริเจริญสุข วัดอนุมัจฉาราม วัดป่าชลประทานนิมิต วัดอัมพวันม่วงน้อย และ วัดมัจฉาราม และประเพณีและงานประจำปี ชุมชนมี ประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมคติความเชื่อวิถีปฏิบัติที่หลากหลายแต่ละฤดู เดือน จะมีพิธีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อหลากหลาย ชาวอีสานจะรู้จักดี คือ ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด โดยฮีตสิบสองคลองสิบสี่นี้ จะประกอบไปด้วย ฮีต ๑๒ ฮีต และคลอง ๔ ประเภท มี ๑๔ คลอง ได้แก่ บุญเข้ากรรม(บุญเดือนอ้าย) บุญคูณลาน เดือนยี่ บุญข้าวจี่(เดือนสาม) บุญเผวสหรือบุญมหาชาติ (เดือนสี่) บุญสงกรานต์ (บุญเดือนห้า) บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก) บุญเข้าพรรษา บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก บุญออกพรรษา บุญกฐิน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเอาทรัพยากรความรู้ ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน หรือเป็นลักษณะประจำท้องถิ่นมีคล้ายกันก็ได้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่นเกิดจากการที่ชาวบ้านแสวงหาความรู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติ ทางสังคมที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การประกอบประเพณี พิธีกรรมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้กระทำสบายใจ รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดี่ยว ให้คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกถือว่าเป็นพลังทางศีลธรรมหรือประเพณี การรวมกำลังช่วยกันทำงานที่ใหญ่หลวงเกินวิสัยที่จะทำได้สำเร็จคนเดียว เช่น สร้างวัด สร้างถนนหนทาง หรือขุดลอกแหล่งน้ำ เป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันภายในชุมชน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยทั่วไปภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นประโยชน์แก่คนทุกระดับมีลักษณะเด่นคือสร้างสำนึกเป็นหมู่คณะสูงทั้งในระดับครอบครัวและเครือญาติ
และสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของกลุ่มอาชีพที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากเทศบาลตำบลลำคลองเช่น ตระกล้าไม้ไผ่ จากกลุ่มจักรสาร ปลาส้มถอดก้าง ปลาแห้ง ปลาหล้า กุ้งก้ามกราม ผักปลอด

๑๐. ด้านทรัพยากร เทศบาลลำคลองมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและป้าไม้ในที่สาธารณา ดังนี้
๑๐.๑ แหล่งน้ำธรรมชาติ เทศบาลตำบลลำคลอง มีแหล่งดังนี้ แม่น้ำที่เป็นลำห้วย ๔ สาย ที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่ บึง,หนองและอื่นๆ ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง, หนองสิม, หนองแวง, หนองค่า หนองม่วง กุดฟ้าน้อย และกุดฟ้าใหญ่
๑๐.๒ ป่าไม้ทุ่งที่อยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โคกดอนก่อ ดอนปู่ตาบ้านหาดทอง โคกป่าช้าหนองม่วง โคกวัดป่าศิวิวรรณ ดอนปู่ตาบ้านสะอาดใต้
๑๐.๓ ด้านคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นป่าเสื่ยมโทรม ซึ่งเกิดจาการบุกรุกของประชาชนในพื้นที่ ซึงเทศบาลตำบลลำคลองได้มีโครงการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายประจำทุกปี หาประชาชนมีความเข้าใจในการรักษาป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่ใช้ในการหาเห็น ที่อยู่อาศัยของนก สัตว์ป่า และแหล่งเลี้ยงชุมชน จะมีป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป

ดังนั้นจากปัจจัยที่ ชุมชนมีโดยรวมแล้ว การสร้างชุมชนให้สามารถมีความเข้มแข็งสามารถพึงตนเองได้ นั้น จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลบริบทของชุมชน ปัญหา ศักยภาพและความต้องการของชุมชน โดยการใช้หลักการบูรณาการศาสตร์ โดยนักศึกษาและอาจารย์ลงพื้นที่ แฝงตัวในชุมชน เข้าพบและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งร่วมใช้ชีวิตกับชุมชน เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน จะได้เข้าใจถึงการยอมรับและปฏิเสธความต้องการของชุมชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน
Thanyakon เมื่อ 31 ต.ค. 2562 23:34 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการการใช้ความรู้พื้นฐานทางบัญชี สร้างวิถีการออมและเสริมสร้างค่านิยมการใช้จ่ายเงินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับนักเรียนมันธยมศึกษา ในจังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2561)การจัดทำบัญชีในครัวเรือนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะเยาวชนควรที่จะและเรียนรู้เพื่อปลูกฝังให้เห็นถึงรายจ่ายที่เกิดขึ้นในครอบครัวนอกจากนี้ยังสามารถให้เห็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นค่าใช้จ่ายที่ใช้ในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดไม่อยู่ที่ดีในครอบครัวซึ่งเป็นที่มาให้ครอบครัวสามารถที่จะลดรายได้ดังกล่าวได้มีผลทำให้ตระหนักถึงเรื่องการออมเงินการวางแผนใช้จ่ายเงินการทำบัญชีรับจ่ายการส่งเสริมวินัยการออมสร้างนิสัยประหยัดอดออมทั้งนี้เพื่อเป็นการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังไม่ประมาทและมีการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญปัญหาที่จะเข้ามาในการดำเนินชีวิตโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักยึดในการทวนการต้านทานและแก้ไขปัญหาในแนวทางดังกล่าวจึงจำเป็นต้องมีการส่งเสริมการจัดทำบัญชีควรเรือนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่ชุมชนทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนที่เข้าอบรมนำความรู้ไปใช้และปลูกฝังใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป
Thanakit เมื่อ 31 ต.ค. 2562 23:31 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านอัมพวัน (ปี 2563)ชุมชนต้องการให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จากการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยดำเนินการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีผลงานเชิงประจักษ์ โดยทีมงานสำนักบริการวิชาการ รศ.ประสบสุข ฤทธิเดช และคณะ ได้ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน ส่งผลให้ ชุมชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจขอให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาชุมชน เมื่อชุมชน โดยการนำของผู้นำชุมชน นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ นายกเทศบาล ได้มาติดต่อสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลั้ยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อให้ศึกษาและร่วมพัฒนาชุมชน โดยชุมชนมีความต้องการหลายประเด็น ทั้งนี้หากเป็นไปได้ การทำฐานข้อมูลชุมชน นำสู่การวิเคราะห์เพื่อยกระดับการคุณภาพชีวิตของชุมชน การเข้าใจ เข้าถึง ชุมชนในพื้นที่ จึงเป็นขุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมพัฒนา ชุมชนอย่างแท้จริง การที่ชุมชนมีปัจจัยและสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ ทรัพยากร และความหลายกหลายอาชีพและรายได้ที่ดำเนินการชีวิตมาแต่เดิมนั้น หากจะเห็นการศึกษาเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมของชุมชน สร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ดี ธำรงค์ไว้ และเติมเต็มในสิ่งที่ชุมชนต้องการเพื่อพัฒนาการเป็นอยู่ของชุมชนให้รู้เท่าทันประเทศไทยและโลก ๔.๐ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆที่จะแทรกเข้ามาทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อันจะทำให้ชุมชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ชุมชนสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ในเทคโนโลยีผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดีดีงาม สืบสาน ต่อยอด จนทำให้สังคมได้รับการยอมรับหรือสร้างความโดเด่นเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชนได้นั้น ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมใน ร่วมคิด ร่วมวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน ให้เกิดผลงานที่เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลถึงความภาคภูมใจของชุมชน บนพื้นฐานวัฒฯธรรมและวิ๔ชีวิตของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงสนใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นการบูรณาการศาสตร์ “บูรณาการศาสตร์โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบัติการในพื้นที่จริงให้กับนักศึกษา สร้างงานวิจัยให้กับอาจารย์พี่ลี้ยงที่เป็นงานวิชัยเชิงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ให้กับประเทศชาติ โดยการนำนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่มีความรู้ในศาสตร์ มีประสบการณ์วิจัยในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ในชุมชนที่ต้องและได้เสนอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลงพื้นที่ เพื่อยกระดับส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยชุมชนได้ขอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ MOU) เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนาต่อยอดตามบริบทและความต้องการของชุมชน ดังนี้ โครงการอาสาประชารัฐ ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้ศึกษาวิเคราะห์ ออกแบบการส่งเสริมพัฒนาชุมชน โดยบูรณาการการเรียนการสอนของอาจารญ์และนักศึกษาหลาย ๆ ศาสตร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์บริบท ปัญหา สร้างฐานข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอด
ผลที่ได้กับชุมชน ชุมชนจะมีความเข้าใจในตนเอง รู้จักหน้าที่และสิทธิ ในการครองตนการเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสุขภาวะในชุมชน สร้างสุขภาพที่ดีของชุมชนและครอบครัว การดูแลตนเอง การรู้จัดเลือกกิน เลือกใช้ เลือกผลิต อาหารที่ถูกหลัก การดูแลสุขภาวะของตนเอง-คนสูงอายุและเด็กเล็ก-รวมทั้งเยาวชนในวัยเรียน ให้รู้จักการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีมือถือของชุมชน โดยกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อมนำราชโชบายของราชภัฏสู่การพัฒนาท้องถิ่นสร้างจิตอาสาในชุมชน โดย ราชภัฏสร้าง “จิตอาสาประชารัฐพัฒนาชุมชน” ให้เป็นไปตาม ปณิทานของราชภัฏ “”คนของพระราชา ข้าของแผนดิน” ที่ร่วมกันในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป อันจะส่งผลให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏได้นำนักศึกษาและอาจารย์ได้ลงปฏิบัติการ วิจัยและศึกษาข้อมูลในชุมชน โดยนำนักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติจริงในชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้ครอบคลุมในการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยใช้ศาสตร์ที่ได้ศึกษาในหลักสูตร บูรณาการเข้ากับศาสตร์ของกลุ่มที่ร่วมพัฒนา สร้างองค์ความรู้ใหม่ “ชีวิต ๔.๐ ในชุมชนมีความสุขด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง อาจารย์ นักศึกษา ชุมชน ได้เข้าใจการใช้ชีวิตในแต่ละบริบท สร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้สภาพแสดล้อม สื่อ เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ นำความรู้ที่ได้มาจัดการชีวิตสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
จิตอาสา หมายถึง การที่ทีมงานวิจัยและสมาชิกที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของกิจกรรม/โครงการ อันได้แก่ ผู้บริหารบุคลากรและนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการในชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เข้าใจหน้าที่ และสิทธิ การเป็นพลเมืองที่พึงประสงค์ตามคุณลักณะ ๔ ประการ ในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ความเข้าใจการปกครอง การใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข การอยู่ร่วมกับสังคม การพึ่งพาอาสัยกันและการเสียสระเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น โดยอาสาสมัครร่วมสร้างงาน สร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวกต่อสังคมและชุมชน
การเรียนรู้จากชุมชน จะทำให้ได้พบข้อเท็จจริง ที่เป็นความต้องการของชุมชน จะได้แนวทางและความต้องการของชุมชนที่ชัดเจน การพัฒนา สร้างงาน สร้างรายได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง มีรายได้ เข้าใจ เข้าถึงการใช้ชีวิต ในโลกเทคโนโลยี โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบูรณาการกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีกินอย่างมีความสุขและปลอดภัยจากเทคโนโลยี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผาสุข มีความรักสามัคี เข้าใจหน้าที่ บทบาทการเป็นพลเมืองในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างยั่งยืนสืบไป
จากการร่วมจากการลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บริบท ปัญหา และความต้องการกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ พบว่า ชุมชนมีความต้องการเบื้องต้นดังนี้
๑. ต้องการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเพื่อพัฒนาชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นพี่เลี้ยงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
๒. ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ด้านการการศึกษา ในชุมชนมี โรงเรียนประถมศึกษา ๒ แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒ แห่ง ที่เด็กในวัยเรียน ๑๙๗ คน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๕๙ คน
๓. ด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เทศบาลตำบลลำคลอง มีสถานีอนามัย ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๑ มีจำนวนบุคลากร ๔ คน อัตราการมีและการใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ ๑๐๐ และการดูแลสุขอนามัยของชุมชน เนื่องจากนุมชนมีการเลี้ยงสัตว์ วัว โค หมู่ ไก่ เป็น สุนัข และแมว
๔. อาชญากรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีสถานีตำรวจภายในตำบล ในการรักษาความปลอดภัยภายในตำบล ภายในหมู่บ้าน ทำให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบ ถ้าเกิดเหตุจะประสานไปยังตำรวจภายใน สภ. ลำปาว ดังนั้นการสร้างจิตอาสาในการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สร้างพลังของชุมชนให้มีความรักสามัคคี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ชุมชนต้องการให้เกิดขึ้นในชุมชน
๕. ยาเสพติด ปัญหาด้านการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ยาเสพติดที่มีปัญหาการค้าและแพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาเป็นกัญชาแห้ง และสารระเหย ตามลำดับ ส่วนไอซ์ กัญชาสด และพืชกระท่อม สภาพปัญหาอยู่ในระดับไม่รุนแรง การสังคมสงเคราะห์ งานในด้านการบำบัดและพื้นฟูผู้ป่วยและผู้ติดยาเสพติด และการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและพื้นฟู แก้ไขผู้กระทำผิดประกอบด้วยผู้กระทำผิดที่มาจากหลากหลายรูปแบบของสังคม เป็นเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ผู้พิการ
๖. ด้านระบบบริการพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เทศบาลตำบลลำคลอง มีพื้นที่ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์ ๒๐ กิโลเมตร ผ่านไปยัง อำเภอสหัสขันธ์ ส่วนภายในตำบล ถนนสายหลักที่ผ่านภายในหมู่บ้านจะเป็นลาดยาง คสล. และถนนลูกรัง ถนนลูกรังจะมีปัญหาในการคมนาคม ในฤดูฝน เนื่องจากเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขัง
การไฟฟ้า หมู่บ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน ๗ หมู่บ้าน และการประปา เทศบาลตำบลลำคลองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนในการจัดให้มีน้ำประปาอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลำคลองมีระบบน้ำประปาผิวดิน จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภค ความต้องการของชุมชนเป็นอย่างไร ต้องการทำอะไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๗. ไปรษณีย์และการสื่อสาร ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ตำบลไกลเคียงคือตำบลหนองสอ ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร แต่มีเจ้าหนี้ให้บริการในพื้นที่ การสื่อสารประชาชนในพื้นที่ให้โทรศัพท์สาธารณะเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตืดต่อสื่อสารเป็นหลัก หากชุมชนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ รู้จักใช้ จะช่วยด้านการสื่อสารได้สะดวกขึ้น
๘. ระบบเศรษฐกิจ ชุมชนมีอาชีพและรายได้จากการประกอบอาชีพดังนี้ ด้านการเกษตรประชากรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลประกอบอาชีพทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลด้านการเกษตร พื้นที่ทั้งหมด ๑๔,๗๔๔ ไร่
(๑) ข้าวนาปี ๗,๒๑๔ ไร่ จำนวน ๔๕๖ ครัวเรือน
(๒) ข้าวนาปรัง ๑.๒๐๐ ไร่ จำนวน ๒๐๐ ครัวเรือน
(๓) พืชไร่ ๒,๖๐๒ ไร่ จำนวน ๑,๒๖๔ ครัวเรือน
(๔) ไม้ผล ๘ ไร่ จำนวน ๙ ครัวเรือน
(๕) ไม้ยืนต้น ๕๒ ไร่ จำนวน ๓ ครัวเรือน
(๖) พืชผัก ๗๔ ไร่ จำนวน ๑๐๗ ครัวเรือน
(๗) การเกษตรอื่นๆ ๑๑๒ ไร่ จำนวน ๕๖ ครัวเรือน
๘.๒ ด้านการประมง ได้แก่ (๑) การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (๒) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน (๓) การอนุบาล ลูกปลานิลเพื่อจำน่าย และ (๔) อาชีพการประมงน้ำจืดในเขื่อนลำปาว
๘.๓ ด้านประศุสัตว์ ได้แก่ (๑) การเลี้ยง โค กระบือ (๒) การเลี้ยงสุกร และ (๓) การเลี้ยงเป็ด ไก่ดำ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๘.๔ ด้านการบริการ เทศบาลตำบลลำคลองได้จัดให้มีการบริการประชาชนดังนี้ (๑) ด้านการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเปิดให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) การให้บริการจัดเก็บภาษีเคลื่อนที่ (๓) การให้บริการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ และ (๔) การบริการเก็บขยะ และการดูดสิ่งปฏิกูลโดยคิดค่าบริการในราคาต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่
๘.๕ การท่องเที่ยว พื้นที่รับผิดชอบติดกับแหล่งท่องเทียวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวเขื่อนลำปาว ตลาดชุมชนคนขายปลา (ผันน้ำ) และ หาดดอกเกด (ทะเลอีสาน)
๘.๖ อุสาหกรรม พื้นที่เทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีโรงงานอุสาหกรรม ในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองเป็นลักษณะอุสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุสาหกรรมขนาดเล็ก
๘.๗ การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน การรวมกลุ่มทุกประเภท …๑๓… กลุ่ม แยกประเภทกลุ่ม (๑) กลุ่มอาชีพ ๑๓ กลุ่ม และ (๒) กลุ่มออมทรัพย์ ๑๒ กลุ่ม
๘.๘ แรงงาน ในพื้นที่เป็นการใช้แรงงานเกี่ยวกับการเกษตร การประมง การประศุสัตว์ ซึงเป็นอุสาหกรรมในครัวเรือน และการใช้แรงงานด้านการก่อสร้างในพื้นที่ และพื้นที่ไกลเคียงเป็นบ่างส่วน ประชากรส่วนมากในพื้นที่ ประกอบอาชีพเกษตรซึ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แรงงานเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนหมุนเวียนในกลุ่ม ในชุนชน
๙. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม การนับถือศาสนา ประชากรส่วนมากในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองนับถือศาสนาพุทธ สถาบัน องค์กรทางศาสนา เช่น วัด/สำนักสงฆ์ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านสะอาดนาทม วัดป่าศิริวรรณ วันศิริเจริญสุข วัดอนุมัจฉาราม วัดป่าชลประทานนิมิต วัดอัมพวันม่วงน้อย และ วัดมัจฉาราม และประเพณีและงานประจำปี ชุมชนมี ประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมคติความเชื่อวิถีปฏิบัติที่หลากหลายแต่ละฤดู เดือน จะมีพิธีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อหลากหลาย ชาวอีสานจะรู้จักดี คือ ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด โดยฮีตสิบสองคลองสิบสี่นี้ จะประกอบไปด้วย ฮีต ๑๒ ฮีต และคลอง ๔ ประเภท มี ๑๔ คลอง ได้แก่ บุญเข้ากรรม(บุญเดือนอ้าย) บุญคูณลาน เดือนยี่ บุญข้าวจี่(เดือนสาม) บุญเผวสหรือบุญมหาชาติ (เดือนสี่) บุญสงกรานต์ (บุญเดือนห้า) บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก) บุญเข้าพรรษา บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก บุญออกพรรษา บุญกฐิน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเอาทรัพยากรความรู้ ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน หรือเป็นลักษณะประจำท้องถิ่นมีคล้ายกันก็ได้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่นเกิดจากการที่ชาวบ้านแสวงหาความรู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติ ทางสังคมที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การประกอบประเพณี พิธีกรรมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้กระทำสบายใจ รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดี่ยว ให้คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกถือว่าเป็นพลังทางศีลธรรมหรือประเพณี การรวมกำลังช่วยกันทำงานที่ใหญ่หลวงเกินวิสัยที่จะทำได้สำเร็จคนเดียว เช่น สร้างวัด สร้างถนนหนทาง หรือขุดลอกแหล่งน้ำ เป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันภายในชุมชน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยทั่วไปภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นประโยชน์แก่คนทุกระดับมีลักษณะเด่นคือสร้างสำนึกเป็นหมู่คณะสูงทั้งในระดับครอบครัวและเครือญาติ
และสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของกลุ่มอาชีพที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากเทศบาลตำบลลำคลองเช่น ตระกล้าไม้ไผ่ จากกลุ่มจักรสาร ปลาส้มถอดก้าง ปลาแห้ง ปลาหล้า กุ้งก้ามกราม ผักปลอด

๑๐. ด้านทรัพยากร เทศบาลลำคลองมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและป้าไม้ในที่สาธารณา ดังนี้
๑๐.๑ แหล่งน้ำธรรมชาติ เทศบาลตำบลลำคลอง มีแหล่งดังนี้ แม่น้ำที่เป็นลำห้วย ๔ สาย ที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่ บึง,หนองและอื่นๆ ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง, หนองสิม, หนองแวง, หนองค่า หนองม่วง กุดฟ้าน้อย และกุดฟ้าใหญ่
๑๐.๒ ป่าไม้ทุ่งที่อยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โคกดอนก่อ ดอนปู่ตาบ้านหาดทอง โคกป่าช้าหนองม่วง โคกวัดป่าศิวิวรรณ ดอนปู่ตาบ้านสะอาดใต้
๑๐.๓ ด้านคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นป่าเสื่ยมโทรม ซึ่งเกิดจาการบุกรุกของประชาชนในพื้นที่ ซึงเทศบาลตำบลลำคลองได้มีโครงการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายประจำทุกปี หาประชาชนมีความเข้าใจในการรักษาป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่ใช้ในการหาเห็น ที่อยู่อาศัยของนก สัตว์ป่า และแหล่งเลี้ยงชุมชน จะมีป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป

ดังนั้นจากปัจจัยที่ ชุมชนมีโดยรวมแล้ว การสร้างชุมชนให้สามารถมีความเข้มแข็งสามารถพึงตนเองได้ นั้น จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลบริบทของชุมชน ปัญหา ศักยภาพและความต้องการของชุมชน โดยการใช้หลักการบูรณาการศาสตร์ โดยนักศึกษาและอาจารย์ลงพื้นที่ แฝงตัวในชุมชน เข้าพบและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งร่วมใช้ชีวิตกับชุมชน เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน จะได้เข้าใจถึงการยอมรับและปฏิเสธความต้องการของชุมชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน
thanet เมื่อ 31 ต.ค. 2562 23:13 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน กลุ่มทอผ้าเสื้อภูไทปักลายด้วยมือ ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)ปัจจุบันรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นในทุกมิติเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และจากวิสัยทัศน์และแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้จัดทำโครงการอาสาประชารัฐเพื่อมุ่งเน้นผลิตบัณฑิตในศตวรรษที่ 21 ที่มีคุณภาพ และการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับการปฏิบัติงานจริงเพื่อให้นักศึกษาได้นำองค์ความรู้ที่เรียนสู่การปฏิบัติงานตรงตามวิชาชีพของตนเองโดยมีชุมชนเป็นฐานในการฝึกปฏิบัติ และมุ่งเน้นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาด้านความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาคุณภาพชีวิต เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน
อำเภอเขาวงเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกาฬสินธุ์ พื้นที่ส่วนใหญ่ทำการเกษตร ปลูกข้าวเหนียวและข้าวเจ้า ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวภูไท พูดภาษาภูไท มีอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ และหัตถกรรม ทอผ้า ทำเครื่องจักสาน และไม้กวาด และในตำบลคุ้มเก่าได้มีการก่อตั้งกลุ่มทอผ้าเสื้อภูไทปักลายด้วยมือ ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 10 บ้านกุดตอแก่น ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเป็นการสร้างอาชีพเสริมให้แก่กลุ่มแม่บ้านของบ้านกุดตอแก่น นำโดยคุณวารี ศรีประไหม หัวหน้ากลุ่ม หลังว่างจากการทำการเกษตร กลุ่มทอผ้าเสื้อภูไทปักลายด้วยมือได้มีการพัฒนาสินค้าหลักคือเสื้อภูไทปักลายด้วยมือ มีรูปแบบเสื้อหลากหลายรูปแบบตามที่มีรายการสั่งของลูกค้า จากการสัมภาษณ์คุณอัจฉราวุฒิ ศรีประไหม หนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม พบว่า ทางกลุ่มยังขาดองค์ความรู้ด้านหลากหลายด้านที่ต้องการให้หน่วยงานของรัฐบาลหรือสถานศึกษาเข้ามาช่วยเพื่อให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังเช่น ภาพลักษณ์ของผ้าย้อมครามสกลนคร เป็นต้น ความต้องการให้ผ้าภูไทปักลายด้วยมือมีการยอมรับและเป็นที่รู้จักจากกลุ่มลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ นับว่าเป็นโจทย์ท้าทายที่ทางคณะดำเนินงานเล็งเห็น และอยากนำองค์ความรู้จากทั้งศาสตร์การออกแบบผลิตภัณฑ์ วิศวกรรมเครืองกล ภาษาอังกฤษ และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาททางการออกแบบ การผลิต การตลาด การประชาสัมพันธ์ และการขาย มุ่งสร้างอัตลักษณ์เรื่องราว (Storytelling) ให้กับสินค้าส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการขายสินค้าของกลุ่มทอผ้าเสื้อภูไทปักลายด้วยมือ สร้างได้รายแก่คนในชุมชน เพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้ตระหนักถึงภารกิจด้านบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยตลอดมา การบริการวิชาการแก่ชุมชนเป็นอีกภารกิจหนึ่งที่บุคลากรและนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามให้ความสำคัญ การจัดทำโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนกลุ่มทอผ้าเสื้อภูไทปักลายด้วยมือ ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ นี้ คณะดำเนินงานได้เล็งเห็นความเชี่ยวชาญของอาจารย์และนักศึกษาจาก หลากหลายสาขาวิชาด้วยกันทั้งด้านการออกแบบมัลติมีเดีย ด้านวิศวกรรมเครืองกล ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถนำองค์ความรู้เข้ามามีบทบาทกับกิจกรรมการดำเนินโครงการต่างๆ ดังนี้ การออกแบบลายปักเสื้อภูไทด้วยมือที่สื่อถึงอัตลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์เสื้อเสื้อภูไทปักลายด้วยมือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้เครื่องตัดลวดลายผ้าด้วยเลเซอร์แบบสองแกน การใช้ภาษาอังกฤษสำหรับการขายสินค้าออนไลน์ การใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมการขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์และสังคมออนไลน์ด้วยสื่อมัลติมีเดีย คณะผู้ดำเนินงานมีแนวคิดนำความสามารถในด้านต่างๆ เหล่านี้สู่การถ่ายทอดองค์ความรู้แก่คนในชุมชนบ้านกุดตอแก่น ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยบูรณาการร่วมกับการเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ ของอาจารย์แต่ละท่านเพื่อให้นักศึกษาได้นำประยุกต์องค์ความรู้ที่ได้รับในห้องเรียนสู่การใช้งานจริงนอกห้องเรียน อีกทั้งยังก่อประโยชน์ให้แก่คนในชุมชนที่สามารถนำความรู้และผลลัพธ์จากโครงการไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตสืบต่อไป
THARACH469 เมื่อ 31 ต.ค. 2562 23:12 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเครื่องอบพริกแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบอัจฉริยะ สำหรับชุมชนตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)รัฐบาลได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั้งทางด้านการลดต้นทุนการผลิต การให้ความรู้ การสร้างมูลค่าเพิ่ม การตลาด การช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิต และการใช้แนวคิด "ประชารัฐ "มาเป็นตัวการแก้ไขปัญหา และอาศัยกลไกความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติเข้ากับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ของประเทศไทยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และยกระดับรายได้ของประชาชน แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พัฒนาโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของประชาชนและประเทศชาติ
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(๒๕๖๑) จัดทำรายงาน“สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในระดับภาคของประเทศไทย”ขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลและสถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในระดับภาคโดยแบ่งภาคออกเป็น๖ภาคได้แก่ภาคกลางภาคตะวันออกภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคใต้และภาคใต้ชายแดนซึ่งสถานการณ์ความยากจนใช้เส้นความยากจน (Poverty line) เป็นเกณฑ์ในการประเมินส่วนความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สะท้อนจากค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค (Gini Coefficient) ด้านรายได้และสะท้อนจากส่วนแบ่งรายได้ของประชากรในกลุ่มต่างๆ ตามระดับรายได้ทั้งนี้โดยนำเสนอข้อมูลความยากจนระดับภาคตั้งแต่ปี๒๕๕๖ - ๒๕๕๙และข้อมูลความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ระดับภาคตั้งแต่ปี๒๕๕๔ปี๒๕๕๖และปี๒๕๕๘เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในระดับภาคในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
จากรายงานพบว่า การให้ความสำคัญกับปัญหาความยากจนในระดับจังหวัดของแต่ละภูมิภาคจะสามารถสะท้อนปัญหาความยากจนได้ชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงเกินกว่าร้อยละ๒๐ของประชากรทั้งหมดในจังหวัดซึ่งในปี๒๕๕๙มีทั้งหมด๑๒จังหวัดประกอบด้วยภาคกลาง๑จังหวัดคือชัยนาทภาคเหนือ๓จังหวัด คือแม่ฮ่องสอนตากน่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ๕จังหวัดคือกาฬสินธุ์นครพนมบุรีรัมย์อำนาจเจริญ มุกดาหารภาคใต้ชายแดน๓จังหวัดคือนราธิวาสปัตตานียะลาทั้งนี้จาก๑๒จังหวัดที่มีความยากจนสูงดังกล่าว มีอยู่๗จังหวัดที่เป็นจังหวัดที่มีมิติทั้งความยากจนเรื้อรัง (จังหวัดที่ติดลำดับ๑ใน๑๐จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงที่สุดต่อเนื่องหลายปี) และความยากจนรุนแรง (จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงติดลำดับ๑ใน๑๐จังหวัดในปี๒๕๕๙) ได้แก่แม่ฮ่องสอนนราธิวาสปัตตานีกาฬสินธุ์นครพนมตากและบุรีรัมย์ซึ่งจังหวัดเหล่านี้ภาครัฐและภาคีการพัฒนาจะต้องให้ความสำคัญลำดับสูงในการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนต่อไป
จังหวัดกาฬสินธุ์ ถือเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดนำร่องโครงการ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ติดอันดับ ๑ ใน๑๐ ที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุดต่อเนื่อง และมีความยากจนรุนแรง จากการลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูล พบว่า ตำบลลำคลองตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์ ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร มีจำนวนประชากร / ครัวเรือน ดังโดยมีรายละเอียดดังนี้

ตารางที่ ๑จำนวนประชากร / ครัวเรือน
หมู่ที่ ชื่อบ้าน จำนวนประชากร จำนวนครัวเรือน ชื่อผู้นำ
ชาย หญิง รวม
๑ สะอาดนาทม ม.๑ ๔๗๗ ๔๘๖ ๙๖๓ ๓๖๐ นางคะนองศิลป์ กงมหา
๒ หนองสองห้อง ม.๒ ๑๙๓ ๑๙๘ ๓๙๑ ๑๐๑ นายเลิศ โศกชาตรี
๓ หาดทอง ม.๓ ๓๓๐ ๓๔๔ ๖๗๔ ๑๖๗ นายประมัย สงค์ประดิษฐ์
๔ ปลาเค้าน้อย ม.๖ ๓๗๓ ๓๘๘ ๗๖๑ ๑๘๐ นายสมศักดิ์ ภูกิ่งเงิน
๕ อัมพวัน ม.๗ ๒๒๑ ๒๒๗ ๔๔๘ ๑๓๙ นายสถาพร ภูบัวเงิน
๖ สะอาดใต้ ม. ๙ ๒๙๕ ๓๑๐ ๖๐๕ ๑๔๙ นายประวิทย์ ไชยงาม
๗ หนองม่วง ม. ๑๐ ๒๓๑ ๒๐๖ ๔๓๗ ๑๑๕ นายวิบูลย์ ภูมาตนา
รวม ๒,๑๒๐ ๒,๑๕๙ ๔,๒๗๙ ๑,๒๑๑
ที่มา :http://lamklong.go.th/?option=List&Menu=Sub&type=9&id=102&to=ข้อมูลพื้นฐาน&

สำหรับอาชีพ พบว่า ราษฎรเทศบาลตำบลลำคลองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีพื้นที่การเกษตรร้อยละ๙๐สามารถแยกประเภทได้ดังนี้

อาชีพทำนาเป็นอาชีพหลักของตำบลส่วนใหญ่ทำนาปีประมาณ๙๐% ของพื้นที่ทั้งหมด
อาชีพทำไร่พื้นที่ตำบลลำคลองเหมาะสมสำหรับทำไร่อ้อยไร่มันสำปะหลัง
อาชีพทำสวนส่วนใหญ่ทำสวนพริก,สวนผัก
อาชีพเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกุ้ง,เลี้ยงปลา,เลี้ยงโค–กระบือ,เลี้ยงหมู,เลี้ยงไก่พื้นบ้าน

จากการลงพื้นที่ชุมชนตำบลลำคลอง พบว่า ปัญหาที่พบอย่างหนึ่ง คือ ผลผลิตจากการทำสวนพริก โดยส่วนใหญ่จำหน่ายเป็นพริกสดส่งผลให้ต้องจำหน่ายให้ทันเวลา และผลผลิตราคาต่ำ ทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอ แต่ถ้าจะนำผลผลิตไปตากแห้ง ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และใช้เวลาหลายวัน ทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตไปตากแห้งได้ตามที่ต้องการ
จากการสอบถามเกษตรกร พบว่า ความต้องการเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถวัดความชื้น อุณหภูมิ และปรับความร้อนได้โดยอัตโนมัติ และสามารถให้ข้อมูลการอบพริกแก่เกษตรกรได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากการอบแต่ละครั้ง เกษตรกรจะนำพริกมาอบแห้ง และไปทำงานอย่างอื่นต่อไป และเมื่อกระบวนการอบพริกเสร็จสิ้น ระบบของเครื่องอบสามารถส่งข้อความไปแจ้งสถานะแก่เกษตรกรได้ ซึ่งการอบพริก จะช่วยให้พริกไม่เน่าเสีย จัดเก็บไว้ได้นาน และขายได้ในราคาที่สูงกว่า
อนิรุทธิ์ต่ายขาวและสมบัติทีฆทรัพย์ (๒๕๕๖:๒๔) กล่าวว่า การอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปความร้อนรูปแบบหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงในการใช้งาน ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมการอบแห้งด้วยเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อเทียบกับการตากแดด เครื่องนี้สามารถช่วยลดปัญหาการปนเปื้อนจากฝุ่นละอองและการรบกวนจากแมลงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพดีขึ้น และยังช่วยลดระยะเวลาในการตากแห้งอีกด้วย หากเทียบกับการอบแห้งเชิงอุตสาหกรรม ก็จะช่วยในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าน้ำมันหรือแก๊สธรรมชาติอีกด้วย
โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน (ออนไลน์) ได้กล่าวว่า การอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบ่งได้ ๒ระบบ คือ๑)ระบบ Passive คือ ระบบที่เครื่องอบแห้งทำงานโดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์และกระแสลมพัดผ่าน เช่น๑.๑) เครื่องตากแห้งโดยธรรมชาติ โดยวางวัตถุในกลางแจ้งอาศัยความร้อนจากแสงอาทิตย์และกระแสลมจากบรรยากาศพัดผ่าน และระเหยความชื้นออกจากวัสดุ๑.๒) เครื่องอบแห้งแบบได้รับแสงอาทิตย์โดยตรง วัสดุที่อบอยู่ในเครื่องอบแห้งซึ่งปกคลุมด้วยวัสดุโปร่งใสความร้อนที่ใช้อบแห้งได้มาจากการดูดกลืนพลังงานแสงอาทิตย์ โดยอาศัยหลักการขยายตัวของอากาศภายในเครื่องอบแห้งทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ เพื่อช่วยถ่ายเทอากาศชื้น๑.๓) เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสม เครื่องอบแห้งแบบนี้วัสดุที่อยู่ภายใน จะได้รับความร้อน ๒ทาง คือทางตรงจากแสงอาทิตย์และทางอ้อมมาจากแผงรับรังสีแสงอาทิตย์ทำให้อากาศร้อนก่อนเข้าวัสดุอบแห้ง๒)ระบบActiveการอบแห้งระบบActive คือระบบอบแห้งที่มีเครื่องช่วยให้อากาศไหลเวียนในทิศทางที่ต้องการเช่นจะมีพัดลมติดตั้งในระบบเพื่อบังคับให้มีการไหลของอากาศผ่านระบบพัดลมจะดูดอากาศจากภายนอกให้ไหลผ่านแผงรับแสงอาทิตย์เพื่อรับความร้อนจากแผงรับแสงอาทิตย์อากาศร้อนที่ไหลผ่านพัดลมและห้องอบแห้งจะมีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่าความชื้นของพืชผลจึงพาความชื้นจากพืชผลออกสู่ภายนอกทำให้พืชผลที่อบไว้แห้งได้และ ๓) ระบบ Hybrid คือ เครื่องอบแห้งที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และอาศัยพลังงานรูปอื่นเพิ่ม เช่น พลังงานเชื้อเพลิง พลังงานไฟฟ้า วัสดุอบแห้งจะได้ความร้อนจากอากาศร้อน ที่ผ่านเข้าแผงรับแสงอาทิตย์ การหมุนเวียนทางอากาศอาศัยพัดลม หรือเครื่องดูดอากาศช่วย
เครื่องอบพริกแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถดำเนินการได้โดยใช้เทคโนโลยีควบคุมการดำเนินงาน หรือระบบไอโอที (Internet of Things : IOT)เพื่อตรวจสอบ และควบคุม ความชื้น อุณหภูมิ และสามารถควบคุมพลังงานความร้อนได้ในตู้อบได้ ตลอดจนสื่อสารส่งข้อความไปแจ้งสถานะแก่เกษตรกรได้ มหศักดิ์เกตุฉ่ำ (ออนไลน์) กล่าวว่าเทคโนโลยี ไอโอที หรือ “อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง” หมายถึง การที่สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการ ควบคุมใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การสั่งเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือทางการเกษตร เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม อาคาร บ้านเรือนเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยเทคโนโลยีนี้จะเป็นทั้งประโยชน์อย่างมหาศาล และความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน เพราะหากระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ดีพอ จะทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามากระทำการที่ไม่พึงประสงค์ต่ออุปกรณ์ข้อมูลสารสนเทศหรือความเป็นส่วนตัวของบุคคลได้ ดังนั้น การพัฒนาไปสู่ไอโอทีจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนามาตรการและเทคนิคในการรักษาความปลอดภัยไอทีควบคู่กันไปด้วย
ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดพัฒนาเครื่องอบพริกแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบอัจฉริยะ สำหรับชุมชน ตำบลลำคลอง อำเภอเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชน ได้ใช้เครื่องมือที่ช่วยในการอบพริกช่วยในการประหยัดเวลา ที่สามารถอบแห้งได้ทั้งที่มีแสงอาทิตย์ และในสภาวะไม่มีแสงอาทิตย์โดยภายในตู้อบจะติดตั้งพลังงานความร้อนโดยอาศัยพลังงานไฟฟ้าเป็นทางเลือก ทั้งนี้เครื่องอบพริกแห้งนี้จะมีระบบควบคุมแบบอัจฉริยะ ที่สามารถตรวจสอบ และควบคุม ความชื้น อุณหภูมิ และสามารถควบคุมพลังงานความร้อนได้ในตู้อบได้ ตลอดจนสื่อสารส่งข้อความไปแจ้งสถานะแก่เกษตรกรได้ คณะผู้วิจัยคาดหวังว่า ผลจากการวิจัยจะช่วยให้เกษตรกรแปรรูปผลผลิตและจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น มีการดำรงชีวิตที่มีความมั่นคง ยั่งยืนต่อไป
Thanakit เมื่อ 31 ต.ค. 2562 22:59 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านหาดทอง (ปี 2563)ชุมชนต้องการให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จากการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยดำเนินการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีผลงานเชิงประจักษ์ โดยทีมงานสำนักบริการวิชาการ รศ.ประสบสุข ฤทธิเดช และคณะ ได้ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน ส่งผลให้ ชุมชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจขอให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาชุมชน เมื่อชุมชน โดยการนำของผู้นำชุมชน นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ นายกเทศบาล ได้มาติดต่อสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลั้ยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อให้ศึกษาและร่วมพัฒนาชุมชน โดยชุมชนมีความต้องการหลายประเด็น ทั้งนี้หากเป็นไปได้ การทำฐานข้อมูลชุมชน นำสู่การวิเคราะห์เพื่อยกระดับการคุณภาพชีวิตของชุมชน การเข้าใจ เข้าถึง ชุมชนในพื้นที่ จึงเป็นขุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมพัฒนา ชุมชนอย่างแท้จริง การที่ชุมชนมีปัจจัยและสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ ทรัพยากร และความหลายกหลายอาชีพและรายได้ที่ดำเนินการชีวิตมาแต่เดิมนั้น หากจะเห็นการศึกษาเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมของชุมชน สร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ดี ธำรงค์ไว้ และเติมเต็มในสิ่งที่ชุมชนต้องการเพื่อพัฒนาการเป็นอยู่ของชุมชนให้รู้เท่าทันประเทศไทยและโลก ๔.๐ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆที่จะแทรกเข้ามาทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อันจะทำให้ชุมชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ชุมชนสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ในเทคโนโลยีผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดีดีงาม สืบสาน ต่อยอด จนทำให้สังคมได้รับการยอมรับหรือสร้างความโดเด่นเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชนได้นั้น ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมใน ร่วมคิด ร่วมวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน ให้เกิดผลงานที่เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลถึงความภาคภูมใจของชุมชน บนพื้นฐานวัฒฯธรรมและวิ๔ชีวิตของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงสนใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นการบูรณาการศาสตร์ “บูรณาการศาสตร์โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบัติการในพื้นที่จริงให้กับนักศึกษา สร้างงานวิจัยให้กับอาจารย์พี่ลี้ยงที่เป็นงานวิชัยเชิงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ให้กับประเทศชาติ โดยการนำนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่มีความรู้ในศาสตร์ มีประสบการณ์วิจัยในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ในชุมชนที่ต้องและได้เสนอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลงพื้นที่ เพื่อยกระดับส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยชุมชนได้ขอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ MOU) เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนาต่อยอดตามบริบทและความต้องการของชุมชน ดังนี้ โครงการอาสาประชารัฐ ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้ศึกษาวิเคราะห์ ออกแบบการส่งเสริมพัฒนาชุมชน โดยบูรณาการการเรียนการสอนของอาจารญ์และนักศึกษาหลาย ๆ ศาสตร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์บริบท ปัญหา สร้างฐานข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอด
ผลที่ได้กับชุมชน ชุมชนจะมีความเข้าใจในตนเอง รู้จักหน้าที่และสิทธิ ในการครองตนการเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสุขภาวะในชุมชน สร้างสุขภาพที่ดีของชุมชนและครอบครัว การดูแลตนเอง การรู้จัดเลือกกิน เลือกใช้ เลือกผลิต อาหารที่ถูกหลัก การดูแลสุขภาวะของตนเอง-คนสูงอายุและเด็กเล็ก-รวมทั้งเยาวชนในวัยเรียน ให้รู้จักการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีมือถือของชุมชน โดยกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อมนำราชโชบายของราชภัฏสู่การพัฒนาท้องถิ่นสร้างจิตอาสาในชุมชน โดย ราชภัฏสร้าง “จิตอาสาประชารัฐพัฒนาชุมชน” ให้เป็นไปตาม ปณิทานของราชภัฏ “”คนของพระราชา ข้าของแผนดิน” ที่ร่วมกันในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป อันจะส่งผลให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏได้นำนักศึกษาและอาจารย์ได้ลงปฏิบัติการ วิจัยและศึกษาข้อมูลในชุมชน โดยนำนักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติจริงในชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้ครอบคลุมในการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยใช้ศาสตร์ที่ได้ศึกษาในหลักสูตร บูรณาการเข้ากับศาสตร์ของกลุ่มที่ร่วมพัฒนา สร้างองค์ความรู้ใหม่ “ชีวิต ๔.๐ ในชุมชนมีความสุขด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง อาจารย์ นักศึกษา ชุมชน ได้เข้าใจการใช้ชีวิตในแต่ละบริบท สร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้สภาพแสดล้อม สื่อ เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ นำความรู้ที่ได้มาจัดการชีวิตสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
จิตอาสา หมายถึง การที่ทีมงานวิจัยและสมาชิกที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของกิจกรรม/โครงการ อันได้แก่ ผู้บริหารบุคลากรและนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการในชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เข้าใจหน้าที่ และสิทธิ การเป็นพลเมืองที่พึงประสงค์ตามคุณลักณะ ๔ ประการ ในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ความเข้าใจการปกครอง การใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข การอยู่ร่วมกับสังคม การพึ่งพาอาสัยกันและการเสียสระเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น โดยอาสาสมัครร่วมสร้างงาน สร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวกต่อสังคมและชุมชน
การเรียนรู้จากชุมชน จะทำให้ได้พบข้อเท็จจริง ที่เป็นความต้องการของชุมชน จะได้แนวทางและความต้องการของชุมชนที่ชัดเจน การพัฒนา สร้างงาน สร้างรายได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง มีรายได้ เข้าใจ เข้าถึงการใช้ชีวิต ในโลกเทคโนโลยี โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบูรณาการกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีกินอย่างมีความสุขและปลอดภัยจากเทคโนโลยี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผาสุข มีความรักสามัคี เข้าใจหน้าที่ บทบาทการเป็นพลเมืองในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างยั่งยืนสืบไป
จากการร่วมจากการลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บริบท ปัญหา และความต้องการกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ พบว่า ชุมชนมีความต้องการเบื้องต้นดังนี้
๑. ต้องการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเพื่อพัฒนาชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นพี่เลี้ยงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
๒. ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ด้านการการศึกษา ในชุมชนมี โรงเรียนประถมศึกษา ๒ แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒ แห่ง ที่เด็กในวัยเรียน ๑๙๗ คน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๕๙ คน
๓. ด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เทศบาลตำบลลำคลอง มีสถานีอนามัย ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๑ มีจำนวนบุคลากร ๔ คน อัตราการมีและการใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ ๑๐๐ และการดูแลสุขอนามัยของชุมชน เนื่องจากนุมชนมีการเลี้ยงสัตว์ วัว โค หมู่ ไก่ เป็น สุนัข และแมว
๔. อาชญากรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีสถานีตำรวจภายในตำบล ในการรักษาความปลอดภัยภายในตำบล ภายในหมู่บ้าน ทำให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบ ถ้าเกิดเหตุจะประสานไปยังตำรวจภายใน สภ. ลำปาว ดังนั้นการสร้างจิตอาสาในการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สร้างพลังของชุมชนให้มีความรักสามัคคี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ชุมชนต้องการให้เกิดขึ้นในชุมชน
๕. ยาเสพติด ปัญหาด้านการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ยาเสพติดที่มีปัญหาการค้าและแพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาเป็นกัญชาแห้ง และสารระเหย ตามลำดับ ส่วนไอซ์ กัญชาสด และพืชกระท่อม สภาพปัญหาอยู่ในระดับไม่รุนแรง การสังคมสงเคราะห์ งานในด้านการบำบัดและพื้นฟูผู้ป่วยและผู้ติดยาเสพติด และการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและพื้นฟู แก้ไขผู้กระทำผิดประกอบด้วยผู้กระทำผิดที่มาจากหลากหลายรูปแบบของสังคม เป็นเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ผู้พิการ
๖. ด้านระบบบริการพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เทศบาลตำบลลำคลอง มีพื้นที่ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์ ๒๐ กิโลเมตร ผ่านไปยัง อำเภอสหัสขันธ์ ส่วนภายในตำบล ถนนสายหลักที่ผ่านภายในหมู่บ้านจะเป็นลาดยาง คสล. และถนนลูกรัง ถนนลูกรังจะมีปัญหาในการคมนาคม ในฤดูฝน เนื่องจากเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขัง
การไฟฟ้า หมู่บ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน ๗ หมู่บ้าน และการประปา เทศบาลตำบลลำคลองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนในการจัดให้มีน้ำประปาอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลำคลองมีระบบน้ำประปาผิวดิน จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภค ความต้องการของชุมชนเป็นอย่างไร ต้องการทำอะไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๗. ไปรษณีย์และการสื่อสาร ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ตำบลไกลเคียงคือตำบลหนองสอ ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร แต่มีเจ้าหนี้ให้บริการในพื้นที่ การสื่อสารประชาชนในพื้นที่ให้โทรศัพท์สาธารณะเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตืดต่อสื่อสารเป็นหลัก หากชุมชนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ รู้จักใช้ จะช่วยด้านการสื่อสารได้สะดวกขึ้น
๘. ระบบเศรษฐกิจ ชุมชนมีอาชีพและรายได้จากการประกอบอาชีพดังนี้ ด้านการเกษตรประชากรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลประกอบอาชีพทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลด้านการเกษตร พื้นที่ทั้งหมด ๑๔,๗๔๔ ไร่
(๑) ข้าวนาปี ๗,๒๑๔ ไร่ จำนวน ๔๕๖ ครัวเรือน
(๒) ข้าวนาปรัง ๑.๒๐๐ ไร่ จำนวน ๒๐๐ ครัวเรือน
(๓) พืชไร่ ๒,๖๐๒ ไร่ จำนวน ๑,๒๖๔ ครัวเรือน
(๔) ไม้ผล ๘ ไร่ จำนวน ๙ ครัวเรือน
(๕) ไม้ยืนต้น ๕๒ ไร่ จำนวน ๓ ครัวเรือน
(๖) พืชผัก ๗๔ ไร่ จำนวน ๑๐๗ ครัวเรือน
(๗) การเกษตรอื่นๆ ๑๑๒ ไร่ จำนวน ๕๖ ครัวเรือน
๘.๒ ด้านการประมง ได้แก่ (๑) การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (๒) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน (๓) การอนุบาล ลูกปลานิลเพื่อจำน่าย และ (๔) อาชีพการประมงน้ำจืดในเขื่อนลำปาว
๘.๓ ด้านประศุสัตว์ ได้แก่ (๑) การเลี้ยง โค กระบือ (๒) การเลี้ยงสุกร และ (๓) การเลี้ยงเป็ด ไก่ดำ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๘.๔ ด้านการบริการ เทศบาลตำบลลำคลองได้จัดให้มีการบริการประชาชนดังนี้ (๑) ด้านการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเปิดให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) การให้บริการจัดเก็บภาษีเคลื่อนที่ (๓) การให้บริการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ และ (๔) การบริการเก็บขยะ และการดูดสิ่งปฏิกูลโดยคิดค่าบริการในราคาต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่
๘.๕ การท่องเที่ยว พื้นที่รับผิดชอบติดกับแหล่งท่องเทียวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวเขื่อนลำปาว ตลาดชุมชนคนขายปลา (ผันน้ำ) และ หาดดอกเกด (ทะเลอีสาน)
๘.๖ อุสาหกรรม พื้นที่เทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีโรงงานอุสาหกรรม ในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองเป็นลักษณะอุสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุสาหกรรมขนาดเล็ก
๘.๗ การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน การรวมกลุ่มทุกประเภท …๑๓… กลุ่ม แยกประเภทกลุ่ม (๑) กลุ่มอาชีพ ๑๓ กลุ่ม และ (๒) กลุ่มออมทรัพย์ ๑๒ กลุ่ม
๘.๘ แรงงาน ในพื้นที่เป็นการใช้แรงงานเกี่ยวกับการเกษตร การประมง การประศุสัตว์ ซึงเป็นอุสาหกรรมในครัวเรือน และการใช้แรงงานด้านการก่อสร้างในพื้นที่ และพื้นที่ไกลเคียงเป็นบ่างส่วน ประชากรส่วนมากในพื้นที่ ประกอบอาชีพเกษตรซึ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แรงงานเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนหมุนเวียนในกลุ่ม ในชุนชน
๙. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม การนับถือศาสนา ประชากรส่วนมากในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองนับถือศาสนาพุทธ สถาบัน องค์กรทางศาสนา เช่น วัด/สำนักสงฆ์ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านสะอาดนาทม วัดป่าศิริวรรณ วันศิริเจริญสุข วัดอนุมัจฉาราม วัดป่าชลประทานนิมิต วัดอัมพวันม่วงน้อย และ วัดมัจฉาราม และประเพณีและงานประจำปี ชุมชนมี ประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมคติความเชื่อวิถีปฏิบัติที่หลากหลายแต่ละฤดู เดือน จะมีพิธีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อหลากหลาย ชาวอีสานจะรู้จักดี คือ ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด โดยฮีตสิบสองคลองสิบสี่นี้ จะประกอบไปด้วย ฮีต ๑๒ ฮีต และคลอง ๔ ประเภท มี ๑๔ คลอง ได้แก่ บุญเข้ากรรม(บุญเดือนอ้าย) บุญคูณลาน เดือนยี่ บุญข้าวจี่(เดือนสาม) บุญเผวสหรือบุญมหาชาติ (เดือนสี่) บุญสงกรานต์ (บุญเดือนห้า) บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก) บุญเข้าพรรษา บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก บุญออกพรรษา บุญกฐิน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเอาทรัพยากรความรู้ ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน หรือเป็นลักษณะประจำท้องถิ่นมีคล้ายกันก็ได้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่นเกิดจากการที่ชาวบ้านแสวงหาความรู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติ ทางสังคมที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การประกอบประเพณี พิธีกรรมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้กระทำสบายใจ รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดี่ยว ให้คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกถือว่าเป็นพลังทางศีลธรรมหรือประเพณี การรวมกำลังช่วยกันทำงานที่ใหญ่หลวงเกินวิสัยที่จะทำได้สำเร็จคนเดียว เช่น สร้างวัด สร้างถนนหนทาง หรือขุดลอกแหล่งน้ำ เป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันภายในชุมชน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยทั่วไปภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นประโยชน์แก่คนทุกระดับมีลักษณะเด่นคือสร้างสำนึกเป็นหมู่คณะสูงทั้งในระดับครอบครัวและเครือญาติ
และสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของกลุ่มอาชีพที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากเทศบาลตำบลลำคลองเช่น ตระกล้าไม้ไผ่ จากกลุ่มจักรสาร ปลาส้มถอดก้าง ปลาแห้ง ปลาหล้า กุ้งก้ามกราม ผักปลอด

๑๐. ด้านทรัพยากร เทศบาลลำคลองมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและป้าไม้ในที่สาธารณา ดังนี้
๑๐.๑ แหล่งน้ำธรรมชาติ เทศบาลตำบลลำคลอง มีแหล่งดังนี้ แม่น้ำที่เป็นลำห้วย ๔ สาย ที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่ บึง,หนองและอื่นๆ ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง, หนองสิม, หนองแวง, หนองค่า หนองม่วง กุดฟ้าน้อย และกุดฟ้าใหญ่
๑๐.๒ ป่าไม้ทุ่งที่อยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โคกดอนก่อ ดอนปู่ตาบ้านหาดทอง โคกป่าช้าหนองม่วง โคกวัดป่าศิวิวรรณ ดอนปู่ตาบ้านสะอาดใต้
๑๐.๓ ด้านคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นป่าเสื่ยมโทรม ซึ่งเกิดจาการบุกรุกของประชาชนในพื้นที่ ซึงเทศบาลตำบลลำคลองได้มีโครงการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายประจำทุกปี หาประชาชนมีความเข้าใจในการรักษาป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่ใช้ในการหาเห็น ที่อยู่อาศัยของนก สัตว์ป่า และแหล่งเลี้ยงชุมชน จะมีป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป

ดังนั้นจากปัจจัยที่ ชุมชนมีโดยรวมแล้ว การสร้างชุมชนให้สามารถมีความเข้มแข็งสามารถพึงตนเองได้ นั้น จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลบริบทของชุมชน ปัญหา ศักยภาพและความต้องการของชุมชน โดยการใช้หลักการบูรณาการศาสตร์ โดยนักศึกษาและอาจารย์ลงพื้นที่ แฝงตัวในชุมชน เข้าพบและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งร่วมใช้ชีวิตกับชุมชน เพื่อเรียนรู้วิ๔ชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน จะได้เข้าใจถึงการยอมรับและปฏิเสธความต้องการของชุมชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน
Thanyakon เมื่อ 31 ต.ค. 2562 22:50 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการอบรมการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการแอนดรอย์ขั้นสูง (ปี 2562)ปัจจุบันโทรศัพท์มือหรือแทบเล็ตมีบทบาทอย่างมากในชีวิตการทำงานติดต่อ สื่อสารการเข้าถึงข้อมูลบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทำให้เกิดความต้องการในการใช้งานแอพพลิเคชั่นมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแผนที่นำทางการส่งข้อมูลข่าวสารการถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอการใช้งานอินเตอร์เน็ตส่งผลให้ประชาชนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างมีความต้องการพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆเพื่อรองรับการเติบโตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือและแทบเล็ตในปัจจุบันจากผลการสำรวจของบริษัทวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์ฉัแดงให้เห็นว่าค่าเฉลี่ยจากพื้นที่สำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าคนคนส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 42 นาทีโดย 86% เป็นเวลาที่ใช้งานบนแอพพลิเคชั่นและอีก 14% ที่ใช้งานบนเว็บบราวเซอร์บนมือถือซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้วพฤติกรรมการใช้งานแอพพลิเคชั่นมีอัตราเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้มีความต้องการนักพัฒนาโปรแกรมบนระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์มืออาชีพรองรับความต้องการของตลาดแรงงานไอทีในยุคปัจจุบันได้ทันท่วงทีระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์เป็นซอฟต์แวร์ที่มีโครงสร้างแบบเรียงทับซ้อนหรือแบบสแตกค์ซึ่งรวมเอาระบบปฏิบัติการมิเดอร์แวร์และแอพพลิเคชั่นที่สำคัญเข้าไว้ด้วยกันที่ใช้สำหรับทำงานบนอุปกรณ์พกพาเคลื่อนที่โดยเฉพาะการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ได้เปิดกว้างให้กับนักพัฒนาโปรแกรมสามารถพัฒนาโปรแกรมแอพพลิเคชั่นได้อย่างอิสระประกอบกับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้เปิดตัวอุปกรณ์รุ่นใหม่มาจำหน่ายอย่างมากมายหลากหลายรุ่นในอนาคตการเติบโตจะเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลาย
Thanyakon เมื่อ 31 ต.ค. 2562 22:30 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการการใช้กิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของเยาวชนในจังหวัดกาฬสินธุ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น (ปี 2560)ในสังคมโลกปัจจุบันการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารการศึกษาการแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมและเพื่อการประกอบอาชีพตลอดจนเพื่อให้สามารถนำไปสู่ไปสู่การแข่งขันด้านเศรษฐกิจเข้าใจความแตกต่างทางการเมืองและวัฒนธรรมอีกทั้งยังสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้คนในสังคมโลกที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันของแต่ละเชื้อชาติเพื่อที่จะปฏิบัติตนต่อกันได้อย่างถูกต้องเหมาะสมภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยในปัจจุบันมากขึ้นการเรียนรู้ภาษาไทยอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตให้ทันต่อเหตุการณ์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโลกได้การสอนภาษาต่างประเทศในระยะเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีวิธีการสอนที่แตกต่างหลากหลายตามหลักแนวคิดพื้นฐานและวิธีการสอนภาษาที่ต่างกันออกไปตามแต่พี่นางภาษาศาสตร์ประยุกต์คิดคนขึ้นที่ใช้ในการสอนหรือ ปรับปรุงการสอน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นการสอนภาษาอังกฤษตามแนวทางการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เกิดขึ้นประมาณปีค.ศ. 1970 และได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศอังกฤษนี่ช่างเป็นแนวทางการสอนที่เน้นเรื่องการสื่อสารตามสถานการณ์ในการใช้ภาษาจริงๆมากกว่าการเน้นการสอนเรื่องรูปแบบหรือโครงสร้างของภาษาเพียงอย่างเดียวแต่การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยปัจจุบันยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากผู้เรียนไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
sirinpa เมื่อ 31 ต.ค. 2562 22:27 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาป่าสมุนไพรชุมชนในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (ปี 2563)โดยพื้นฐานสังคมชนบทไทย แต่ละชุมชนต่างล้วนอาศัยพึ่งพาป่าเพื่อปัจจัย 4 ซึ่งได้แก่ แหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคและเครื่องนุ่งห่ม ที่มีความสำคัญต่อชีวิตมาเป็นเวลานาน อีกทั้งป่ายังเป็นแหล่งที่มาของความเชื่อ ประเพณี ซึ่งเป็นรากฐานความสัมพันธ์ของชุมชน บทบาทของป่าต่อความอยู่รอดของชุมชนจึงมีมาเนิ่นนานและไม่สามารถแยกจากกันได้ ซึ่งในปัจจุบันหน่วยงาน องค์กร สถาบันต่างๆ ได้มีการมุ่งอนุรักษ์ป่าที่อยู่ในชุมชนต่างๆโดยการเข้าไปช่วยในการจัดการทรัพยากรภายในชุมชน เพื่อให้ป่าชุมชนนั้นสามารถคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การช่วยลดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมของคนในชุมชน จากการถูกแย่งชิงทรัพยากรเพื่อการพัฒนาประเทศ และเป็นแนวทางหนึ่งในการรักษาพื้นที่ป่าและความสมบูรณ์ของนิเวศป่าไม้ เพื่อให้ระบบนิเวศคงความสมดุล และยังสมารถเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจได้ ทั้งนี้ ประโยชน์จากป่าชุมชนในประเทศอาจกล่าวได้ว่ามี 3 ด้าน คือ 1) ประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อม 2) ประโยชน์ทางด้านสังคม และ 3) ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ป่าชุมชนจึงเป็นกลไกที่สำคัญที่เป็นช่องทางให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ จัดการ ฟื้นฟูให้ป่ามีความสมบูรณ์เพิ่มขึ้น และมีการใช้ทรัพยากรและผลผลิตจากป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความมั่นคงแห่งชีวิตของคนในชุมชน
จากที่ได้กล่าวมาเบื้องต้น ในปีงบประมาณ 2562 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม ได้มีการสนับสนุนให้บุคลากรและคณาจารย์ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลในพื้นที่เขตบ้านบอนเขียว ตำบลนาขาม อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับข้อมูลจากศิษย์เก่าที่ประสงค์ขอความอนุเคราะห์ให้สำนักศิลปะและวัฒนธรรม ได้ลงไปสร้างความเข้าใจและแนวทางการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าในชุมชนบ้านบอนเขียว ตำบลนาขาม อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่เยาวชนหรือผู้ที่สนใจและเสริมสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่ป่าในเขตบ้านบอนเขียว ตำบลนาขาม อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เคยมีป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นพื้นที่ป่าสมุนไพรที่ชุมชนเข้าไปใช้ประโยชน์ทั้งด้านอาหาร ยารักษาโรค ต้นน้ำ การเกษตร ฯ หากแต่ในปัจจุบันพื้นที่ป่าได้ถูกลุกล้ำและถูกทำลายโดยคนในชุมชน เพราะชุมชนไม่เห็นถึงความสำคัญประโยชน์ และการอนุรักษ์ป่าชุมชนเพื่อให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ดังนั้นสำนักศิลปะและวัฒนธรรมจึงมีนโยบายในการที่จำดำเนินโครงการกิจกรรมเพื่อตอบรับกับความต้องการของชุมชนในการสร้างแนวทางการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าสมุนไพรของชุมชนให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งและเพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้และเส้นทางการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ในเขตพื้นที่ป่าสมุนไพรของชุมชน โดยมุ่งการยกระดับรายได้ของคนและส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากแหล่งเรียนรู้ป่าสมุนไพรของชุมชน
Thanakit เมื่อ 31 ต.ค. 2562 22:16 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านหนองม่วง (ปี 2563)ชุมชนต้องการให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จากการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยดำเนินการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีผลงานเชิงประจักษ์ โดยทีมงานสำนักบริการวิชาการ รศ.ประสบสุข ฤทธิเดช และคณะ ได้ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน ส่งผลให้ ชุมชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจขอให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาชุมชน เมื่อชุมชน โดยการนำของผู้นำชุมชน นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ นายกเทศบาล ได้มาติดต่อสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลั้ยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อให้ศึกษาและร่วมพัฒนาชุมชน โดยชุมชนมีความต้องการหลายประเด็น ทั้งนี้หากเป็นไปได้ การทำฐานข้อมูลชุมชน นำสู่การวิเคราะห์เพื่อยกระดับการคุณภาพชีวิตของชุมชน การเข้าใจ เข้าถึง ชุมชนในพื้นที่ จึงเป็นขุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมพัฒนา ชุมชนอย่างแท้จริง การที่ชุมชนมีปัจจัยและสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ ทรัพยากร และความหลายกหลายอาชีพและรายได้ที่ดำเนินการชีวิตมาแต่เดิมนั้น หากจะเห็นการศึกษาเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมของชุมชน สร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ดี ธำรงค์ไว้ และเติมเต็มในสิ่งที่ชุมชนต้องการเพื่อพัฒนาการเป็นอยู่ของชุมชนให้รู้เท่าทันประเทศไทยและโลก ๔.๐ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆที่จะแทรกเข้ามาทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อันจะทำให้ชุมชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ชุมชนสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ในเทคโนโลยีผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดีดีงาม สืบสาน ต่อยอด จนทำให้สังคมได้รับการยอมรับหรือสร้างความโดเด่นเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชนได้นั้น ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมใน ร่วมคิด ร่วมวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน ให้เกิดผลงานที่เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลถึงความภาคภูมใจของชุมชน บนพื้นฐานวัฒฯธรรมและวิ๔ชีวิตของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงสนใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นการบูรณาการศาสตร์ “บูรณาการศาสตร์โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบัติการในพื้นที่จริงให้กับนักศึกษา สร้างงานวิจัยให้กับอาจารย์พี่ลี้ยงที่เป็นงานวิชัยเชิงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ให้กับประเทศชาติ โดยการนำนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่มีความรู้ในศาสตร์ มีประสบการณ์วิจัยในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ในชุมชนที่ต้องและได้เสนอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลงพื้นที่ เพื่อยกระดับส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยชุมชนได้ขอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ MOU) เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนาต่อยอดตามบริบทและความต้องการของชุมชน ดังนี้ โครงการอาสาประชารัฐ ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้ศึกษาวิเคราะห์ ออกแบบการส่งเสริมพัฒนาชุมชน โดยบูรณาการการเรียนการสอนของอาจารญ์และนักศึกษาหลาย ๆ ศาสตร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์บริบท ปัญหา สร้างฐานข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอด
ผลที่ได้กับชุมชน ชุมชนจะมีความเข้าใจในตนเอง รู้จักหน้าที่และสิทธิ ในการครองตนการเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสุขภาวะในชุมชน สร้างสุขภาพที่ดีของชุมชนและครอบครัว การดูแลตนเอง การรู้จัดเลือกกิน เลือกใช้ เลือกผลิต อาหารที่ถูกหลัก การดูแลสุขภาวะของตนเอง-คนสูงอายุและเด็กเล็ก-รวมทั้งเยาวชนในวัยเรียน ให้รู้จักการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีมือถือของชุมชน โดยกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อมนำราชโชบายของราชภัฏสู่การพัฒนาท้องถิ่นสร้างจิตอาสาในชุมชน โดย ราชภัฏสร้าง “จิตอาสาประชารัฐพัฒนาชุมชน” ให้เป็นไปตาม ปณิทานของราชภัฏ “”คนของพระราชา ข้าของแผนดิน” ที่ร่วมกันในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป อันจะส่งผลให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏได้นำนักศึกษาและอาจารย์ได้ลงปฏิบัติการ วิจัยและศึกษาข้อมูลในชุมชน โดยนำนักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติจริงในชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้ครอบคลุมในการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยใช้ศาสตร์ที่ได้ศึกษาในหลักสูตร บูรณาการเข้ากับศาสตร์ของกลุ่มที่ร่วมพัฒนา สร้างองค์ความรู้ใหม่ “ชีวิต ๔.๐ ในชุมชนมีความสุขด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง อาจารย์ นักศึกษา ชุมชน ได้เข้าใจการใช้ชีวิตในแต่ละบริบท สร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้สภาพแสดล้อม สื่อ เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ นำความรู้ที่ได้มาจัดการชีวิตสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
จิตอาสา หมายถึง การที่ทีมงานวิจัยและสมาชิกที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของกิจกรรม/โครงการ อันได้แก่ ผู้บริหารบุคลากรและนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการในชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เข้าใจหน้าที่ และสิทธิ การเป็นพลเมืองที่พึงประสงค์ตามคุณลักณะ ๔ ประการ ในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ความเข้าใจการปกครอง การใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข การอยู่ร่วมกับสังคม การพึ่งพาอาสัยกันและการเสียสระเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น โดยอาสาสมัครร่วมสร้างงาน สร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวกต่อสังคมและชุมชน
การเรียนรู้จากชุมชน จะทำให้ได้พบข้อเท็จจริง ที่เป็นความต้องการของชุมชน จะได้แนวทางและความต้องการของชุมชนที่ชัดเจน การพัฒนา สร้างงาน สร้างรายได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง มีรายได้ เข้าใจ เข้าถึงการใช้ชีวิต ในโลกเทคโนโลยี โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบูรณาการกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีกินอย่างมีความสุขและปลอดภัยจากเทคโนโลยี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผาสุข มีความรักสามัคี เข้าใจหน้าที่ บทบาทการเป็นพลเมืองในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างยั่งยืนสืบไป
จากการร่วมจากการลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บริบท ปัญหา และความต้องการกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ พบว่า ชุมชนมีความต้องการเบื้องต้นดังนี้
๑. ต้องการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเพื่อพัฒนาชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นพี่เลี้ยงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
๒. ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ด้านการการศึกษา ในชุมชนมี โรงเรียนประถมศึกษา ๒ แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒ แห่ง ที่เด็กในวัยเรียน ๑๙๗ คน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๕๙ คน
๓. ด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เทศบาลตำบลลำคลอง มีสถานีอนามัย ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๑ มีจำนวนบุคลากร ๔ คน อัตราการมีและการใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ ๑๐๐ และการดูแลสุขอนามัยของชุมชน เนื่องจากนุมชนมีการเลี้ยงสัตว์ วัว โค หมู่ ไก่ เป็น สุนัข และแมว
๔. อาชญากรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีสถานีตำรวจภายในตำบล ในการรักษาความปลอดภัยภายในตำบล ภายในหมู่บ้าน ทำให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบ ถ้าเกิดเหตุจะประสานไปยังตำรวจภายใน สภ. ลำปาว ดังนั้นการสร้างจิตอาสาในการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สร้างพลังของชุมชนให้มีความรักสามัคคี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ชุมชนต้องการให้เกิดขึ้นในชุมชน
๕. ยาเสพติด ปัญหาด้านการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ยาเสพติดที่มีปัญหาการค้าและแพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาเป็นกัญชาแห้ง และสารระเหย ตามลำดับ ส่วนไอซ์ กัญชาสด และพืชกระท่อม สภาพปัญหาอยู่ในระดับไม่รุนแรง การสังคมสงเคราะห์ งานในด้านการบำบัดและพื้นฟูผู้ป่วยและผู้ติดยาเสพติด และการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและพื้นฟู แก้ไขผู้กระทำผิดประกอบด้วยผู้กระทำผิดที่มาจากหลากหลายรูปแบบของสังคม เป็นเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ผู้พิการ
๖. ด้านระบบบริการพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เทศบาลตำบลลำคลอง มีพื้นที่ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์ ๒๐ กิโลเมตร ผ่านไปยัง อำเภอสหัสขันธ์ ส่วนภายในตำบล ถนนสายหลักที่ผ่านภายในหมู่บ้านจะเป็นลาดยาง คสล. และถนนลูกรัง ถนนลูกรังจะมีปัญหาในการคมนาคม ในฤดูฝน เนื่องจากเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขัง
การไฟฟ้า หมู่บ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน ๗ หมู่บ้าน และการประปา เทศบาลตำบลลำคลองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนในการจัดให้มีน้ำประปาอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลำคลองมีระบบน้ำประปาผิวดิน จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภค ความต้องการของชุมชนเป็นอย่างไร ต้องการทำอะไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๗. ไปรษณีย์และการสื่อสาร ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ตำบลไกลเคียงคือตำบลหนองสอ ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร แต่มีเจ้าหนี้ให้บริการในพื้นที่ การสื่อสารประชาชนในพื้นที่ให้โทรศัพท์สาธารณะเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตืดต่อสื่อสารเป็นหลัก หากชุมชนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ รู้จักใช้ จะช่วยด้านการสื่อสารได้สะดวกขึ้น
๘. ระบบเศรษฐกิจ ชุมชนมีอาชีพและรายได้จากการประกอบอาชีพดังนี้ ด้านการเกษตรประชากรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลประกอบอาชีพทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลด้านการเกษตร พื้นที่ทั้งหมด ๑๔,๗๔๔ ไร่
(๑) ข้าวนาปี ๗,๒๑๔ ไร่ จำนวน ๔๕๖ ครัวเรือน
(๒) ข้าวนาปรัง ๑.๒๐๐ ไร่ จำนวน ๒๐๐ ครัวเรือน
(๓) พืชไร่ ๒,๖๐๒ ไร่ จำนวน ๑,๒๖๔ ครัวเรือน
(๔) ไม้ผล ๘ ไร่ จำนวน ๙ ครัวเรือน
(๕) ไม้ยืนต้น ๕๒ ไร่ จำนวน ๓ ครัวเรือน
(๖) พืชผัก ๗๔ ไร่ จำนวน ๑๐๗ ครัวเรือน
(๗) การเกษตรอื่นๆ ๑๑๒ ไร่ จำนวน ๕๖ ครัวเรือน
๘.๒ ด้านการประมง ได้แก่ (๑) การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (๒) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน (๓) การอนุบาล ลูกปลานิลเพื่อจำน่าย และ (๔) อาชีพการประมงน้ำจืดในเขื่อนลำปาว
๘.๓ ด้านประศุสัตว์ ได้แก่ (๑) การเลี้ยง โค กระบือ (๒) การเลี้ยงสุกร และ (๓) การเลี้ยงเป็ด ไก่ดำ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๘.๔ ด้านการบริการ เทศบาลตำบลลำคลองได้จัดให้มีการบริการประชาชนดังนี้ (๑) ด้านการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเปิดให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) การให้บริการจัดเก็บภาษีเคลื่อนที่ (๓) การให้บริการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ และ (๔) การบริการเก็บขยะ และการดูดสิ่งปฏิกูลโดยคิดค่าบริการในราคาต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่
๘.๕ การท่องเที่ยว พื้นที่รับผิดชอบติดกับแหล่งท่องเทียวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวเขื่อนลำปาว ตลาดชุมชนคนขายปลา (ผันน้ำ) และ หาดดอกเกด (ทะเลอีสาน)
๘.๖ อุสาหกรรม พื้นที่เทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีโรงงานอุสาหกรรม ในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองเป็นลักษณะอุสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุสาหกรรมขนาดเล็ก
๘.๗ การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน การรวมกลุ่มทุกประเภท …๑๓… กลุ่ม แยกประเภทกลุ่ม (๑) กลุ่มอาชีพ ๑๓ กลุ่ม และ (๒) กลุ่มออมทรัพย์ ๑๒ กลุ่ม
๘.๘ แรงงาน ในพื้นที่เป็นการใช้แรงงานเกี่ยวกับการเกษตร การประมง การประศุสัตว์ ซึงเป็นอุสาหกรรมในครัวเรือน และการใช้แรงงานด้านการก่อสร้างในพื้นที่ และพื้นที่ไกลเคียงเป็นบ่างส่วน ประชากรส่วนมากในพื้นที่ ประกอบอาชีพเกษตรซึ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แรงงานเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนหมุนเวียนในกลุ่ม ในชุนชน
๙. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม การนับถือศาสนา ประชากรส่วนมากในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองนับถือศาสนาพุทธ สถาบัน องค์กรทางศาสนา เช่น วัด/สำนักสงฆ์ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านสะอาดนาทม วัดป่าศิริวรรณ วันศิริเจริญสุข วัดอนุมัจฉาราม วัดป่าชลประทานนิมิต วัดอัมพวันม่วงน้อย และ วัดมัจฉาราม และประเพณีและงานประจำปี ชุมชนมี ประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมคติความเชื่อวิถีปฏิบัติที่หลากหลายแต่ละฤดู เดือน จะมีพิธีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อหลากหลาย ชาวอีสานจะรู้จักดี คือ ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด โดยฮีตสิบสองคลองสิบสี่นี้ จะประกอบไปด้วย ฮีต ๑๒ ฮีต และคลอง ๔ ประเภท มี ๑๔ คลอง ได้แก่ บุญเข้ากรรม(บุญเดือนอ้าย) บุญคูณลาน เดือนยี่ บุญข้าวจี่(เดือนสาม) บุญเผวสหรือบุญมหาชาติ (เดือนสี่) บุญสงกรานต์ (บุญเดือนห้า) บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก) บุญเข้าพรรษา บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก บุญออกพรรษา บุญกฐิน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเอาทรัพยากรความรู้ ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน หรือเป็นลักษณะประจำท้องถิ่นมีคล้ายกันก็ได้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่นเกิดจากการที่ชาวบ้านแสวงหาความรู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติ ทางสังคมที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การประกอบประเพณี พิธีกรรมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้กระทำสบายใจ รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดี่ยว ให้คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกถือว่าเป็นพลังทางศีลธรรมหรือประเพณี การรวมกำลังช่วยกันทำงานที่ใหญ่หลวงเกินวิสัยที่จะทำได้สำเร็จคนเดียว เช่น สร้างวัด สร้างถนนหนทาง หรือขุดลอกแหล่งน้ำ เป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันภายในชุมชน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยทั่วไปภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นประโยชน์แก่คนทุกระดับมีลักษณะเด่นคือสร้างสำนึกเป็นหมู่คณะสูงทั้งในระดับครอบครัวและเครือญาติ
และสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของกลุ่มอาชีพที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากเทศบาลตำบลลำคลองเช่น ตระกล้าไม้ไผ่ จากกลุ่มจักรสาร ปลาส้มถอดก้าง ปลาแห้ง ปลาหล้า กุ้งก้ามกราม ผักปลอด

๑๐. ด้านทรัพยากร เทศบาลลำคลองมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและป้าไม้ในที่สาธารณา ดังนี้
๑๐.๑ แหล่งน้ำธรรมชาติ เทศบาลตำบลลำคลอง มีแหล่งดังนี้ แม่น้ำที่เป็นลำห้วย ๔ สาย ที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่ บึง,หนองและอื่นๆ ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง, หนองสิม, หนองแวง, หนองค่า หนองม่วง กุดฟ้าน้อย และกุดฟ้าใหญ่
๑๐.๒ ป่าไม้ทุ่งที่อยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โคกดอนก่อ ดอนปู่ตาบ้านหาดทอง โคกป่าช้าหนองม่วง โคกวัดป่าศิวิวรรณ ดอนปู่ตาบ้านสะอาดใต้
๑๐.๓ ด้านคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นป่าเสื่ยมโทรม ซึ่งเกิดจาการบุกรุกของประชาชนในพื้นที่ ซึงเทศบาลตำบลลำคลองได้มีโครงการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายประจำทุกปี หาประชาชนมีความเข้าใจในการรักษาป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่ใช้ในการหาเห็น ที่อยู่อาศัยของนก สัตว์ป่า และแหล่งเลี้ยงชุมชน จะมีป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป

ดังนั้นจากปัจจัยที่ ชุมชนมีโดยรวมแล้ว การสร้างชุมชนให้สามารถมีความเข้มแข็งสามารถพึงตนเองได้ นั้น จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลบริบทของชุมชน ปัญหา ศักยภาพและความต้องการของชุมชน โดยการใช้หลักการบูรณาการศาสตร์ โดยนักศึกษาและอาจารย์ลงพื้นที่ แฝงตัวในชุมชน เข้าพบและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งร่วมใช้ชีวิตกับชุมชน เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน จะได้เข้าใจถึงการยอมรับและปฏิเสธความต้องการของชุมชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน
Dr.Apichat Lagdee เมื่อ 31 ต.ค. 2562 22:07 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามการส่งเสริมรูปแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์แบบครบวงจร ชุมชนชาวผู้ไทย จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)1. เพื่อรวบรวมข้อมูลศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชนผู้ไทย บ้านโพน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
2. เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนการท่องเที่ยวชุมชนผู้ไทย บ้านโพน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
3. เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศการท่องเที่ยวโดยชุมชนผู้ไทย บ้านโพน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
4. เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์พื้นที่ชุมชนผู้ไทย บ้านโพน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
Thanyakon เมื่อ 31 ต.ค. 2562 22:03 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการหมู่บ้านมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ (ปี 2560)เขาวงเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์โดยถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีจุดเด่นและมีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตข้าวมาช้านานโดยเฉพาะข้าวเหนียวเขาวงที่มีชื่อเสียง และมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากเนื่องจากมีสภาพพื้นที่ปลูกที่เหมาะสมมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลายโครงการได้มีการเข้ามาดำเนินการในพื้นที่เช่นโครงการขยายผลเกษตรทฤษฎีใหม่อันเนื่องมาจากพระราชดำริถือว่าเป็นโครงการหนึ่งที่ได้สร้างความอยู่ดีกินดีอยู่ดีให้กับประชากรในท้องถิ่นโดยเฉพาะเรื่องของการผลิตข้าวครบวงจรซึ่ง เกษตรกรได้ดำเนินการไปแล้วในส่วนภาคการผลิตข้าวที่มีการใช้ระบบชลประทานและในปี 2550 ได้รับงบประมาณสร้างโรงสีข้าวชุมชนขึ้นในพื้นที่ปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการมากกว่า 170 คน มีข้าวเปลือกที่สมาชิกสามารถผลิตได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 400 ตัน จากผลการดำเนินงานโครงการหมู่บ้านราชมงคลปี 2558 ซึ่งเป็นโครงการสุดท้ายของชุดโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสานปัจจุบันโรงสีข้าวดังกล่าวสามารถสีข้าวเปลือกได้ปริมาณไม่น้อยกว่า 140 ตันต่อปีโดยคิดเป็นการสีข้าวเพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ประมาณ 100 ตันข้าวเปลือก และสีขาวเพื่อการค้าประมาณ 40 ตันข้าวเปลือกผลการดำเนินการที่ผ่านมาประสบปัญหาราคาข้าวเปลือกแพงอันเป็นผลสืบเนื่องจากมีพ่อค้าคนกลางและรู้สีนอกพื้นที่เข้ามากว้านซื้อข้าวเปลือกแต่ก็ยังผลดีให้แก่สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรคือทำให้สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่สามารถขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดและสามารถรับเงินสดจากรู้สีได้ทันทีซึ่งขั้นตอนการรับซื้อข้าวเปลือกจาก เกษตรกรก็ดำเนินการเหมือนโรงสีใหญ่โดยทั่วไปคือดูจากคุณภาพข้าวเป็นหลักซึ่งเป็นองค์ความรู้หนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนโครงการหมู่บ้านราชมงคลในปีที่ผ่านมาปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือคณะกรรมการบริหารงานของสหกรณ์และสมาชิกที่ดำเนินการขาดองค์ความรู้ด้านการตลาดการขายการผลิตอาหารที่ปลอดภัยสำหรับโรงสีข้าวตลอดจนยังขาดบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพและหากได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ในเรื่องส่วนที่ยังขาดอยู่ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้ศากรรู้สีข้าวชุมชนตำบลสงเปลือยสามารถอยู่ได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคงตลอดไป การดำเนินการโครงการหมู่บ้านมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ในปีงบประมาณ 2560 คณะผู้ดำเนินงานมุ่งเน้นกิจกรรมที่ให้สมาชิกสหกรณ์โรงสีข้าวชุมชนตำบลสงเปลือยใช่ไหมถึงจะตนเองพึ่งพากันเองได้อย่างเข้มแข็งและยังยืนซึ่งมีกิจกรรมย่อยประกอบด้วยการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องโรงสีข้าวจีเอ็มพีการบริหารจัดการด้านการขายและการตลาดการบรรจุภัณฑ์มาตรฐานสำหรับข่าวสาร
kannikar เมื่อ 31 ต.ค. 2562 21:44 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อรักษาพันธุกรรมและแปรรูปข้าวหอมมะลิแบบครบวงจร : กรณีศึกษาตำบลเหล่ากลาง อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)ข้าวหอมมะลิ (Thai jasmine rice) เป็นสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มีลักษณะเด่น คือ “กลิ่นหอมคล้ายใบเตย” เป็นพันธุ์ข้าวที่ทำให้ข้าวไทยเป็นสินค้าส่งออกที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ปัจจุบันกลับพบว่า ข้าวหอมมะลิ “มีความหอมลดลง” เหลือเพียงความนุ่ม ทำให้ผู้ค้าประสบกับปัญหาการแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหันไปเลือกซื้อข้าวชนิดอื่นที่มีราคาถูกกว่า นอกจากนี้ ข้าวหอมมะลิ ที่วางจำหน่ายเป็นข้าวเปลือกข้าวสาร หรือข้าวสารบรรจุถุง ยังมีคู่แข่งเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศเองและนอกประเทศ ดังนั้นการแปรรูป ข้าวหอมมะลิ จึงเป็นแนวทางในการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต และเป็นการขยายฐานลูกค้าออกไปอีกทางหนึ่งด้วย
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช มีประโยชน์หลายด้าน ได้แก่ สามารถผลิตต้นพืช ได้เป็นจำนวนมากใน
ระยะเวลาอันสั้น เป็นการผลิตต้นพืชที่ปราศจากโรค สามารถปรับปรุงพันธุ์พืช สามารถผลิตพืชที่มีความต้านทานต่อโรคและแมลง หรือทนทานต่อสภาพแวดล้อม เป็นต้น และการขยายพันธุ์พืชโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ยังทำให้ได้พืชที่มีคุณลักษณะเหมือนต้นแม่ ที่นำมาเพาะเลี้ยง
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของท้องถิ่น มีอาจารย์และนักศึกษาที่มีองค์ความรู้ และมีความพร้อมในการถ่ายทอดให้กับชุมชน จึงเห็นว่า หากเกษตรมีความสามารถในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชได้เอง ก็จะทำให้สามารถรักษาพันธุกรรมของพืชเอาไว้ได้ และหากสามารถแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนมีความเข้าใจช่องทางการขายแบบพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์เพื่อให้สามารถสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเข้าถึงโดยตรง ลดต้นทุนการวางจำหน่ายและแรงงานขายหน้าร้าน ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเอง ชุมชน และประเทศได้
Thanyakon เมื่อ 31 ต.ค. 2562 21:42 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการกระบวนการจัดการนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลาแบบมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อเป็นเศรษฐกิจชุมชนต้นแบบ จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2562)จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นอีกจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ในด้านการประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสาหรับการเลี้ยงปลา ในบริเวณพื้นที่ เขื่อนลาปาว ซึ่งปัจจุบันมีการเพราะเลี้ยงปลาในบริเวณเขื่อนลาปาวเป็นจานวนมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่เสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งในแต่ละวันมีจานวนปริมาณปลาที่ได้จากเขื่อนลาปาว ด้วยวิธีการธรรมชาติ และการเพาะเลี้ยงเป็นจานวนมาก ทาให้การขายนั้นมีหลากหลายวิธี ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีปลาจานวนมากที่ไม่สามารถขายได้ทันความต้องการของตลาด จึงทาให้ชาวบ้านมีการแปรรูปผลผลิตจากปลา ได้หลากหลายรูปแบบ การประยุกต์จากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ทาการแปรรูปเพื่อให้ได้ผลผลิต การเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยซึ่งมีการสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงชีวิต สภาพความเป็นอยู่ ชีวิต สังคม เศรษฐกิจ ความเชื่อและขนบธรรมเนียมประเพณี ที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องจึงทาให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นยังคงอยู่มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันคนในชุมชนสามารถผลิตการแปรรูปปลา เพื่อจาหน่ายในบริเวณพื้นที่เขื่อนลำปาว ภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ นั้นยังมีปัญหาเริ่มตั้งแต่ปัจจัยการผลิต กระบวนการผลิต ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพที่แตกต่างกัน ขาดคุณภาพ และความปลอดภัย และยังไม่มีการบริหารจัดการกลุ่มที่เป็นรูปธรรมชัดเจนจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น สาขาวิชาบริหารธุรกิจ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิตสาขาวิชาการจัดการ จึงสนใจที่จะดาเนินการบริการวิชาการโครงการกระบวนการจัดการนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลาแบบมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อเป็นเศรษฐกิจชุมชนต้นแบบ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ การจัดการนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลาแบบมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อเป็นเศรษฐกิจชุมชนต้นแบบ จังหวัดกาฬสินธุ์ สามารถนาไปใช้เป็นแนวทางสาหรับการพัฒนาปรับปรุงการวางแผนจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนต้นแบบกาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน การพึ่งพาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนสู่ความยั่งยืนต่อไป
Thanyakon เมื่อ 31 ต.ค. 2562 21:35 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการการถ่ายทอดผลงานวิจัย:นวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารปลอดกลูเตนจากข้าวดอกมะลิ 105 และข้าวไรซ์เบอร์รี่จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2562)ข้าวจัดเป็นยุทธศาสตร์ของชาติ เกษตรกรนิยมปลูกข้าวขาวดอกมะลิ105 ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้วยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้นิยมเพาะปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ด้วยเป็นพันธุ์ที่ได้รับการส่งเสริมและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากเป็นพันธุ์ข้าวที่ดีต่อสุขภาพคนไทย ลักษณะเมล็ดข้าวสีม่วงดา รสชาติหอมหวานนุ่มนวล มีคุณค่าทางโภชนาการสูงโดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต และลดคอเลสเตอรอลในเลือด อย่างไรก็ตามในการนาวัตถุดิบข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์เพื่อประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ต้องทราบข้อมูลพื้นฐานองค์ประกอบทางเคมีของข้าว ได้แก่ ความชื้น โปรตีนรวม ไขมันรวม เยื่อใยรวม เถ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณแอมิโลสและสมบัติความหนืดของแป้งข้าว จากการสืบค้นข้อมูล แต่ยังขาดข้อมูลคุณสมบัติด้านนี้ ในปัจจุบันมีการนาแป้งข้าวเจ้า (ไม่ผ่านการดัดแปร และข้าวนึ่ง ข้าวฮาง) ทดแทนแป้งสาลี โดยเฉพาะผลิตอาหารปลอดกลูเตนสาหรับผู้บริโภคที่แพ้กลูเตน ซึ่งถ้าต้องการใช้แป้งข้าวทดแทนแป้งสาลีทั้งหมด ต้องเติมสารช่วยการพยุงโครงร่างของโปรตีนข้าว ดังนั้นจึงมีแนวคิดการถ่ายทอดผลงานวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารปลอดกลูเตนจากข้าวขาวดอกมะลิ105 และข้าวไรซ์เบอร์รี่จังหวัดกาฬสินธุ์
Thanakit เมื่อ 31 ต.ค. 2562 21:34 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านสะอาดใต้ (ปี 2563)ชุมชนต้องการพให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จากการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยดำเนินการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีผลงานเชิงประจักษ์ โดยทีมงานสำนักบริการวิชาการ รศ.ประสบสุข ฤทธิเดช และคณะ ได้ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน ส่งผลให้ ชุมชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจขอให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาชุมชน เมื่อชุมชน โดยการนำของผู้นำชุมชน นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ นายกเทศบาล ได้มาติดต่อสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลั้ยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อให้ศึกษาและร่วมพัฒนาชุมชน โดยชุมชนมีความต้องการหลายประเด็น ทั้งนี้หากเป็นไปได้ การทำฐานข้อมูลชุมชน นำสู่การวิเคราะห์เพื่อยกระดับการคุณภาพชีวิตของชุมชน การเข้าใจ เข้าถึง ชุมชนในพื้นที่ จึงเป็นขุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมพัฒนา ชุมชนอย่างแท้จริง การที่ชุมชนมีปัจจัยและสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ ทรัพยากร และความหลายกหลายอาชีพและรายได้ที่ดำเนินการชีวิตมาแต่เดิมนั้น หากจะเห็นการศึกษาเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมของชุมชน สร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ดี ธำรงค์ไว้ และเติมเต็มในสิ่งที่ชุมชนต้องการเพื่อพัฒนาการเป็นอยู่ของชุมชนให้รู้เท่าทันประเทศไทยและโลก ๔.๐ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆที่จะแทรกเข้ามาทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อันจะทำให้ชุมชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ชุมชนสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ในเทคโนโลยีผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดีดีงาม สืบสาน ต่อยอด จนทำให้สังคมได้รับการยอมรับหรือสร้างความโดเด่นเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชนได้นั้น ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมใน ร่วมคิด ร่วมวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน ให้เกิดผลงานที่เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลถึงความภาคภูมใจของชุมชน บนพื้นฐานวัฒฯธรรมและวิ๔ชีวิตของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงสนใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นการบูรณาการศาสตร์ “บูรณาการศาสตร์โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบัติการในพื้นที่จริงให้กับนักศึกษา สร้างงานวิจัยให้กับอาจารย์พี่ลี้ยงที่เป็นงานวิชัยเชิงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ให้กับประเทศชาติ โดยการนำนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่มีความรู้ในศาสตร์ มีประสบการณ์วิจัยในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ในชุมชนที่ต้องและได้เสนอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลงพื้นที่ เพื่อยกระดับส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยชุมชนได้ขอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ MOU) เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนาต่อยอดตามบริบทและความต้องการของชุมชน ดังนี้ โครงการอาสาประชารัฐ ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้ศึกษาวิเคราะห์ ออกแบบการส่งเสริมพัฒนาชุมชน โดยบูรณาการการเรียนการสอนของอาจารญ์และนักศึกษาหลาย ๆ ศาสตร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์บริบท ปัญหา สร้างฐานข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอด
ผลที่ได้กับชุมชน ชุมชนจะมีความเข้าใจในตนเอง รู้จักหน้าที่และสิทธิ ในการครองตนการเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสุขภาวะในชุมชน สร้างสุขภาพที่ดีของชุมชนและครอบครัว การดูแลตนเอง การรู้จัดเลือกกิน เลือกใช้ เลือกผลิต อาหารที่ถูกหลัก การดูแลสุขภาวะของตนเอง-คนสูงอายุและเด็กเล็ก-รวมทั้งเยาวชนในวัยเรียน ให้รู้จักการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีมือถือของชุมชน โดยกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อมนำราชโชบายของราชภัฏสู่การพัฒนาท้องถิ่นสร้างจิตอาสาในชุมชน โดย ราชภัฏสร้าง “จิตอาสาประชารัฐพัฒนาชุมชน” ให้เป็นไปตาม ปณิทานของราชภัฏ “”คนของพระราชา ข้าของแผนดิน” ที่ร่วมกันในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป อันจะส่งผลให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏได้นำนักศึกษาและอาจารย์ได้ลงปฏิบัติการ วิจัยและศึกษาข้อมูลในชุมชน โดยนำนักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติจริงในชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้ครอบคลุมในการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยใช้ศาสตร์ที่ได้ศึกษาในหลักสูตร บูรณาการเข้ากับศาสตร์ของกลุ่มที่ร่วมพัฒนา สร้างองค์ความรู้ใหม่ “ชีวิต ๔.๐ ในชุมชนมีความสุขด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง อาจารย์ นักศึกษา ชุมชน ได้เข้าใจการใช้ชีวิตในแต่ละบริบท สร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้สภาพแสดล้อม สื่อ เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ นำความรู้ที่ได้มาจัดการชีวิตสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
จิตอาสา หมายถึง การที่ทีมงานวิจัยและสมาชิกที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของกิจกรรม/โครงการ อันได้แก่ ผู้บริหารบุคลากรและนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการในชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เข้าใจหน้าที่ และสิทธิ การเป็นพลเมืองที่พึงประสงค์ตามคุณลักณะ ๔ ประการ ในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ความเข้าใจการปกครอง การใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข การอยู่ร่วมกับสังคม การพึ่งพาอาสัยกันและการเสียสระเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น โดยอาสาสมัครร่วมสร้างงาน สร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวกต่อสังคมและชุมชน
การเรียนรู้จากชุมชน จะทำให้ได้พบข้อเท็จจริง ที่เป็นความต้องการของชุมชน จะได้แนวทางและความต้องการของชุมชนที่ชัดเจน การพัฒนา สร้างงาน สร้างรายได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง มีรายได้ เข้าใจ เข้าถึงการใช้ชีวิต ในโลกเทคโนโลยี โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบูรณาการกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีกินอย่างมีความสุขและปลอดภัยจากเทคโนโลยี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผาสุข มีความรักสามัคี เข้าใจหน้าที่ บทบาทการเป็นพลเมืองในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างยั่งยืนสืบไป
จากการร่วมจากการลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บริบท ปัญหา และความต้องการกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ พบว่า ชุมชนมีความต้องการเบื้องต้นดังนี้
๑. ต้องการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเพื่อพัฒนาชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นพี่เลี้ยงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
๒. ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ด้านการการศึกษา ในชุมชนมี โรงเรียนประถมศึกษา ๒ แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒ แห่ง ที่เด็กในวัยเรียน ๑๙๗ คน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๕๙ คน
๓. ด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เทศบาลตำบลลำคลอง มีสถานีอนามัย ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๑ มีจำนวนบุคลากร ๔ คน อัตราการมีและการใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ ๑๐๐ และการดูแลสุขอนามัยของชุมชน เนื่องจากนุมชนมีการเลี้ยงสัตว์ วัว โค หมู่ ไก่ เป็น สุนัข และแมว
๔. อาชญากรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีสถานีตำรวจภายในตำบล ในการรักษาความปลอดภัยภายในตำบล ภายในหมู่บ้าน ทำให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบ ถ้าเกิดเหตุจะประสานไปยังตำรวจภายใน สภ. ลำปาว ดังนั้นการสร้างจิตอาสาในการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สร้างพลังของชุมชนให้มีความรักสามัคคี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ชุมชนต้องการให้เกิดขึ้นในชุมชน
๕. ยาเสพติด ปัญหาด้านการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ยาเสพติดที่มีปัญหาการค้าและแพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาเป็นกัญชาแห้ง และสารระเหย ตามลำดับ ส่วนไอซ์ กัญชาสด และพืชกระท่อม สภาพปัญหาอยู่ในระดับไม่รุนแรง การสังคมสงเคราะห์ งานในด้านการบำบัดและพื้นฟูผู้ป่วยและผู้ติดยาเสพติด และการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและพื้นฟู แก้ไขผู้กระทำผิดประกอบด้วยผู้กระทำผิดที่มาจากหลากหลายรูปแบบของสังคม เป็นเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ผู้พิการ
๖. ด้านระบบบริการพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เทศบาลตำบลลำคลอง มีพื้นที่ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์ ๒๐ กิโลเมตร ผ่านไปยัง อำเภอสหัสขันธ์ ส่วนภายในตำบล ถนนสายหลักที่ผ่านภายในหมู่บ้านจะเป็นลาดยาง คสล. และถนนลูกรัง ถนนลูกรังจะมีปัญหาในการคมนาคม ในฤดูฝน เนื่องจากเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขัง
การไฟฟ้า หมู่บ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน ๗ หมู่บ้าน และการประปา เทศบาลตำบลลำคลองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนในการจัดให้มีน้ำประปาอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลำคลองมีระบบน้ำประปาผิวดิน จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภค ความต้องการของชุมชนเป็นอย่างไร ต้องการทำอะไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๗. ไปรษณีย์และการสื่อสาร ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ตำบลไกลเคียงคือตำบลหนองสอ ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร แต่มีเจ้าหนี้ให้บริการในพื้นที่ การสื่อสารประชาชนในพื้นที่ให้โทรศัพท์สาธารณะเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตืดต่อสื่อสารเป็นหลัก หากชุมชนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ รู้จักใช้ จะช่วยด้านการสื่อสารได้สะดวกขึ้น
๘. ระบบเศรษฐกิจ ชุมชนมีอาชีพและรายได้จากการประกอบอาชีพดังนี้ ด้านการเกษตรประชากรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลประกอบอาชีพทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลด้านการเกษตร พื้นที่ทั้งหมด ๑๔,๗๔๔ ไร่
(๑) ข้าวนาปี ๗,๒๑๔ ไร่ จำนวน ๔๕๖ ครัวเรือน
(๒) ข้าวนาปรัง ๑.๒๐๐ ไร่ จำนวน ๒๐๐ ครัวเรือน
(๓) พืชไร่ ๒,๖๐๒ ไร่ จำนวน ๑,๒๖๔ ครัวเรือน
(๔) ไม้ผล ๘ ไร่ จำนวน ๙ ครัวเรือน
(๕) ไม้ยืนต้น ๕๒ ไร่ จำนวน ๓ ครัวเรือน
(๖) พืชผัก ๗๔ ไร่ จำนวน ๑๐๗ ครัวเรือน
(๗) การเกษตรอื่นๆ ๑๑๒ ไร่ จำนวน ๕๖ ครัวเรือน
๘.๒ ด้านการประมง ได้แก่ (๑) การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (๒) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน (๓) การอนุบาล ลูกปลานิลเพื่อจำน่าย และ (๔) อาชีพการประมงน้ำจืดในเขื่อนลำปาว
๘.๓ ด้านประศุสัตว์ ได้แก่ (๑) การเลี้ยง โค กระบือ (๒) การเลี้ยงสุกร และ (๓) การเลี้ยงเป็ด ไก่ดำ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๘.๔ ด้านการบริการ เทศบาลตำบลลำคลองได้จัดให้มีการบริการประชาชนดังนี้ (๑) ด้านการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเปิดให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) การให้บริการจัดเก็บภาษีเคลื่อนที่ (๓) การให้บริการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ และ (๔) การบริการเก็บขยะ และการดูดสิ่งปฏิกูลโดยคิดค่าบริการในราคาต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่
๘.๕ การท่องเที่ยว พื้นที่รับผิดชอบติดกับแหล่งท่องเทียวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวเขื่อนลำปาว ตลาดชุมชนคนขายปลา (ผันน้ำ) และ หาดดอกเกด (ทะเลอีสาน)
๘.๖ อุสาหกรรม พื้นที่เทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีโรงงานอุสาหกรรม ในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองเป็นลักษณะอุสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุสาหกรรมขนาดเล็ก
๘.๗ การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน การรวมกลุ่มทุกประเภท …๑๓… กลุ่ม แยกประเภทกลุ่ม (๑) กลุ่มอาชีพ ๑๓ กลุ่ม และ (๒) กลุ่มออมทรัพย์ ๑๒ กลุ่ม
๘.๘ แรงงาน ในพื้นที่เป็นการใช้แรงงานเกี่ยวกับการเกษตร การประมง การประศุสัตว์ ซึงเป็นอุสาหกรรมในครัวเรือน และการใช้แรงงานด้านการก่อสร้างในพื้นที่ และพื้นที่ไกลเคียงเป็นบ่างส่วน ประชากรส่วนมากในพื้นที่ ประกอบอาชีพเกษตรซึ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แรงงานเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนหมุนเวียนในกลุ่ม ในชุนชน
๙. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม การนับถือศาสนา ประชากรส่วนมากในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองนับถือศาสนาพุทธ สถาบัน องค์กรทางศาสนา เช่น วัด/สำนักสงฆ์ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านสะอาดนาทม วัดป่าศิริวรรณ วันศิริเจริญสุข วัดอนุมัจฉาราม วัดป่าชลประทานนิมิต วัดอัมพวันม่วงน้อย และ วัดมัจฉาราม และประเพณีและงานประจำปี ชุมชนมี ประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมคติความเชื่อวิถีปฏิบัติที่หลากหลายแต่ละฤดู เดือน จะมีพิธีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อหลากหลาย ชาวอีสานจะรู้จักดี คือ ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด โดยฮีตสิบสองคลองสิบสี่นี้ จะประกอบไปด้วย ฮีต ๑๒ ฮีต และคลอง ๔ ประเภท มี ๑๔ คลอง ได้แก่ บุญเข้ากรรม(บุญเดือนอ้าย) บุญคูณลาน เดือนยี่ บุญข้าวจี่(เดือนสาม) บุญเผวสหรือบุญมหาชาติ (เดือนสี่) บุญสงกรานต์ (บุญเดือนห้า) บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก) บุญเข้าพรรษา บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก บุญออกพรรษา บุญกฐิน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเอาทรัพยากรความรู้ ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน หรือเป็นลักษณะประจำท้องถิ่นมีคล้ายกันก็ได้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่นเกิดจากการที่ชาวบ้านแสวงหาความรู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติ ทางสังคมที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การประกอบประเพณี พิธีกรรมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้กระทำสบายใจ รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดี่ยว ให้คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกถือว่าเป็นพลังทางศีลธรรมหรือประเพณี การรวมกำลังช่วยกันทำงานที่ใหญ่หลวงเกินวิสัยที่จะทำได้สำเร็จคนเดียว เช่น สร้างวัด สร้างถนนหนทาง หรือขุดลอกแหล่งน้ำ เป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันภายในชุมชน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยทั่วไปภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นประโยชน์แก่คนทุกระดับมีลักษณะเด่นคือสร้างสำนึกเป็นหมู่คณะสูงทั้งในระดับครอบครัวและเครือญาติ
และสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของกลุ่มอาชีพที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากเทศบาลตำบลลำคลองเช่น ตระกล้าไม้ไผ่ จากกลุ่มจักรสาร ปลาส้มถอดก้าง ปลาแห้ง ปลาหล้า กุ้งก้ามกราม ผักปลอด

๑๐. ด้านทรัพยากร เทศบาลลำคลองมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและป้าไม้ในที่สาธารณา ดังนี้
๑๐.๑ แหล่งน้ำธรรมชาติ เทศบาลตำบลลำคลอง มีแหล่งดังนี้ แม่น้ำที่เป็นลำห้วย ๔ สาย ที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่ บึง,หนองและอื่นๆ ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง, หนองสิม, หนองแวง, หนองค่า หนองม่วง กุดฟ้าน้อย และกุดฟ้าใหญ่
๑๐.๒ ป่าไม้ทุ่งที่อยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โคกดอนก่อ ดอนปู่ตาบ้านหาดทอง โคกป่าช้าหนองม่วง โคกวัดป่าศิวิวรรณ ดอนปู่ตาบ้านสะอาดใต้
๑๐.๓ ด้านคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นป่าเสื่ยมโทรม ซึ่งเกิดจาการบุกรุกของประชาชนในพื้นที่ ซึงเทศบาลตำบลลำคลองได้มีโครงการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายประจำทุกปี หาประชาชนมีความเข้าใจในการรักษาป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่ใช้ในการหาเห็น ที่อยู่อาศัยของนก สัตว์ป่า และแหล่งเลี้ยงชุมชน จะมีป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป

ดังนั้นจากปัจจัยที่ ชุมชนมีโดยรวมแล้ว การสร้างชุมชนให้สามารถมีความเข้มแข็งสามารถพึงตนเองได้ นั้น จำเป้นต้องศึกษาข้อมูลบริบทของชุมชน ปัญหา ศักยภาพและความต้องการของชุมชน โดยการใช้หลักการบูรณาการศาสตร์ โดยนักศึกษาและอาจารย์ลงพื้นที่ แฝงตัวในชุมชน เข้าพบและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งร่วมใช้ชีวิตกับชุมชน เพื่อเรียนรู้วิ๔ชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน จะได้เข้าใจถึงการยอมรับและปฏิเสธความต้องการของชุมชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน
Thanyakon เมื่อ 31 ต.ค. 2562 21:21 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์การใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบอาหารสัตว์ในท้องถิ่นเป็นอาหารสัตว์ (ปี 2562)จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นเขตพื้นที่ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศที่มีการทำเกษตรปศุสัตว์การเลี้ยงโคเนื้อ ซึ่งจากการรายงานของกรมปศุสัตว์จังหวัดกาฬสินธุ์ปี พ.ศ. 2558 พบว่า พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจำนวน 14,702 ครัวเรือน และมีจำนวนโคเนื้อรวม 56,102 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มาก ในปัจจุบันพบว่าการเลี้ยงโคจะประสบกับปัญหาต้นทุนการผลิตหรือการเลี้ยงมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เนื่องมาจากวัตถุดิบที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ถูกนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงสัตว์คือ ต้นทุนค่าอาหารคิดเป็นประมาณ 70 -80 % ของต้นทุนทั้งหมดในการเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคต้องปรับตัวเพื่อลดต้นทุนการผลิต ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาวัตถุดิบทดแทนที่มีปริมาณมากในท้องถิ่นและราคาถูกมาใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์มีการปลูกมันสำปะหลังเป็นจำนวนมาก หัวมันสำปะหลังคือหนึ่งวัตถุดิบที่ใช้เป็นแหล่งพลังงานในสูตรอาหารสัตว์ ในการปลูกมันสำปะหลังนอกจากจะได้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังแล้ว ยังมีใบมันสำปะหลังเป็นเศษเหลือหลังจากเก็บผลผลิต ซึ่งสามารถนำใบมันสำปะหลังมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ นอกจากนี้ ยังมีผลพลอยได้หรือเศษเหลือจากโรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่มากในท้องถิ่นและมีราคาต่ำ เช่น เปลือกมันสำปะหลังล้าง กากมันสำปะหลัง สามารถนำมาใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารสัตว์ในการเลี้ยงโคที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในสภาวะวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลน หรือมีราคาสูงขึ้น ดังนั้น ถ้ามีการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบอาหารสัตว์ในท้องถิ่นเป็นอาหารสัตว์ก็จะทำให้ต้นทุนค่าอาหารสัตว์ลดลงได้
Thanakit เมื่อ 31 ต.ค. 2562 20:50 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชม “นวัตวิถีเอกลักษณ์ชุมชนกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” หมู่บ้านปลาเค้าน้อย (ปี 2563)ชุมชนต้องการพให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เข้าร่วมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จากการให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยดำเนินการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ที่มีผลงานเชิงประจักษ์ โดยทีมงานสำนักบริการวิชาการ รศ.ประสบสุข ฤทธิเดช และคณะ ได้ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน ส่งผลให้ ชุมชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจขอให้มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาชุมชน เมื่อชุมชน โดยการนำของผู้นำชุมชน นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ นายกเทศบาล ได้มาติดต่อสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลั้ยราชภัฏมหาสารคาม เพื่อให้ศึกษาและร่วมพัฒนาชุมชน โดยชุมชนมีความต้องการหลายประเด็น ทั้งนี้หากเป็นไปได้ การทำฐานข้อมูลชุมชน นำสู่การวิเคราะห์เพื่อยกระดับการคุณภาพชีวิตของชุมชน การเข้าใจ เข้าถึง ชุมชนในพื้นที่ จึงเป็นขุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมพัฒนา ชุมชนอย่างแท้จริง การที่ชุมชนมีปัจจัยและสิ่งที่เป็นองค์ความรู้ ทรัพยากร และความหลายกหลายอาชีพและรายได้ที่ดำเนินการชีวิตมาแต่เดิมนั้น หากจะเห็นการศึกษาเรียนรู้เข้าใจวัฒนธรรมของชุมชน สร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่ดี ธำรงค์ไว้ และเติมเต็มในสิ่งที่ชุมชนต้องการเพื่อพัฒนาการเป็นอยู่ของชุมชนให้รู้เท่าทันประเทศไทยและโลก ๔.๐ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆที่จะแทรกเข้ามาทางช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ อันจะทำให้ชุมชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ดังนั้นการทำให้ชุมชนสามารถเรียนรู้ เข้าใจ ในเทคโนโลยีผสานกับวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดีดีงาม สืบสาน ต่อยอด จนทำให้สังคมได้รับการยอมรับหรือสร้างความโดเด่นเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชนได้นั้น ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมใน ร่วมคิด ร่วมวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ความต้องการ และขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยกัน ให้เกิดผลงานที่เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลถึงความภาคภูมใจของชุมชน บนพื้นฐานวัฒฯธรรมและวิ๔ชีวิตของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงสนใจรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นการบูรณาการศาสตร์ “บูรณาการศาสตร์โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการเรียนรู้” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปฏิบัติการในพื้นที่จริงให้กับนักศึกษา สร้างงานวิจัยให้กับอาจารย์พี่ลี้ยงที่เป็นงานวิชัยเชิงพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ให้กับประเทศชาติ โดยการนำนักศึกษา บุคลากร อาจารย์ที่มีความรู้ในศาสตร์ มีประสบการณ์วิจัยในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ในชุมชนที่ต้องและได้เสนอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามลงพื้นที่ เพื่อยกระดับส่งเสริมการพัฒนาชุมชน โดยชุมชนได้ขอร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจ MOU) เพื่อให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนาต่อยอดตามบริบทและความต้องการของชุมชน ดังนี้ โครงการอาสาประชารัฐ ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากที่จะทำให้มหาวิทยาลัยได้ศึกษาวิเคราะห์ ออกแบบการส่งเสริมพัฒนาชุมชน โดยบูรณาการการเรียนการสอนของอาจารญ์และนักศึกษาหลาย ๆ ศาสตร์ ร่วมลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์บริบท ปัญหา สร้างฐานข้อมูลชุมชน นำมาวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอด
ผลที่ได้กับชุมชน ชุมชนจะมีความเข้าใจในตนเอง รู้จักหน้าที่และสิทธิ ในการครองตนการเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสุขภาวะในชุมชน สร้างสุขภาพที่ดีของชุมชนและครอบครัว การดูแลตนเอง การรู้จัดเลือกกิน เลือกใช้ เลือกผลิต อาหารที่ถูกหลัก การดูแลสุขภาวะของตนเอง-คนสูงอายุและเด็กเล็ก-รวมทั้งเยาวชนในวัยเรียน ให้รู้จักการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยีมือถือของชุมชน โดยกิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อมนำราชโชบายของราชภัฏสู่การพัฒนาท้องถิ่นสร้างจิตอาสาในชุมชน โดย ราชภัฏสร้าง “จิตอาสาประชารัฐพัฒนาชุมชน” ให้เป็นไปตาม ปณิทานของราชภัฏ “”คนของพระราชา ข้าของแผนดิน” ที่ร่วมกันในการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป อันจะส่งผลให้ มหาวิทยาลัยราชภัฏได้นำนักศึกษาและอาจารย์ได้ลงปฏิบัติการ วิจัยและศึกษาข้อมูลในชุมชน โดยนำนักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติจริงในชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนให้ครอบคลุมในการอยู่ร่วมกันในสังคมโดยใช้ศาสตร์ที่ได้ศึกษาในหลักสูตร บูรณาการเข้ากับศาสตร์ของกลุ่มที่ร่วมพัฒนา สร้างองค์ความรู้ใหม่ “ชีวิต ๔.๐ ในชุมชนมีความสุขด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต”
การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง อาจารย์ นักศึกษา ชุมชน ได้เข้าใจการใช้ชีวิตในแต่ละบริบท สร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้สภาพแสดล้อม สื่อ เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ นำความรู้ที่ได้มาจัดการชีวิตสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
จิตอาสา หมายถึง การที่ทีมงานวิจัยและสมาชิกที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของกิจกรรม/โครงการ อันได้แก่ ผู้บริหารบุคลากรและนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการในชุมชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เข้าใจหน้าที่ และสิทธิ การเป็นพลเมืองที่พึงประสงค์ตามคุณลักณะ ๔ ประการ ในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ความเข้าใจการปกครอง การใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข การอยู่ร่วมกับสังคม การพึ่งพาอาสัยกันและการเสียสระเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น โดยอาสาสมัครร่วมสร้างงาน สร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวกต่อสังคมและชุมชน
การเรียนรู้จากชุมชน จะทำให้ได้พบข้อเท็จจริง ที่เป็นความต้องการของชุมชน จะได้แนวทางและความต้องการของชุมชนที่ชัดเจน การพัฒนา สร้างงาน สร้างรายได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง มีรายได้ เข้าใจ เข้าถึงการใช้ชีวิต ในโลกเทคโนโลยี โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นบูรณาการกับศาสตร์พระราชา เพื่อให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีกินอย่างมีความสุขและปลอดภัยจากเทคโนโลยี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างผาสุข มีความรักสามัคี เข้าใจหน้าที่ บทบาทการเป็นพลเมืองในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างยั่งยืนสืบไป
จากการร่วมจากการลงพื้นที่ เพื่อสอบถาม บริบท ปัญหา และความต้องการกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ พบว่า ชุมชนมีความต้องการเบื้องต้นดังนี้
๑. ต้องการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเพื่อพัฒนาชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นพี่เลี้ยงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
๒. ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ด้านการการศึกษา ในชุมชนมี โรงเรียนประถมศึกษา ๒ แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๒ แห่ง ที่เด็กในวัยเรียน ๑๙๗ คน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๕๙ คน
๓. ด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เทศบาลตำบลลำคลอง มีสถานีอนามัย ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดนาทม หมู่ที่ ๑ มีจำนวนบุคลากร ๔ คน อัตราการมีและการใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ ๑๐๐ และการดูแลสุขอนามัยของชุมชน เนื่องจากนุมชนมีการเลี้ยงสัตว์ วัว โค หมู่ ไก่ เป็น สุนัข และแมว
๔. อาชญากรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีสถานีตำรวจภายในตำบล ในการรักษาความปลอดภัยภายในตำบล ภายในหมู่บ้าน ทำให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบ ถ้าเกิดเหตุจะประสานไปยังตำรวจภายใน สภ. ลำปาว ดังนั้นการสร้างจิตอาสาในการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สร้างพลังของชุมชนให้มีความรักสามัคคี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ชุมชนต้องการให้เกิดขึ้นในชุมชน
๕. ยาเสพติด ปัญหาด้านการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ยาเสพติดที่มีปัญหาการค้าและแพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาเป็นกัญชาแห้ง และสารระเหย ตามลำดับ ส่วนไอซ์ กัญชาสด และพืชกระท่อม สภาพปัญหาอยู่ในระดับไม่รุนแรง การสังคมสงเคราะห์ งานในด้านการบำบัดและพื้นฟูผู้ป่วยและผู้ติดยาเสพติด และการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและพื้นฟู แก้ไขผู้กระทำผิดประกอบด้วยผู้กระทำผิดที่มาจากหลากหลายรูปแบบของสังคม เป็นเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ชาย หญิง ผู้พิการ
๖. ด้านระบบบริการพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง เทศบาลตำบลลำคลอง มีพื้นที่ห่างจากเมืองกาฬสินธุ์ ๒๐ กิโลเมตร ผ่านไปยัง อำเภอสหัสขันธ์ ส่วนภายในตำบล ถนนสายหลักที่ผ่านภายในหมู่บ้านจะเป็นลาดยาง คสล. และถนนลูกรัง ถนนลูกรังจะมีปัญหาในการคมนาคม ในฤดูฝน เนื่องจากเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขัง
การไฟฟ้า หมู่บ้านที่ไฟฟ้าเข้าถึง จำนวน ๗ หมู่บ้าน และการประปา เทศบาลตำบลลำคลองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนในการจัดให้มีน้ำประปาอย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลำคลองมีระบบน้ำประปาผิวดิน จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภค ความต้องการของชุมชนเป็นอย่างไร ต้องการทำอะไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๗. ไปรษณีย์และการสื่อสาร ประชาชนในพื้นที่ใช้บริการไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ตำบลไกลเคียงคือตำบลหนองสอ ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๕ กิโลเมตร แต่มีเจ้าหนี้ให้บริการในพื้นที่ การสื่อสารประชาชนในพื้นที่ให้โทรศัพท์สาธารณะเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตืดต่อสื่อสารเป็นหลัก หากชุมชนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ รู้จักใช้ จะช่วยด้านการสื่อสารได้สะดวกขึ้น
๘. ระบบเศรษฐกิจ ชุมชนมีอาชีพและรายได้จากการประกอบอาชีพดังนี้ ด้านการเกษตรประชากรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลประกอบอาชีพทางการเกษตร ได้แก่ ข้อมูลด้านการเกษตร พื้นที่ทั้งหมด ๑๔,๗๔๔ ไร่
(๑) ข้าวนาปี ๗,๒๑๔ ไร่ จำนวน ๔๕๖ ครัวเรือน
(๒) ข้าวนาปรัง ๑.๒๐๐ ไร่ จำนวน ๒๐๐ ครัวเรือน
(๓) พืชไร่ ๒,๖๐๒ ไร่ จำนวน ๑,๒๖๔ ครัวเรือน
(๔) ไม้ผล ๘ ไร่ จำนวน ๙ ครัวเรือน
(๕) ไม้ยืนต้น ๕๒ ไร่ จำนวน ๓ ครัวเรือน
(๖) พืชผัก ๗๔ ไร่ จำนวน ๑๐๗ ครัวเรือน
(๗) การเกษตรอื่นๆ ๑๑๒ ไร่ จำนวน ๕๖ ครัวเรือน
๘.๒ ด้านการประมง ได้แก่ (๑) การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม (๒) การเลี้ยงปลาในบ่อดิน (๓) การอนุบาล ลูกปลานิลเพื่อจำน่าย และ (๔) อาชีพการประมงน้ำจืดในเขื่อนลำปาว
๘.๓ ด้านประศุสัตว์ ได้แก่ (๑) การเลี้ยง โค กระบือ (๒) การเลี้ยงสุกร และ (๓) การเลี้ยงเป็ด ไก่ดำ ไก่พันธุ์ไข่ ไก่พันธุ์พื้นเมือง
๘.๔ ด้านการบริการ เทศบาลตำบลลำคลองได้จัดให้มีการบริการประชาชนดังนี้ (๑) ด้านการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเปิดให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) การให้บริการจัดเก็บภาษีเคลื่อนที่ (๓) การให้บริการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ และ (๔) การบริการเก็บขยะ และการดูดสิ่งปฏิกูลโดยคิดค่าบริการในราคาต่ำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่
๘.๕ การท่องเที่ยว พื้นที่รับผิดชอบติดกับแหล่งท่องเทียวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวเขื่อนลำปาว ตลาดชุมชนคนขายปลา (ผันน้ำ) และ หาดดอกเกด (ทะเลอีสาน)
๘.๖ อุสาหกรรม พื้นที่เทศบาลตำบลลำคลอง ไม่มีโรงงานอุสาหกรรม ในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองเป็นลักษณะอุสาหกรรมในครัวเรือน เป็นอุสาหกรรมขนาดเล็ก
๘.๗ การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ เป็นการรวมกลุ่มของประชาชน การรวมกลุ่มทุกประเภท …๑๓… กลุ่ม แยกประเภทกลุ่ม (๑) กลุ่มอาชีพ ๑๓ กลุ่ม และ (๒) กลุ่มออมทรัพย์ ๑๒ กลุ่ม
๘.๘ แรงงาน ในพื้นที่เป็นการใช้แรงงานเกี่ยวกับการเกษตร การประมง การประศุสัตว์ ซึงเป็นอุสาหกรรมในครัวเรือน และการใช้แรงงานด้านการก่อสร้างในพื้นที่ และพื้นที่ไกลเคียงเป็นบ่างส่วน ประชากรส่วนมากในพื้นที่ ประกอบอาชีพเกษตรซึ่งซึ่งมีลักษณะการใช้แรงงานเป็นกลุ่ม เป็นชุมชนหมุนเวียนในกลุ่ม ในชุนชน
๙. ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม การนับถือศาสนา ประชากรส่วนมากในพื้นที่เทศบาลตำบลลำคลองนับถือศาสนาพุทธ สถาบัน องค์กรทางศาสนา เช่น วัด/สำนักสงฆ์ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ วัดบ้านสะอาดนาทม วัดป่าศิริวรรณ วันศิริเจริญสุข วัดอนุมัจฉาราม วัดป่าชลประทานนิมิต วัดอัมพวันม่วงน้อย และ วัดมัจฉาราม และประเพณีและงานประจำปี ชุมชนมี ประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมคติความเชื่อวิถีปฏิบัติที่หลากหลายแต่ละฤดู เดือน จะมีพิธีปฏิบัติกิจกรรมตามความเชื่อหลากหลาย ชาวอีสานจะรู้จักดี คือ ฮีตสิบสองคลองสิบสี่ เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด เป็นภูมิปัญญา มรดกอันล้ำค่าของปราชญ์อีสานที่ทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจในพื้นฐานความเชื่อคติเดิมชาวอีสานมากขึ้น เป็นส่วนที่ทำให้ชาวอีสานมีความสงบสุขร่มเย็นมาโดยตลอด โดยฮีตสิบสองคลองสิบสี่นี้ จะประกอบไปด้วย ฮีต ๑๒ ฮีต และคลอง ๔ ประเภท มี ๑๔ คลอง ได้แก่ บุญเข้ากรรม(บุญเดือนอ้าย) บุญคูณลาน เดือนยี่ บุญข้าวจี่(เดือนสาม) บุญเผวสหรือบุญมหาชาติ (เดือนสี่) บุญสงกรานต์ (บุญเดือนห้า) บุญบั้งไฟ (บุญเดือนหก) บุญเข้าพรรษา บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก บุญออกพรรษา บุญกฐิน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเอาทรัพยากรความรู้ ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งอาจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน หรือเป็นลักษณะประจำท้องถิ่นมีคล้ายกันก็ได้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่นเกิดจากการที่ชาวบ้านแสวงหาความรู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางธรรมชาติ ทางสังคมที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาพื้นบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การประกอบประเพณี พิธีกรรมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้กระทำสบายใจ รู้สึกอบอุ่นไม่โดดเดี่ยว ให้คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกถือว่าเป็นพลังทางศีลธรรมหรือประเพณี การรวมกำลังช่วยกันทำงานที่ใหญ่หลวงเกินวิสัยที่จะทำได้สำเร็จคนเดียว เช่น สร้างวัด สร้างถนนหนทาง หรือขุดลอกแหล่งน้ำ เป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันภายในชุมชน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยทั่วไปภูมิปัญญาพื้นบ้านเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นประโยชน์แก่คนทุกระดับมีลักษณะเด่นคือสร้างสำนึกเป็นหมู่คณะสูงทั้งในระดับครอบครัวและเครือญาติ
และสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของกลุ่มอาชีพที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากเทศบาลตำบลลำคลองเช่น ตระกล้าไม้ไผ่ จากกลุ่มจักรสาร ปลาส้มถอดก้าง ปลาแห้ง ปลาหล้า กุ้งก้ามกราม ผักปลอด

๑๐. ด้านทรัพยากร เทศบาลลำคลองมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและป้าไม้ในที่สาธารณา ดังนี้
๑๐.๑ แหล่งน้ำธรรมชาติ เทศบาลตำบลลำคลอง มีแหล่งดังนี้ แม่น้ำที่เป็นลำห้วย ๔ สาย ที่สำคัญคือ ลำน้ำปาว ลำห้วยซัน ลำห้วยน้อย และลำห้วยใหญ่ บึง,หนองและอื่นๆ ๗ แห่ง ที่สำคัญคือ หนองหัวลิง, หนองสิม, หนองแวง, หนองค่า หนองม่วง กุดฟ้าน้อย และกุดฟ้าใหญ่
๑๐.๒ ป่าไม้ทุ่งที่อยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ ได้แก่ โคกดอนก่อ ดอนปู่ตาบ้านหาดทอง โคกป่าช้าหนองม่วง โคกวัดป่าศิวิวรรณ ดอนปู่ตาบ้านสะอาดใต้
๑๐.๓ ด้านคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นป่าเสื่ยมโทรม ซึ่งเกิดจาการบุกรุกของประชาชนในพื้นที่ ซึงเทศบาลตำบลลำคลองได้มีโครงการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายประจำทุกปี หาประชาชนมีความเข้าใจในการรักษาป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ที่ใช้ในการหาเห็น ที่อยู่อาศัยของนก สัตว์ป่า และแหล่งเลี้ยงชุมชน จะมีป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป

ดังนั้นจากปัจจัยที่ ชุมชนมีโดยรวมแล้ว การสร้างชุมชนให้สามารถมีความเข้มแข็งสามารถพึงตนเองได้ นั้น จำเป้นต้องศึกษาข้อมูลบริบทของชุมชน ปัญหา ศักยภาพและความต้องการของชุมชน โดยการใช้หลักการบูรณาการศาสตร์ โดยนักศึกษาและอาจารย์ลงพื้นที่ แฝงตัวในชุมชน เข้าพบและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งร่วมใช้ชีวิตกับชุมชน เพื่อเรียนรู้วิ๔ชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน จะได้เข้าใจถึงการยอมรับและปฏิเสธความต้องการของชุมชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน
SSOSWU เมื่อ 31 ต.ค. 2562 19:12 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตจากห้องเรียนสู่ชุมชน (ปี 2562)คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2552 โดยโครงการบริการวิชาการของคณะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ชุมชนในระดับต่างๆ ได้รับข้อมูล ความรู้ ทักษะทางด้านผลิตภัณฑ์การเกษตร และเป็นโอกาสที่จะสามารถพัฒนาตนเอง เพิ่มคุณภาพชีวิต และพึ่งตนเองได้ ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และของประเทศในที่สุด ทั้งนี้การดำเนินงานของโครงการฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในการบริการวิชาการแก่สังคมโดยมุ่งเน้นการดำเนินงานที่เห็นผลในพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ได้แก่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก และตรงกับนโยบายที่ต้องการให้มีการพัฒนาชุมชนไปพร้อมกับการพัฒนามหาวิทยาลัย รวมทั้งให้มีการบูรณาการของพันธกิจด้านการบริการวิชาการกับพันธกิจอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนการสอน และมีการ บูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
ในปี 2562 จะดำเนินโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตจากห้องเรียนสู่ชุมชน เป็นโครงการที่นิสิตที่เรียนในวิชาต่างๆ ของคณะฯ จะเข้าไปเรียนรู้ในชุมชนตามลักษณะของรายวิชา และนำปัญหามาศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ผ่านการเรียนในชั้นเรียน แล้วนำคำตอบที่ได้กลับมาแลกเปลี่ยนกับชุมชน โดยจะแบ่งกิจกรรมเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากพลาสติกรีไซเคิล
อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก มีพื้นที่เขตปกครอง/รับผิดชอบในปัจจุบัน จำนวน 6 หมู่บ้าน/ชุมชน มีปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น 5-6 ตันต่อวัน โดยในแต่ละชุมชนไม่มีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่ แต่มีการเก็บขยะนำไปกำจัดกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทรายมูลเพียงที่เดียว นอกจากนี้การลงพื้นที่สำรวจปัญหาในพื้นที่จัดเก็บขยะขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทรายมูล อ.องครักษ์ จ.นครนายก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558-2559 ของสาขาเทคโนโลยีวัสดุพอลิเมอร์ พบว่าขยะที่มาจากมหาวิทยาลัยซึ่งประกอบด้วย ขยะอันตรายและขยะมูลฝอย อาทิเช่น เศษอาหาร ของสด แก้ว พลาสติก ผ้า และโลหะ เป็นต้น มีปริมาณมากและขาดการจัดการที่เหมาะสม ทำให้เป็นอุปสรรคต่อเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะและกำจัดขยะ ของ อบต. ทรายมูล
ดังนั้น จึงเล็งเห็นว่าควรมีการดำเนินการจัดการขยะ เพื่อให้อำเภอองครักษ์เป็นชุมชนต้นแบบในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้นิสิตและบุคลากรมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการจัดการแยกขยะ และการแปรรูปขยะพลาสติกเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า เพื่อลดปริมาณขยะที่นำไปกำจัดโดยการเผาและฝังกลบ และจะขยายผลโครงการจัดการขยะ ในรูปแบบขยายผลสู่ชุมชน อำเภอองครักษ์ ที่มีความประสงค์จะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะในรูปธนาคารขยะ และขยายผลสู่โรงเรียนในพื้นที่ ทั้งนี้จะทำให้ อำเภอองครักษ์ เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและความร่วมมือของชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการบริหารจัดการขยะแบบคัดแยกจากต้นกำเนิด และจัดการขยะอย่างเป็นระบบและถูกวิธี ส่งผลให้เป็นชุมชนต้นแบบแห่งการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริง
ส่วนที่ 2 การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากห้องเรียนสู่ชุมชน
ในอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ถึงแม้รัฐบาลจะเตรียมมาตรการรองรับไว้หลายอย่าง ได้แก่ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถหารายได้ด้วยตนเอง และสร้างความมั่นคงทางการเงินด้วยการออกนโยบายเรื่องเงินออม เป็นต้น มาตรการเหล่านี้จะสัมฤทธิ์ผลได้ถ้าผู้สูงอายุมีสุขภาพดี มีกำลังพอที่จะดูแลตนเอง ปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญของผู้สูงอายุ ได้แก่ การขาดสารอาหารและการเป็นโรคไม่ติดต่อชนิดเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของเซลล์ (เช่น ความดันโลหิต เบาหวาน และไต เป็นต้น) ดังนั้นการพัฒนาอาหารให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกายและสอดคล้องกับโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่เป็นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งรับผิดชอบหลักสูตร วท.บ.สาขาวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ ได้เปิดสอนวิชา วอภ 332 หลักโภชนาการในสภาพปกติและพยาธิสภาพที่มุ่งเน้นให้นิสิตได้มีความรู้ความเข้าใจในการประกอบอาหารให้เหมาะสำหรับบุคคลทั้งสภาวะปกติและสภาวะเจ็บป่วย ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมให้นิสิตได้เห็นความสำคัญของวิชาชีพ และปลูกจิตสำนึกในการช่วยเหลือสังคม โครงการนี้จึงได้มีการบูรณาการการบริการวิชาการกับการเรียนการสอนกับรายวิชาดังกล่าว
ส่วนที่ 3 การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่น(ปลาดู)เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาความปลอดภัยด้านจุลินทรีย์
ปลาดูเป็นผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้านของชาวไทยพวน ผลิตจากปลาดุกหรือปลาช่อนนำมาหมักเกลือและสมุนไพรชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นในการถนอมอาหารที่สืบทอดกันมา จะใช้ระยะเวลาการหมักไม่นาน เป็นอาหารท้องถิ่นที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ตำบลเกาะหวาย อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายกได้ดี แต่การผลิตในระดับครัวเรือนนั้น มีความผันแปรของคุณภาพและการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน และอาจส่งผลเสียอย่างยิ่งหากผลิตภัณฑ์อาหารมีการปนเปื้อนจนเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค สาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ แม้ว่าอาหารกลุ่มนี้ ได้ผ่านกระบวนการหมักที่อาจช่วยทำลายหรือยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ส่วนใหญ่ แต่ยังมีโอกาสพบการปนเปื้อนจุลินทรีย์ต่างๆ รวมถึงเชื้อโรคอาหารเป็นพิษได้
การตรวจวิเคราะห์คุณภาพของผลิตภัณฑ์อาหารด้านชนิดและปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอาหาร จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสียของอาหาร จุลินทรีย์ก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหาร รวมทั้งสารพิษที่เชื้อจุลินทรีย์สร้างขึ้น จึงมีความสำคัญในการควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัยของอาหารให้ถูกสุขลักษณะและสามารถพัฒนากระบวนการถนอมอาหารเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้มีคุณภาพทัดเทียมกับมาตรฐานที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ดังนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาและสืบสานผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้านของชาวจังหวัดนครนายก สาขาเทคโนโลยีชีวภาพและผลิตภัณฑ์การเกษตร จึงดำเนินการลงพื้นที่สำรวจปัญหา ตรวจวิเคราะห์คุณภาพอาหารทางด้านจุลชีววิทยาแก่กลุ่มชุมชน เพื่อให้ทราบถึงปริมาณจุลินทรีย์และชนิดของจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ เพื่อใช้เป็นดัชนีแสดงคุณภาพความปลอดภัยของอาหาร พัฒนาวิธีการยืดอายุการเก็บรักษา รวมทั้งเพื่อเป็นการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนดและยอมรับได้
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 19:09 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเชื้อชีวินทรีย์ กับดักแมลงในการป้องกันโรคและแมลงใน สวนไม้ผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตไม้ผลปลอดภัย (ปี 2560)สาขาวิชาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง มีความพร้อมด้านบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ในการจัดโครงการบริการวิชาการแก่สังคมในด้านการผลิตพืชปลูก ทุกชนิด อีกทั้งพื้นที่ภาคใต้บริเวณรอบมหาวิทยาลัยทักษิณ มีพื้นที่สวนไม้ผลจำนวนมาก ซึ่งประสบปัญหาโรคและแมลงต่าง ๆ ทำให้เกษตรกรไม่สามารถควบคุมคุณภาพการผลิตให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ราคาผลผลิตตกต่ำ จึงแก้ปัญหาโดยการใช้สารเคมีในการควบคุมโรคและแมลงต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สวยงามเป็นที่ต้องการของตลาดและจำหน่ายได้ในราคาสูง แต่ต้องเสี่ยงกับปัญหาสุขภาพและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
สาขาวิชาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน มีความตั้งใจในการร่วมแก้ปัญหาและพัฒนาระบบการผลิตไม้ผลปลอดภัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรโดยการลดการใช้สารเคมี ลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้เกษตรกรมีสุขภาพอนามัยที่ดีและผลผลิตที่ได้เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพปลอดสารพิษ จึงเสนอโครงการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเชื้อชีวินทรีย์ และการทำกับดักแมลงในการป้องกันโรคและแมลงในสวนไม้ผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตไม้ผลปลอดภัย เพื่อร่วมแก้ปัญหาดังกล่าวและเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ของสาขาวิชาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงให้เป็นที่รู้จักแก่สังคมยิ่งขึ้น
boosiri เมื่อ 31 ต.ค. 2562 18:53 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่นการพัฒนานวัตกรรมการผลิตปุ๋ยเกษตรอินทรีย์เพื่อยกระดับวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน (ปี 2563)ปุ๋ยอินทรี คือสารอินทรีย์ที่เป็นแหล่งกักเก็บแร่ธาตุจากธรรมชาติ ซึ่งได้จาก ดิน เศษไม้ เศษหญ้า ขยะ วัสดุเหลือใช้จากการเกษตร และมูลสัตว์ ที่สำคัญปุ๋ยอินทรีย์สามารถนำมาใช้ในการช่วยบำรุงพืชผลทางการเกษตรหรือใช้เพาะปลูกในภาคเกษตรกรรม เช่น ใช้บำรุง ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย ไม้สวน และไม้ปะดับ อื่น ๆ เป็นต้น
พืชผลทางการเกษตร เป็นพืชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยใช้บริโภคภายในประเทศ และส่งออก ได้แก่ ข้าว แป้งมันสำปะหลัง ยางพารา น้ำตาลทราย และไม้ประดับบางชนิด โดยเป็นแหล่งสร้างงานแก่เกษตรกรชาวไร่ ชาวนาทั่วประเทศ และแรงงานในภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากกว่า 10 ล้านคน และปลูกในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า 63 ล้านไร่ ครอบคลุม 20 จังหวัดในภาคอีสาน (ผลสำรวจเบื้องต้น ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 สำนักงานเศษกิจการเกษตร) และเป็นพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุดในประเทศ แต่ปัจจุบันการพืชผลทางการเกษตรของกลุ่มเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประสบปัญหาในเรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และ อื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรเกิดความเสียหา และไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จากปัญหาดังกล่าว ยังเกิดผลพวงส่งผลให้เกิดโรคระบาดกับมีแมลงศัตรูพืชเพิ่มสูงขึ้น นั้นหมายถึงต้นทุนในการเพาะปลูกและการบำรุงรักษาจากค่ายาฆ่าแมลง และสารเคมีเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อถึงฤดูของการเก็บเกี่ยวผลผลิตก็เกิดการขาดดุลทางการค้า จากราคาที่ตกต่ำสุดในรอบ 5 ปี เช่น อ้อย ข้าว ยางพารา ดังนั้นการแก้ไขปัญหาและหาแนวทางออกร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ชุมชนร่วมกับกลุ่มเกษตรกรจึงเป็นประเด็นสำคัญในปัจจุบัน เพื่อฟื้นฟูและยกระดับของกลุ่มเกษตรให้กลับมามีความมั่นคง มั่งคั่ง และศักยภาพที่เข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจต่อไป
ดังนั้นคณะกลุ่มทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น จึงได้ศึกษาข้อมูลจากกลุ่มเกษตรที่อยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ และพื้นที่ใกล้เคียงนำมาวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางแก้ไข ซึ่งพบว่าทางออกที่ดี คือหน่วยงานจากภาครัฐควรสนับสนุน และเร่งส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรมีองค์ความรู้ ทักษะความสามารถในการแก้ไขปัญหา และการบริหารจัดการทรัพยากรได้ด้วยตัวเองในระยะยาวเพื่อส่งเสริมกรรมวิธีในการเพิ่มปริมาณผลผลิตทางการเกษตร ลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผลิต และสนับสนุนให้เกิดการแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร ของเสีย และมูลสัตว์ ให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนการใช้ปุ๋ยที่ได้จากสารเคมีโดยตรง เพื่อช่วยยกระดับของเกษตรกรในพื้นที่ให้เกิดการพัฒนาการทำเกษตรได้อย่างยั่งยืน และเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนเกิดรายได้ ที่สำคัญยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการทำลายชั้นหน้าดินที่เกิดจากการใช้สารเคมีในปัจจุบัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวิจัย และสร้างเทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อเพิ่มช่องทางเลือกให้แก่เกษตรกรในชุมชน โดยมีแผนบูรณาเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมการผลิตปุ๋ยเกษตรอินทรีย์เพื่อยกระดับวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการบูรณาการที่หาช่องทางเลือกให้กับกลุ่มเกษตรในจังหวัดพื้นที่กาฬสินธุ์ โดยโครงการมีการจัดการปัญหาที่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ด้วยต้นแบบเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มูลสัตว์กลับมาเพิ่มมูลค่า เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในชุมชนอย่างยั่งยืน
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 18:52 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลาง โครงการย่อยที่ 2: การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงผึ้งและการแปรรูปเพื่อสร้างเสริม รายได้ให้ชาวสวนยางและสวนปาล์ม (ปี 2560)พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุมพื้นที่ 10 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช 2 อำเภอของจังหวัดพัทลุง และ 1 อำเภอของจังหวัดสงขลา ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ พื้นที่ทั้งหมดของอำเภอปากพนัง อำเภอชะอวด อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอพระพรหม พื้นที่บางส่วนของอำเภอลานสกา และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง ได้แก่ พื้นที่อำเภอควนขนุน และอำเภอป่าพะยอม และจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอระโนด รวมทั้งสิ้น 13 อำเภอ 75 ตำบล 599 หมู่บ้าน ประชากร 128,844 ครัวเรือน 606,323 คน เป็นเกษตรกรในเขตโครงการทั้งสิ้น 83,983 ครัวเรือน พื้นที่ทำการเกษตรรวม 1.092 ล้านไร่ รวมพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 3,100 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,937,500 ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในอดีตลุ่มน้ำปากพนังเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของภาคใต้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ ๆ มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกข้าวได้ดี ทำให้มีพื้นที่ในการทำนามากที่สุด แต่เมื่อจำนวนประชากรที่เพิ่มขยายมากขึ้น การใช้ทรัพยากรที่ปราศจากการจัดการที่ดี และการถางป่าที่เป็นต้นน้ำเพื่อการทำสวนยางพาราและสวนผลไม้ ส่งผลให้ความอุดมบูรณ์ลดลง รวมทั้งการประสบปัญหาน้ำท่วม ขาดแคลนน้ำจืด ดินเปรี้ยว น้ำเค็มรุกล้ำ ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินของเกษตกร เนื่องจากการทำนาไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพียงพอในการดำรงชีพ เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และไม้ผล หรือปรับพื้นที่เป็นไร่นา สวนผสม
ภาคใต้ของไทยถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันที่สำคัญของไทยมากที่สุด และเกษตรกรในภาคใต้ส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนยางพารา แต่อาชีพการเกษตรมักประสบปัญหาด้านราคาผลผลิตมีความไม่แน่นอน เพราะกลไกลของตลาดโลก ภาวะวิกฤตของราคายางพาราดังกล่าว ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรชาวสวนยางพาราโดยเฉพาะภาคใต้ลดลง ซึ่งมีผลกระทบต่อเนื่องต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรด้อยลง และภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนมีความฝืดเคืองเพิ่มมากขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้เกษตรกรจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นการแสวงหาแหล่งได้จากแหล่งอื่น โดยการพึ่งทรัพยากรของตนที่มีอยู่จึงจะสามารถประคองสถานะเศรษฐกิจของครัวเรือนได้ อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรมีความคาดหวังว่าการแสวงหารายได้จากแหล่งอื่นเพื่อเพียงต้องการพยุงตัวเองให้อยู่รอดในระหว่างที่ราคาตกต่ำเท่านั้น สังคมครัวเรือนก็จะไม่มีภูมิคุ้มกันหากได้รับผลกระทบเช่นเดิม ดังนั้น การสร้างอาชีพเสริมและต่อยอดผลผลิตจนถึงแหล่งตลาดหรือจนถึงมือผู้บริโภคให้แก่เกษตรกรและเพื่อให้เกษตรกรมีได้รายได้เพิ่มขึ้น จึงเป็นหนทางหนึ่งเพื่อความอยู่รอดได้ในภาวะเช่นนี้ และยังเป็นหนทางที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพได้เช่นกัน
การหารายได้ในพื้นที่สวนยางและสวนปาล์ม เช่น การเลี้ยงผึ้งโพรง เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถทำเป็นอาชีพเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สวนยางและยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในธรรมชาติ อีกทั้งวิธีการเลี้ยงผึ้งดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของการทำอาชีพสวนยางของเกษตรกร ซึ่งจากการลงสำรวจพื้นที่และการบริการวิชาการในศาสตร์ต่างๆให้แก่เกษตรกร พบว่า ในพื้นที่หมู่ 3, 5, 6, 9 และ 11 ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีประชากรส่วนหนึ่งมีอาชีพเสริมโดยการเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรง โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งโพรง และชันโรงตำบลปันแต” จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า การเลี้ยงผึ้งในสวนยางทำได้ไม่ยาก แต่ผู้ที่เลี้ยงจำเป็นต้องมีความรู้ในเบื้องต้นและต้องมีการเรียนรู้เทคนิคการเลี้ยงบางประการเพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพ เช่น แหล่งน้ำหวานของผึ้ง ซึ่งจากการให้ข้อมูลเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งบอกว่าแหล่งน้ำหวานของผึ้งคือยอดและดอกยางพารา ดังนั้นการเลี้ยงผึ้งในสวนยางจึงเป็นวิถีที่สอดคล้องกับวิถีของการทำสวนยาง และเมื่อเปรียบเทียบวิธีการเลี้ยงผึ้งแบบดั้งเดิม (เลี้ยงแบบธรรมชาติ) ของเกษตรกรจะขายน้ำผึ้งได้น้อยกว่าการเลี้ยงแบบประณีต (มีเทคนิคการเลี้ยง) ซึ่งปัจจุบันพบว่า เกษตรกรที่ใช้วิธีการเลี้ยงแบบประณีตจะสามารถขายผึ้งโพรงได้ขวดละ 500 บาท และชันโรงขวดละ 1,500-2,100 บาท จะเห็นว่าการเลี้ยงผึ้งมีแนวโน้มที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ นอกจากนั้นแล้วผลผลิตจากการเลี้ยงผึ้ง เช่น น้ำผึ้ง รังผึ้ง ขี้ผึ้ง ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เช่น สบู่น้ำผึ้ง คีมบำรุงผิว อาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง หรือเครื่องดื่ม และยาสมุนไพร เเป็นต้น
จากการที่ทีมนักวิจัยดำเนินโครงการวิจัยและโครงการบริการวิชาการในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง มาอย่างน้อย 5 ปี จึงทำให้ทราบความต้องการของเกษตรกรในการเลี้ยงผึ้งและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากผึ้ง ทางหน่วยงานต่าง ๆ ได้ติดต่อมาทางนักวิจัยให้จัดอบรมเรื่องการเลี้ยงผึ้งและการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้ในหลาย ๆ ครั้ง เช่น อบต. ขอนหาด อบต. ลานข่อย และ อบต.การะเกด ดังนั้นในโครงการบริการวิชาการประจำปี 2560 นี้ ทางคณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชนได้ร่วมกับวิทยาลัยภูมิปัญญาชุมชน ดำเนินโครงการ “การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงผึ้งและการแปรรูปเพื่อสร้างเสริมรายได้ให้ชาวสวนยางและสวนปาล์มในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง” จึงมีความมุ่งหวังที่จะสร้างจิตสำนึกให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์มให้เข้าใจระบบอาชีพการทำสวนพืชเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืน โดยเน้นให้เกษตรกรชาวสวนให้เข้าใจธรรมชาติการผันแปรของราคาผลผลิต และส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม โดยเน้นอาชีพการเลี้ยงผึ้งและการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า ที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ในครัวเรือนของประชากรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 18:40 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการการทำเกษตรแบบผสมผสานเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน (ปี 2561)การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสวนยางพาราและสวนผลไม้เชิงเดี่ยวที่มีระบบการบริหารจัดการในสวนโดยการใช้ยากำจัดวัชพืช ใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน น้ำ ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ มีการไถพรวนในแปลงยางพาราทำให้เกิดการชะล้างของตะกอนไปทับถมตามลำห้วยลำธาร ทำให้ไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้มากเหมือนเดิม นอกจากนี้บางพื้นที่ยังมีการทำลายป่าต้นน้ำ ส่งผลให้เกษตรกรในชุมชนขาดแคลนน้ำใช้ในยามหน้าแล้ง และนับวันระยะเวลาการขาดแคลนน้ำจะยาวนานเพิ่มขึ้น จากปัญหาดังกล่าว สถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยทักษิณ จึงเห็นโอกาสที่จะใช้องค์ความรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิถีทำกิน และการดำเนินชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ ด้วยการเสวนาและพูดคุยกลุ่มผู้นำชุมชนและเกษตรกรในพื้นที่เพื่อร่วมคิดในการจัดการทรัพยากรป่าไม้ น้ำและดินอย่างยั่งยืนของชุมชน จนได้แนวทางแก้ปัญหาที่เป็นข้อสรุปของความคิดเห็นที่สอดคล้องกันคือ การนำระบบการปลูกพืชแบบผสมผสานมาประยุกต์ใช้กับสวนยางพาราและสวนผลไม้ ด้วยการปลูกไม้ยืนต้นแซมระหว่างแถวของยางพารา และการปลูกผลไม้แบบผสมผสานหลากหลายชนิดพืช ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าให้กับชุมชนและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร อีกทั้งช่วยลดผลกระทบจากปัญหาภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงได้จัดโครงคืนป่าให้ผืนดินด้วยวิถีเกษตรผสมผสาน สร้างความเข้มแข็งสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และโครงการสวนยางพาราเพิ่มป่ารักษ์น้ำ โดยในระยะแรกได้ดำเนินการในพื้นที่ตำบลตะโหมด อำเภอตะโหมด ต่อมาได้ขยายผลไปยังตำบลหนองธง อำเภอป่าบอนและตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง สามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับชุมชนได้ในระดับหนึ่ง เกิดองค์ความรู้ที่สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนักเรียน นิสิตและชุมชนอื่นๆ จนมหาวิทยาลัยทักษิณได้รับการเชื่อถือศรัทธาจากชุมชน และเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อชุมชนได้อย่างแท้จริงและเห็นผลได้ชัดเจน การดำเนินการส่งเสริมการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ดิน น้ำ ของชุมชน จึงควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ชุมชนเกิดความตื่นตัว ยอมรับกรอบคิดการปรับเปลี่ยนวิถีการทำสวนยางพารามาเป็นรูปแบบสวนยางพาราเพิ่มป่ารักษ์น้ำ และการทำสวนผลไม้แบบผสมผสานที่ปลูกไม้ป่าร่วม เพื่อให้เป็นสวนผสมผสานที่สมบูรณ์แบบและมีมูลค่าที่สูงขึ้น มีความมั่นคงทั้งทางด้านรายได้ของเกษตรกร และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน
SSOSWU เมื่อ 31 ต.ค. 2562 18:37 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการพัฒนาศักยภาพชุมชนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร (ปี 2562)คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดำเนินงาน ตั้งแต่ปี 2552 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ชุมชนในระดับต่างๆ ได้รับข้อมูล ความรู้ ทักษะทางด้านผลิตภัณฑ์การเกษตร และเป็นโอกาสที่จะสามารถพัฒนาตนเอง เพิ่มคุณภาพชีวิต และพึ่งตนเองได้ ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และของประเทศในที่สุด การดำเนินงานโครงการบริการวิชาการแก่ชุมชน ของคณะฯ ยึดถือแนวทางที่ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางด้านเกษตรกรรม ดังนั้นการต่อยอดโดยใช้พื้นฐานทางเกษตรกรรม อาทิ การใช้วัตถุดิบทางการเกษตร จึงน่าจะเป็นการต่อยอดจากรากฐานเดิม ให้นำไปสู่การพัฒนาภูมิปัญญาของท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ หรือเป็นการพัฒนาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตดั้งเดิม ทั้งนี้การดำเนินงานของโครงการฯ จะได้ยึดถือจากนโยบายของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่ว่าในการบริการวิชาการแก่สังคมนั้น ต้องการให้มีการมุ่งเน้นการดำเนินงานที่เห็นผลในพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ได้แก่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก และ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และตรงกับนโยบายที่ต้องการให้มีการพัฒนาชุมชนไปพร้อมกับการพัฒนามหาวิทยาลัย รวมทั้งให้มีการบูรณาการของพันธกิจด้านการบริการวิชาการกับพันธกิจอื่น และมีการบูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อให้เกิดงานบริการวิชาการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดนครนายกในระยะเวลา 4 ปี (2561 – 2564) ประเด็นที่ 1 คือ การพัฒนาการเกษตรครบวงจร เพื่อเพิ่มการแข่งขันทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการพัฒนาแปรรูปสินค้าเกษตรและ SME ซึ่งคณะฯ มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามีศักยภาพในการดำเนินการดังกล่าวร่วมกับจังหวัดได้เป็นอย่างดี
จากการที่คณะฯ ได้มีการดำเนินงานด้านการบริการวิชาการแก่ชุมชนในพื้นที่เป้าหมายและมีการติดตามผลการดำเนินงาน/ผลกระทบต่อชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประชุมร่วมกับองค์กรท้องถิ่น และการได้พบกับวิสาหกิจชุมชนที่มีความต้องการ ทำให้สามารถร่วมกันวางแผนการดำเนินการเบื้องต้นได้ตรงตามความต้องการของชุมชน ในปี 2560 ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร ได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความเข็มแข็งให้กับชุมชน หลายโครงการได้แก่ โครงการเสริมศักยภาพโดยการบ่มเพาะชุมชนต้นแบบ การอบรมเกี่ยวกับมาตรฐาน GMP และทักษะการทำงาน การอบรมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผักและผลไม้ คลีนิกเทคโนโลยีอาหารแปรรูป ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และยังมีความต้องการจากชุมชนในเขตจังหวัดนครนายก และผู้สนใจทั่วไปอีกมาก โดยมุ่งเป้าสู่อาหารปลอดภัย เพื่อสร้างมาตรฐานให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่น่าเชื่อถือ หรือการแปรรูปผักและผลไม้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเกิดผลิตภัณฑ์เหลือทิ้งจากการไม่ได้มาตรฐาน และยืดอายุการเก็บรักษา และส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพเพื่อสร้างรายได้ นอกจากนี้การอบรมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวข้างต้นเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณาจารย์ คณะทำงาน และผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพเพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนต่อไปได้ คณาจารย์สามารถใช้ในการบูรณาการการเรียนการสอนและงานวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นิสิตที่เข้าร่วมโครงการยังได้รับความรู้ และประโยชน์ในหลายได้ เช่น มีความรู้ และมีทักษะการแปรรูปอาหารที่ใช้ในการเรียน และการต่อยอดสร้างอาชีพในอนาคต รวมถึงการมีทักษะสื่อสาร และการสร้างจิตสาธารณะให้กับนิสิต ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้นิสิตนำไปใช้ในการทำงานต่อไปในอนาคตได้
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 คณะจะได้ดำเนินการโครงการบริการวิชาการ โครงการจึงได้วางแผนโดยนำข้อมูลงานวิจัยของคณาจารย์ในคณะฯ ที่ได้ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรในจังหวัดนครนายก มาดำเนินการเผยแพร่ในรูปแบบนิทรรศการร่วมกับหน่วยงานราชการของจังหวัดนครนายก เช่น สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรหรือผู้ประกอบการในจังหวัดนครนายกได้มีแนวทางในการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายโอกาสทางการตลาดได้ หากมีผู้สนใจในการนำผลิตภัณฑ์ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพชุมชนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร จะดำเนินการบ่มเพาะผู้ประกอบการให้สามารถต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำออกสู่ตลาดได้ โดยจัดกิจกรรมอาทิเช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อยอด การส่งเสริมมาตรฐานที่กฏหมายกำหนด และการควบคุมคุณภาพ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาที่ครบวงจร และมีความยั่งยืนต่อไปได้
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 18:29 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการ การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สูงอายุในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (ปี 2561)ประเทศไทยมีจำนวนประชากรรวดเร็วมากโดยเป็นผลจากนโยบายการเพิ่มประชากรก่อนปี พ.ศ.2500 จากที่มีประชากรเพียง 20 ล้านคนในปี พ.ศ. 2493 เพิ่มขึ้นเป็น 67.4 ล้านในปี 2555 (สำนักงานประชากรขององค์การสหประชาชาติ, 2555) ผลกระทบจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังกล่าวทำให้ประเทศไทยมีการประกาศนโยบายประชากรอย่างเป็นทางการและบรรจุนโยบายการลดอัตราเพิ่มประชากรไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2515-2519) เป็นครั้งแรก และมีการดำเนินงานตามนโยบายลดอัตราเพิ่มประชากรดังกล่าวในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับต่อๆ มา จนถึงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2535-2539) ซึ่งทำให้อัตราเจริญพันธุ์รวมยอดหรือจำนวนการมีบุตรเฉลี่ยของผู้หญิงลดลงจาก 6.3 คนในช่วงปี พ.ศ.2507-2508 เหลือแค่ 1.83 คนในช่วงปี พ.ศ.2543-2548 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับทดแทนซึ่งกำหนดไว้ที่ 2.1 คน (Replacement Level) จึงทำให้สิ้นสุดนโยบายลดการเพิ่มประชากร อย่างไรก็ตามภายหลังสิ้นสุดนโยบายเพิ่มประชากรแล้ว ผู้หญิงไทยก็ยังคงมีจำนวนบุตรเฉลี่ยน้อยลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ รายงานว่าในปี 2553 ผู้หญิงไทยมีจำนวนบุตรเฉลี่ยเหลือแค่ 1.62 ในขณะที่สหประชาชาติคาดประมาณการจำนวนบุตรเฉลี่ยของหญิงไทยอยู่ที่ 1.4 เท่านั้น จากผลของนโยบายลดอัตราการเพิ่มประชากรดังกล่าวทำให้ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จะมีอัตราการเติบโตของประชากรติดลบ โดยสำนักงานประชากรแห่งสหประชาชาติระบุว่า ประเทศไทยจะมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง และจะมีจำนวนประชากรสูงสุดจำนวน 67.9 ล้านคน ในปี พ.ศ.2568 และจำนวนประชากรจะค่อยๆ ลดลง เหลือประมาณ 40 ล้านคนในปี พ.ศ.2643 หรืออีกประมาณ 80 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการลดลงของจำนวนประชากรในอนาคตนั้นอาจจะยังมีเวลาตั้งรับและปรับนโยบายเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญแล้วและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปก็คือ ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้ว โดยสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุจำนวนผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ในปี พ.ศ.2513 มีจำนวน 1.7 ล้านคน (ร้อยละ 4.9) เพิ่มขึ้นเป็น 8.4 ล้านคน (ร้อยละ 13.2) ในปี 2553 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 20.5 ล้านคน (ร้อยละ 32.1) ในอีก 30 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ.2583 และข้อมูลจากสหประชาชาติพบว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประเทศไทยมีร้อยละของประชากรที่เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ และอัตราการเติบโตของประชากรสูงวัยของไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 2 เท่าในอีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งผลกระทบจากการมีสัดส่วนผู้สูงอายุจำนวนมาก จะทำให้มีภาระพึ่งพิงทางเศรษฐกิจสูง ประชากรวัยแรงงานจะมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการบริโภค ครัวเรือนมีภาระหนี้สินสูง มีการออมต่ำไม่พียงพอต่อการใช้จ่ายในยามเกษียณ ภาครัฐจึงต้องนำเงินงบประมาณมาจัดสวัสดิการสังคมให้กับประชากร จนอาจลุกลามเป็นหนี้สินของประเทศส่งผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและตกต่ำได้
จากข้อมูลการเปลี่ยนแปลงประชากรอย่างรวดเร็วดังกล่าว ประทศไทยได้จัดทำแผนประชากรขึ้นในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 2555 – 2559 โดยกำหนดวิสัยทัศน์คือ “ประชากรไทยทุกคนเกิดมามีคุณภาพ ได้รับการพัฒนาทุกช่วงวัยให้สามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของประเทศ มีหลักประกันที่มั่นคงพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุที่มีการจัดสวัสดิการอย่างยั่งยืนโดยครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วม” และกำหนดยุทธศาสตร์หลัก 3 ข้อ คือ 1) ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ประชากรไทยทุกคนเกิดมามีคุณภาพ พร้อมที่จะพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่อเติบโตขึ้น 2) ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพประชากรไทยทุกช่วงวัย เพื่อเป็นพลังต่อการเจริญเติบโตของประเทศ และยุทธศาสตร์ข้อที่ 3 คือ ยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมประชากรไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุที่มีสวัสดิการทางสังคมอย่างยั่งยืน และในปัจจุบันก็กำลังจัดทำแผนประชากรในการพัฒนาประเทศระยะยาว 20 ปี (พ.ศ.2559 – 2579) เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ด้านประชากรของประเทศไทย
จากวิสัยทัศน์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 คือ “ประชากรไทยทุกคนเกิดมามีคุณภาพ ได้รับการพัฒนาทุกช่วงวัยให้สามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของประเทศ มีหลักประกันที่มั่นคงพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุที่มีการจัดสวัสดิการอย่างยั่งยืนโดยครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วม” จะเห็นได้ว่า ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุโดยครบครัวและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ประกอบกับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยทักษิณข้อที่ 4 การจัดการบริการวิชาการร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ขับเคลื่อนการพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต ความมั่นคง และการพัฒนาในภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของคณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬาข้อที่ 4 บริการวิชาการเพื่อแก้ปัญหาสุขภาวะและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ดังนั้นสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ จึงได้จัดทำโครงการบริการวิชาการเรื่อง การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สูงอายุในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนขึ้น โดยใช้กระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และกระบวนการพัฒนาสุขภาพชุมชนซึ่งเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเป็นกลวิธีที่ให้ชุมชนเป็นผู้ระบุปัญหา หาสาเหตุและเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมของชุมชนเอง และนอกจากนี้เป็นการพัฒนาประชาชนในชุมชนให้เรียนรู้และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาวด้วย โดยจัดทำโครงการในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านศาลาน้ำ ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม ซึ่งเป็นหมู่บ้านซึ่งมีที่ตั้งติดกับมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง และที่ผ่านมาภาระการดูแลผู้สูงอายุเป็นบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็นภาระที่ค่อนข้างหนักและส่งผลกระทบในระยะยาวต่อครอบครัวและชุมชนด้วย ดังนั้นในฐานะที่มาหวิทยาลัยทักษิณเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนดังกล่าวจึงควรเข้ามามีบทบาทในการร่วมกันดูแลผู้สูงอายุในชุมชนด้วย
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 18:15 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการทักษิณถิ่นยุติธรรม นำยุติธรรมสู่ชุมชน (รอบรั้วมหาวิทยาลัย) (ปี 2561)ท่ามกลางปัญหาท้าทายหลากหลายที่เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศในระยะยาวก็เป็นที่ตระหนักร่วมกันในทุกภาคส่วนว่าการพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในระยะยาวได้นั้น ประเทศต้องเร่งพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ได้แก่ การเพิ่มการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งต้อง ดำเนินการควบคู่กับการเร่งยกระดับทักษะฝีมือแรงงานกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานและกลุ่มที่อยู่ใน ตลาดแรงงานในปัจจุบันให้สอดคล้องกับสาขาการผลิตและบริการเป้าหมาย และการเปลี่ยนแปลงด้าน เทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาคนในภาพรวมให้เป็นคนที่สมบูรณ์ในทุกช่วงวัยที่สามารถบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสภาพแวดล้อมการดำเนินชีวิตได้อย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทุนมนุษย์จากการยกระดับคุณภาพการศึกษา การเรียนรู้ การพัฒนาทักษะ และยกระดับคุณภาพบริการสาธารณสุขให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่ พร้อมทั้งต้องส่งเสริมบทบาทสถาบันทางสังคมในการกล่อมเกลาสร้างคนดี มีวินัย มีค่านิยมที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนั้น ในช่วงเวลาต่อจากนี้การพัฒนาต้องมุ่งเน้นการพัฒนาเชิงพื้นที่และเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของเมืองต่างๆ ให้สูงขึ้นภายใต้การใช้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ลักษณะการใช้ที่ดิน การจัดระเบียบผังเมืองและความปลอดภัยตามเกณฑ์เมืองน่าอยู่ที่เหมาะสมเพื่อกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ และสังคมให้ทั่วถึงและเป็นการสร้างฐานเศรษฐกิจและรายได้จากพื้นที่เศรษฐกิจใหม่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำภายในสังคมไทยลงและในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันจากการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังประสบปัญหาคุณภาพในเกือบทุกด้าน อาทิ คุณภาพคนต่ำทั้งใน ด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติ มีปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรม ประชากรจำนวนไม่น้อยไม่เคารพสิทธิผู้อื่น และไม่ยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ จึงซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนปริมาณกำลังแรงงานในภาวะที่โครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นประเทศไทยยังประสบปัญหาคุณภาพบริการสาธารณะ คุณภาพการศึกษาและบริการด้านสาธารณสุขและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและ ระบบโลจิสติกส์รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำยังไม่เป็นระบบโครงข่ายที่สมบูรณ์และการพัฒนามีความล่าช้า โครงสร้างพื้นฐานยังคงมีปัญหาในหลายด้าน อาทิ รูปแบบการขนส่งยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพได้ตามเป้าหมาย การบริหารจัดการยังขาดเอกภาพ รวมทั้งการให้บริการยังไม่ทั่วถึง ไม่เพียงพอ ไม่มีคุณภาพ กระจุกตัวอยู่ในเมือง และมีราคาค่าบริการค่อนข้างสูง นอกจากนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องยังเป็นอุปสรรคต่อ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมก็นับว่ามีความล่าช้า มีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาน้อยไม่เพียงพอ การวิจัยที่ดำเนินการไปแล้วไม่ถูกนำมาใช้ให้เกิด ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างคุ้มค่าและการพัฒนานวัตกรรมมีน้อย
ปัญหาดังกล่าวข้างต้นส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาการบริหารจัดการภาครัฐที่ประสิทธิภาพต่ำ ขาดความโปร่งใส และขาดความรับผิดชอบ และการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาที่ขาดความต่อเนื่อง ในขณะที่ การบังคับใช้กฎหมายยังขาดประสิทธิผลและกฎระเบียบต่างๆ ล้าสมัยไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงธรรมาภิบาล และการบริหารจัดการประเทศยังไม่บรรลุเป้าหมาย แม้ว่าบริการสาธารณะที่จัดให้กับประชาชนและ ภาคเอกชน จะพัฒนาได้เร็วขึ้น แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศประเทศไทยยังมีความล่าช้าและไม่ได้มาตรฐานสากล ประกอบกับภาครัฐมีโครงสร้างที่ใหญ่และซับซ้อนขึ้น มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระบวนการจัดสรรงบประมาณใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งไม่ทันกับสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชน นอกจากนั้นการใช้จ่ายงบประมาณยังไม่เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเท่าที่ควร ขาดความโปร่งใสและธรรมาภิบาล ในขณะที่คุณภาพของบุคลากรภาครัฐลดลงเนื่องจากการเข้าทำงานในภาครัฐไม่ใช่ทางเลือกแรกของคนที่มีความสามารถหรือการศึกษาที่อยู่ในเกณฑ์ดีเหมือนในอดีต ในขณะที่บุคลากรที่มีความสามารถลาออกจำนวนมากเพราะมีทางเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่า สาเหตุสำคัญคือ ภาครัฐขาดการพัฒนาเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนและขาดการพัฒนาระบบการฝึกอบรมบุคลากรที่สอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งปัญหาคอร์รัปชั่นได้ขยายวงกว้างทั้งในภาครัฐและเอกชน
ดังนั้น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ จึงเกิดแนวคิดในการจัดโครงการทักษิณถิ่นยุติธรรมนำยุติธรรมสู่ชุมชน (รอบรั้วมหาวิทยาลัย) ในการรวมมือกันทํางานของหนวยงาน สนับสนุนการพัฒนาภายนอกชุมชนทุกภาคสวน โดยยึดหลักการใชพื้นที่เปนตัวตั้งชุมชนเปนศูนยกลาง ชาวบ้าน เปนเจ้าของเรื่อง โดยใชกระบวนการจัดทําแผนชุมชนเปนเครื่องมือดําเนินกิจกรรมพัฒนาใหเปนไปตามความต้องการของชุมชนมากกวาวัตถุประสงคของหนวยสนับสนุน การบูรณาการมีทั้งบูรณาการด้านกลไก/บุคลากร กระบวนการและเครื่องมือแผนงานและงบประมาณ คนในชุมชนมีส่วนร่วมคิดร่วมทำตั้งแต่ต้นเพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนและทุกคนในชุมชนรับประโยชน์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 17:57 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการ การพัฒนาชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ปี 2561)จากการที่ฝ่ายวิชาการ สำนักงานมหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ลงพื้นที่เพื่อจัดประชุมหารือและรับฟังความต้องการหรือโจทย์ปัญญาชุมชนบ้านพร้าว หมู่ที่ 3 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 ณ ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เพื่อใช้เป็นแนวทางการให้บริการวิชาการในลักษณะโครงการบริการเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนโครงการ/กิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยทักษิณวิทยาเขตพัทลุง โดยการนำปัญหาและความต้องการความช่วยเหลือจากชุมชน มาเป็นโจทย์ในการจัดกิจกรรมด้านบริการวิชาการ ซึ่งมุ่งเน้นให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนได้ โดยให้มีการบูรณาการในหลายมิติทั้งในด้านพื้นที่เป้าหมาย ผู้ให้บริการ องค์ความรู้ และช่วงเวลาดำเนินการซึ่งให้เป็นไปตามหลักการของพันธกิจสัมพันธ์มหาวิทยาลัยกับสังคม คือ ร่วมคิดร่วมทำแบพันธมิตรและหุ้นส่วนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และเกิดผลงานวิชาการ ส่งผลกระทบต่อสังคมที่สามารถประเมินได้ นำพาไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นปัญหาและความต้องการของชุมชนบ้านพร้าวหมู่ที่ 3 อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ที่เกี่ยวพันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ การพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในชุมชน เช่น การเลี้ยงกบและการเลี้ยงปลาน้ำจืด เพื่อการเศรษฐกิจ การทำแก๊สชีวภาพจากเศษอาหารหรือของเสียในครัวเรือน การบริหารจัดการด้านการเกษตร เพื่อการบริโภคและเพื่อการจำหน่ายสำหรับเป็นรายได้ในครัวเรือน การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรใช้ในชุมชน เป็นต้น
คณะวิทยาศาสตร์ จึงเห็นว่าประเด็นปัญหาและความต้องการของชุมชน สามารถดำเนินการแก้ไขได้โดยการใช้องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนไปพร้อมๆ กัน โดยมีนักวิชาการ นักวิจัยและบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ เป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำปรึกษาทำให้ชุมชนเกิดความมั่นใจ และไว้วางใจว่าคณะวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัยทักษิณเป็นที่พึ่งทางวิชาการสำหรับคนพัทลุงอย่างแท้จริง
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 17:40 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการการจัดการขยะอินทรีย์จากครัวเรือน ด้วยระบบบ่อหมักก๊าซชีวภาพ (ปี 2561)การลดรายจ่าย แบบเกิดจากกระบวนที่สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งปัจจุบันปัญหาของขยะอินทรีย์เป็นปัญหาที่สำคัญอีกปัญหาหนึ่ง โดยปัญหาที่เกิดขึ้นมีผลมาจากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งที่เกิดจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ซึ่งขยะในครัวเรือนประมาณ 40-50% นั้นจะเป็นขยะที่สามารถเน่าเสียได้ มีผลให้เกิดความเน่าเสียส่งกลิ่นเน่าเหม็น มีผลให้การจัดการขยะอื่นๆ มีความยุ่งยากมากขึ้นอีก และจากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้รัฐบาลจะต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นงบประมาณในการจัดการขยะในแต่ละปีค่อนข้างสูง ดังนั้นแนวทางหนึ่งที่มีต้นทุนต่ำ และมีการจัดการที่ไม่ยุ่งยาก และไม่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อการจัดการขยะอื่นๆ คือ การจัดการกำจัดในแต่ละครัวเรือน ด้วยกระบวนการหมักแบบไร้อากาศ เทคโนโลยีการกำจัดของเสียแบบไร้อากาศ (Anaerobic Digestion) เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่นำมาใช้การบำบัดของเสียอินทรีย์ที่ให้ก๊าซชีวภาพเป็นผลพลอยได้ ก๊าซชีวภาพโดยทั่วไปเป็นก๊าซผสม ประกอบไปด้วยก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟต์ (H2S) เป็นต้น ซึ่งก๊าซมีเทนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของก๊าซชีวภาพโดยก๊าซมีเทนนี้จะถูกนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การหุงต้มประกอบอาหารภายในครัวเรือนแล้วผลพลอยได้จากการทำก๊าซชีวภาพอย่างหนึ่ง ก็คือน้ำหมักชีวภาพซึ่งเกิดจากการหมักของเสียอินทรีย์ สามารถนำมาเป็นน้ำปุ๋ยอินทรีย์ใช้ในการเพิ่มสารอาหารให้แก่พืชและช่วยในการลดใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่าการจัดการขยะอินทรีย์ด้วยแนวทางการหมักแบบไร้อากาศ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อครัวเรือนถึงสามต่อด้วยกันคือ ได้รับก๊าซชีวภาพซึ่งสามารถนำไปใช้ทดแทนก๊าซหุงต้มในครัวเรือนได้ ช่วยลดต้นทุนการใช้ก๊าซ LPG ที่กำลังมีราคาแก๊สต่อถังสูงขึ้นทุกช่วงเวลา หากชาวบ้านมีแหล่งพลังงานทดแทนแก๊ส LPG และแหล่งพลังงานทดแทนนั้นชาวบ้านสามารถผลิตได้เอง จะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น ลดรายจ่ายของครอบครัว ลดการใช้พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป ทั้งในส่วนของก๊าซ LPG และน้ำมันดีเซลในการขนส่งก๊าซหุงต้ม LPG และช่วยลดปัญหาของเสียอินทรีย์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของชุมชน
ดังนั้นการนำของเสียอินทรีย์มาผลิตก๊าซชีวภาพ จึงสามารถช่วยให้ครัวเรือนลดการใช้พลังงานในรูปแบบเดิมได้มาก ได้แก่ ลดการใช้แก๊สหุงต้ม และลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขนส่งแก๊สหุงต้มเป็นการสร้างตัวอย่างความสำเร็จในการจัดการของเสียด้วยการผลิตก๊าซชีวภาพ และเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาเรื่องของขยะอินทรีย์ สร้างความมั่นคงในการใช้พลังงานให้เกิดการเรียนรู้หรือเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน และยังสามารถสร้างบ้านนำร่องเป็นตัวอย่างของการสร้างต้นทุนพลังงานในชุมชนด้วยของเสียในชุมชนของตนเอง
SSOSWU เมื่อ 31 ต.ค. 2562 17:25 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการศิลป์อาสาพัฒนาชุมชน (2560-2562) (ปี 2562)พันธกิจหลักอันสำคัญประการหนึ่งของสถาบันการศึกษา คือ การบริการวิชาการแก่ชุมชน ซึ่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒได้ตระหนักถึงบทบาทของการเป็น “ผู้ให้” แก่ชุมชนและสังคมมาตั้งแต่อดีตกาล เริ่มตั้งแต่คณาจารย์ไปสู่การปลูกสร้างนิสิตให้เป็นผู้มีจิตอาสาเพื่อการสร้างสรรค์สังคม ภายใต้แนวคิดที่ว่า มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒจะส่งเสริมและปลูกสร้างจิตสำนึกของคณาจารย์ บุคคลากรและนิสิตให้รับผิดชอบต่อสังคมด้วยจิตสำนึก มิใช่แค่เพียงการตามกระแสหรือเพื่อการตลาด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีคุณค่าอย่างเต็มที่
ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณะศิลปกรรมศาสตร์ สถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ และวิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จัดโครงการศิลป์อาสาพัฒนาชุมชนขึ้น เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางด้านศิลปกรรมเชื่อมโยงความสัมพันธ์เครือข่ายชุมชนชุมชน อีกทั้งเปิดพื้นที่สาธารณะให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์และสร้างสุขแก่เยาวชน ครอบครัว และชุมชน โดยใช้กิจกรรมการแสดงดนตรีและศิลปะการแสดงเป็นสื่อกลาง รวมทั้งการจัดกิจกรรมศิลปะแบบมีส่วนร่วมสำหรับเยาวชนทั่วไป เป็นการต่อยอดกระบวนการจิตอาสาของเยาวชนรุ่นใหม่ และเพื่อเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของโครงการศิลปกรรมสร้างสุขให้เยาวชน ครอบครัว และชุมชน ได้มีพื้นที่สาธารณะเพื่อทำกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป
ในปีการศึกษา 2561 ที่ผ่านมา คณะศิลปกรรมศาสตร์ได้จัดโครงการศิลป์อาสาพัฒนาชุมชน จำนวน 6 ระยะ จากผลการดำเนินโครงการพบว่า ครูและนักเรียนในเขตพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดนครนายกได้รับความรู้ ความเข้าใจ และการพัฒนาศักยภาพทางด้านศิลปะแขนงต่างๆ ทั้งด้านทัศนศิลป์ ศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ ดนตรีไทยและดนตรีสากล เป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้แก่โรงเรียนในชนบท อีกทั้งได้รับการเสริมสร้างประสบการณ์สุนทรียะทางศิลปะเกิดสุขภาวะที่ดีในชุมชน เกิดความกล้าแสดงออก เกิดความมั่นใจ และความภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเอง เป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 31 ต.ค. 2562 17:23 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการการสร้างตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ในชุมชน (ปี 2561)หลักสูตรศิลปะการออกแบบ สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เห็นความสำคัญของการฝึกฝนทักษะทางด้านปฏิบัติทางการออกแบบกราฟฟิก เพื่อใช้ในการสร้างเสริมประสบการณ์เรียนรู้ทางด้านการออกแบบ จึงได้จัดการอบรมและฝึกปฏิบัติการออกแบบกราฟฟิกบนบรรจุภัณฑ์บุคคลทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ต้องการการพัฒนาด้านรูปแบบทางด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อการแข่งขันในตลาดให้มีความทัดเทียมกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ จึงสนับสนุนให้บุคคลทั่วไป เยาวชน นักเรียน นักศึกษาและบุคคลที่สนใจการออกแบบกราฟฟิกบนบรรจุภัณฑ์ เพื่อพัฒนาทักษะ ความสามารถ ความชำนาญทางการออกแบบให้มีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและเป็นการเผยแพร่ศักยภาพทางด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยทักษิณ ให้เป็นที่ประจักษ์และรู้จักกันอย่างแพร่หลาย
vettech เมื่อ 31 ต.ค. 2562 17:16 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ธุรกิจการเลี้ยงไก่ด้วยขมิ้นชัน เพื่อลดการใช้สารเคมีในการเลี้ยงไก่ของชุมชนบ้านโคกนางาม ตำบลภูดิน อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแนวคิดห่วงโซ่อุปทาน (ปี 2563)อาชีพหลักของเกษตรกรในชุมชนบ้านโคกนางาม ตำบลภูดิน อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการผลิตพืชสัตว์เศรษฐกิจ เช่น อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ไก่บ้าน และ โค แต่สิ่งที่เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์นั้น ต้องเผชิญอำนาจการต่อรองทางด้านการซื้อปัจจัยการผลิตที่มีราคาสูงมีผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงและขาดทักษะเทคนิคการผลิตที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันนั้นลูกค้าต้องการสินค้าที่มีความปลอดภัยและลดการใช้สารเคมีในการเลี้ยง จึงทำให้ผลผลิตไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้าทำให้การจัดจำหน่ายผลผลิตนั้นไม่สามารถกำหนดราคาได้เองทำให้ขายผลผลิตได้ในราคาที่ต่ำ จากประเด็นปัญหาดังกล่าวได้นำแนวทางห่วงโซ่อุปทานที่เน้นให้กระบวนการดำเนินธุรกิจ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ที่มีการดำเนินงานอย่างสอดคล้อง เพื่อผลิตสินค้าที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก
จากปัญหาดังกล่าว มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์มีความพร้อมที่จะนำองค์ความรู้และแนวทางการดำเนินธุรกิจการเลี้ยงไก่ด้วยขมิ้นชัน เพื่อลดการใช้สารเคมีในการเลี้ยงไก่ ของชุมชนบ้านโคกนางาม อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแนวคิดห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากมีบุคลากรและนักศึกษาที่มีองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมทางการดำเนินธุรกิจและพื้นที่ที่สามารถนำมาเชื่อมต่อให้เกิดเป็นรูปธรรมเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร โดยนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีการสัตวแพทย์ นักศึกษาสาขาวิชาการจัดการและนักศึกษาสาขาวิชาบัญชี มีการเรียนรายวิชาพยาธิวิทยาทางเทคนิคการสัตวแพทย์ วิชาเตรียมความพร้อมเพื่อการฝึกปฏิบัติงานและวิชาการเงินธุรกิจ นักศึกษานั้นสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้เกี่ยวกับรายวิชาดังกล่าว สู่การถ่ายทอดความรู้และดำเนินการในโครงการธุรกิจการเลี้ยงไก่ด้วยขมิ้นชัน เพื่อลดการใช้สารเคมีในการเลี้ยงไก่ ของชุมชนบ้านโคกนางาม อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแนวคิดห่วงโซ่อุปทาน ที่นำไปปฏิบัติงานจริง โดยนักศึกษามีความสามารถในการค้นคว้า คิดวิเคราะห์ ประมวลผล มีความคิดสร้างสังสรรค์ สามารถ ออกแบบระบบงานมีความฉลาดในการปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มีสำนึกในความเป็นธรรมและมีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีความใฝ่รู้อันจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตร่วมกับชุมชนท้องถิ่นของตนเอง
asc.rmu.63 เมื่อ 31 ต.ค. 2562 15:42 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโครงการบูรณาการเรียนการสอนสู่การส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านการเพาะเลี้ยงกบนาครบวงจร เพื่อการค้าและอนุรักษ์พันธุ์กบนา (ปี 2563)กบนา (Rana rugulosa) เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่พบกระจายพันธุ์ในพื้นที่ชุ่มน้ำพบทั่วไปในประเทศไทยพบได้ของทุกภาค กบนาถือเป็นสัตว์น้ำที่สำคัญทางเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่นิยมเพาะเลี้ยงและบริโภคเป็นอาหาร เนื่องจากกบเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ส่วนของน่องกบมีโปรตีนสูงถึง 83 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 5.8 เปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งและมีกรดอะมิโนที่สำคัญสองชนิด คือ ไรซีนและเมไธโอนีน รวมทั้งยังมีวิตามินและแร่ธาตุ ได้แก่ ธาตุเหล็ก 2.1 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม และไนอาซีน 2.0 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ส่วนการจำหน่าย จะขายลูกกบ 2 ขนาด คือ 1 บาท และ 1.50 บาท ลูกกบ อายุ 45 – 50 วัน ราคาเฉลี่ยตัวละ 1 บาท และลูกกบ อายุ 51 – 60 วัน ราคาเฉลี่ยตัวละ 1.50 บาท ส่วนกบเนื้อ 70 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับการแปรรูปส่วนใหญ่เกษตรกรจะนำไปย่างเพื่อจำหน่าย ราคา ไม้ละ 30 บาทขึ้นอยู่กับขนาด
ปัจจุบันเกษตรกรอำเภอแกดำ จังหวัดมาสารคาม ได้เลี้ยงกบนา จำนวน 40 ราย ทำการเพาะเลี้ยงกบนาเพื่อเป็นอาชีพ สร้างรายได้แก่ครอบครัว รวมถึงอนุรักษ์พันธุ์กบนาเพื่อปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ จากการสัมภาษณ์เกษตรกรเบื้องต้นพบว่า การเพาะพันธุ์กบนายังไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี โดยทั่วไปสามารถเพาะเลี้ยงกบนาได้ 2 ฤดู ได้แก่ ช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์น้ำโดยทั่วไป และการเพาะเลี้ยงกบนานอกฤดูในช่วงฤดูร้อน โดยการจำลองธรรมชาติโดยทำให้เหมือนในฤดูฝนเพื่อกระตุ้นให้กบนาสืบพันธุ์วางไข่ สำหรับในช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่อุณหภูมิต่ำ กบนาจะไม่กินอาหาร ส่งผลต่อการพัฒนาระบบสืบพันธุ์ หรือชาวบ้านเรียกว่ากบจำศีล ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโรคทำให้พ่อแม่พันธุ์กบนาติดเชื้อโรคตายในที่สุด สิ่งที่เกษตรกรต้องการได้แก่ องค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยง เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงกบนา การป้องกันโรค ตลอดจนการแปรรูปและการตลาด ดังนั้นมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่พัฒนาชุมชนสู้ความยั่งยืน ได้น้อมนำพระราโชบายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาท้องถิ่น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาท้องถิ่นสู่ความยั่นยืน ตามศาสตร์พระราชา ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชุมชนท้องถิ่นในทางที่ดีขึ้น เจริญรุ่งเรืองขึ้น ในทุกๆด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
จากประเด็นดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาและสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จึงได้จัดทำโครงการบูรณาการเรียนการสอนสู่การส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านการเพาะเลี้ยงกบนาครบวงจร เพื่อการค้าและอนุรักษ์พันธุ์กบนาได้แก่ พัฒนาระบบการทำฟาร์มให้มีระบบหรือเทคโนโลยีในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกบนาให้สามารถเพาะเลี้ยงได้ตลอดทั้งปี ตั้งแต่การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ การจัดการโรงเพาะฟักที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ การจัดการโรค การอนุบาล การเลี้ยง รวมถึงอาหารและการให้อาหารที่เหมาะสมต่อการเลี้ยง และการอนุบาล ตลอดจนการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกบนาที่มีความหลากหลาย เพื่อให้ผลิตกบนาทั้งจำหน่ายเป็นลูกอ๊อด กบเนื้อ และแปรรูป ที่สามารถส่งตลาดได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพียงพอกับความต้องการของตลาด รวมถึงอนุรักษ์พันธุ์กบนาปล่อยสู่แหล่งน้ำสร้างสมดุลแก่ธรรมชาติ และความมั่นคงทางอาหารชุมชน

๖. วัตถุประสงค์โครงการ (Outcomes)
๖.๑ เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนารูปแบบการเพาะเลี้ยงกบนาให้มีผลผลิตตลอดทั้งปี
๖.๒ เพื่อศึกษาชนิดโรคและการป้องกันรักษาโรคในกบนาโดยใช้สมุนไพร
๖.๓ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์การแปรรูป รวมถึงช่องทางการตลาด
๖.๔ เพื่อส่งเสริมอาชีพและการอนุรักษ์ฟื้นฟูพันธุ์กบนาเป็นแหล่งอาหารในท้องถิ่น

๗. เป้าหมายโครงการ (Outputs)
เกษตรกรผู้เลี้ยงกบนาสามารถเพาะเลี้ยงกบนาได้ตลอดทั้งปี มีผลผลิตจำหน่ายอย่างต่อเนื่องทั้งปริมาณและคุณภาพ และจำหน่ายลูกกบ กบเนื้อ พ่อแม่พันธุ์กบ รวมทั้งสามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกบได้ เช่น กบนาชูริมิ ป่นกบกึ่งสำเร็จรูป ลูกกบอัดกระป๋อง ตลอดจนสามารถปล่อยพันธุ์กบนาคืนสู่แหล่งธรรมชาติเป็นการอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนทรัพยากรกบนาเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในท้องถิ่น
๘. กลุ่มเป้าหมายโครงการ (Target group)
เกษตรกรผู้เลี้ยงกบนา จำนวน 40 ราย บ้านหนองแวงใต้ ตำบลภูปอ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์

๙. ตัวชี้วัดเป้าหมายโครงการ (Outputs) และตัวชี้วัดผลลัพธ์ (Outcomes)
ผลผลิต : เกษตรกรผู้เลี้ยงกบนาได้รับการพัฒนาระบบการเพาะเลี้ยงกบนาครบวงจร รวมถึงสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กบนาชูริมิ ป่นกบนากึ่งสำเร็จรูป และลูกกบนาอักกระป๋อง
ผลลัพธ์ : เกิดการสร้างเครือข่ายการเพาะเลี้ยงกบนา เครือข่ายระบบตลาดการซื้อขายกบนา ซึ่งสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่เกษตรกร รวมถึงอนุรักษ์พันธุ์กบนาสร้างความสมดุลแก่ระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหารระดับท้องถิ่น

๑๖. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (Impact)
๑๖.๑ สามารถผลผิตกบนาทั้งปริมาณ และคุณภาพได้ตลอดทั้งปี
๑๖.๒ ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากกบนามีความหลากหลายและเป็นที่ต้องการของตลาด
๑๖.๓ เกิดชุมชนเพาะเลี้ยงกบนาและมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
๑๖.๔ เกิดช่องทางการตลาดกบนาและเครือข่ายการเพาะเลี้ยงกบนา
SSOSWU เมื่อ 31 ต.ค. 2562 15:31 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)โครงการพัฒนาแกนนำสร้างความสุขสู่ชุมชน : สยามหัวเราะ (ปี 2562)การทำงานบริการวิชาการแก่ชุมชน มีจุดมุ่งหมาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านองค์ความรู้จากทางมหาวิทยาลัย ที่แต่ละคณะ หรือหน่วยงานสามารถเข้าไปให้เพื่อตรงกับความต้องการของทางชุมชน จากการลงพื้นที่ทำงานของบัณฑิตวิทยาลัย ร่วมกับสำนักนวัตกรรมการเรียนรู้ ณ ตำบลหนองหมากฝ้าย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2554 มาถึงปีพ.ศ. 2561 พบว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและตัวแทนผู้นำในชุมชนที่เข้าร่วมกิจกรรมบริการวิชาการโครงการพัฒนาสาระชีวิต มีพัฒนาการด้านความกล้าแสดงออกดีขึ้น (ปีพ.ศ. 2554-2557) ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการศาสตร์และศิลป์แห่งการหัวเราะ ด้วยสยามหัวเราะ (ปีพ.ศ.2556-2557) มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มีอัตราการเจ็บป่วยด้านกายและจิต จนปรับเปลี่ยนเป็นโครงการพัฒนาแกนนำสร้างสุขสู่ชุมชน (ปีพ.ศ.2558-2561) เนื่องจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน มีความต้องการเป็นแกนนำความสุขด้วยสยามหัวเราะ และได้เริ่มมีกิจกรรมเป็นแกนนำร่วมกับผู้สูงอายุ และในปี 2559 มีการนำเด็กในชุมชนมาร่วมเป็นแกนนำจนเกิดแกนนำ 3 วัย ขึ้นมา และมีการขยายผลของความรู้ด้านการสร้างสุขด้วยเสียงหัวเราะ ไปยังงานส่งเสริมสุขภาพอื่นๆ ของทางตำบล ผู้สูงอายุเข้มแข็งขึ้น จนชุมชนนั้นได้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องสยามหัวเราะ และขยายผลไปยังอำเภอข้างเคียง จนในปัจจุบัน ที่ท่าช้างเป็นอีกหนึ่งสถานที่ของการดูงานจากจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย และจากความเข้มแข็งของผู้สูงอายุ จึงเป็นผลกระทบ (Impact) จุดเริ่มต้นส่วนหนึ่งที่ทางอำเภอได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดโรงเรียนผู้สูงอายุ หมากฝ้ายวัยเก๋า ให้กับผู้สูงอายุดทั้งตำบลนอกจากนี้ ปี พ.ศ. 2558 ถือเป็นการเปิดตัวระดับจังหวัดที่ได้จัดมหกรรมหัวเราะโลกครั้งที่ 1 และในปีพ.ศ. 2559 ทางจังหวัดกำหนดยุทธศาสตร์ให้แต่ละอำเภอมีการสร้างกลุ่มหัวเราะบำบัดขึ้นมา เพื่อพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับคนในชุมชน อันเป็นผลจากความสำเร็จในการทำโครงการที่ชุมชนท่าช้าง จนนำมาสู่การบูรณาการระดับจังหวัดและมหาวิทยาลัย โดยมีการทำ MOU ในปี 2559 ทางปลัดสาธารณสุขจังหวัดมีการวางแผนจัดการพัฒนาแกนนำหัวเราะในแต่ละตำบล และทางจังหวัด นำเรื่องหัวเราะบำบัด เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ประจำปี 2559 ทั้งนี้ ได้ขยายผลการจัดโดยตัวแทนแต่ละอำเภอส่งคนเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ผลจากการส่งตัวแทนจากอำเภอเพียง 2-3 คน ไม่สามารถนำไปสู่การจัดตั้งหรือการขยายผลได้อย่างเข้มแข็ง เพราะงานอื่นๆ และความสามารถในการจดจำท่า หรือการต่อเนื่องของการนำความรู้ไปใช้ทำได้ไม่เต็มที่นัก จึงมีการประเมินผลร่วมกันระหว่างตัวแทนผู้เข้าอบรมและคณะทำงานว่า ควรจัดเข้าพื้นที่หมู่บ้านที่มีความต้องการให้มีการจัดอบรม และจะสะดวกต่อการเดินทางเพื่อเข้าร่วมมากกว่าด้วย
โดยในปีงบประมาณ 2561 ทางคณะทำงานฯ ได้รับการติดต่อจากทางชุมชมหนองหัวข้าง ว่ามีความประสงค์จะให้กิจกรรมสร้างสุขให้แก่ชุมชนด้วยสยามหัวเราะ จึงได้ลงไปยังพื้นที่เพื่อเปิดพื้นที่ใหม่ และวางแผนที่จะร่วมสร้างกิจกรรมต่อเนื่องกับทางชุมชน และมีพื้นที่ตำบลหนองแวง ซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่เช่นกัน ที่มีความประสงค์ให้ช่วยทำกิจกรรมสร้างแกนนำชุมชนสร้างสุขด้วยเสียงหัวเราะ ทางคณะทำงานฯ จึงเห็นว่าควรจะเริ่มเปิดพื้นที่ใหม่ และวางแผนให้พื้นที่มีการสร้างเครือข่ายภายในชุมชนของอำเภอวัฒนานคร ให้มีความเข้มแข็งต่อไป
นอกจากนี้ สำหรับชุมชนบ้านท่าช้าง ทางคณะทำงานฯ ยังคงมีการลงพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อติดตามและสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มแกนนำ 3 วัย โดยเฉพาะกับวัยเยาวชน ที่จะเป็นทรัพยากรชุมชนที่เข้มแข็ง หากได้เริ่มสร้างตนเองให้เป็นเด็กคุณภาพ มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญประโยชน์ให้ชุมชน และเป็นการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับตนเองอีกด้วย และจากการลงพื้นที่ของโครงการบริการจิตอาสาม หมอจิ๋ว จากทางโรงพยาบาลชลประทานด้วยนั้น ยิ่งทำให้งานด้านส่งเสริมสุขภาพและการสร้างความสุขด้วยการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยตามบ้านมีการผสมผสานกระบวนการอย่างอัศจรรย์ใจ ซึ่งทางกลุ่มแกนนำสามวัย จึงยังต้องการองค์ความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้การทำงานส่งเสริมสุขภาพภายในชุมชนเกิดประสิทธิภาพขึ้น
ดังนั้น ศูนย์พัฒนาศักยภาพมนุษย์ บัณฑิตวิทยาลัย ร่วมบูรณาการกับ สำนักนวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาพัฒนาแกนนำสร้างสุขด้วยสยามหัวเราะ โดยในปีงบประมาณ 2562 จะเป็นการเข้าไปเปิดพื้นที่ชุมชนหนองแวงและชุมชนหนองหัวช้าง เนื่องจากปีงบประมาณ 2561 ได้ทดลองนำร่องเข้าไปในชุมชน และมีการประสานงานกับผู้นำชุมชน ซึ่งมีความต้องการให้มาสร้างแกนนำ ซึ่งจากการลงพื้นที่ 2 พื้นที่นี้ มีความแตกต่างจากชุมชนหนองหมากฝ้าย โดยคณะทำงาน จะใช้รูปแบบการทำงานที่เคยทำกับทางชุมชนบ้านท่าช้างมาทำกับทางชุมชนหนองแวง โดยจะให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนจัดกิจกรรม ร่วมประเมินผล เพื่อให้ได้ผลที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชน และจะได้เป็นการขยายผลองค์ความรู้ต่อด้วย
ในชุมชนบ้านท่าช้าง จะยังคงมีการติดตามกลุ่มสามวัย และการให้ความรู้เพิ่มเติม เพือ่มุ่งหวังให้นำความรู้ไปบูรณาการกับงานส่งเสริมสุขภาพ เพื่อจะได้ช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยตามบ้านได้ โดยใช้การสยามหัวเราะเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของการสร้างกำลังใจให้แก่คนไข้
vettech เมื่อ 31 ต.ค. 2562 15:15 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ธุรกิจการเลี้ยงสุกรด้วยขมิ้นชัน เพื่อลดการใช้สารเคมีในการเลี้ยงสุกรของชุมชนในบ้านหลุบ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแนวคิดห่วงโซ่อุปทาน (ปี 2563)จากปัญหาดังกล่าว มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์มีความพร้อมที่จะนำองค์ความรู้และแนวทางการสร้างนวัตกรรมการดำเนินธุรกิจสุกรสมุนไพร โดยอาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้สมุนไพรด้วยขมิ้นชันของชุมชนในบ้านหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแนวคิดห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากมีบุคลากรและนักศึกษาที่มีองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมทางการดำเนินธุรกิจและพื้นที่ที่สามารถนำมาเชื่อมต่อให้เกิดเป็นรูปธรรมเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร โดยนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีการสัตวแพทย์และนักศึกษาสาขาวิชาการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่ มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ทุกภาคการศึกษาในรายวิชาการเรียนรู้ภาคปฏิบัติด้านการผลิตขมิ้นชั้น การเจริญเติบโตของสุกร และการจัดการธุรกิจค้าปลีกและนักศึกษาได้ศึกษารายวิชาพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อการบริหารสินค้าในธุรกิจค้าปลีก นักศึกษานั้นสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้เกี่ยวกับการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคสุกรสมุนไพร โดยอาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้สมุนไพรต่างชนิดของชุมชนในบ้านหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมการดำเนินธุรกิจสุกรสมุนไพร โดยอาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้สมุนไพรต่างชนิดของชุมชนในบ้านหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้กับเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแนวคิดห่วงโซ่อุปทาน ที่นำไปปฏิบัติงานจริง โดยนักศึกษามีความสามารถในการค้นคว้า คิดวิเคราะห์ ประมวลผล มีความคิดสร้างสังสรรค์ สามารถ ออกแบบระบบงานมีความฉลาดในการปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มีสำนึกในความเป็นธรรมและมีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีความใฝ่รู้อันจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตร่วมกับชุมชนท้องถิ่นของตนเอง
aranyanontarach เมื่อ 31 ต.ค. 2562 15:06 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการชุมชนต้นแบบปลอดขยะและสารพิษ ตำบลสงเปลือย อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์พื้นที่นามน ตั้งอยู่ที่ตำบลสงเปลือย อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน 3 หมู่บ้านขึ้นกับตำบลสงเปลือย อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม นับตั้งแต่มีการตั้งมหาวิทยาลัย ปีพ.ศ. 2542 ชุมชนมีการขยายตัวเรื่อยมามีการก่อสร้างร้านค้าและหอพักต่างๆ ทำให้มีขยะเกิดขึ้นจากชุมชนและการประกอบการของแม่ค้าปริมาณมากขึ้นทุกปี แม้รัฐบาลจะมีการณรงค์ให้แยกขยะ แต่จากการสังเกตองค์ประกอบของขยะที่เกิดขึ้นจากชุมชนทั้งร้านค้าและครัวเรือน ยังมีขยะอินทรีย์ปนกับขยะพลาสติกก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นและมีปริมาณขยะมากเกินความจำเป็น ทำให้เป็นภาระของเทศบาลสงเปลือยในการขนย้ายไปทิ้งแหล่งฝังกลบซึ่งห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรและทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนมีการแพร่กระจายของกองขยะพลาสติกลงคลองข้างถนนทำให้เกิดสารพิษที่ปนมาในขยะแพร่กระจายลงไปยังพื้นที่การเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสุขภาพมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ได้มีการจัดการเรียนการสอนหลายหลายสาขารวมทั้งวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขศาสตร์ ได้เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงมีโครงการชุมชนปลอดขยะและสารพิษ เป็นการนำนักศึกษาที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมโครงการ เพื่อลดปัญหาจากขยะและนำขยะไปใช้ประโยชน์เช่น การคัดแยกขยะเพื่อจำหน่าย การนำขยะอินทรย์ไปทำสารกำจัดศตรูพืชแบบชีวภาพโดยใช้นวัตกรรมการหมักจุลินทรีย์สูตรต่างๆ เช่น พด.2 พด.3 และไตรโคเดอรมา ซึ่งสอดคล้องกับสถาณการปัจจุบันที่มีการยกเลิกการใช้สารอันตราย พาราควอท ไกลโฟเสต คลอไพรีฟอส จะเป็นจุกเริ่มต้นในการสร้างชุมชนปลอดสารพิษและเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
suchada6881 เมื่อ 31 ต.ค. 2562 13:39 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโครงการ การจัดการอาหารกลางวันพื้นบ้านอีสานสำหรับเด็กปฐมวัยโดยชุมชน (ปี 2563)ตามที่ภาครัฐได้เชื่อมโยงเป้าหมายและยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึง ๒๕๘๐ ที่กำหนดวิสัยทัศน์ ประเทศไทย โดยน้อมนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และกำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีเป้าหมายการพัฒนาและยกระดับคนในภูมิภาคและในทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่งและมีคุณภาพโดยจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาพที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านเด็กปฐมวัยทั้งหมด ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ยุทธศาสตร์ที่ ๑ เด็กทุกคนได้รับบริการในการพัฒนาเต็มศักยภาพ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ไอโอดีนกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย และยุทธศาสตร์ที่ ๔ กลไกการดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัย(สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๕๕ : ๑) ซึ่งการอบรมปลูกฝังสร้างเสริมพัฒนาการทุกด้านให้แก่เด็กปฐมวัย ได้เจริญเติบโตเต็มศักยภาพในช่วงอายุนี้ จะเป็นรากฐานที่ดีที่จะให้เขาได้เจริญเติบโตเป็นเยาวชนและพลเมืองที่ดี มากกว่าปลูกฝังสร้างเสริมในช่วงอื่น
จากสภาพปัจจุบันเศรษฐกิจและสังคมในอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โครงสร้างครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งเขตเมืองและชนบท พ่อแม่ออกไปทำงานนอกบ้าน ทิ้งลูกไว้ให้อยู่ในความดูแลของตา ยาย ปู่ ย่า และผู้อื่น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กปฐมวัยเป็นกลุ่มที่สมควรได้รับการคุ้มครองเรื่อง การได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าและปลอดภัยต่อการบริโภคมากกว่าเด็กกลุ่มอื่น แต่สภาพปัจจุบันที่เป็นอยู่เด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อการบริโภคอาหารอันเนื่องมาจากเหตุหลายประการที่สำคัญคือ การเสี่ยงต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารตามอิทธิพลของการโฆษณา ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสิ่งล่อใจ จากอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการจะทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อการพัฒนาการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและสมองของเด็ก (กรมอนามัย, มปป : คำนำ) อีกทั้งพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.๒๕๖๒ มุ่งเน้นให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชน ส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพให้กับเด็กปฐมวัยอย่างทั่วถึง และสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ได้รับการพัฒนาตามแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เป็นมหาวิทยาลัยที่พระราชาประสงค์ให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นในเขตจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความพร้อมในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ โดยการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาในจังหวัด เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้เข้าร่วมโครงการอาสาประชารัฐ ในการนำองค์ความรู้ทางวิชาชีพลงสู่การปฏิบัติ และจัดทำโครงการ การจัดการอาหารกลางวันพื้นบ้านอีสานสำหรับเด็กปฐมวัยโดยชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัยให้ได้สารอาหารครบตามความต้องการของร่างกาย และเป็นแนวทางสำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูและผู้มีหน้าที่ประกอบอาหารทั้งภาครัฐ เอกชน และครัวเรือนในอำเภอยางตลาด ได้ใช้เป็นแนวทางในการจัดเตรียมอาหารสำหรับเด็กปฐมวัย ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยให้เจริญเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพและจิตใจที่สมบูรณ์เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
reru101 เมื่อ 31 ต.ค. 2562 13:09 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดโครงการพัฒนากลุ่มสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจรเพื่อการพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืน (ปี 2562)1. เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนกลุ่มสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ร่วมกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
2. สร้างความหลายหลายของสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอินทรีย์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกวัย และทุกช่วงอายุ
3. ผลักดันสินค้าให้ได้มาตรฐานการผลิตสินค้าทางการเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารพิษ (มกษ. 9000)
4. พัฒนาและอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้ได้ตามมาตรฐานการรับรองที่กำหนดและกระบวนการบริหารจัดการธุรกิจสมัยใหม่เพื่อความสำเร็จตามเป้าหมาย
5. พัฒนาและอบรมให้ความรู้ทางด้าน IT เพื่อส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักแบบกว้างขวางและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า
aomdussadee เมื่อ 31 ต.ค. 2562 10:44 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิโครงการบริการชาการ เชิงปฏิบัติการบูรณาการทางวิทยาศาสตร์สู่ชุมชน (ปี 2563)โครงการบริการวิชาการ เชิงปฎิบัติการบูรราการทางวิทยาศาสตร์ นี้ ต้องการที่จะพัฒนาและส่งเสริม อีกทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ ยังเป็นเป็นแหล่งรวมความรู้ มีบุคลากรที่มีความสามารถทางวิชาการ การน าหลักการ วิชาการที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยออกมาทำประโยชน์สู่ชุมชน จึงนับเป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของมหาวิทยาลัย คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ได้เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว ขึ้นเพื่อบริการวิชาการแก่สังคม ด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม สามารถที่จะบูรณาการองค์ความรู้ จากการจัดการเรียนการสอน การวิจัย มาสู่การให้บริการวิชาการแก่ชุมชน สังคม และนำ ประสบการณ์จากการให้บริการวิชาการกลับมาพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและ โดยจัดทำรูปแบบของการบริการจัดฝึกอบรม และประชุมเชิง ปฏิบัติการ
rujikarn เมื่อ 31 ต.ค. 2562 09:59 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรแบบมีส่วนร่วมตามแนวพระราชดำริ (ปี 2563)พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้สร้างปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้ครอบคลุมหลายๆ เรื่อง ได้แก่ การจัดการดิน การจัดการน้ำ การเกษตรแปรรูป พลังงานทางเลือก สิ่งแวดล้อมชุมชน การปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ปลูกพืชผักสวนครัว เป็นต้น ทรงชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยตลอดพระชนชีพ มุ่งให้พสกนิกรได้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และปลอดภัย ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกาภิวัฒน์ เป็นแนวทางการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ โดยยึดแนวทางการพัฒนาที่มีคนหรือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะเป็นตัวการที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า
เกษตรอินทรีย์ คือการทำการเกษตรด้วยหลักธรรมชาติ บนพื้นที่การเกษตรที่ไม่มีสารพิษตกค้างและหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมีทางดิน ทางน้ำ และทางอากาศเพื่อส่งเสริมความอุดสมสมบูรณ์ของดินความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศน์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สมดุลธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมี เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ก่อให้เกิดความพอเพียงระดับชุมชนและสอดคล้องกับความพอเพียงตามหลักแห่งศาสตร์พระราชา ซึ่งสามารถสร้างความเข้มแข็งต่อชุมชนและประเทศต่อไปได้
การบูรณาการเกษตรอินทรีย์กับวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการนำนักศึกษาหลากหลายสาขาลงพื้นที่แล้วใช้รูปแบบการพัฒนาหมู่บ้านแบบมีส่วนร่วมของชุมชน หาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องรายได้ เรื่องสุขภาพ เพื่อก่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มีการพัฒนาที่ยั่งยืน และก้าวไปสู่ประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) อีกทั้งสามารถรวมกลุ่มกันเพื่อร่วมมือกันสร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่มและส่วนรวมบนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนกัน การแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังและความสามารถของตนซึ่งจะสามารถทำให้ ชุมชนโดยรวม เกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยใช้รูปแบบ(Model)การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แบบการมีส่วนร่วม มีองค์ประกอบ คือ 1. รายได้ดี 2.สุขภาพดี 3.สิ่งแวดล้อมดี 4.คุณธรรมดี มีกระบวนการดังนี้
1. สร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยของสารเคมีทางการเกษตรที่มีต่อร่างกาย ด้วยการตรวจหาค่าคลอรีนเอสเตอเรส และทางด้านสิ่งแวดล้อมโดยการตรวจสารตกค้างในดินและน้ำในพื้นที่
2. ให้ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ แบบ ห่วงโซ่อุปทาน
3. สร้างกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็ง
asc.rmu.63 เมื่อ 31 ต.ค. 2562 08:32 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามการยกระดับกลุ่มผู้ผลิตข้าวสู่มาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างครบวงจร (ปี 2563)ตามที่ภาครัฐได้เชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติเข้ากับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒o ปี ของประเทศไทย และยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ๒o ปี ระหว่างปี ๒๕๖o ถึง ปี ๒๔๗๙ โดยน้อมเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่ และใช้หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชบรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบาย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และยกระดับรายได้ของประชาชน แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พัฒนาโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ ก็ทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ที่จะสานต่อโครงการพระราชดำริของพระราชบิดา เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นมหาวิทยาลัยที่พระราชาประสงค์ให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นในเขตจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดคณะทีมทำงานลงพื้นที่สำรวจข้อมูลชุมชนในเขตองค์กรปกครองเทศบาลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒ พบว่าพื้นที่เขตเทศบาลตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพื้นที่ประมาณ ๗ ถึง ๙ หมู่บ้าน มีอาชีพการทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักปลูกข้าวหลายชนิด มีปัญหาการทำนาปลูกข้าวแบบใช้สารเคมี ข้าวประสบปัญหาการเกิดโรค เกษตรกรขาดองค์ความรู้ การป้องกันปราบปรามศัตรูพืช ขาดองค์ความรู้เรื่องการคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวและมีปัญหาในการรวมกลุ่มไม่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเกษตรกรมีความต้องการให้มีการรวมกลุ่มและมีการแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในระดับท้องถิ่นของตนเอง และได้บริโภคข้าวที่เป็นข้าวอินทรีย์ คณะทีมทำงานได้ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาจากองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เคยมีประสบการณ์จากโครงการบริการวิชาการการยกระดับผู้ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานสินค้าเกษตรอย่างครบวงจรซึ่งเป็นโครงการได้รับทุนสนับสนุนด้วยยุทธศาสตร์แผนบูรณาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีชุดความรู้เรื่องกระบวนการทำงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเมืองเตาการผลิตข้าวหอมมะลิได้มาตรฐานพืชอาหาร GAP ตามการรับรองของกรมวิชาการการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และได้ชุดความรู้เรื่องกระบวนการแปรรูปข้าวหอมมะลิเป็นข้างฮางงอก ข้าวคั่วสมุนไพร ข้าวกล้อง เป็นต้น
ด้วยความสำคัญและปัญหาดังกล่าวมาทำให้คณะทีมทำงานได้จัดทำโครงการยกระดับกลุ่มผู้ผลิตข้าวสู่มาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างครบวงจร โดยระดมองค์ความรู้ นวัตกรรม บุคลากร และเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมพัฒนาข้าวในจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเริ่มตั้งแต่ด้านกระบวนการผลิต ปรับปรุงคุณภาพดินและน้ำ การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การแปรรูปข้าวและเชื่อมประสานช่องทางการตลาดที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP (Good Agricultural Practice) และเกษตรอินทรีย์โดยการร่วมกับภาคีเครือข่ายภายในจังหวัดที่เป็นองค์กรเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการทำเกษตรกรรมปลูกข้าวให้ได้มาตรฐานตามกระกรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดไว้ ให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเกษตรกร ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อยกระดับการผลิตข้าวในจังหวัดกาฬสินธุ์
asc.rmu.63 เมื่อ 31 ต.ค. 2562 08:06 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาท้องถิ่นเพื่อโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร (ปี 2563)พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่เสริมสร้างพลังปัญญาของแผ่นดิน ฟื้นฟูพลังการเรียนรู้ เชิดชูภูมิปัญญาของท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลปวิทยา เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนของปวงชน มีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการสอน วิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคมปรับปรุง ถ่ายทอด และพัฒนาเทคโนโลยี ทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม ผลิตครูและส่งเสริมวิทยฐานะครู
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามจึงได้จัดตั้งหน่วยงาน “สำนักบริการวิชาการ” เพื่อขับเคลื่อนงานการให้บริการวิชาการภายในมหาวิทยาลัยและท้องถิ่น โดยการประสานภาคีเคลื่อนข่ายระดมองค์ความรู้และทรัพยากรทั้งจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยร่วมกันพัฒนาท้องถิ่นและสังคม ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังนั้น สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จัดโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาท้องถิ่นเพื่อโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและถ่ายทอดเทคโนโลยีท้องถิ่นให้สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

๓. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัดความสำเร็จ OKR (Objectives & Key Results)
๓.๑ เพื่อตอบสนองต่อพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
๓.๒ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีบ่อก๊าซชีวภาพสำหรับครัวเรือน
๓.๓ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร
KPI อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือนในพื้นที่การพัฒนาของ มรภ.

๔. เป้าหมายโครงการ (Outputs)
๔.๑ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ช่วยลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน

๕. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (Impact)
๕.๑ กลุ่มเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีบ่อก๊าซชีวภาพสำหรับครัวเรือน
๕.๒ กลุ่มเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกผักและพืชอินทรีย์สำหรับ
การเกษตร
kriengkrai sriprasert เมื่อ 30 ต.ค. 2562 21:27 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ลำปางโครงการอาสาประชารัฐเพื่อพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการปลากัดไทยในเขตภาคเหนือ (ปี 2563)สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กลุ่มภารกิจด้านการอุดมศึกษา) ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนระดับอุดมศึกษา จึงจัดทำโครงการอาสาประชารัฐเพื่อผลิตบัณฑิตในศตวรรษที่ 21 ที่มีคุณภาพ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษากับการปฏิบัติงานจริง ลดระยะเวลาเรียนในชั้นเรียนให้น้อยลง มุ่งเน้นการปฏิบัติงานจริงมากขึ้น เพื่อให้นิสิต/นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์การทำงานตรงตามสาขาวิชา และองค์ความรู้ที่เรียน โดยมีชุมชนเป็นฐานในการนำองค์ความรู้ทางวิชาชีพในสาขาที่เรียนสู่การปฏิบัติ (Community-based Learning Program: CBL) ผ่านโครงงานที่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการเชิงพื้นที่ของชุมชน (Area-based) และมุ่งเน้นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาด้านความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาคุณภาพชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบ และเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป

ด้วยเหตุนี้โครงการ “พัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงปลากัดไทยในเขตภาคเหนือ” มีความประสงค์จะดำเนินกิจกรรมโครงการอาสาประชารัฐควบคู่ไปกับการบริการวิชาการ โดยการนำนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ลำปาง ที่เป็นกลุ่มบุคคลที่กำลังศึกษาหาความรู้ทางวิชาการทั้งจากตำราและในชั้นเรียน และความรู้จากประสบการณ์จริงที่เกิดจากทักษะปฏิบัติ หรือจากสภาวะการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง หากนักศึกษาสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้ที่หลากหลายในมหาวิทยาลัย และประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการ และปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา และพัฒนาชุมชนในมิติต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล อาจสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ รวมถึงการสร้างนวัตกรรมทางสังคมร่วมกับกลุ่ม หรือชุมชน จากการปฏิบัติหน้าที่เป็นอาสาสมัครในโครงการอาสาประชารัฐในโครงการบริการข้างต้น

จากการรวบรวมปัญหาและความต้องการของผู้ประกอบการของกลุ่ม Cluster Plakad ในเขตภาคเหนือ และตอนล่าง ในวันที่ 23 มิถุนายน 2562 ณ โรงแรมแกรนด์ จังหวัดพิษณุโลก ในเบื้องต้นพบว่า ผู้ประกอบยังประสบปัญหาของการขาดความรู้พื้นฐานในการพัฒนาสายพันธ์ใหม่ ๆ ปัญหาในการเพาะเลี้ยงที่ขาดแหล่งอาหารที่มีชีวิต ได้แก่ ไรแดง จึงต้องการให้มีการส่งเสริมการสร้างอาหารทดแทนในการเพาะเลี้ยง การดูแลปลา การกำจัดโรคปลาที่มักระบาดในฤดูฝน นอกจากนี้ผู้ประกอบการบางส่วนประสบปัญหาด้านเงินลงทุน และต้องการได้รับการจัดสรรงบประมาณที่สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ จากหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงแหล่งทุนเพื่อการเพาะเลี้ยง อีกทั้งยังพบปัญหาผลผลิตปลากัดไทย ที่ขาดช่องทางการจัดจำหน่ายที่ยั่งยืน ทั้งการจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซด์และแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ รวมถึงปัญหาของการทำสต๊อกออนไลน์เป็นต้น

เพื่อให้โครงการอาสาประชารัฐของนักศึกษาเป็นไปด้วยความราบรื่น ทางผู้ดำเนินโครงการฯ จึงได้จัดทำข้อเสนอโครงการที่ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของนักศึกษา เพื่อให้มีความเข้าใจและตระหนักถึงสภาพปัญหาพื้นฐาน ความรู้เกี่ยวกับกลุ่มผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงปลากัดไทยในเขตภาคเหนือ และกิจกรรมต่าง ๆ ของกลุ่มเพื่อให้นักศึกษาได้ทราบถึงภารกิจ กิจกรรมต่าง ๆ ของกลุ่ม ทำให้นักศึกษาเกิดความเข้าใจ และตระหนักเห็นว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยเหลือ หรือเป็นอีกหนึ่งพลังที่สามารถทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้ นอกจากนี้นักศึกษายังได้ประโยชน์จากการร่วมกิจกรรมอาสาสมัครทำงานเพื่อสังคม ในแง่ของการได้นำความรู้ที่เรียนมาไปทดลองใช้ในสถานการณ์จริง ได้ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับชุมชน หรือกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้อื่น ตามนโยบายด้านการอุดมศึกษาที่มุ่งสร้างและพัฒนาคนไทยเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) ขับเคลื่อนหลักสูตรอุดมศึกษายุคใหม่ให้เข้ากับอาชีพแห่งอนาคต อันเป็นช่วยเสริมสร้างบัณฑิตสู่โลกใบใหม่ แห่งศตวรรษที่ 21 และขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะร่วมกับผู้ประกอบการจริงเพื่อก้าวสู่อาชีพแห่งอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการใช้ศักยภาพจากการเรียนรู้จากสถานศึกษาในช่วยขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ด้วยการบูรณาการนโยบายเศรษฐกิจ บีซีจี โมเดล (BCG Model) เพื่อการปรับเปลี่ยนประเทศด้วยปัญญาจากฐานรากและเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่นต่อไป
kriangkrai.sa01 เมื่อ 30 ต.ค. 2562 20:49 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่นโครงการบริการวิชาการจัดทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุน ความรู้ ปรัชญา สู่การปฎิบัติ โดยประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ปี 2563)จากสภาวะสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยกระแสวัตถุนิยม และความฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ จนทำให้คนไทยหลงเดินทางผิดไปตามกระแสนิยมจนกลายเป็นปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินที่ไม่มีวัน จบสิ้น อย่างไรก็ตามคนไทยยังมีทางออก ซึ่งการจะดำรงชีวิตให้อยู่รอดภายใต้สังคมในปัจจุบัน แนวทางหนึ่งที่ประชาชนไทยควรยึดถือคือการพึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาท ตามแนวปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมองเห็นถึงความสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง รู้จักความพอมีพอกิน พอมีพอใช้ คำนึงถึงหลักเหตุผลและการประมาณตนเอง พร้อมกับทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ประมาท โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินอันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต
การทำบัญชี คือ การจดบันทึก ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขปัจจัยในการดำรงชีวิตของตัวเอง และภายในครอบครัว ชุมชน รวมถึงประเทศ ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกจะเป็นตัวบ่งชี้อดีตปัจจุบันและอนาคตของชีวิตของตัวเอง สามารถนำข้อมูลอดีตมาบอกปัจจุบันและอนาคตได้ ข้อมูลที่ได้ ที่บันทึกไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนชีวิตและกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต ในครอบครัว
ดังที่กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่าการจัดทำบัญชีครัวเรือนมีความสำคัญกับชุมชน โดยคณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น มุ่งที่จะให้ความรู้กับชุมชนในเขตจังหวัดกาฬสินธิ์ จึงเลือกหมู่บ้านเสียว ตำบลหัวงัว อำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรจำนวนมาก ดังนั้น คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น จึงได้เล็งเห็นความสำคัญที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน หมู่บ้านบ้านเสียวโดยไปให้ความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถ พึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ตามแนวปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง”
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 30 ต.ค. 2562 17:51 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการ ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิคการผลิตปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศสำหรับผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ (ปี 2562)ตามแผนยุทธศาสตร์จังหวัดพัทลุงมุ่งเน้นการพัฒนาข้าวอินทรีย์ 5 ปี (ปี 2561-2565) เพื่อเพิ่มพื้นที่การผลิตให้เกิดผลสำเร็จ จำนวน 27,000 ไร่ และพันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกในการทำนาอินทรีย์ที่ผ่านมา ได้แก่ พันธุ์ข้าวสังข์หยดเท่านั้น สาเหตุเนื่องจากข้าวสังข์หยดเป็นข้าวที่ผ่านการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) และเป็นข้าวสุขภาพที่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศต้องการ สามารถสร้างมูลค่าและเพิ่มทางการตลาดได้เป็นอย่างดี กระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องของการใช้สารเคมีในแปลงนาสำหรับผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ที่กำลังจะจดทะเบียน organic Thailand หรือ IFOAM ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองการผลิตข้าวอินทรีย์ที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นตลอดทั้งระบบการผลิต ดังนั้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในแปลงนาอินทรีย์จึงต้องมาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรองว่าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ปราศจากการปนเปื้อนสารเคมีอย่างแน่นอน การผลิตปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งสำหรับการผลิตปุ๋ยหมักของกลุ่มเกษตรกรที่จะรวมกลุ่มกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวอินทรีย์ โดยหลักกระบวนการผลิตปุ๋ยต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติและขอตรารับรองปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถใช้ได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการผลิตปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศเป็นกระบวนการหมักเริ่มขึ้นหลังจากนำส่วนผสมวัสดุอินทรีย์ตามสูตร คือ มูลไก่แกลบ 3 ส่วน มูลวัว 3 ส่วน และเศษวัสดุ 1 ส่วน โดยน้ำหนัก ที่ระดับความชื้นใกล้เคียงกัน ได้ผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันดีแล้วพร้อมกับปรับความชื้นให้ได้ในระดับ 60 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก หรือเปียกชุ่มแต่ไม่แฉะ หรือเมื่อใช้มือกำจะเป็นก้อนแต่ต้องไม่มีน้ำไหลออกมาจากวัสดุและเมื่อใช้นิ้วบี้จะแตกออกโดยง่าย การปรับความชื้นมีความสำคัญเพราะมีผลต่อช่องว่างในกองปุ๋ยหมัก ช่องว่างที่เหมาะสมมีผลทำให้อากาศในกองปุ๋ยหมักมีการหมุนเวียนเติมออกซิเจนให้กับจุลินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ภายในกองปุ๋ยไม่เกิดสภาวะขาดออกซิเจน และช่วยปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำจากการหายใจของจุลินทรีย์ และสะสมความร้อนในกองปุ๋ยหมักให้มีความสมดุลกับจุลินทรีย์ย่อยสลายซึ่งชอบอุณหภูมิสูง สร้างเสริมกระบวนการหมักให้ประสิทธิภาพสูงเร่งการย่อยสลายให้เร็วขึ้นสม่ำเสมอทั่วทั้งกอง ลดการสูญเสียไนโตรเจน และการเกิดแก๊สมีเทนกับไนตรัสออกไซด์มีน้อยลง ซึ่งภายในกองปุ๋ยหมักจะมีการเปลี่ยนแปลงสมบัติต่างๆ ดังนี้
1) อุณหภูมิและความชื้น เป็นปัจจัยที่ต้องตรวจสอบและควบคุม ในช่วงแรกทำให้เกิดความร้อนสะสมขึ้นในกองปุ๋ยหมัก จะเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากความร้อนสะสมที่ขับออกมาจากการหายใจของจุลินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักภายใน 3 วัน และจะเพิ่มเรื่อยๆไปจนถึงระดับที่ควบคุม 55-65 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 21 วัน (หากอุณหภูมิสูงเกินไปจุลินทรีย์ย่อยสลายบางชนิดจะถูกทำลาย) ความร้อนสูงในระดับนี้ จะช่วยฆ่าเชื้อโรคของคน สัตว์ และพืช รวมทั้งทำลายการงอกของวัชพืชและสารพิษบางชนิดที่ตกค้างในวัสดุอินทรีย์ จึงทำให้กองปุ๋ยหมักปลอดภัยจากเชื้อโรคและวัชพืช เมื่อครบ 30 วัน จึงย้ายออกจากซองหมักระบบเติมอากาศ เพื่อให้เกิดการย่อยสลายต่อเนื่อง และเมื่ออุณหภูมิในกองปุ๋ยลดต่ำลงเท่ากับอุณหภูมิในอากาศ ปุ๋ยหมักก็จะเข้าสู่ระยะที่มีการย่อยสลายสมบูรณ์
2) อินทรียวัตถุและอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน ปุ๋ยหมักเป็นวัสดุอินทรีย์ที่สำคัญที่ให้อินทรียวัตถุแก่ดิน ซึ่งอินทรียวัตถุในปุ๋ยหมักเป็นอินทรียวัตถุที่ผ่านการย่อยสลายจนคงตัวในรูปของฮิวมัส ปริมาณอินทรียวัตถุในปุ๋ยหมักจะมีมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับวัสดุอินทรีย์ที่เป็นองค์ประกอบในปุ๋ยหมัก ความคงตัวของปุ๋ยหมักวัดจากอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน ซึ่งอัตราส่วนจะลงลงน้อย หรือการย่อยสลายจะน้อยมาก ปริมาณอินทรียวัตถุจะคงที่หลังจากมีการลดความชื้นให้ต่ำลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดวัสดุอินทรีย์ที่นำมาใช้ทำปุ๋ยหมัก
3) การเปลี่ยนแปลงของค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง ในกองปุ๋ยหมัก ปฏิกิริยากรด-ด่างของวัสดุอินทรีย์ในกองปุ๋ยหมักจะค่อยๆ เปลี่ยนสภาพเป็นกรด ค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง อาจต่ำถึง 4.5-5 และเมื่อปุ๋ยหมักย่อยสลายสมบูรณ์ ค่าปฏิกิริยากรด-ด่าง มากกว่า 7.5
4) การแปรสภาพของธาตุอาหารพืชในกองปุ๋ยหมัก ธาตุอาหารพืชในปุ๋ยหมักมาจากแร่ธาตุที่ปนมากับวัสดุ และการแปรสภาพในกระบวนการย่อยสลายหรือกระบวนการปุ๋ยหมัก ปลดปล่อยสารอนินทรีย์ในรูปอิออนต่างๆที่พืชดูดใช้ได้ เช่นเดียวกับรูปอิออนแร่ธาตุในปุ๋ยเคมี แต่ได้มาจากกาย่อยสลายจากวัสดุอินทรีย์ จึงทำให้ปุ๋ยหมักมีข้อดีที่ประกอบด้วยแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นกับพืชเกือบทุกชนิดทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม รวมทั้งยังมีสารอินทรีย์ที่ยังย่อยสลายแปรสภาพเป็นแร่ธาตุยังไม่หมดจะค่อยๆ แปรสภาพเป็นแร่ธาตุที่พืชดูดไปใช้ได้ปลดปล่อยออกมาทีหลังใส่ให้กับพืช
5) การย่อยสลายสมบูรณ์ของปุ๋ยหมัก เป็นตัวชี้วัดความเป็นประโยชน์ของปุ๋ยหมักต่อพืชโดยตรง เนื่องจากเป็นการวัดปริมาณสารพิษที่มีผลกระทบต่อการงอก ได้แก่ แก๊สแอมโมเนียและแก๊สไฮโดรเจนซัลโฟด์หรือแก๊สไข่เน่า กรมวิชาการเกษตร (2558 : 5-6)
ข้อดีของปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศ คือ ให้ธาตุอาหารอยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ ทำลายเมล็ดวัชพืชและเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค สะดวกในการเก็บรักษา ขนส่งและนำไปใช้ ช่วยลดต้นทุนการกลับกองปุ๋ยหมักและขั้นตอนในการดำเนินงาน ไม่ใช้ยูเรียเป็นส่วนผสมเหมาะสำหรับการผลิตระบบเกษตรอินทรีย์ และระยะเวลาในการหมักสั้น ดังนั้นการนำหญ้าเนเปียร์ ต้นข้าวโพด หรือผักตบชวามาใช้สำหรับการทำปุ๋ยหมักแบบเติมอากาศก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้และเพิ่มรายได้จากการผลิตปุ๋ยจำหน่ายรวมถึงการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากวัชพืชน้ำที่มีการเพิ่มปริมาณและขยายพันธุ์มากขึ้น จึงน่าจะเป็นแนวทาง หรือทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกรผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ที่จะรวมกลุ่มกันผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์ไว้ใช้เองหรือจำหน่ายโดยผ่านการรับรองมาตรฐานตามข้อกำหนดของมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ และเป็นแนวทางการส่งเสริมให้เกษตรกรตระหนักและปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์ที่เป็นไปตามมาตรฐานข้าวอินทรีย์อย่างจริงจัง
Iot_SPU เมื่อ 30 ต.ค. 2562 17:41 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขนโครงการพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงไหมอัจฉริยะเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมห่วงโซ่ธุรกิจผ้าไหมแพรวา ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)การกำหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ดังยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาให้คนไทยมีความสุข และตอบสนองต่อผลประโยชน์แห่งชาติ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ระดับสูง เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และสร้างความสุขของคนไทย สังคมมีความมั่นคง เสมอภาคและเป็นธรรม ประเทศสามารถแข่งขันในระบบเศรษฐกิจ ในยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ กำหนดให้มีการปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม เพื่อสร้างคนไทยที่มี คุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ปฎิรูปการเรียนรู้แบบพลิกโฉม (Transformative of Learning) สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ ที่ยึดหลักการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for all) ความเท่าเทียมและทั่วถึง (Inclusive Education) หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) และหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน (All for Education)
ในการแข่งขัน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาภาคการผลิตและบริการให้สามารถแข่งขันได้ เกิดความยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิต และมีรายได้ที่ดีขึ้น รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
(พ.ศ. 2560-2564) ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน มีแนวทางเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงธุรกิจของภาคบริการ และพันธกิจกระทรวงมหาดไทย ข้อ 4. เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตลอดจนภารกิจอำนาจหน้าที่ของกรมการพัฒนาชุมชน ในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ รวมทั้งเสริมสร้างความสามารถและความเข้มแข็งของชุมชน
จากวิสัยทัศน์และแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ อุดมศึกษาจึงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ชาติ ดังที่กำหนดไว้ในแผนอุดมศึกษาระยะยาว 20 ปี พ.ศ. 2561 - 2580 โดยการดำเนินงาน ผ่านกระบวนการการจัดการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและการสร้างองค์ความรู้ที่สอดคล้อง กับความต้องการของภาคสังคม ชุมชน และท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศให้สามารถ ลดความเหลื่อมล้ำทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจของคนไทยได้อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน ประกอบกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้มีนโยบายด้าน การอุดมศึกษาให้สร้างและพัฒนาคนไทยเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) ขับเคลื่อนหลักสูตรอุดมศึกษายุคใหม่ให้เข้ากับอาชีพแห่งอนาคต สร้างบัณฑิตสู่โลกใบใหม่ แห่งศตวรรษที่ 21 และขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะแห่งอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการใช้ศักยภาพ ของสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้วยการบูรณาการนโยบายเศรษฐกิจ บีซีจี โมเดล (BCG Model) เพื่อการปรับเปลี่ยนประเทศด้วยปัญญาจากฐานรากและเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่น
การจัดการเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ประเทศไทย 4.0 ด้วยการเน้นการเพิ่มมูลค่า (Value Added) ของสินค้าและบริการ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้นเมื่อภาคอุตสาหกรรมมีทิศทางขับเคลื่อนไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 กิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงอาชีพใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการพัฒนาสู่ยุค “ดิจิทัล 4.0” สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) และแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2579)

แผนภาพที่ 1 ตัวเลขที่ผู้ประกอบการต้องรู้เพื่อใช้ในการต่อยอดทางธุรกิจ
แหล่งที่มา https://www.marketingoops.com/news/ecommerce/e-commerce-shapes-logistics/

จากภาพพบว่าภาพรวมของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท ซึ่งมูลค่า E-Retail เป็นของธุรกิจในไทย 1% จากการคาดการณ์ในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 8.6% แสดงให้เห็นว่าธุรกิจ E-Retail ยังมีโอกาสขยายการเติบโตได้อีก
รัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งเน้นสร้างรายได้และความเจริญความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ที่เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับประเทศคือ คณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) เป็นผู้ขับเคลื่อน และมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้รับผิดชอบหลักส่งเสริมการดำเนินงาน OTOP จนถึงปัจจุบัน โดยร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ สนับสนุนส่งเสริม ยกระดับผลิตภัณฑ์ และพัฒนาช่องทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อให้ขายได้ มุ่งปรับตัวสู่การค้าแบบสากล ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคนในชุมชนส่วนใหญ่ไม่สามารถแข่งขันได้ต้องออกไปขายสินค้าตามที่ต่าง ๆ ไม่มีความสุข รายได้ไปตกอยู่แก่ผู้ประกอบการคนเดียว หรือบางกลุ่มเล็กไม่กระจายถึงประชาชนกลุ่มใหญ่ในชุมชนอย่างแท้จริง ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ไม่ประสบผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร รายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นกระแสหลักของประเทศ ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในกลุ่มทุนเอกชน เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ห้างร้านใหญ่ๆ กรุ๊ปทัวร์ ไม่ลงไปถึงฐานรากเช่นเดียวกัน
ดังนั้นจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผ่านยุคการผลักดันขายสินค้า OTOP(ผ้าไหมแพรวา) ออกจากชุมชนเพียงด้านเดียวสู่การเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ตามความต้องการ (Demand Driven Local Economy) โดยการขายสินค้า(ผ้าไหมแพรวา) ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนโดยใช้เสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์แปลงเป็นรายได้ ทั้งนี้ครอบครัวและลูกหลานยังอยู่ร่วมกัน ไม่ต้องแข่งขันนำผลิตภัณฑ์ออกไปขายนอกชุมชนเป็นชุมชนท่องเที่ยวที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ชวนกันคิด ชวนกันทำ ผลิตสินค้าและบริการ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระดับชุมชน ที่มีเสน่ห์ดึงดูด และมีคุณค่าเพียงพอให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนและใช้จ่ายเงินในทุกกิจกรรมของชุมชน ซึ่งรายได้จะกระจายอยู่กับคนในชุมชน ทุกคนมีความสุข เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน (Strength with in) และเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
จากความสำคัญข้างต้นหลักคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะบัญชีและ วิทยาการบินและคมนาคม มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้มุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตในศตวรรษที่ 21 ที่มีคุณภาพและสร้างนวัตกรรม องค์ความรู้ใหม่ ด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษากับการปฏิบัติงานจริง ลดระยะเวลา เรียนในชั้นเรียนให้น้อยลง มุ่งเน้นการปฏิบัติงานจริงมากขึ้น เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์ การทำงานตรงตามสาขาวิชาและองค์ความรู้ที่เรียน โดยมีชุมชนเป็นฐานในการนำองค์ความรู้ทางวิชาชีพ ในสาขาที่เรียนสู่การปฏิบัติ (Community-based Learning Program: CBL) ผ่านโครงงานที่ตอบสนอง ต่อปัญหาและความต้องการเชิงพื้นที่ของชุมชน (Area-based) และมุ่งเน้นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาด้าน ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาคุณภาพชีวิต โดยได้ตระหนักถึงความสําคัญของการพัฒนาตัวเองและพัฒนาสังคมควบคู่กัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบ และเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไปตามนโยบายประเทศไทย 4.0
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 30 ต.ค. 2562 17:29 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็น Smart Farmer ในจังหวัดพัทลุง (ปี 2562)สาขาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน ได้เห็นความสำคัญของเกษตรกรซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการยกระดับประชากรไทย และพัฒนาให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นประเทศดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบตามนโยบาย Thailand 4.0 ดังนั้นแนวคิดเรื่อง Smart Farmer ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากแนวคิดที่ต้องการให้คนไทยที่มีความรอบรู้ หรือทำอาชีพด้านเกษตรกร มีความภูมิใจในการเป็นเกษตรกร โดยครอบคลุมด้านความรู้ในการเกษตร สามารถบริหารจัดการทั้ง การผลิต การตลาด รวมถึงวิเคราะห์ เชื่อมโยงให้คำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค สังคม รวมถึงสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้ที่สนใจในการทำการเกษตรตามแนวคิด smart farmer ในจังหวัดพัทลุงยังขาดองค์ความรู้ต่างๆ ในการส่งเสริมการก้าวเข้าสู่การเป็น Young Smart Farmer ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ในธุรกิจเกษตร ความรู้ด้านการตลาด และเทคนิคการเพิ่มมูลค่าการขายสินค้าโดยใช้เทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์นั่นเอง
สาขาวิชาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน มีความตั้งใจในการร่วมแก้ปัญหาและพัฒนาระบบการผลิตให้เป็นไปตามนโยบายในการพัฒนาเกษตรกรไทยเป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) จึงต้องมีการ พัฒนาเกษตรกรที่อยู่ในกลุ่ม Existing Smart Farmer ให้เป็นเกษตรกรต้นแบบ (Model) เพื่อให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพทั้งด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาดในการประกอบอาชีพการเกษตร โดยใช้ แหล่งเรียนรู้จากหน่วยงานต่างๆ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และมีเครือข่ายที่สามารถประสานงานในด้านต่าง ๆ ให้พร้อมที่จะสามารถแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ได้ ดังนั้น สาขาวิชาพืชศาสตร์ คณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน จึงได้จัดทำโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็น Young smart farmer ในจังหวัดพัทลุง เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเห็นความสำคัญ สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นเกษตรกรแห่งยุคสมัยใหม่ที่เพิ่มความภูมิใจได้ด้วยแนวคิดของ Smart Farmer และให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาประเทศต่อไป
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 30 ต.ค. 2562 16:29 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการ พัฒนากลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง (ปี 2562)การพัฒนาเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง เป็นกรอบคิดและเครื่องมือที่สถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ นำมาใช้เพื่อพัฒนาระบบการผลิตทางการเกษตรในชุมชนเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับชุมชน เนื่องจากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ เป็นวิธีการผลิตทางการเกษตรที่หลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นระบบการผลิตที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ได้แก่ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน เกษตรอินทรีย์จึงสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า ทำให้เกษตรกรปลอดภัยจากพิษของสารเคมี ลดต้นทุนการผลิต และส่งผลดีต่อสุขภาพผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม เป็นระบบที่สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เกษตรกรยืนอยู่บนหลักเหตุและผล มีการบริหารจัดการที่มีภูมิคุ้มกันตามหลักความพอเพียง
แนวคิดนี้ได้พัฒนาต่อเนื่องจากการดำเนินงานของสถาบันฯ ในระยะที่ 1 ( 2550-2555) ซึ่งเป็นการปรับกระบวนทัศน์การทำสวนยางพาราเชิงเดี่ยวสู่การทำเกษตรผสมผสาน ทำให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจการอยู่ร่วมกันของคน ป่า ดิน และน้ำ มีความตระหนักว่าการทำการเกษตรในระบบเสรีนิยม ที่ต้องพึ่งพาสารเคมี และปุ๋ยเคมี จะไม่ส่งผลดีในอนาคต จนดำเนินการมาถึงในระยะที่ 2 (2556-ปัจจุบัน) มีการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนทำเกษตรอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์จึงถือได้ว่าเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบเกษตรอินทรีย์ให้ประสบความสำเร็จ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สถาบันฯ ได้นำองค์ความรู้จากงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรปุ๋ยอินทรีย์โดยเริ่มจากการคัดเลือกจุลินทรีย์ในท้องถิ่นมาใช้เป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์และพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์สูตรต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิดเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ชุมชนสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เอง ผลปรากฏว่าทุกชุมชนยอมรับคุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์ที่พัฒนาสูตรโดยสถาบันปฏิบัติการชุมชนฯ จึงได้มีการพัฒนากลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ในกลุ่มเครือข่ายผลิตพืชอินทรีย์ที่สถาบันฯขับเคลื่อนเพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและสามารถใช้เป็นฐานการเรียนรู้ให้นิสิต ประกอบด้วย 5 อำเภอในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ได้แก่ 1) กลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์และกลุ่มผลิตผักอินทรีย์ชุมชนตะโหมด อำเภอตะโหมด 2) กลุ่มผลิตผักอินทรีย์ชุมชนบ้านทุ่งยาว อำเภอเขาชัยสน 3) กลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์และกลุ่มผลิตเห็ดอินทรีย์ชุมชนดอนประดู่ อำเภอปากพะยูน 4) กลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์ชุมชนโตนดด้วน อำเภอควนขนุน และ 5) กลุ่มการทำเกษตรผสมผสานระบบอินทรีย์ชุมชนบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม ผลจากการดำเนินการจะเห็นได้ว่าเกษตรกรในชุมชนได้เห็นความสำคัญและกลับมาทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์เป็นที่ยอมรับและต้องการของสมาชิกกลุ่มเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ที่มีจำนวนมากกว่า 100 ครัวเรือน จากการสำรวจการดำเนินงานของกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ทั้ง 5 กลุ่ม พบว่าสมาชิกส่วนใหญ่ไม่นิยมผลิตปุ๋ยอินทรีย์ แต่มีความต้องการซื้อปุ๋ยอินทรีย์มาใช้แทนปุ๋ยเคมี กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์จึงประสบปัญหาไม่สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้เพียงพอต่อความต้องการได้ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้มาตรฐานและเพียงพอต่อความต้องการของสมาชิกในชุมชนและขยายผลไปสู่ชุมชนอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนากระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การบริหารจัดการกลุ่ม และการวางแผนธุรกิจ เพื่อยกระดับกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์สู่วิสาหกิจชุมชนให้สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้า และส่งเสริมให้ชุมชนทำเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงต่อไป
kriangkrai.sa01 เมื่อ 30 ต.ค. 2562 16:28 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่นโครงการพัฒนารูปแบบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนบ้านศรีฐาน ตำบลบ้านสาวะถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น (ปี 2561)การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับประโยชน์อย่างมากจากภาคอุตสาหกรรมบริการ เช่น ภาคธุรกิจบริการต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สามารถทดแทนการถดถอยของรายได้ภาคเกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรมอื่น และเสริมสร้างความเจริญต่อระบบเศรษฐกิจสังคมอย่างกว้างขวาง ก่อให้เกิดการจ้างงานและการกระจายรายได้ ตลอดจนสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นในทุกภูมิภาคอย่างทั่วถึงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปให้เป็นนักท่องเที่ยวที่มีจิตสานึกที่ดีตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทยเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวโดยชุมชน ส่งเสริมการอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปะ วัฒนธรรมไทย ทรัพยากรการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างยั่งยืน
วิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของของการจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยว ชุมชนบ้านศรีฐาน จังหวัดขอนแก่น ในการจัดโครงการบริการวิชาการ “เส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนบ้านศรีฐาน” เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความรู้พื้นฐานด้านการจัดการการท่องเที่ยว และมีความสามารถในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว สามารถบรรยายให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนบ้านศรีฐาน จังหวัดขอนแก่นได้ เปรียบเสมือนทูตตัวแทนของจังหวัดช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว รูปแบบการท่องเที่ยว ประเพณี วัฒนธรรม สินค้าของที่ระลึก ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองเป็นการหารายได้เสริม และกระตุ้นให้คนในชุมชนสำนึกรักบ้านเกิด มีความรักและหวงแหนในทรัพยากรการท่องเที่ยวท้องถิ่นของตน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาบุคลากรที่มีความประสงค์จะเป็นมัคคุเทศก์ในอนาคต ให้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณภาพ คุณสมบัติ มีจรรยาบรรณที่ดีและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 30 ต.ค. 2562 16:15 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการ การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สูงอายุในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ปี 2 (ปี 2562)ประเทศไทยมีจำนวนประชากรรวดเร็วมากโดยเป็นผลจากนโยบายการเพิ่มประชากรก่อนปี พ.ศ.2500 จากที่มีประชากรเพียง 20 ล้านคนในปี พ.ศ. 2493 เพิ่มขึ้นเป็น 67.4 ล้านในปี 2555 (สำนักงานประชากรขององค์การสหประชาชาติ, 2555) ผลกระทบจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังกล่าวทำให้ประเทศไทยมีการประกาศนโยบายประชากรอย่างเป็นทางการและบรรจุนโยบายการลดอัตราเพิ่มประชากรไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2515-2519) เป็นครั้งแรก และมีการดำเนินงานตามนโยบายลดอัตราเพิ่มประชากรดังกล่าวในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับต่อๆ มา จนถึงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2535-2539) ซึ่งทำให้อัตราเจริญพันธุ์รวมยอดหรือจำนวนการมีบุตรเฉลี่ยของผู้หญิงลดลงจาก 6.3 คนในช่วงปี พ.ศ.2507-2508 เหลือแค่ 1.83 คนในช่วงปี พ.ศ.2543-2548 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับทดแทนซึ่งกำหนดไว้ที่ 2.1 คน (Replacement Level) จึงทำให้สิ้นสุดนโยบายลดการเพิ่มประชากร อย่างไรก็ตามภายหลังสิ้นสุดนโยบายเพิ่มประชากรแล้ว ผู้หญิงไทยก็ยังคงมีจำนวนบุตรเฉลี่ยน้อยลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ รายงานว่าในปี 2553 ผู้หญิงไทยมีจำนวนบุตรเฉลี่ยเหลือแค่ 1.62 ในขณะที่สหประชาชาติคาดประมาณการจำนวนบุตรเฉลี่ยของหญิงไทยอยู่ที่ 1.4 เท่านั้น จากผลของนโยบายลดอัตราการเพิ่มประชากรดังกล่าวทำให้ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จะมีอัตราการเติบโตของประชากรติดลบ โดยสำนักงานประชากรแห่งสหประชาชาติระบุว่า ประเทศไทยจะมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง และจะมีจำนวนประชากรสูงสุดจำนวน 67.9 ล้านคน ในปี พ.ศ.2568 และจำนวนประชากรจะค่อยๆ ลดลง เหลือประมาณ 40 ล้านคนในปี พ.ศ.2643 หรืออีกประมาณ 80 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการลดลงของจำนวนประชากรในอนาคตนั้นอาจจะยังมีเวลาตั้งรับและปรับนโยบายเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญแล้วและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปก็คือ ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้ว โดยสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุจำนวนผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ในปี พ.ศ.2513 มีจำนวน 1.7 ล้านคน (ร้อยละ 4.9) เพิ่มขึ้นเป็น 8.4 ล้านคน (ร้อยละ 13.2) ในปี 2553 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 20.5 ล้านคน (ร้อยละ 32.1) ในอีก 30 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ.2583 และข้อมูลจากสหประชาชาติพบว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประเทศไทยมีร้อยละของประชากรที่เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ และอัตราการเติบโตของประชากรสูงวัยของไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 2 เท่าในอีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งผลกระทบจากการมีสัดส่วนผู้สูงอายุจำนวนมาก จะทำให้มีภาระพึ่งพิงทางเศรษฐกิจสูง ประชากรวัยแรงงานจะมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการบริโภค ครัวเรือนมีภาระหนี้สินสูง มีการออมต่ำไม่พียงพอต่อการใช้จ่ายในยามเกษียณ ภาครัฐจึงต้องนำเงินงบประมาณมาจัดสวัสดิการสังคมให้กับประชากร จนอาจลุกลามเป็นหนี้สินของประเทศส่งผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและตกต่ำได้
จากข้อมูลการเปลี่ยนแปลงประชากรอย่างรวดเร็วดังกล่าว ประทศไทยได้จัดทำแผนประชากร (2555 – 2559) โดยกำหนดวิสัยทัศน์คือ “ประชากรไทยทุกคนเกิดมามีคุณภาพ ได้รับการพัฒนาทุกช่วงวัยให้สามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของประเทศ มีหลักประกันที่มั่นคงพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุที่มีการจัดสวัสดิการอย่างยั่งยืนโดยครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วม” และกำหนดยุทธศาสตร์หลัก 3 ข้อ คือ 1) ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ประชากรไทยทุกคนเกิดมามีคุณภาพ พร้อมที่จะพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่อเติบโตขึ้น 2) ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพประชากรไทยทุกช่วงวัย เพื่อเป็นพลังต่อการเจริญเติบโตของประเทศ และยุทธศาสตร์ข้อที่ 3 คือ ยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมประชากรไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุที่มีสวัสดิการทางสังคมอย่างยั่งยืน และในปัจจุบันก็กำลังจัดทำแผนประชากรในการพัฒนาประเทศระยะยาว 20 ปี (พ.ศ.2559 – 2579) เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ด้านประชากรของประเทศไทย
นอกจากนี้จากวิสัยทัศน์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 คือ “ประชากรไทยทุกคนเกิดมามีคุณภาพ ได้รับการพัฒนาทุกช่วงวัยให้สามารถเป็นพลังในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของประเทศ มีหลักประกันที่มั่นคงพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุที่มีการจัดสวัสดิการอย่างยั่งยืนโดยครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วม” และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (2560-2564) ซึ่งเป็นแผนที่สอดคล้องสอดรับอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) ซึ่งเป็นแผนแม่บทหลักของการพัฒนาประเทศ และร่วมทั้งยังยึดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ด้วย ซึ่งในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุโดยครอบครัวและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมไว้หลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ซึ่งมีเป้าหมายให้ผู้สูงอายุวัยต้นมีงานทำและมีรายได้ที่เหมาะสมกับศักยภาพของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุที่อาศัยในบ้านที่มสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และสถาบันทางสังคมมีความเข้มแข็งและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ จะเห็นได้ว่า ประกอบกับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยทักษิณข้อที่ 4 การจัดการบริการวิชาการร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ขับเคลื่อนการพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต ความมั่นคง และการพัฒนาในภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของคณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬาข้อที่ 4 บริการวิชาการเพื่อแก้ปัญหาสุขภาวะและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และนอกจากนี้ ในปี2561 สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ได้จัดทำโครงการ การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สูงอายุในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยใช้กระบวนการพัฒนาสุขภาพชุมชน ซึ่งอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอน จนสามารถก่อตั้งชมรมผู้สูงอายุ และมีคณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุ มีการจัดทำข้อบังคับของชมรมฯ และเริ่มเปิดรับสมัครสมาชิกเข้าชมรมผู้สูงอายุ โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ม.ทักษิณ อสม. ผู้ใหญ่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านตลิ่งชัน ตำบลบ้านพร้าม เทศบาลตำบลบ้านพร้าว สำนักงานสาธารณสุขอำเภอป่าพะยอม และรวมทั้งนิสิตชมรมรากแก้ว ม.ทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ซึ่งได้รับการก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเข้ามาร่วมสานต่อในการพัฒนาสุขภาพของผู้สูงอายุรอบๆ มหาวิทยาลัยทักษิณโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนั้นในปี 2562 สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ จึงได้จัดทำโครงการบริการวิชาการเรื่อง การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สูงอายุในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ปีที่ 2 ขึ้น โดยใช้กระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และกระบวนการพัฒนาสุขภาพชุมชนซึ่งเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเป็นกลวิธีที่ให้ชุมชนเป็นผู้ระบุปัญหา หาสาเหตุและเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมของชุมชนเอง และนอกจากนี้เป็นการพัฒนาประชาชนในชุมชนให้เรียนรู้และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาวด้วย โดยจัดทำโครงการในพื้นที่หมู่ที่ 1 2 3 8 และ 9 ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม ซึ่งเป็นหมู่บ้านซึ่งมีที่ตั้งติดกับมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ทั้ง 4 ด้าน และที่ผ่านมาภาระการดูแลผู้สูงอายุเป็นบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็นภาระที่ค่อนข้างหนักและส่งผลกระทบในระยะยาวต่อครอบครัวและชุมชนด้วย ดังนั้นในฐานะที่มาหวิทยาลัยทักษิณเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนดังกล่าวจึงควรเข้ามามีบทบาทในการร่วมกันดูแลผู้สูงอายุในชุมชนด้วย
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 16:10 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการพัฒนาทักษะการตลาดทางตรงและการตลาดทางออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2562)วิสาหกิจชุมชนเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนโดยนำเอาเศรษฐศาสตร์ชุมชนหรือเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ และทำการผลิตเพื่อบริโภคในท้องถิ่น ลดการซื้อจำภายนอกลงได้ประมาณหนึ่งในสี่ วิสาหกิจชุมชนที่ตอบสนองความจำเป็นพื้นฐานและวงจรชีวิตของชุมชนจะทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจชุมชน ระบบที่พึ่งพาตนเองได้ ชุมชนมีรายรับมากกว่ารายจ่ายผลิตอาหารและปัจจัยพื้นฐานได้เอง ถ้าไม่มีวิสาหกิจชุมชน ไม่มีเศรษฐกิจชุมชนก็ได้แต่รอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือจากภายนอก ต้องขึ้นอยู่กับคนอื่นพึ่งตนเองไม่ได้ กลายเป็นระบบอุปถัมภ์ที่ชุมชนต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดไป วิสาหกิจชุมชนจะเน้นในเรื่องของวิธีคิดและกระบวนการเรียนรู้มากที่สุด ปัญหาที่ผ่านมาของชุมชนนั้นเป็นปัญหาวิธีคิดมากกว่าวิธีทำ ชุมชนสามารถผลิตได้มากมาย แต่ขายไม่ออก ขาดทุน หาตลาดไม่ได้ เพราะเริ่มต้นจากวิธีทำ จากสูตรสำเร็จจากการเลียนแบบการทำวิสาหกิจชุมชนนั้นจึงควรเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและทำการหาช่องทางการตลาดที่หลากหลายช่องทางและทันสมัยเพื่อให้สามารถหาตลาดได้เพิ่มขึ้นและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว มากยิ่งขึ้น
ช่องทางการตลาดออนไลน์ ผ่านสังคมออนไลน์ถือได้ว่าเป็นกระแสที่กำลังมาแรงที่สุดในปัจจุบัน ในที่นี้คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก Facebook, Instragram, Twitter ซึ่งช่องทางเหล่านี้เป็นช่องทางที่กว้างมากที่สุด เพราะคนไทยส่วนใหญ่มีบัญชีของสังคมออนไลน์ที่เรากล่าวมา นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการรวมกลุ่มกันโดยผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งง่ายต่อการทำตลาดยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นช่องทางที่ประหยัด และมีผลตอบรับที่รวดเร็วอีกด้วยการตลาดทางตรงและการตลาดออนไลน์ช่วยให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ส่งข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้จำหน่ายสินค้า สามารถประเมินผลได้ รู้จำนวนผู้สนใจสินค้าอย่างชัดเจนและรวบรวมข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายได้ อีกทั้งลูกค้าเองนั้นยังสามารถมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ มีความสะดวกสบายมากขึ้นในการซื้อสินค้า และสร้างความพึงพอใจแก่ให้แก่ลูกค้าได้อย่างสูงสุด เนื่องจากสิทธิพิเศษที่เหนือผู้อื่น อันนำมาซึ่งจะก่อให้เกิดการขยายฐานกลุ่มลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นในอนาคต
จากความสำคัญดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านช่องทางการขายสินค้านั้น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะต้องได้รับทักษะและได้รับเทคนิคความรู้ทางด้านการตลาดทางตรงและการตลาดออนไลน์ และสามารถนำความรู้ดังกล่าวไปสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าในระยะยาวและสร้างยอดขายให้ได้มากยิ่งขึ้น และการดำเนินชีวิตในอนาคตต่อไป จึงควรมีการจัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะการตลาดทางตรงและการตลาดออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านช่องทางการขายสินค้า สามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าในระยะยาวและสร้างยอดขายให้ได้มากยิ่งขึ้น
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 30 ต.ค. 2562 15:59 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มอาชีพสมาชิกสหพันธ์กลุ่มอาชีพเทศบาลเมืองเขารูปช้าง (ปี 2562)ผู้บริโภคส่วนใหญ่พึงพอใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีตรายี่ห้อมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีตรายี่ห้อ ทั้งนี้เพราะ ตรายี่ห้อทำให้ผู้บริโภคแน่ใจว่าได้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ต้องการถูกต้องแล้ว และมั่นใจได้ในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อภายใต้ยี่ห้อที่ระบุไว้นั้น ตรายี่ห้อทำให้กระบวนการซื้อผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบซื้อผลิตภัณฑ์ที่ต้องการได้จากหลาย ๆ ยี่ห้อ และสามารถเห็นความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในแต่ละยี่ห้อได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีตรายี่ห้อ ผู้ขายเองก็พึงพอใจที่จะขายผลิตภัณฑ์ที่มีตรายี่ห้อมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีตรายี่ห้อเพราะขายได้ง่ายกว่า เมื่อผู้บริโภคระบุชื่อตรายี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการซื้อ ผู้ขายก็สามารถรับคำสั่งซื้อได้ทันที ตรายี่ห้อของผลิตภัณฑ์ทำให้ผู้ขายสามารถตกแต่งและจัดวางผลิตภัณฑ์ที่ขายได้สวยงามมากขึ้น และสามารถแยกส่วนตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ขายออกจากกันได้ชัดเจน
ในส่วนของผู้ผลิตสามารถนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีตรายี่ห้อเข้าเสนอขายเข้าเสนอขาย และแนะนำในตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ง่ายกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีตรายี่ห้อ ผู้ผลิตสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์ที่จะเสนอขายสู่ตลาดมีความหลากหลายแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เดิม ๆ ที่มีขายอยู่แล้วในตลาดและสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้หลาย ๆ ส่วน ในเวลาเดียวกัน เช่น เมื่อต้องการขายผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันแต่ละคนและตลาดก็ผลิตสินค้าออกมาให้คุณภาพต่างกัน ราคาต่างกันเพื่อส่วนตลาดที่ต่างกัน โดยผู้บริโภคแต่ละส่วนตลาดสามารถเห็นความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อได้อย่างชัดเจน สังคมโดยรวมก็ได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ที่มีตรายี่ห้อเช่นกัน กล่าวคือ เมื่อผู้ผลิตต้องการเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อขายในตลาดให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ขายต้องมีความแตกต่างชัดเจนจากผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งขันนั้น ผู้ผลิตจำเป็นต้องคิดค้นและนำเสนอประโยชน์และรูปแบบใหม่ ๆ ของผู้บริโภคบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ มีคุณค่ามากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับการบรรจุภัณฑ์ (Packaging) หรือการบรรจุหีบห่อนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญทั้งในทางเศรษฐกิจการขนส่งและการจำหน่ายสินค้าทุก ประเภท ทั้งนี้เพราะสินค้าแทบทุกชนิดจำเป็นต้องอาศัยการบรรจุหีบห่อแทบทั้งสิ้น ผลิตภัณฑ์มากกว่าร้อยละ 70 ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ป้องกันผลิตภัณฑ์จากสภาวะสิ่งแวดล้อมภายนอก และรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ให้นานที่สุด พร้อมทั้งก่อให้เกิดความสะดวกในการนำผลิตภัณฑ์ไว้ให้นานที่สุด พร้อมทั้งก่อให้เกิดความสะดวกในการนำผลิตภัณฑ์ออกใช้ นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ยังมีส่วนในการเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์และเร่งเร้าให้ เกิดความต้องการเพื่อผลทางการตลาดอีกด้วย ด้วยเหตุดังกล่าว บรรจุภัณฑ์จึงได้รับความสำคัญขึ้นมาเป็นอย่างมาก และเป็นองค์ประกอบหลักที่ผู้ผลิตนำมาเป็นเครื่องมือสำหรับการแข่งขัน ซึ่งถ้าตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์มีฐานะเป็นพระเอก (The Lead) บรรจุภัณฑ์ก็เปรียบเสมือนพระรอง (The Subordinate) ที่นำมาเน้นย้ำการบริการตัวเองเป็นผู้ช่วยขายผลิตภัณฑ์ เพราะสามารถแสดงตัวหรือตราสินค้า (Brand) ต่อผู้ใช้ประจำได้อย่างรวดเร็ว และยังพยายามที่จะจูงใจผู้ที่ไม่เคยใช้ให้เกิดความสนใจอยากที่จะทดลองใช้ เป็นครั้งแรกอีกด้วย ดังสินค้าและบรรจุภัณฑ์จึงเป็นของคู่กันมาตลอด ยิ่งสินค้าผลิตภัณฑ์มีการคิดค้น การผลิต การแข่งขันมากเท่าใด การบรรจุภัณฑ์ก็จะได้รับการพัฒนาขึ้นตามไปมากเท่านั้น จนกระทั่งปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า บรรจุภัณฑ์มีความสำคัญสำหรับสินค้าและการตลาดอย่างจะขาดเสียซึ่งสิ่งหนึ่งใด มิได้
จากการสัมภาษณ์ประธานสมาชิกสหพันธ์กลุ่มอาชีพเทศบาลเมืองเขารูปช้าง ซึ่งมีกลุ่มอาชีพในเทศบาลตำบลเขารูปช้างจำนวน 48 กลุ่ม พบว่า มีความต้องการโครงการบริการวิชาการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย การพัฒนาตราสินค้า การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้สินค้าของกลุ่มอาชีพสามารถสร้างรายได้จากการขายได้มากขึ้น รวมถึงเป็นการปรับปรุงสินค้าอันนำไปสู่การขอมาตรฐาน อาทิ อย. มผช. มาตรฐาน พช. ได้ในอนาคต ดังนั้นโครงการบริการวิชาการเพื่อสังคมการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มอาชีพสมาชิกสหพันธ์กลุ่มอาชีพเทศบาลเมืองเขารูปช้างนั้น มีเป้าหมายที่สำคัญที่ทำให้สมาชิกในกลุ่มอาชีพได้เล็งเห็นวามสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งการออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์เพื่อก่อให้เกิดการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด ซึ่งจะนำมายังรายได้จากการขายและการขยายตลาดได้ในอนาคต
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 15:57 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการการใช้ความรู้พื้นฐานทางบัญชี สร้างวิถีการออมและเสริมสร้างค่านิยมการใช้จ่ายเงิน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในอำเภอเมืองสมเด็จ ในจังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2562)การจัดทำบัญชีในครัวเรือนถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะเยาวชนควรที่จะเรียนรู้ เพื่อปลูกฝังให้เห็นถึงรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถให้มองเห็นถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่ดีในครอบครัวซึ่งเป็นที่มาให้ครอบครัวสามารถที่จะลดรายได้ดังกล่าวได้ มีผลทำให้ตระหนักถึงเรื่องการออมเงิน การวางแผนใช้จ่ายเงิน การทำบัญชีรับ – จ่าย การส่งเสริมวินัยการออม สร้างนิสัยประหยัดอดออม ทั้งนี้เพื่อเป็นการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังไม่ประมาทและมีการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญปัญหาที่จะเข้ามาในการดำเนินชีวิตโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักยึดในกระบวนการต้านทานและแก้ไขปัญหา ในแนวทางดังกล่าวจึงจำเป็นต้องมีการส่งเสริมการจัดทำบัญชี ครัวเรือน ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อชุมชน ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนที่เข้าอบรมนำความรู้ที่ได้ไปใช้และปลูกฝังใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป นักเรียนในโรงเรียนถือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว หน้าที่หลักคือศึกษาเล่าเรียน นอกจากนี้ยังสามารถที่จะคอยช่วยเหลือพ่อแม่ ในการจัดการการเงินของครอบครัวได้ โดยสามารถจัดทำรายงานข้อมูลรายรับ – รายจ่ายในครอบครัว เพื่อได้รับรู้การใช้เงินของครอบครัว รู้ว่าครอบครัวกำลังใช้เงินในการจัดทำอะไรไปบ้างในแต่ละเดือน ในแต่ละเดือนมีเงินเหลือเท่าไหร่หรือมีเงินไม่พอใช้ หากนักเรียนได้มีโอกาสในการจัดทำข้อมูลก็จะทำให้เกิดจิตสำนึกในการจ่ายเงิน เห็นคุณค่าของเงิน มีผลให้เกิดความตระหนักในการใช้จ่ายเงินตั้งแต่เด็กและสามารถที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยในการใช้จ่ายเงินในอนาคตค ดังนั้นสาขาวิชาชีพบัญชีจึงเล็งเห็นความสำคัญกับการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีให้แก่นักเรียน เพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนได้ใช้ความรู้ทางบัญชี สร้างวิถีการออมและเสริมสร้างค่านิยมการใช้จ่ายเงิน ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นโครงการเพื่อให้เยาวชน ได้มีความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนเห็นความสำคัญและประโยชน์จากการจัดทำบัญชีอย่างง่ายในครอบครัว และนำข้อมูลที่ได้จัดทำมาวิเคราะห์ รายรับรายจ่ายและเงินคงเหลือในแต่ละเดือน เพื่อจะนำไปใช้ในการออมเงินได้ ถือเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักการเก็บออม เพื่ออนาคตวันข้างหน้า เกิดความรักและความสามัคคีในครอบครัว อีกทั้งยังเป็นประสบการณ์ตรงสำหรับตัวแทนนักศึกษาที่ร่วมโครงการ ให้สามารถนำความรู้ที่เรียนในรายวิชาหลักการบัญชีไปช่วยพัฒนาครอบครัวและชุมชนให้เกิดความยังยืนต่อไป
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 30 ต.ค. 2562 15:42 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการเก็บรวบรวมข้อมูลชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล (ปี 2562)ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดสตูล (กรอ. จังหวัด) ครั้งที่ 3/2561 วันที่ 22 มิถุนายน 2561 ณ ห้องประชุมโต๊ะพญาวัง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสตูล ประธานหอการค้าจังหวัดสตูล ได้นำเสนอโครงการการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่ตำบลปูยู-ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยได้มีการเสนอโปรแกรมการท่องเที่ยวอเมซิ่ง อันดามัน : เขาจีน ตำมะลัง ปูยู เกาะยาว ตันหยงโป สตูล เพื่อจะใช้การท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดสตูล แต่ยังขาดข้อมูลความรู้ทางวิชาการของพื้นที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และชุมชนเองก็ขาดองค์ความรู้ด้านการเก็บรวบรวมข้อมูล ขณะที่ตำบลปูยู มีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพื้นที่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ได้รับความร่วมมือจากสาขาวิชาภูมิศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณซึ่งเกิดจากการนำนิสิตทั้งในระดับปริญญาโท และปริญญาตรี ศึกษาภาคสนามรายวิชาต่าง ๆ การทำวิจัยของคณาจารย์ การจัดโครงการบริการวิชาการ และ โครงการทำนุบำรุงศิลปะ วัฒนธรรมในพื้นที่ตำบลปูยูต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ดังนั้น ประธานหอการค้าจังหวัดสตูล จึงขอความอนุเคราะห์มายังสาขาวิชาภูมิศาสตร์ในการให้ความรู้และกระบวนการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบตามหลักวิชาการให้กับพื้นที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
ทางสาขาวิชาภูมิศาสตร์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการถ่ายทอดความรู้ การบริการวิชาการ และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นให้ก่อประโยชน์ต่อชุมชน และ สามารถบูรณาการกับการจัดการเรียนการสอนของสาขาวิชาฯที่เน้นชุมชนเป็นฐาน จึงได้จัดโครงการการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการเก็บรวบรวมข้อมูลชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้น
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 15:26 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยหอมทองข้าวเกรียบกล้วย (ปี 2561)กล้วยหอม เป็นไม้ล้มลุกชนิดหนึ่ง มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอมจันท์ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว โดยกล้วยหอมเขียวหรือกล้วยหอมคาเวนดิชเป็นกล้วยหอมที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไปจัดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารครบถ้วนตามหลักทางโภชนาการ เช่น มีวิตามิน ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีสารแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ Escherichia coli
เป็นต้น กล้วยหอมถูกจัดเป็นผลไม้เมืองร้อน สามารถปลูกได้เกือบทุกประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นหลายแห่ง สำหรับประเทศไทย สามารถปลูกกล้วยหอมได้ทั่วทุกภาค ที่มา : ( พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ. ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย )
ผู้ประกอบการ ชื่อ นางเพ็ญ ประสบศิลป์ ปัจจุบันประกอบอาชีพ เกษตรกร
อาชีพหลักเลี้ยงปลา ผู้ประกอบการมีอาชีพเสริม คือ ปลูกสวนยาง เพาะเห็ด ปลูกกล้วย ปลูกข้าว ปลูกอ้อย ที่สามารถจำหน่ายและบริโภคได้ตลอดทั้งปี ฟาร์มแม่เพ็ญตั้งอยู่ บ้านเลขที่ 51 หมู่ที่ 15
ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มีเนื้อที่ทั้งหมด 24 ไร่ เริ่มแรกผู้ประกอบการได้ทำการเกษตรแค่ปลูกข้าวจำนวน 10 ไร่ พื้นที่ที่เหลือเป็นป่าดงดิบผู้ประกอบการจึงได้คิดริเริ่มทำการลงทุนปลูกสวนยางในปี 52 จำนวน 4 ไร่ ทำมาได้สักพักเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ผู้ประกอบการจึงหันมาทำฟาร์มเห็ดในปี 57 จำนวน 1 ไร่ ปีถัดมาปี 58 ได้ลงทุนปลูกสวนอ้อยจำนวน 1 ไร่ และบ่อปลาดุกจำนวน 5 ไร่ ในปีเดียวกัน หลังจากนั้นผู้ประกอบการได้มีความสนใจที่จะปลูกกล้วยในปี 59 จำนวน 3 ไร่ ซึ่งเป็นกล้วยหอมทองปลอดสารพิษใช้ระยะเวลาในปลูก 7 – 9 เดือน พอเข้าเดือนที่ 10 – 11 ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายขายให้กับให้กับกลุ่มวิสาหกิจกล้วยหอมสานน้ำโขงและลูกค้าทั่วไป
ผู้ประกอบการประสบปัญหากล้วยที่ไม่ได้คุณภาพ กล้วยมีผิวขรุขระไม่เรียบสวย จึงทำให้ผลผลิตไม่เป็นที่ต้องการของตลาด และยังทำให้กล้วยที่มีผิวขรุขระนี้ราคาต่ำ ผู้ประกอบการมีความต้องการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้กับกล้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับกิจการ

ดังนั้น คณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นปัญหาจึงได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่สามารถมาพัฒนากล้วยหอมที่ไม่ได้คุณภาพ คณะผู้จัดทำจึงได้ทราบแนวทางแก้ไข้ปัญหานี้พบว่าสิ่งที่สามารถพัฒนากล้วยหอมได้คือ การทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยหอม ปัญหาดังกล่าวคือการทดลองทำผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบกล้วยหอมซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครได้ทำในชุมชนและได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบการทำให้กล้วยที่เหลือจากการคัดออกและนำเข้าสู่กระบวนการผลิตให้เป็นข้าวเกรียบกล้วยหอมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเดิมที่ทำกล้วยหอมทอด
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 15:21 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์แนวทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามแนวพระราชดำริ เพื่อการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (ปี 2562)จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างแพร่หลายและมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยง เช่น ปลานิล กุ้งก้ามกราม ปลาดุก ปลาหมอไทย เป็นต้น ซึ่งการที่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะประสบผลสำเร็จได้ เป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างได้แก่ พันธุ์สัตว์น้ำ อาหารสัตว์น้ำ คุณภาพน้ำ วิธีการเลี้ยง รวมถึงสภาพแวดล้อม ทั้งนี้หากเกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจในปัจจัยต่างๆ ย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปัจจุบันแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้ พออยู่ พอกิน และพอเพียงในการใช้ชีวิตเป็นแนวคิดที่เกษตรกรให้ความสนใจและหันมาปฏิบัติตามมากขึ้นในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่แต่จากเดิมเกษตรกรมีเพาะเลี้ยงแล้วจำหน่ายให้กับพ่อค้าคนกลาง แต่ปัจจุบันมีเกษตรกรส่วนหนึ่งได้หันมาใช้แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพโดยเริ่มตั้งแต่การเพาะเลี้ยงจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่าย ซึ่งศาสตร์ในการแปรรูปสัตว์น้ำเพื่อเป็นอาหารก็เป็นอีกด้านที่เกษตรกรพึงมี เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัวนอกเหนือจากการจำหน่ายในรูปแบบสดเท่านั้น ดังนั้นการถ่ายทอดความรู้ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจนถึงการแปรรูปสัตว์น้ำจึงเป็นการสร้างอาชีพให้เกิดความยั่งยืนและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่อไป
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 14:51 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการฝึกอบรมยุวมัคคุเทศก์ (ปี 2560)จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นหนึ่งจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายและสมบูรณ์ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายของชนเผ่า วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ศิลปะพื้นบ้านท้องถิ่น อารยธรรมประวัติศาสตร์ความเป็นมา ซากดึกดำบรรพ์ เป็นต้น จึงทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนอกจากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวแล้ว การมีบุคลากรทางการท่องเที่ยวที่มีความรู้ ความเข้าใจในบริบทชุมชน และวัฒนธรรมท้องถิ่น จะเป็นอีกหนึ่งจุดขายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ สามารถสร้างมูลค่าให้กับสินค้าทางการท่องเที่ยว และกระจายรายได้สู่ชุมชนท่องเที่ยวต่างๆ ในท้องถิ่นอย่างกว้างขวาง
ดังนั้นสาขาวิชาการท่องเที่ยว คณะเทคโนโลยีสังคม จึงเล็งเห็นความสำคัญในการผลิตบุคลากรทางการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชนโดยชุมชน นั่นก็คือมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ผู้ที่เปรียบเสมือนทูตวัฒนธรรม ที่จะคอยทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือน ให้ความรู้ด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจในประวัติความเป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นบุคคลในท้องถิ่นนั้น จะมีความเข้าใจในบริบทชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ ดังนี้จึงได้พิจารณาว่าเยาวชนในชุมชนจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นยุวมัคคุเทศก์ท้องถิ่น เพื่อจะได้นำเอาความรู้ไปนำเที่ยวในท้องถิ่นของตน สร้างงาน และรายได้พิเศษ อีกทั้งยังเป็นการปลูกจิตสำนึกรักทรัพยากรท่องเที่ยวในท้องถิ่นของตน อันจะเป็นประโยชน์กับชุมชนและจังหวัดกาฬสินธุ์ สืบไป
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 14:49 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาสูตรปุ๋ยชีวภาพเพื่อป้องกันรากผักเน่า กรณีศึกษา สวนผักบ้านห้วยสำราญ ตำบลหนองไฮ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)คนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมและประเทศไทยจะอาศัยการเกษตรกรรมและ อุตสาหกรรมการเกษตรเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะพืช ผลทางการเกษตรเป็นสินค้าที่ส่งออกที่สำคัญนำรายได้เข้าประเทศได้ปีละมหาศาล และผลักดันประเทศไปเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของโลกแต่ปัจจุบันการเกษตรได้ รับผลกระทบจากการซื้อปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูงมากส่งผลกระทบต่อราคาต้นทุนการ ผลิตสูงขึ้นประกอบกับคนไทยนิยมทำการเกษตรเคมีมากกว่ายึดรูปแบบตามธรรมชาติ การใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อการเกษตรประเทศไทยมีแนวโน้มมากขึ้นแต่กำลังความสามารถใน การผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการเกษตรของประเทศไทยนั้นไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องนำ ปุ๋ยเคมีเข้าจากต่างประเทศทำให้ประเทศไทยเสียดุลการค้า การใช้ปุ๋ยเคมีใน ปริมาณมากแทนธาตุอาหารที่เป็นอินทรียวัตถุและการใช้สารเคมีฆ่าแมลงแทน สมุนไพร เพื่อการกำจัดศัตรูพืช ก่อให้เกิดปัญหาด้านต่าง ๆ เช่นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เกิดจากสารปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ำและดินทำให้ระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตเสียไป ปัญหาต่อความปลอดภัยสุขภาพของเกษตรกรซึ่งจะส่งผลให้สุขภาพชีวิตของ เกษตรกรต่ำลงเนื่องจากได้รับสารเคมีเข้าไปในร่างกายมากๆ ตลอดจนปัญหาการตก ค้างของสารเคมี ผลิตผลทางการเกษตร ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค (ที่มา:สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560,จาก https://jantip.wordpress.com)
จากการที่ชุมชนในละแวกบ้านของผู้ประกอบการเองนั้นมีการปลูกผักชีไทยและผักสลัดจำหน่ายให้แก่ตลาดเมืองทอง และตลาดแหล่งอื่น ๆ ในจังหวัดอุดรธานีที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในช่วงนั้นเพราะผู้ประกอบการในชุมชนที่ปลูกผักชีไทยและผักสลัดได้ปลูกในปริมาณที่น้อย เนื่องจากมีการทำการเกษตรอย่างอื่นผสมผสานกันไปด้วยทางคุณไพวันเจ้าของสวนจึงมีความสนใจในการทำธุรกิจปลูกผักชีไทยและผักสลัดเพื่อจำหน่าย ก็ได้พบกับปัญหาหลักๆทั่วไปที่ผู้ประกอบการหรือเกษตรกรมักพบและมักเกิดขึ้นในการทำการเกษตรคือ ปัญหารากเน่าและแมลงศัตรูพืชจะมาอาศัยกัดกินและทำลายผลผลิตของผู้ประกอบการหรือเกษตรกร ซึ่งทำให้ได้ผลผลิตน้อย ผู้ประกอบการและเกษตรกรส่วนใหญ่จึงเลือกใช้สารเคมีที่มีอันตรายและต้นทุนสูงที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปในการเพิ่มผลผลิตแทนการใช้สารชีวภาพซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้นและผู้ประกอบการก็เสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ดังนั้นทางผู้ศึกษาจึงมองเห็นปัญหาและแนวทางในการแก้ไขโดยการค้นหาและพัฒนาสูตรปุ๋ยหมักสารชีวภาพที่มีประสิทธิสูงสุดในการในการป้องกันรากเน่า เพื่อให้ผู้ประกอบการหรือเกษตรกรที่สนใจสามารถผลิตและนำไปใช้ได้ในการทำธุรกิจการปลูกผักชีไทยและผักสลัดเพื่อจำหน่ายได้จริง และไม่เป็นอันตรายได้ด้วยเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตด้านลงทุนซื้อปุ๋ยเคมี คณะผู้ศึกษาคิดค้นพัฒนาสูตรปุ๋ยชีวภาพได้ 2 สูตร เพื่อทำการทดสอบและเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
Prakardao.a01 เมื่อ 30 ต.ค. 2562 14:46 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการอนุรักษ์และจัดสรรน้ำทางการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ (ปี 2562)งานวิจัยเรื่อง การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อการอนุรักษ์และจัดสรรน้ําทางการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน อําเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนาการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการอนุรักษ์ และจัดสรรน้ําเพื่อการเกษตร การประยุกต์ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคโนโลยีใหม่การสร้างนวัตกรรมในการอนุรักษ์และจัดสรรน้ําเพื่อการเกษตรบนพื้นฐานศาสตร์พระพระราชา ในเขตพื้นที่นอกเขตชลประทาน ให้กลมกลืนกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบัน
kriangkrai.sa01 เมื่อ 30 ต.ค. 2562 14:25 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขนบัญชีครัวเรือน (ปี 2562)ชุมชนบ้านทุ่งเหียง เป็นชุมชนที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างมาก ประชากรส่วนใหญ่ยังมีรายได้น้อย และขาดโอกาสการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ดังนั้นคณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี จึงตระหนักความสำคัญของการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านการบัญชีให้แก่ชุมชน จึงได้จัดโครงการบัญชีครัวเรือนเพื่อให้ความรู้ด้านบัญชีครัวเรือน วิธีการควบคุมค่าใช้จ่าย วางแผนการใช้เงิน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทำให้การเงินของครอบครัวดีขึ้น ช่วยส่งเสริมการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่นักศึกษาที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการบัญชีครัวเรือน
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 14:16 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายดาวอินคา กรณีศึกษาไร่พรปวีณ์ อาเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)ปัจจุบันเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาท เฉพาะตลาดในประทศ มีมูลค่าถึง 1.2 แสนล้านบาท ตลาดส่งออกไปต่างประเทศมีมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท กสอ. จะผลักดันให้เครื่องสำอางไทยส่งออกไปต่างประเทศติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ใน 3-5 ปีข้างหน้า ขยายตัวต่อเนื่องปีละ 10% เป้าหมายสำคัญ คือ กลุ่มประเทศ AEC ที่มีประชากร 600 ล้านคน มีประชากรในวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่มีกำลังซื้อสูงถึง 300 ล้านคน ซึ่งตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยกลุ่มสกินแคร์ มีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาท เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขาว 48% บำรุงผิวทั่วไป 43% ผลิตภัณฑ์บำรุงแบบให้คุณประโยชน์เฉพาะ 9% กลุ่มสกินแคร์ มีการแข่งขันสูงมาก เพราะปัจจุบันมีการเปิดแบรนด์ใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก มีการผลิตออกจำหน่ายหลายยี่ห้อ มีการทำตลาดแบบ E-Commerce จึงทำให้มูลค่าตลาดขยายตัวอย่างรวดเร็วปัจจัยหนุนที่สำคัญของประเทศไทย คือ ความอุดมสมบูรณ์ด้านวัตถุดิบสมุนไพรที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพ ปัจจุบันภาครัฐได้ให้การสนับสนุน มีการส่งเสริมการจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ และการแก้ไข พ.ร.บ. เครื่องสำอางบางส่วนที่ยังเป็นอุปสรรคต่อผู้ผลิต หัวใจสำคัญ คือ ท่านผู้ประกอบการจะต้องมีการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องสำอาง อาทิเช่น ASEAN GMP มาตรฐานฮาลาล EU Cosmetic Regulation และ Gulf standard ซึ่งจะส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือ เป็นผลดีต่อการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ว่าเศรษฐกิจการเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถยับยั้งความต้องการของมนุษย์ที่อยากหล่ออยากสวยได้ เรื่องของความสวยงามเป็นเรื่องที่ผู้คนยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อให้ความสวยอยู่กับตัวให้นานที่สุด และทุกวันนี้นอกจากผู้บริโภคจะใส่ในในเรื่องความสวยความงามแล้วและเราต้องยอมรับว่า ผู้บริโภคนั้นยังได้มีความพิถีพิถันในเรื่องการเลือกสิ่งต่างๆให้ตัวเองมากขึ้น สมุนไพรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารเสริมถ้ามีส่วนผสมของสมุนไพรอยู่นั้น ก็เป็นที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินในซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าเป็นสมุนไพร 100% ยิ่งทำให้ตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นเป็นที่น่าซื้อหายิ่งขึ้น สมุนไพรที่เรายินชื่อกันคุ้นหูที่มีอยู่ในเครื่องสำอางนั้นก็มีอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไพร ขมิ้น ธนาคา มะขาม เป็นต้น แต่เชื่อว่าหลายคนคงไม่ค่อยคุ้นหูหรืออาจจะไม่รู้จักกับ ดาวอินคา สมุนไพรที่เป็นพืชชนิดหนึงที่สามารถนำทุกส่วนของลำต้นมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆใด้ หนึ่งในนั้น ก็คือการสกัดนำมันจากเมล็ดถั่วดาวอินคา มาใช้ในการรักษา ดูแลผิวพรรณ ให้ผิวมีสุขภาพที่ดีได้ และส่วนต่างๆของลำต้น ใบ เปลือก เมล็ด นั้นยังมีสรรพคุณในการช่วยดูแลสุขถาพได้อีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้มีการปลูกอย่างแพร่หลายในหลายภาคของประเทศไทย คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพราะถั่วดาวอินคาเป็นพืชที่ให้ผลเร็วมาก ใช้ระยะเวลาปลูกประมาณ 4-6 เดือนก็สามารถให้ผลผลิตได้แล้ว และสามารถให้ผลผลิตได้เป็นระยะเวลายาวนานถึง 15-50 ปี จากการปลูกเพียงครั้งเดียว (ที่มา:สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561,จาก www.thaicosmeticcluster.com/tag/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม)
โดยผู้ประกอบการ คุณพรปวีณ์ หงส์ประสิทธ์ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนหลายคนที่ได้หันมาประกอบธุรกิจในด้านดูแลความสวยความงามเช่นกัน คือการผลิตสบู่สมุนไพรดาวอินคา แต่ทางกลุ่มผู้จัดทำโครงการได้มองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการประกอบกิจการของผู้ประกอบการครั้งนี้ทั้งนี้คือ แพคเก็จจิ้ง ไม่ดึงดูด ไม่น่าสนใจ ทำให้ตัวสินค้าดูมีราคาถูก ไม่มี อย. รับประกันคุณภาพของสินค้า ตามมาด้วยตัวผลิตภัณฑ์ไม่มีความหลากหลายให้ผู้บริโภค รวมทั้งฉลากกับชื่อแบรนด์ดูไม่ทันสมัย ดูไม่ได้มาตราฐาน และยังไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ชัดเจน
ดังนั้นทางกลุ่มผู้จัดทำโครงการจึงมองเห็นปัญหาและหาแนวทางในการแก้ไขโดยการทำการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ สภาพทางการแข่งขัน ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ จำนวนผู้แข่งกัน วิธีการขอจดทะบียนองค์การอาหารและยารวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ การแตกไลล์ผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้นที่มีนอกเหนือจากสบู่ เช่น สบู่เหลวดาวอินคา สคับดาวอิคา โลชั่นบำรุงผิวกายดาวอินดา ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทางผู้คณะจัดทำโครงการได้นำสมุนไพรไทยมาเป็นส่วนผสมเพิ่มเติมด้วยเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้า รวมไปถึงการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบธุระกิจดังกล่าวนี้ด้วย
Patcharaporn เมื่อ 30 ต.ค. 2562 14:04 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกและบูรณาการสู่การเรียนรู้ในชุมชน ตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)หลักการและเหตุผล
จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ในครัวเรือนและจากการสำรวจพื้นที่พบว่าตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ มีจำนวนหลังคาเรือน ๑,๑๐๔ หลังคาเรือน มีจำนวนประชาก ๕,๖๑๗ ครน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ ๖๐๑ คน ตำบลลำคลอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดกาฬสินธุ์ พื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม อาชีพหลัก ทำนา อาชีพเสริม ทำสวน ทำไร่ ชุมชนไม่มีรายได้เสริม ประชาชนวัยทำงานจึงต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อหารายได้ต่างแดน ปู่ย่าตายาย ทำหน้าที่เลี้ยงหลานๆ ที่บ้าน (เทศบาลตำบลลำคลอง, ๒๔๖๒) ชุมชนมีการทอเสื่อกกในครัวเรือนแต่ไม่ได้รับการพัฒนา ไม่มีผลิตภัณฑ์ OTOP ในชุมชน เนื่องจากกลุ่มทอเสื่อเป็นชาวบ้านและผู้สูงอายุ ทำให้ขาดการพัฒนาและการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยทั้งภูมิปัญญาการทอเสื่อยังไม่ถูกถ่ายทอดสู่รุ่นหลังจึงอาจจะสูญหายไป
การทอเสื่อกกของชุมชนในยามว่างจากการทำนานับเป็นวิถีชีวิตของเกษตรกร อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาดั้งเดิมของท้องถิ่น ดังเช่นการทอเสื่อกกที่บ้านแพง ตำบลแพง ของจังหวัดมหาสารคาม ตามประวัติมีมาประมาณ ๑๐๐ ปี ส่วนใหญ่ทอเสื่อเพื่อใช้สอยในครัวเรือน หรือสำหรับแลกเปลี่ยนกับสิ่งของเครื่องใช้ภายในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียง โดยได้มีการเริ่มต้นทอเสื่อจากต้นกกสามเหลี่ยม (ต้นผือ) ก่อน ต่อมาพระที่วัดได้นำพันธุ์ต้นกก (ไหล) จากจังหวัดร้อยเอ็ด มาทดลองปลูกที่ริมบึงบ้านแพง (เป็นหนึ่งทอเสื่อกก “เสื่อกกบ้านแพง”, ๒๕๕๑) และปัจจุบันเสื่อกกบ้านแพงได้แปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆที่หลากหลาย เช่น ที่รองจาน อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน แจกัน กระเป๋า ซึ่งได้รับความนิยมมาก จนก่อตั้งเป็นกลุ่ม OTOP ที่มีชื่อเสียงและชุมชมมีรายได้สูง ซึ่งผู้วิจัยได้นำรูปแบบกลุ่มทอเสื่อกกบ้านแพงมาทำการวิจัยจัดตั้งกลุ่มทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกที่หมู่บ้านหนองโดน หอกลอง ซึ่งเป็นหมู่บ้านในบริเวณดินเค็มทำให้ไม่มีผลผลิตทางการเกษตร โดยดำเนินการร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโดน จนก่อตั้งได้สำเร็จ (ทุนวิจัย วช พ.ศ. ๒๕๕๔) จัดโครงการอบรมการทำผลิตภัณฑ์ และอบรมการออกแบบ ทำให้ชุมชนมีรายได้เสริม และสร้างบทเรียนให้ความรู้เรื่องดินเค็ม และการทอเสื่อ ให้กับนักเรียนและได้ทำการวิจัยต่อเนื่องเกี่ยวกับการสร้างเอกลักษณ์ให้กับเสื่อกกในชุมชนด้วยสีย้อมธรรมชาติ ได้สำเร็จ (ทุนวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, ๒๕๕๗) ดังจะเห็นผลงานตีพิมพ์ระดับชาติ ๒ เรื่องคือ ๑. Patcharaporn Pimchan, Nittaya Saesim. (2016). Effects of Saline Soils on Culms and Culm Strands of Cyperus Corymbosus Rottb. Naresuan University Journal: Science and Technology. 24(3). (TCI ฐาน 1, Thai-Journal Impact Factors 0.025) และ ๒. พัชราภรณ์ พิมพ์จันทร์ (2558). การเพิ่มการติดสีและความคงทนของสีย้อมธรรมชาติสำหรับเส้นใยจากกก. วารสารวิทยาศาสตร์ คชสาส์น. 37(2). (TCI ฐาน 2, Thai-Journal Impact Factors 1.564) ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะทำการพัฒนากลุ่มทอเสื่อ และทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก ให้มีเอกลักษณ์ให้กับชุมชนตำบลลำคลอง เพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริมและสร้างแหล่งเรียนรู้เพื่อให้เยาวชนตะหนักถึงภูมิปัญญาท้องถิน และส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มองเห็นอาชีพเสริมในชุมชนได้

วัตถุประสงค์
๑. เพื่อพัฒนาชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการนำองค์ความรู้ที่หลากหลายในสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกิจกรรมโดยการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้รู้ในท้องถิ่น ประชาชน อาจารย์ นักศึกษา ครู นักเรียน มาบูรณาการในการแก้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดความยั่งยืน
๒. เพื่อนำองค์ความรู้ เกี่ยวกับ การย้อมสีธรรมชาติ การทอเสื่อ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก มาใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมให้ชุมชนผลิตเพื่อจำหน่ายได้
๓. เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกลุ่มทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก เพื่อให้เกิดอาชีพที่ยั่งยืน
๔. เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำสื่อออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าในท้องถิ่นเป็ฯการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
๕. เพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนเกี่ยวกับ สีย้อมจากธรรมชาติ การทอเสื่อกก และการทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก
๖. เพื่อให้นักศึกษาได้ประยุกต์องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานจริง มีความสามารถในการค้นคว้า คิด วิเคราะห์ ประมวลผล มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบระบบงาน จนสามารถทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคม และมีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีความใฝ่รู้อันจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ประโยชน์ที่จะได้รับ
๑. ด้านวิชาการ นำองค์ความรู้ เกี่ยวกับ สีย้อมธรรมชาติ การทอเสื่อ การทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก การสร้างสื่อออนไลน์ มาใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมให้ชุมชนผลิตเพื่อจำหน่ายได้
๒. ด้านสังคม และชุมชน มีแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนเกี่ยวกับสีย้อมจากธรรมชาติ การทอเสื่อกก และการทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก
๓. ด้านเศรษฐกิจ มีกลุ่มทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก ที่มีความรู้ด้านการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์เพื่อให้เกิดอาชีพที่ยั่งยืน

กลุ่มเป้าหมาย
๑. ประชาชนในชุมชนตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๗๐ คน
๒. นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองม่วง ตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๔๐ คน

วิธีการดำเนินงาน
๑. จัดการประชุมเสวนาในชุมชนให้กับกลุ่มชาวบ้านและนักเรียนโรงเรียนบ้านหน่องม่วง เรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น การต่อยอดภูมิปัญญาสู่รายได้และขออาสาสมัครร่วมกิจกรรมการทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกที่เป็นชาวบ้านและนักเรียน
๒. จัดอบรมการทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก เช่น กระเป๋า ที่รองแก้ว แจกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเสื่อกกให้กับกลุ่มอาสาสมัครในชุมชนและจัดตั้งกลุ่มทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก
๓. คัดเลือกตัวแทนกลุ่มทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกที่ผ่านการอบรมเพื่อเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้การทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกให้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองม่วง
๔. พัฒนาสภาวะที่เหมาะสมในการย้อมสีกกด้วยสีย้อมธรรมชาติ เช่น ขมิ้น ดอกอัญชัญ เปลือกฝาง เปลือกมังคุด หมักโคลน ร่วมกับสารเติม (มอร์แดน) เพื่อช่วยการติดสีและความคงทน จากนั้นถ่ายทอดองค์ความรู้ วิธีการย้อมสีกกด้วยสีย้อมธรรมชาติให้กับกลุ่มและนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองม่วง
๕. จัดกิจกรรมประกวดเสื่อกกที่ย้อมด้วยสีย้อมธรรมชาติและอบรมให้ความรู้วิธีการสร้างสื่อออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าชุมชน
๖. สร้างแหล่งเรียนรู้ในชุมชน โดยใช้สื่อวิดิทัศน์ถ่ายทอดองค์ความรู้ วิธีการย้อมและสภาวะการย้อมสีธรรมชาติที่ทำให้สีคงทน และการทำผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน
chonticha เมื่อ 30 ต.ค. 2562 13:46 น.
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีโครงการบูรณาการขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตำบลนาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี (ปี 2563)ตำบลนาเกตุตั้งอยู่ในพื้นที อำเภอโคกโพธิ์. จังหวัดปัตตานี มประกอบด้วยจำนวน 7 หมู่บ้าน จำนวนประชากร 7,365 คน (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖1) มีสมาชิกจำนวน 1,729 ครัวเรือน สมาชิกในชุมชนนับถือศาสนา ลักษณะชุมชน เป็นพหุวัฒนธรรม อยู่ร่วมกันทั้ง ไทยพุทธและไทยมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม 68.47 % ศาสนาพุทธ 31.53 มีรายได้เฉลี่ย 15,000 – 30,000.-บาท ต่อคนต่อปี รายได้เฉลี่ยครัวเรือน 36,000.บาท/ต่อครัวเรือน ต่อปี ประชากรประกอบอาชีพทำสวนยางพารา เกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหลัก ลักษณะของชุมชนจะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มตามเส้นทางคมนาคม แนวโน้มการขยายตัวของชุมชน ยังคงกระจายอยู่ในรอบ ๆ ชุมชนเดิม ปัจจุบันกิจกรรมทีกลุ่มได้ดำเนินการโดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากองค์การบริหารส่วนตำบลนาเกตุ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล เช่น กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน กิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ กิจกรรมการดูแลผู้ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ (ผู้พิกาล) กิจกรรมด้านการเกษตรชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวยังคงขาดความต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนั้นหากได้ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ หาความต้องการร่วมกันระหว่าง ตัวแทนชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลนาเกตุ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประชาตำบล และนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ร่วมศึกษาเรียนรู้ และนักวิชาการจากสำนักส่งเสริมและการศึกษาต่อเนื่อง ร่วมกันขับเคลื่อน รวมพลังในการปฏิบัติงานในเชิงพื้นที่ นำองค์ความรู้ หรือนวัตถกรรมจากมหาวิทยาลัยถ่ายทอดสู่ชุมชน ในการบูรณาการถ่ายทอดความรู้ ทั้งด้านทฤฏีและปฏิบัติ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ชุมชนเข้มแข็ง เตรียมพร้อมให้คนในสังคม รับผลกระทบ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและเศรษฐกิจโลก สามารถพัฒนาตนเอง สังคม ส่งผลให้เกิดการเสริมสร้างพัฒนา เศรษฐกิจและสังคม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนนำไปสู่เป้าหมายของการบริหารจัดการชุมชนตามแนวทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืน
asc_rpu_9 เมื่อ 30 ต.ค. 2562 13:44 น.
มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์โครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนบางขนุน (การป้องกันโรคไข้เลือดออก) (ปี 2561)เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของชุมชน มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์จึงทำการสำรวจความต้องการของชุมชนในตำบลบางขนุนด้วยแบบสอบถาม ผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลบางขนุน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ประกอบอาชีพทำสวน ซึ่งมีพื้นที่เป็นแหล่งน้ำค่อนข้างมาก ทำให้ชุมชนเป็นโรคไข้เลือดออก จึงมีความต้องการที่จะแก้ไขปัญหาการเกิดโรคไข้เลือดออกดังกล่าว พร้อมทั้งแนวทางการประกอบอาชีพเสริมให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชน ทางมหาวิทยาลัยราชพฤกษ์จึงจัดและดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของชุมชน ดังนี้
1. ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยการบรรยายให้ความรู้และจัดทำแผ่นพับโปสเตอร์ให้ความรู้
2. แนะนำพืชสมุนไพร และผักสวนครัวสำหรับไล่ยุง
3. สาธิตการนำวัสดุเหลือใช้มาปลูกต้นไม้ไล่ยุง
4. แนะนำการทำผลิตภัณฑ์ไล่ยุง คือ เกลือขัดผิวสูตรตะไคร้ไล่ยุง และสเปรย์ตะไคร้หอมไล่ยุง
5. ให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการและการคิดต้นทุน เพื่อวางแผนการนำผลิตภัณฑ์ไล่ยุงไปประกอบอาชีพเสริม
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 13:32 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการพัฒนาและปรับปรุงร้านค้าปลีกท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกท้องถิ่น จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2560)ตามที่คณะเทคโนโลยีสังคม เป็นสถานศึกษาที่เน้นการเรียนการสอนทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้แก่นักศึกษา มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป นอกจากการให้การศึกษาในระบบแล้วยังมีการให้บริการทางวิชาการแก่ชุมชน โดยมีการจัดฝึกอบรมให้แก่ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ใกล้เคียงและในเขตภาคอีสาน นอกจากนี้ยังมีโครงการให้ความร่วมมือกันระหว่างประเทศกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน อีกด้วย
ร้านค้าปลีกดั้งเดิมเป็นร้านค้าที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี รวมถึงยังเป็นแหล่งในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นโดยรวมเป็นจานวนมากมาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งในปัจจุบันร้านค้าปลีกได้มีรูปแบบ การดาเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ในปัจจุบันการค้าปลีกมีการแข่งขันที่สูง ทาให้ผู้ประกอบการจาเป็นต้องมีการปรับตัวทั้งในเรื่องขององค์ความรู้ การจัดการ และแนวทางการประกอบการต่างๆ เพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้
การที่ร้านค้าปลีกในท้องถิ่นจะปรับตัวเข้าหาองค์ความรู้ใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ทาได้ยากเพราะเหตุจากการห่างไกลจากองค์ความรู้ที่เหมาะสม การขาดแคลนทุนทรัพย์ในการพัฒนาความรู้ การขาดการรับรู้ข่าวสารต่างๆ รวมถึงการขาดวิสัยทัศน์ต่อสภาวการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม
ดังนั้น เมื่อร้านค้าปลีกไม่มีการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปทั้งในบริบทของสังคม เศรษฐกิจ กฎหมาย และเทคโนโลยีแล้ว ก็ยากที่จะทาให้ร้านค้าปลีกท้องถิ่นจะสามารถอยู่รอดในสภาวการณ์แข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ร้านค้าปลีกท้องถิ่นของจังหวัดกาฬสินธุ์สามารถที่จะพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืนและสามารถที่จะอยู่รอดในสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม จึงควรมีการสนับสนุนองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการธุรกิจค้าปลีกให้แก่ร้านค้าในท้องถิ่น ซึ่งทางคณะเทคโนโลยีสังคม ได้มีการเปิดสอนในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเป็นที่รวบรวมความรู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีกในแนวใหม่ ซึ่งหากได้มีการเผยแพร่องค์ความรู้นี้ต่อร้านค้าปลีกในท้องถิ่น ก็จะช่วยให้ร้านค้าปลีกในท้องถิ่นมีองค์ความรู้และความพร้อมที่จะสร้างผลกาไร รวมถึงสามารถที่จะอยู่รอดต่อไปได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 13:00 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาน้ำหมักชีวภาพเพื่อรักษาเชื้อราในโรงเห็ดฟาง กรณีศึกษา โรงเห็ดฟางบ้านข้าวสาร ตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)เห็ดเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากมีรสชาติดี มีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะสารอาหารประเภทโปรตีนซึ่งสามารถใช้ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยาป้องกันรักษาโรคได้หลายชนิด เห็ดเศรษฐกิจหลายชนิดเป็นเห็ดที่เพาะให้เกิดดอกได้ดี เช่น เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดหอม เห็ดหูหนู เห็ดขอนขาว และเห็ดกระด้าง เป็นต้น โดยนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรชนิดต่างๆ เช่น ขี้เลื่อยไม้ยางพารา กากมัน ทลายปาล์ม ชานอ้อย ฟางข้าว ซังข้าวโพด ฯลฯ มาใช้เป็นวัสดุสำหรับเพาะ สามารถทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมเพิ่มรายได้แก่ครอบครัวได้อีกทาง (www.ubu.ac.th สืบค้นวันที่ 6 ก.ย. พ.ศ. 2560 )
กรณีศึกษาโรงเห็ดฟาง บ้านข้าวสาร ตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเพิ่งเปิดกิจการเพาะเห็ดฟางขายได้ 10 เดือนก็ต้องประสบปัญหาในเรื่องของเชื้อราที่เกิดขึ้นกับเห็ดฟาง ซึ่งสาเหตุในการเกิดเชื้อรานั้นก็มาจากอุณหภูมิและความชื้น ถ้าร้อนเกินไปก็จะเกิดราขาว เย็นเกินไปก็จะเกิดรารากไม้ ราเม็ดผักกาด เข้ามาปะปนหรือทำลายเส้นใยเห็ด ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เร่งจัดการก็จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตได้ และราพวกนี้จะส่งผลให้เห็ดฟางไม่ได้คุณภาพตรงตามที่ตลาดต้องการ เช่น เห็ดฟางฝ่อ เห็ดฟางมีผิวดำ ผิวเห็ดอ่อน เห็ดไม่ออกดอก หรือเห็ดมีน้ำหนักเบา ขายได้ราคาต่ำอาจทำให้กิจการขาดทุนได้ จากปัญหาที่โรงเห็ดเผชิญตอนนี้ ได้ก่อให้เกิดแนวคิดที่อยากจะศึกษาปัญหา สาเหตุ หรือปัจจัยในการทำให้เกิดเชื้อราเพื่อที่จะได้นำความรู้ที่ได้มาเป็นแนวทางประกอบในการพัฒนาน้ำหมักชีวภาพเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการ เป็นการลดต้นทุนในการใช้สารเคมีและมีความปลอดภัย และการจัดทำโครงงานในครั้งนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรายอื่นที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ที่สนใจจะแก้ไขปัญหาด้วยน้ำหมักชีวภาพนำไปพัฒนาต่อยอดให้กับกิจการให้ประสบความสำเร็จในอนาคตได้




ดังนั้นคณะผู้จัดทำโครงงานได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพที่มีต้นทุนต่ำ และมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยรักษาโรคเชื้อราในโรงเห็ด จากการศึกษาหาข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดินจังหวัดอุดรธานีและสอบถามจากผู้ประกอบการรายอื่นรวมทั้งค้นคว้าในอินเทอร์เน็ตพบว่ามีน้ำหมักชีวภาพ 3 สูตรที่คณะผู้จัดทำโครงการสนใจเลือกมาทดลองใช้กับปัญหานี้ ได้แก่ 1.สูตรฮอร์โมนตีนเห็ด 2.สูตรน้ำหมักหอยเชอรี่ 3.สูตรน้ำหมักเหล้าขาว ที่สามารถนำมาทดลองปรับใช้กับการรักษาเชื้อราที่เกิดกับเห็ดได้ดี ปลอดภัย และน่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 12:45 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาความหลากหลายของรสชาติผลิตภัณฑ์ถั่วตัด : กรณีศึกษา กลุ่มแปรรูปถั่วลิสงเมืองเพีย ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)ถั่วลิสงนอกจากการใช้เมล็ดเป็นวัตถุดิบในการสกัดน้ำมันแล้ว ยังได้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ถั่วลิสงต้ม ถั่วสมุนไพร ถั่วอบแห้ง ถั่วกระจก ถั่วตัด ถั่วคั่ว และ อีก ฯลฯ ด้วยรสชาติหวานมัน อร่อย จนสามารถทานเล่นได้อย่างเพลิดเพลิน รวมไปถึงเรื่องของคุณประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการทานถั่วลิสงไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ไบโอตินหรือวิตามินบี 7 ที่เป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างเล็บ ผม และ ผิวหนังให้มีสุขภาพดี มีกากใยช่วยในการขับถ่าย(สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ, 2552)
กากใยในอาหารเป็นสารที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่าไฟเบอร์ (fiber) เป็นสารที่อยู่ในพืชผักที่ร่างกายเราย่อยสลายหรือดูดซึมไม่ได้ ซึ่งต่างจากสารอาหารอย่างอื่น เช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน ที่ร่างกายเราสามารถย่อยและดูดซึมได้ กากใยอาหารจึงผ่านลำไส้กลายเป็นอุจจาระ(ดร.นพ. ประสงค์ เทียนบุญ, 2555)
ดังนั้นถั่วลิสงจึงกลายมาเป็นส่วนผสมหลักในขนมขบเคี้ยวหลากชนิดที่ผู้คนทุกเพศทุกวัยชอบทานมาช้านาน และขนมถั่วตัด ยังนำไปใช้ในงานหมั้น พิธีแต่งงานจีน พิธีแต่งงานไทย เทศกาลตรุษจีน สารทจีน เป็นขนมมงคลที่มีมาแต่โบราณ ความหมายดี หวาน เจริญงอกงาม
(www.ang-kee.com สืบค้นวันที่ 30 ต.ค. พ.ศ. 2560)
กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเมืองเพีย เป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรเมืองเพียในเรื่องของการปลูกถั่วลิสง ในปี พ.ศ.2540 เกษตรกรในหมู่บ้านปลูกถั่วลิสงเป็นจำนวนมากเวลานำมาขายทำให้ได้ราคาต่ำ ดังนั้นกลุ่มแม่บ้านจึงได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มและได้นำถั่วลิสงมาคั่วด้วยทรายและนำออกมาจัดจำหน่ายตามหมู่บ้านและส่งตลาด ทำให้มีราคาที่ดีขึ้นหลังจากนั้นจึงมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ คือ ถั่วตัด และได้มีการพัฒนาการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าของถั่วลิสง กลุ่มแม่บ้านได้ทำถั่วตัดออกจำหน่าย ลักษณะของถั่วตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีรสชาติหวาน บรรจุใส่ห่อถุงพลาสติกใส ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 15 คน แม่หนูจันทร์ สมศิลา เป็นประธานกลุ่ม โดยมีเทศบาลตำบลเมืองเพีย และเกษตรชุมชน เป็นผู้สนับสนุนเงินและสถานที่จำหน่าย

กลุ่มแม่บ้านได้เลือกผลิตภัณฑ์ ถั่วตัด เพราะถั่วตัดมีรสชาติเดียวคือรสชาติหวาน มีลักษณะเดียวคือเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บรรจุภัณฑ์ที่ใส่เป็นห่อพลาสติกใสธรรมดา จึงไม่เป็นที่ดึงดูดใจของผู้บริโภค ดังนั้นกลุ่มผู้จัดทำจึงได้พัฒนารสชาติของผลิตภัณฑ์ถั่วตัดขึ้น โดยจะเปลี่ยนจากรสชาติเดิมซึ่งมีแต่รสหวานคือเพิ่มเป็นรสหลายรส ได้แก่ รสนมสด รสช็อกโกแลต เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการเพิ่มความแปลกใหม่และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยผู้บริโภคจะได้มีทางเลือกทานขนมถั่วตัดหลายรสชาติ และจะมีการปรับเปลี่ยนลักษณะบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้น่าดึงดูดใจผู้บริโภคได้ยิ่งขึ้น
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 12:28 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนากลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจจำหน่ายพันธุ์ไม้ กรณีศึกษา : ร้านณรงค์ทิพย์พันธุ์ไม้ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)ปัจจุบันธุรกิจพันธุ์ไม้เริ่มชะลอตัว เมื่อเทียบกับอดีต 5-10 ปี ที่ผ่านมาตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย ธุรกิจพันธุ์ไม้เป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ถ้าหากธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นจะส่งผลต่อการเติบโตธุรกิจพันธุ์ไม้ ในขณะเดียวกันถ้าหากธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวจะส่งผลต่อธุรกิจพันธุ์ไม้ชะลอตัวเช่นเดียวกัน (โสภณ พรโชคชัย, 2553)
จากกระแสอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งการป้องกันและลดปัญหาภาวะโลกร้อน ประกอบกับการสนับสนุนของภาครัฐ อาทิเช่น นโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ธุรกิจจำหน่ายพันธุ์ไม้เติบโตและมีจำนวนมาก การแข่งขันในธุรกิจจำหน่ายพันธุ์ไม้เริ่มมีการแข่งขันสูงมาก ร้านณรงค์ทิพย์พันธุ์ไม้เป็นหนึ่งในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่กำลังประสบกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจจำหน่ายพันธุ์ไม้ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา แสดงดังภาพที่ 1.1 ร้านณรงค์ทิพย์พันธุ์ไม้จึงจำเป็นต้องนำกลยุทธ์และวิธีการดำเนินงานต่างๆมาใช้ในธุรกิจของตนเพื่อให้อยู่รอดได้ต่อไป (ไฉน คงสิบ, สัมภาษณ์ 18 กันยายน 2560)
ผู้ศึกษาได้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ลูกค้าปัจจุบันของร้านณรงค์ทิพย์พันธุ์ไม้เป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่รักและชื่นชอบการปลูกต้นไม้และลูกค้าสัญจรทั่วไป ผู้ประกอบการ คือ คุณไฉน คงสิบ ต้องการจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและยอดขายของร้านให้มากขึ้น โดยการหาตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ อันได้แก่ โรงเรียน วิทยาลัย อาชีวะศึกษา โรงแรม ร้านอาหาร หน่วยงานราชการ และ
สถานที่ท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันทางร้านต้องการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ ด้วยการบริการที่ดีเยี่ยมและสร้างความแตกต่างของร้าน ด้วยการมีการจำหน่ายพันธุ์ไม้หายากและสมุนไพรนานาชนิด เพื่อให้ร้านณรงค์ทิพย์พันธุ์ไม้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้และมีศักยภาพในการแข่งขัน
ดังนั้น ผู้ศึกษาจึงจะทำการศึกษาความพึงพอใจของลูกค้าที่มาใช้บริการ และความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ เพื่อจะมาจัดทำเป็นแผนกลยุทธ์การตลาด ที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของร้านณรงค์ทิพย์พันธุ์ไม้ต่อไป
musika เมื่อ 30 ต.ค. 2562 12:25 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการเพิ่มศักยภาพการค้าสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) จังหวัดสกลนครแบบครบวงจรและยั่งยืน ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการผลิตและยกระดับคุณภาพการผลิตสินค้า GI (ปี 2562)1. ทิศทางยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) และสร้างความสมดุลในการพัฒนาเศรษฐกิจจากภายในสู่ภายนอก (Local to Global) อันจะส่งผลต่อการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ให้แก่ประเทศในระยะยาว การผลิตสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ในชุมชน หมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด ถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ที่จะต้องได้รับการส่งเสริมเพื่อเชื่อมโยงตั้งแต่การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การบริหารจัดการ การใช้เทคโนโลยี และการพัฒนานวัตกรรมให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ รวมทั้ง การเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ จนสามารถนำไปสู่การสร้าง ผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเพิ่มการลงทุนในประเทศ และผลักดันรายเดิมให้มีศักยภาพและสามารถขยายการค้าการลงทุนจากตลาดท้องถิ่น ไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้ในที่สุด

2. ทิศทางยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) กำหนดยุทธศาสตร์การสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยมุ่งเน้น การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศยุทธศาสตร์จังหวัดที่สะท้อนความต้องการและศักยภาพของพื้นที่และให้อยู่บนการแข่งขันที่เป็นธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม พัฒนาทักษะองค์ความรู้ของผู้ประกอบการไทย ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการรูปแบบใหม่ให้มีจุดเด่น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ยกระดับศักยภาพของสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ไทยให้ก้าวไกลสู่สากล เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พัฒนาฐานการผลิตใหม่ กระจายกิจกรรมเศรษฐกิจและความเจริญสู่ภูมิภาค สร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งด้านการผลิตร่วมและช่องทางการตลาดร่วมกัน

3. จังหวัดสกลนคร ได้ดำเนินการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ. 2546 กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 5 ชนิดสินค้า ได้แก่ 1) ผ้าครามธรรมชาติสกลนคร 2) ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี 3) หมากเม่าสกลนคร 4) น้ำหมากเม่าสกลนคร 5) เนื้อโคขุนโพนยางคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตตลักษณ์โดดเด่นที่มีชื่อเสียงและสร้างรายได้ให้กับจังหวัดสกลนคร ปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่รู้จักของตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างแรงกระตุ้นเชิงอัตลักษณ์ของจังหวัด ให้เกิดความต้องการสินค้าและเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ
Napon.ku เมื่อ 30 ต.ค. 2562 12:18 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขนโครงการค่าย Digital Media Workshop ครั้งที่ 9 (ปี 2562)จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองปิดที่อยู่ค่อนข้างห่างไกล ทำให้การติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก แต่ด้วยปัจจัยทางทรัพยากรทางธรรมชาติและมรดกวัฒนธรรมของจังหวัดที่สั่งสมมากว่าหลายร้อยปี เป็นแหล่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยือนแม่ฮ่องสอนจำนวนไม่น้อย ประกอบกับในปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสาร การคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้โลกเราเล็กลง สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น เดินทางพบปะกันได้สะดวกรวดเร็ว ด้วยปัจจัยดังกล่าวในปี พ.ศ.2549 โครงการแม่ฮ่องสอนไอทีวัลเล่ย์จึงเริ่มดำเนินการขึ้นโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัย ฯลฯ ในการส่งเสริมและสนับสนุนในการเสริมสร้างทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศแก่ครูและนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้ครูและนักเรียนมีขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีความสนใจมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะให้สูงขึ้น นอกจากนั้นหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน วิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยการงานและอาชีพ เป็นต้น มีความตื่นตัวในการที่จะร่วมกันพัฒนาศักยภาพของบุคลากรโดยเฉพาะเยาวชนให้มีองค์ความรู้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่มีความสามารถทางด้านดิจิทัลมีเดีย และเป็นแหล่งผลิตดิจิทัลคอนเทนท์ที่เหมาะสม โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่นสามารถมีงานทำได้ตลอดทั้งปี

ทางคณะดิจิทัลมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้พัฒนาเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทั้งจัดโครงการอบรมให้กับบุคลากรในชุมชน เพื่อสามารถพัฒนาและดูแลเว็บไซต์ ในการประชาสัมพันธ์ชุมชนของตนเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งในระยะต่อไปของโครงการ เป็นการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบดิจิทัลประเภทต่างๆ พร้อมทั้งจัดอบรมให้กับนักศึกษาที่ร่วมในโครงการและบุคคลในชุมชน ให้มีความรู้และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปผลิตสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ Flagship Project เพิ่มคุณภาพชีวิตชาวแม่ฮ่องสอนด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภายใต้ยุทธศาสตร์แม่ฮ่องสอนเที่ยวได้ทั้งปี [Theme] “MHS is where culture and nature converge. แม่ฮ่องสอน ที่ที่ธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมมาพบกัน" จะเป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่า มารวบรวมเพื่อนำเสนอผ่านสื่อที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและDigital Media โดยสามารถสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก
จากผลตอบรับของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งที่ 8 มีนักเรียนประสงค์สมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 80 เปอร์เซนต์ ดังนั้นเพื่อให้การสร้างคน สร้างงานและสร้างเครือข่าย ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของโครงการแม่ฮ่องสอนไอทีวัลเลย์ ได้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืน การจัดกิจกรรมพัฒนาเยาวชนในโครงการฯ ครั้งที่ 9 นี้ จึงจัดทำขึ้นเพื่อให้สอดรับกับแนวทางการพัฒนาจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์จึงเป็นกิจกรรมสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน คณะดิจิทัลมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีปทุม และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ จัดกิจกรรมในโครงการค่าย Digital Media Workshop ครั้งที่ 9 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภายใต้โครงการแม่ฮ่องสอนไอทีวัลเลย์ วันที่ 10-15 มกราคม 2562 ณ พิชชาพรเฮ้าส์ ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 12:13 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการแปรรูปและเพิ่มมูลค่าถั่วลิสงที่ไม่ได้มาตรฐาน : กรณีศึกษากลุ่มแม่บ้าน เกษตรกรบ้านหนองฆ้อง ตำบลขอนยูง อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)ถั่วลิสงเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นแหล่งของโปรตีนและพลังงาน ซึ่งเป็นอาหารบำรุงร่างกายที่ไม่แพงและหาง่าย จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ถั่วลิสงมีประโยชน์มากต่อสุขภาพ อีกทั้งถั่วลิสงสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านมและโรคหัวใจได้ ถั่วลิสงมีคุณค่าทางโภชนาการสูงโดยถั่วลิสงมีโปรตีนสูงถึง 30% ซึ่งสูงกว่าข้าวสาลีถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณค่าสูงสามารถดูดซึมได้ง่าย ถั่วลิสงยังมีกรดอะมิโนแปดชนิดที่จำเป็นต่อร่างการและยังอุดมไปด้วยไขมันไรโบฟลาวินเลซิติน กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว วิตามิน A B E K แคลเซียม เหล็กและธาตุอื่นๆ ถั่วลิสงสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสุกและแบบดิบก็ได้ล้วนแล้วแต่มีโภชนาการสูงต่อร่างกาย ถั่วลิสงมีประโยชน์ช่วยลดคอเลสเตอรอลในน้ำมันถั่วลิสงมีกรดไลโนเลอิกอย่างสูง ซึ่งป็นสารที่สามารถช่วยสลายคอเลสเตอรอลในร่างกาย แล้วขับถ่ายออกจากร่างกายไป จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาคอเลสเตอรอลที่สะสมในร่างกาย ถั่วลิสงยังเป็นอาหารต้านอนุมูลอิสระเพราะในถั่วลิสงมีธาตุสังกะสีสูงกว่าอาหารทั่วไป โดยสังกะสีสามารถช่วยเสริมสร้างความจำและกระตุ้นเซลล์สมองทั้งเด็กและผู้สูงอายุให้สามารถทำงานได้ปกติ ถั่วลิสงยังช่วยสร้างโปรตีนและเสริมสร้างคอลาเจนซึ่งเป็นอาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถั่วลิสงอุดมไปด้วยแคลเซียมสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของกระดูกให้กับผู้สูงอายุได้ และถั่วลิสงหรือน้ำมันถั่วลิสงเป็นแหล่งสารเรสเวอราทรอล ( reverattrol ) ซึ่งจะช่วยลดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันและลดน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจได้อีกด้วย
จากการลงพื้นที่สำรวจและสอบถามปัญหาของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองฆ้อง ที่บ้านหนองฆ้อง หมู่ที่4 ตำบลขอนยูง อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ทางกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองฆ้อง ได้ให้ข้อมูลแก่คณะผู้จัดทำว่าทางกลุ่มแม่บ้านมีปัญหาเกี่ยวกับถั่วที่ไม่ได้มาตรฐานที่เหลือจากการทำถั่วคั่วทราย คือ ถั่วที่นำมาทำถั่วคั่วทรายนั้นคือถั่วที่มีสองข้อเท่านั้น จึงทำให้เหลือถั่วที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นจำนวนมากโดยกลุ่มแม่บ้านได้นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ถั่วตัด ถั่วคั่วสมุนไพร ถั่วเคลือบโอวัลติน แต่ก็ยังมีถั่วที่ไม่ได้มาตรฐานเหลือเป็นจำนวนมาก
คณะผู้จัดทำจึงได้คิดหาแนวทางและวิธีการแก้ปัญหาถั่วที่ไม่ได้มาตรฐานที่ยังเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก โดยนำมาแปรรูปเป็นถั่วทอดกรอบธัญพืช สามารถช่วยลดปริมาณถั่วที่ไม่ได้มาตรฐานที่เหลืออยู่เป็นจำนวนมากและยังทำให้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองฆ้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ไว้จำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองฆ้องเพิ่มขึ้นอีกด้วย
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 11:54 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการแปรรูปมะนาวสดเป็นน้ามะนาวพร้อมดื่ม : กรณีศึกษาสวนมะนาวไร่ภูตะวัน บ้านอีหลุ่ง ต้าบลเชียงยืน อ้าเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)มะนาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Lime และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Citrus AurantifoliaSwingleหรือ Citrus Aurantifolia Swing เป็นพืชที่มีต้นกาเนิดอยู่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประโยชน์ของมะนาวนั้นสามารถนาไปปรุงอาหารได้ โดยถูกใช้เป็นส่วนประกอบเพื่อเพิ่มรสชาติในการปรุงอาหารชนิดต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะในการให้รสเปรี้ยว และมีกลิ่นหอมพิเศษของมะนาวเป็นตัวเพิ่มรส นอกจากนั้นแล้วยังถูกนามาใช้เป็นเครื่องดื่ม เช่น น้ามะนาวเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มชนิดต่างๆ รวมถึงถูกนามาใช้เป็นส่วนประกอบ เครื่องสาอาง ผงซักฟอก ยาสระผม น้ายาล้างจาน เป็นต้น
ปัจจุบันมะนาว จัดเป็นกลุ่มของพืชที่สาคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย ทาให้การใช้มะนาวเพื่อการบริโภคในประเทศไทยมีปริมาณหลายพันตันต่อปี ถึงแม้ว่ามะนาวสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย และให้ผลตลอดปี แต่ผลผลิตของมะนาวก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาล และพบว่าประเทศไทยประสบปัญหาการขาดแคลนมะนาวในช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน ซึ่งทาให้มะนาวมีราคาแพงขึ้น 5-10 เท่า และประสบปัญหามะนาวล้นตลาดในช่วงหน้าฝน ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม - ประมาณกลางเดือนตุลาคม และทาให้มะนาวมีระดับราคาต่าในช่วงเวลานี้
สวนมะนาวไร่ภูตะวัน ตั้งอยู่หมู่ที่3 บ้านอีหลุ่ง ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี มีผู้ประกอบคือ อาจารย์สาราญ โยจาปา ผู้ประกอบการได้ปลูกพืชแบบผสมผสาน ได้แก่ตระไคร้ขาวพันธุ์เกษตร กล้วยน้าว้าปากช่อง เบี้ยเพกา(ลิ้นฟ้า) ไผ่ตงอินโดจีน และมะนาว มีมะนาวพันธ์แป้นวโรชา พันธ์พิจิตร1 พันธ์แป้นราไพ พันธ์ทูลเกล้าไร้เมล็ด พันธ์แป้นเจ้าพระยา และพันธ์แป้นดกพิเศษ ปัญหาของผู้ประกอบการสวนมะนาวไร่ภูตะวันที่ปลูกมะนาว มะนาวมีผลผลิตมะนาวอย่างต่อเนื่องเป็นจานวนมากและประสบปัญหามะนาวล้นตลาดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนตุลาคม ของทุกปี ทาให้ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง มะนาวที่ปลูกไว้ไม่ได้ขาย ขายได้ไม่คุ้มทุน ด้วยเหตุนี้กลุ่มผู้จัดทาและผู้ประกอบการจึงระดมความคิดกัน แล้วจึงได้แนวคิดวิธีการในการแก้ปัญหาคือ การแปรรูปจากมะนาวสดเป็นน้ามะนาวพร้อมดื่ม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค และลดการสูญเสียมะนาวทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
Abdulkareem เมื่อ 30 ต.ค. 2562 11:48 น.
มหาวิทยาลัยฟาฏอนีการพัฒนาเยาวชนขยะความดีสู่การพัฒนาอาชีพ (ปี 2563)จากสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติด พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติด จากสถิติการจับกุมคดียาเสพติดทุกข้อหาทุกตัวยาในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ปีงบประมาณ 2561 พบว่ามีการจับกุมทั้งหมด 36,796 คดี ผู้ต้องหา 39,882 คน เปรียบเทียบกับปีงบประมาณที่ผ่านมาพบว่าสถิติการจับกุมมีจำนวนคดีเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 21.68 (ปีงบประมาณ 2560 จับกุมได้ 30,241 คดี ผู้ต้องหา 34,367 ราย) 5 จังหวัดมีสถิติการจับกุมเพิ่มขึ้น ได้แก่ จ.สงขลา จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ตรัง และ จ.ยะลา และลดลง 2 จังหวัด ได้แก่ จ.สตูล และ จ.พัทลุง โดยจังหวัดที่มี การจับกุมสูงสุดได้แก่ จ.สงขลา และต่ำสุดได้แก่ จ.พัทลุง (รายงานการตรวจราชการระดับเขตสุขภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 หัวข้อ การบำบัดรักษาผู้เสพผู้ติดยาเสพติดเขตสุขภาพที่ 12) ซึ่งพื้นที่ชุมชนเทศบาลตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ตระหนักต่อปัญหาการระบาดยาเสพติดในชุมชนและต้องการให้แก้ไขมากที่สุดโดย การยับยั้งการระบาดของยาเสพติดในหมู่เยาวชน การลดจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และการปัองกันเยาวชนกลุ่มเสี่ยงให้ออกห่างต่อสิ่งแวดล้อมด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นโจทย์ที่สำคัญของชุมชน เป็นความตระหนักของสมาชิกในชุมชน แต่ยังไม่มีกระบวนการขับเคลื่อนชุมชมในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกับให้กับเยาวชนได้ จากการสังเกตุพบว่า มีกลุ่มเยาวชนกลุ่มหนึ่งภายใต้การกำกับดูแลของมัสยิดยาเมร์ ในพื้นที่ของเทศบาลตำบลยี่งอ ได้มีความพยายามรวมกลุ่มเยาวชนกลุ่มเสี่ยงมาสร้างกิจกรรมเพื่อสร้างคุณค่าต่อตัวเยาวชนกลุ่มเสี่ยงได้ตระหนักต่อคุณค่าความเป็นบุคคลในชุมชน มีความสามารถ มีพลังในตัวเยาวชน โดยมีกิจกรรมการเก็บขยะพลาสติกซึ่งเป็นเครื่องมือ หรือสื่อกลางระหว่างกลุ่มเยาวชนกลุ่มเสี่ยงกับสมาชิกในชุมชนเทศบาลตำบลยี่งอ ให้ชุมชนได้เห็นคุณค่าของเยาวชน และเยาวชนได้รู้จักคุณค่าของตนเองผ่านการเป็นจิตอาสา หรืออาสาสมัครทำความดี การเก็บขยะพลาติกเพื่อนำไปสู่โรงงานรับซื้อพลากติกนำไปรีไซเคิล เยาวชนกลุ่มนี้ได้รับกำลังใจจากชุมชนว่า “กลุ่มเยาวชนขยะความดี” แต่ปัจจัยที่สำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเยาวชนที่ได้เริ่มสร้างคุณค่าของตนเองด้วยตนเองแล้ว คือ ความยั่งยืนด้วยปัจจัยของเศรษฐกิจ ที่จะต่อยอดความดีที่ไม่สิ้นสุด ให้ขยะความดีได้เป็นพื้นที่ของเยาวชนกลุ่มเสี่ยงในรุ่นต่อไป ได้ใช้พื้นที่ของขยะความดี นี้ สร้างคุณค่าให้กับตนเอง
ทางมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ได้เห็นถึงความสำคัญต่อชุมชน เยาวชน และมัสยิด แต่ทั้งหมดนี้ยังขาดองค์ความรู้ อยู่มากต่อการแก้ปัญหากับยาเสพติด ดังนั้นมหาวิทยาลัยฟาฏอนีต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างเครื่องมือ กลไกในการขับเคลื่อน องค์กร ชุมชน ต่อการแก้ปัญหา ด้วยความยั่งยืนในการพัฒนาตามโครงการจิตอาสาประชารัฐ
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 11:21 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการการพัฒนาชุมชนสู่บ้านตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียง (ปี 2560)เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางปฏิบัติตน โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อพร้อมรับต่อความเสี่ยง บนพื้นฐานของความรอบรู้ ความรอบคอบ ระมัดระวัง และคุณธรรม การใช้ความรู้อย่างถูกหลักวิชาการ ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ควบคู่ไปกับการกระทำที่ไม่เบียดเบียนกัน การแบ่งปัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความร่วมมือปรองดองกันในสังคม จะสร้างสายใยเชื่อมโยงคนในภาคส่วนต่างๆ ของสังคมเข้าด้วยกัน สร้างสรรค์พลังในทางบวก นำไปสู่ความสามัคคี การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน และการเตรียมพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์
ในปัจจุบันในเขตบ้านโคกศรีทุ่ง หมู่ 7 ตำบลอุ่มเม่า อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก แต่เกษตรยังไม่ทราบถึงการทำการที่ถูกต้องและปลอดภัย จึงจำเป็นต้องจัดทำโครงการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชนขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนภายในเขตพื้นที่ได้ตระหนัก และเกิดการเรียนรู้ในการพึ่งพาตนเอง มีการดำเนินชีวิตให้อยู่อย่างพอประมาณตน เดินทางสายกลาง มีความพอดีและพอเพียงกับตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกต่าง ๆ โดยใช้ปัจจัยด้านพื้นฐานในการดำเนินชีวิตที่ประชาชนโดยทั่วไปใช้ในการบริโภค มีส่งเสริมให้ใช้พื้นที่ว่างเปล่าในบริเวณบ้าน รั้วรอบบ้าน ปลูกพืชประเภทพืชสมุนไพร เครื่องเทศ และล้มลุกต่าง ๆ ไว้ บริโภค เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย โหระพา มะนาว มะกรูด ฯลฯ ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และเป็นการสร้างกิจกรรมนันทนาการ เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีคุณค่า สร้างความรักสามัคคี พัฒนาความผูกพันในครอบครัวมากยิ่งขึ้น
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 11:18 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการแปรรูปผลิตภัณฑ์เห็ดทอดกรอบปรุงรส : กรณีศึกษาธุรกิจบ้านฟาร์มเห็ด เต้าหู้ & ฟ้า บ้านดงสัมพันธ์ ตำบลเพ็ญ อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี (ปี 2560)เห็ดนางฟ้าจัดเป็นเห็ดที่มีประโยชน์ทางโภชนาการ และมีสรรพคุณทางยา มีโปรตีน แร่ธาตุวิตามิน ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายจำนวนมาก เป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ปัจจุบันได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคอาหารเจและเกษตรกรเอง เพื่อจะได้รับสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการ เห็ดจึงจัดได้ว่าเป็นประเภทผักที่ปราศจากไขมัน เหมาะแก่การนำมาประกอบอาหาร และแปรรูปเพื่อถนอมอาหาร
เนื่องจากประชากรเพิ่มขึ้นการขยายพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิต การขยายตัวของชุมชนทำให้พื้นที่ป่าธรรมชาติเป็นแหล่งเก็บเห็ดของประชาชนลดน้อยลง ส่งผลให้ปริมาณเห็ดป่าลดลงอีกทั้งเห็ดหลายชนิดเริ่มหาได้ยากยิ่งขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงความขาดแคลนเห็ดหลายชนิดจึงได้รับการส่งเสริมให้เพาะเป็นอาชีพหลัก ธุรกิจบ้านฟาร์มเห็ด เต้าหู้ & ฟ้า จึงได้เพาะเลี้ยงเห็ด 3 ชนิด คือ เห็ดนางฟ้า เห็ดขอน และเห็ดฮังการี ผู้ประกอบการมีการผลิตเห็ดสดขายส่งตลาดสด วางจำหน่ายตามตลาดนัดสีเขียว อำเภอเพ็ญ มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ดเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือ แหนมเห็ด แต่ด้วยเห็ดนางฟ้ามีปริมาณมาก ประสบปัญหาเห็ดนางฟ้าไม่ได้มาตรฐาน ธุรกิจบ้านฟาร์มเห็ดเต้าหู้ & ฟ้า จึงเห็นคุณค่าและประโยชน์มากมาย ในตัวของเห็ดนางฟ้า เหมาะสมในการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านอาหารได้ โดยเฉพาะเห็ดนางฟ้า มีประโยชน์ทางโภชนาการ เชื่อว่าหากนำมาแปรรูปจะช่วยถนอมอาหาร และเพิ่มมูลค่าให้กับเห็ดนางฟ้า เพิ่มความหลากหลายในสินค้าที่จะนำไปจำหน่ายเพื่อเป็นอาหารสำหรับผู้บริโภค
ผู้จัดทำโครงงาน ต้องการศึกษาและแก้ไขปัญหาการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเห็ดนางฟ้าจึงเกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แปรรูปผลิตภัณฑ์เห็ดนางฟ้าทอดกรอบปรุงรส เป็นอาหารทานเล่นเป็นกับข้าวได้ มีจุดเด่นในส่วนประกอบหลักที่แปลกใหม่ หาได้ในท้องถิ่น แปรรูปผลิตภัณฑ์ให้ดึงดูดลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถคำนวณต้นทุนกำไรได้ ทราบผลการทดสอบความชอบผลิตภัณฑ์จากเห็ดนางฟ้าทอดกรอบปรุงรส เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาการแปรรูปผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารจากเห็ดนางฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อถนอมอาหารและผู้ประกอบการ ธุรกิจบ้านฟาร์มเห็ด เต้าหู้ & ฟ้า มีกำไรเพิ่มขึ้น
rathanitsuk เมื่อ 30 ต.ค. 2562 11:15 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำหนองหารโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ปี 2559)1) เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำหนองหารให้กับชุมชนโดยรอบหนองหาร
2) เพื่อจัดตั้งกลุ่มเครือข่ายรักษ์หนองหารโดยรูปแบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำหนองหาร
3) เพื่อสำรวจแหล่งกำหนดมลพิษทางน้ำ (Point Source) ที่มีการปล่อยลงสู่หนองหารโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนรอบหนองหาร
4) เพื่อวางระบบการบำบัดน้ำเสียโดยธรรมชาติโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 11:02 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการแปรรูปผลผลิตเป็นเครื่องดื่มผสมมะนาวพร้อมดื่ม : กรณีศึกษาสวนมะนาวตู้มหา บ้านหนองชาด-ทรายทอง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร (ปี 2560)มะนาวเป็นผลไม้ตระกูลส้มชนิดหนึ่ง เป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทยมีการปลูกแพร่หลาย มะนาวจัดว่าเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจพืชหนึ่งที่ตลาดมีความต้องการอยู่ตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ของปี มะนาวจะมีราคาสูงกว่าปกติ ทั้งนี้เนื่องจากในฤดูแล้งจะมีผลผลิตมะนาวออกสู่ตลาดน้อย โดยลักษณะทั่วไปของมะนาวจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 เมตร ต้นมะนาวเป็นไม้พุ่มเตี้ยสูงเต็มที่ยาว 5 เมตร ก้านมีหนามเล็กน้อย มักมีใบดกยาวเรียว ผู้คนในภูมิภาครู้จักใช้ประโยชน์จากมะนาวมาช้านาน น้ำมะนาวนอกจากใช้ปรุงรสเปรี้ยวในอาหารหลายประเภทแล้วยังมาใช้เป็นเครื่องดื่มผสมกับเกลือและน้ำตาลเป็นน้ำมะนาวดื่มเพื่อความสดชื่นอีกด้วย นอกจากนี้มะนาวยังสามารถป้องกันเพื่อรักษาโรค ลักปิดลักเปิดได้เนื่องจากในมะนาวมีวิตามินซีสูงมากและยังให้ประโยชน์ทางยาอีกหลายอย่าง เช่น ขับเสมหะ ช่วยในการเจริญอาหารบำรุงเงือก อีกทั้งยังเป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูกได้ดี
ผลผลิตมะนาวที่ล้นตลาดในช่วงนี้ ทำให้ชาวสวนกำลังเดือดร้อนจากราคาตกต่ำเหลือเพียงลูกละ 15-50 สตางค์ เกษตรกรบางรายต้องปลูกลูกให้สุกคาต้นหรือนำไปทิ้งโดยเกษตรกรส่วนมะนาวชาวอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ได้ระบุว่า จากเดิมที่เคยกำหนดราคามะนาวเอง ขณะนี้พ่อค้าคนกลางเป็นผู้กำหนดซึ่งราคาตกต่ำมาก ชาวสวนก็ต่างเดือดร้อนขายผลผลิตไม่ได้ เพราะการเก็บไม่คุ้มกับค่าแรงที่ต้องจ่าย บางส่วนจึงปล่อยให้สุกคาต้น ส่วนที่เก็บแล้วขายไม่ออกก็ต้องนำไปทิ้ง ทำให้ขาดทุนเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อมะนาวจากสวน คุณจำรัส เกษตรกรชาวอำเภอสว่างแดนดิน ก็ได้ยอมรับว่าปีนี้มะนาวราคาตกต่ำหนักสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะมีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ขณะนี้ก็ได้พยายามซื้อผลผลิตจากชาวส่วน เพื่อให้ชาวเกษตรกรมี่ที่ระบายผลผลิตและเป็นการรักษาลูกค้าเอาไว้ แต่คงปรับซื้อขึ้นราคาไม่ได้เพราะทางพ่อค้าคนกลางก็จะขาดทุนเช่นกัน
ทั้งนี้ทางคณะผู้จัดทำโครงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์มะนาว ได้ตระหนักถึงปัญหาผลผลิตมะนาวล้นตลาดและมีส่วนช่วยแก้ปัญหาให้แก่ชาวเกษตรกร โดยมีการศึกษาและทดลอง การนำเอามะนาวที่ล้นตลาดนั้นมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ชาวสวน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผู้จัดทำได้ทำการทดลอง คือ น้ำผึ้งมะนาวแบบพร้อมดื่ม และอีกสูตรหนึ่งคือ มะนาวอัญชัน ชามะนาว ทั้งสามสูตรนี้ต่างใช้มะนาวของสวนมะนาวตู้มหา ดังกล่าวนั้น สามารถผลิตเพื่อการจัดจำหน่ายโดยทำอุตสาหกรรมครัวเรือนได้เป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์ที่มีทางคณะผู้จัดทำโครงงาน ทำการผลิตนั้นคือ มะนาวน้ำผึ้ง มะนาวอัญชัน ชามะนาว สวนมะนาวตู้มหาประสบปัญหามะนาวล้นตลาดราคาตกต่ำ ซึ่งมะนาวสวนตู้มหาได้แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น คือไร้สารเคมีปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่สร้างความดึงดูดความสนใจให้แก่ลูกค้าที่รักสุขภาพ
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 11:00 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการการใช้มันสำปะหลังหมักยีสต์ในส่วนผสมอาหารสัตว์เพื่อใช้ในการผลิตไก่ลูกผสมพื้นเมืองของเกษตรกรรายย่อยจังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2560)ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545-2550 กรมปศุสัตว์ได้ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ดำเนินงานโครงการสร้างฝูงไก่พื้นเมืองไทยพันธุ์ชีที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ท่าพระ จังหวัดขอนแก่น จนได้ไก่พื้นเมืองพันธุ์แท้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ (มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ในปัจจุบัน) ได้นำไก่พื้นเมืองชีต้นสาย มาพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน ซึ่งในแต่ละปีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ได้ทำการผลิตลูกไก่พื้นเมืองชีแท้ เพื่อจำหน่ายและแจกจ่ายให้เกษตรกรจำนวนกว่า 50,000 ตัว
นอกจากนี้ไก่พื้นเมืองชีถือเป็นไก่พื้นเมืองของประเทศไทยที่มีศักยภาพต่อการพัฒนาพันธุกรรมเนื่องจากไก่ชีให้ปริมาณผลผลิตไข่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับไก่พื้นเมืองไทยพันธุ์อื่นๆ ดังนั้นเพื่อต่อยอดการพัฒนาพันธุกรรมไก่พื้นเมืองชีให้โดดเด่นมากขึ้นและสนองต่อความต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงในเขตภาคอีสาน ทางสาขาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ได้ผลิตไก่ลูกผสมพื้นเมืองชีโดยเน้นการผลิตไข่ และทำการเลี้ยงแบบกึ่งปล่อยเพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการส่งเสริมให้กับเกษตรกรสามารถนำไปเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมหรือเป็นแหล่งโปรตีนสำหรับบริโภคภายในครัวเรือนได้ นอกจากนี้ยังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำวัตถุดิบอาหารสัตว์ในท้องถิ่นมาปรับปรุงคุณภาพเพื่อให้สามารถนำมาใช้เลี้ยงไก่ในชุมชน มันสำปะหลังเป็นพืชที่เพาะปลูกมากในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยเป็นพืชที่เกษตรสามารถปลูกได้เองภายในสภาพแวดล้อมและดินที่ไม่เหมาะสมมันสำปะหลังเป็นพืชที่มีลักษณะพิเศษ โดยสามารถทนสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ยาวนาน เจริญเติมโตได้ในดินที่เป็นกรด ดินทราย และดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ผลผลิตส่วนใหญ่นำไปใช้ประโยชน์ในอุสาหกรรมการทำแป้งมัน และเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์อย่างไรก็ดี การนำมันสำปะหลังไปใช้เป็นอาหารสัตว์ มีข้อจำกัดบางประการ กล่าวคือมันสำปะหลังมีโปรตีนต่ำพร้อมทั้งมีสารพิษที่สามารถทำอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงได้มีการพัฒนาวิธีการใช้ประโยชน์จากมันสำปะหลังโดยกรรมวิธีการหมักเพื่อเพิ่มปริมาณระดับโปรตีนในมันสำปะหลัง โดยการหมักด้วยเชื้อจุลินทรีย์และใช้แหล่งธาตุในโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีนแล้วนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 10:40 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรจากกล้วยน้ำว้า กรณีศึกษา : ไร่กล้วยสุขสมใจ ต.นากว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี (ปี 2560)กล้วยน้ำว้า สามารถผลิตออกสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปี พื้นที่เพาะปลูกกล้วยน้ำว้าปี 2551/52 มีประมาณ 686,937 ไร่ ผลผลิต 1,115,101 ตัน ทั้งพื้นที่เพาะปลูก และผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และ 0.06 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สำหรับแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ ชุมพร เลย ระนอง นครราชสีมา และหนองคาย ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2552 อยู่ที่ 5.4 บาท/กิโลกรัม สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5.0 บาท/กิโลกรัมศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ไทยยังมีโอกาสขยายมูลค่าการส่งออกกล้วยได้อีกมาก รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์กล้วยรูปแบบอื่น ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น เช่น เสื้อผ้าจากเส้นใยกล้วย กระเป๋าสาน เป็นต้น แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับการส่งเสริม และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากทุกหน่วยงานทั้งทางภาครัฐ และเอกชนให้ความร่วมมือในการส่งเสริม และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการค้า ก็จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากกล้วยของไทยนั้น สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และทำให้เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติมากขึ้น( ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย2555)
กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้พื้นเมืองของประเทศอาเซียน ที่ปลูกง่าย โตเร็ว สามารถปลูกและให้ผลผลิตตลอดทั้งปีสำหรับประเทศไทยสามารถปลูกได้ในทุกภาคของประเทศและมีผลผลิตปีละประมาณ 2 ล้านตัน กล้วยเป็นผลไม้ที่ยังคงมีอัตราการหายใจสูงหลังการเก็บเกี่ยว (climacteric fruit) จึงสุกเร็ว และเมื่อสุกงอมเปลือกผลกล้วยจะเกิดจุดสีดำและหลุดร่วงจากขั้วได้ง่าย จึงมีอายุการเก็บสั้น เน่าเสียได้ง่าย ทำให้ราคาตกต่ำ แต่ผลกล้วยสุกงอมยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการและพลังงานสูง เพราะแป้งในผลกล้วยจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลซูโครส ฟรุคโตสและกลูโคสในระหว่างการสุก ซึ่งเป็นชนิดน้ำตาลที่ดูดซึมได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีโปรตีน เกลือแร่และวิตามินอีกหลายชนิด รวมไปถึงมีเส้นใยอาหารที่ย่อยยากชนิดเพคตินและเซลลูโลสอยู่ในปริมาณสูง กล้วยน้ำว้าสุกงอมจึงยังสามารถที่จะนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารชนิดต่างๆ ที่มีมูลค่าสูงขึ้นได้ ( ที่มา: นางสาวภาวดี อาทรกิจวัฒน์และคณะ2556)
ปัญหาของผู้ประกอบการที่พบคือ ไร่กล้วยสุขสมใจมีการแปรรูปผลผลิตเพียงหนึ่งอย่าง คือ กล้วยตาก ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝนจะไม่สามารถตากกล้วยได้ ผู้ประกอบการจึงมีการแปรรูปผลผลิตเพิ่ม เนื่องจากกล้วยเยอะล้นตลาดและฤดูฝนปัญหาขอการทำกล้วยตากนั้นจะไม่สามารถทำได้เพราะจะไม่มีแดดให้ตากกล้วย ซึ่งการทำกล้วยตากนั้นจะต้องอาศัยแสงแดดในการตาก อย่างน้อย 2 วัน แล้วต้องนำมาบีบก่อน จากนั้นจึงนำไปตากแดดอีก 1 วัน ถึงจะออกมาเป็นกล้วยตากได้ และทางผู้ประกอบการยังไม่มีโลโก้สินค้า
ดังนั้นผู้ประกอบการจึงเสนอคิดอยากที่จะแปรรูปเป็นเฟรนฟรายกล้วย เพื่อเป็นสินค้าทดแทนในขณะที่ เฟรนฟรายกล้วยนั้นสามารถที่จะทำได้ทุกฤดูไม่จำเป็นต้องมีแดด และได้คิดค้นรสชาติของเฟรนฟรายกล้วยใหม่ให้มีรสชาติแตกต่างจากเดิม เช่น เฟรนฟรายกล้วยรสบาบีคิวเฟรนฟรายกล้วยรสชิสและเฟรนฟรายกล้วยรสออริจินอลซี่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรจากกล้วยน้ำหว้าและเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า
musika เมื่อ 30 ต.ค. 2562 10:38 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 กิจกรรมหลักที่ 1 อบรมพัฒนาผลิตภัณฑ์และร่วมกันค้นหาอัตลักษณ์ของชุมชนสร้างสรรค์แนวคิดการพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานสูง เพื่อยกระดับหัตถกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนอย่างยั่งยืน (ปี 2562)1. ที่มา
การท่องเที่ยวเป็นรากฐานสำคัญและยังประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในการทำธุรกิจในประเทศไทย และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยลงทุนในธุรกิจภาคบริการมากขึ้น ห่วงโซ่ อุปทานการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ผนวกกับรูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เกิดอุปสงค์ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวเป็นแหล่งสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก (World Tourism Organization : UNWTO Tourism Highlights. 2014) จากข้อมูลสรุปมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP เฉพาะสาขาการท่องเที่ยวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาคบริการ มีสัดส่วนมากกว่าภาคการผลิตอื่นๆ หรือมากกว่าร้อยละ 50 ของ GDP ทั้งประเทศสอดคล้องกับรายงานสรุปสถานการณ์การท่องเที่ยวในปี 2559 ที่ผ่านมา บ่งชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้มากกว่า 2.59 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากที่ตั้งเป้าไว้ 2.4 ล้านล้านบาท (ผู้จัดการออนไลน์. 2559) เป็นไปตามรายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลก World Tourism Organization : UNWTO) นอกจากนี้ ในปี 2559 ตามสถิติการสรุปรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศ บ่งชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยว ที่ส่งผลต่อเนื่องในมิติเชิงเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีชุมชนหรือพื้นที่ที่มีการทำอุตสาหกรรมหลักเพียงอย่างเดียว อาจร่วมมือกันในชุมชนเพื่อสร้างหมู่บ้านโฮมสเตย์ สะท้อนชีวิต คนในชุมชนท้องถิ่นให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ หรือในช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หรือไม่สามารถทำการเกษตรได้ตามฤดูกาล เกษตรกรสามารถประยุกต์แนวทางการทำการเกษตรเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นฐาน (COMMUNITY-BASED SUSTAINABLE TOURISM : CBT) (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2558) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจพร้อมกับช่วยสร้างงานทั้งในภาคการท่องเที่ยวการบริการ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องในชุมชน ตลอดจนในส่วนภูมิภาคมวลรวมของประเทศ ตลอดจนคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม กำหนดทิศทางโดยชุมชน จัดการโดยชุมชนเพื่อชุมชน และชุมชนมีบทบาทเป็นเจ้าของ มีสิทธิในการจัดการดูแลเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้มาเยือน โดยมุ่งครอบคลุม 5 ด้าน พร้อมกันทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยมีชุมชนเป็นเจ้าของและมีส่วนในการจัดการ (วีระพล ทองมา. 2560) ซึ่งในปัจจุบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ เช่น บ้านภูโฮมสเตย์จังหวัดมุกดาหาร โฮมสเตย์บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม โฮมสเตย์บ้านท่าวัดใต้ จังหวัดสกลนคร วังน้ำมอกโฮมสเตย์ จังหวัดหนองคาย เป็นต้น ซึ่งประโยชน์ที่เกิดแก่ชุมชนคือการพัฒนาที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ชุมชน และวัฒนธรรมท้องถิ่นซึ่งชุมชนจะเป็นผู้จัดการในกรรมสิทธิ์ของชุมชน (HOST) และเป็นผู้กำหนดเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อสารกับนักท่องเที่ยว ซึ่งความสัมพันธ์ทั้งหมดจะขับเคลื่อนอย่างเป็นองค์รวม รวมทั้งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาคนในชุมชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของถิ่นอาศัย ภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเองซึ่งสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้อย่างทั่วถึงโดยที่ชุมชนเป็นผู้จัดการดูแล ในทางเดียวกันการนำเสนอวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติแก่นักท่องเที่ยว ส่งผลให้คนในชุมชนรู้จักอนุรักษ์ หวงแหนทรัพยากรและวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา นำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตอันใกล้ ของความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน ธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเป็นจุดเด่นในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดและประเทศไทย (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2558) ตลอดจนระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และเชื่อมโยงต่อยอดการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างลึกซึ้งในประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้ (Responsible Tourism in GMS. 2017)
ถึงแม้ว่าการนำการท่องเที่ยวโดยชุมชนมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ และขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังคงมีปัญหาพื้นฐานอีกหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยั่งยืนของการใช้ทรัพยากร ทางธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางวัฒนธรรม เนื่องจากมีความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยวที่ขาดการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีและการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตลอดจนขาดการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างเป็นระบบ รวมทั้งความไม่ชัดเจนในการเปิดโอกาสให้ชุมชน หรือ เจ้าของพื้นที่ (Local Community) มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยมีสถาบันอุดมศึกษาขั้นสูงเป็นระบบพี่เลี้ยง ผ่านรูปแบบกิจกรรมที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน อาทิ การพักโฮมสเตย์ การเรียนทำอาหารท้องถิ่น การศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและมรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่น (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2558) ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนในท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาครัฐ และผู้ประกอบการ ตลอดจนสถาบันการศึกษาขั้นสูงในประเทศไทยต้องปรับตัวในการทำงานร่วมกันภายใต้รูปแบบภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นสำคัญ
จังหวัดสกลนครถือเป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นของผ้าทอ ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผ้าย้อมสีธรรมชาติ เนื่องจากสกลนครเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ จึงกลายเป็นแหล่งรังไหม แหล่งปลูกคราม ที่นำมาสร้างสรรค์งานทอผ้าได้อย่างงดงาม และสืบสานเป็นศิลปวัฒนธรรมของชาวสกลนครสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง “ผ้าไหม สกลนคร” ถือเป็นแหล่งผ้าไหมที่สวยงามแห่งหนึ่งของประเทศเพราะมีทรัพยากรที่เหมาะแก่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ถือเป็นรังไหมของอีสาน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ผลิตจำนวนมากได้รับการการพัฒนาจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร จนกลายเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ และ “ผ้าย้อมคราม” เป็นผ้าฝ้ายย้อมครามสีธรรมชาติที่ได้รับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) และเป็นที่นิยมตามกระแสโลกในเรื่องสินค้าที่เป็นมิตรกับร่างกายและสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันผ้าครามสกลนครเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและอาเซียน ผู้สนใจจากทั่วโลกหันมาสนใจผ้าครามจากสกลนครมากขึ้น และเริ่มตามรอยผ้าครามมาดูแหล่งผลิตที่สกลนครมากขึ้น ดังนั้น หากนำไหมมาย้อมครามจะถือเป็นการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์เด่น (ประเภทผ้า) ของจังหวัดสกลนคร ซึ่งจะเป็นจุดขาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และสามารถสร้างเรื่องราว (Story) ให้น่าสนใจในทางการตลาด และจะทำให้ผ้าไหมย้อมครามของสกลนครเป็นผ้าระดับพรีเมี่ยมได้ เนื่องจากผ้าไหมมีราคาแพงและการย้อมครามก็เป็นการย้อมสีธรรมชาติที่มีต้นทุนในการย้อมพอสมควร และหากพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมย้อมครามสู่แฟชั่นร่วมสมัย จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของจังหวัดสกลนครมีความโดดเด่นทรงคุณค่า เกิดผลิตภัณฑ์และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในจังหวัดสกลนคร
ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพ และการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่าสินค้าผ้าไหมย้อมครามของสกลนคร สร้างแรงกระตุ้นเชิงอัตลักษณ์ของจังหวัด ให้เกิดความต้องการสินค้าและเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ในการสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มให้กับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy) ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากให้กับชุมชนและท้องถิ่นอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

2. สรุปสาระสำคัญ
ปัจจุบันการพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวกำลังได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และได้รับการสนับสนุนจากเอกชนหลายๆฝ่ายเนื่องจากการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันช่วยให้เกิดการสร้างรายได้และอาชีพให้เกิดขึ้นในชุมชนโดยสมาชิกของชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และจัดการบริหารพื้นที่ในชุมชน ซึ่งการที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวตามหลักการข้างต้นได้นั้นจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้มแข็งให้เกิดกับชุมชนโดยใช้การจัดการด้วยระบบการจัดการท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการบริหารการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แนวทางสำคัญของการท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยใช้ระบบการจัดการการท่องเที่ยว คือ การสร้างวงกลมของการบริหารที่ดีด้วยการใช้ PDCA เข้ามาช่วยในการบริหารและจัดการแผนการท่องเที่ยวของชุมชน ร่วมกับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จโดยการควบคุมกระบวนการผลิตแบบครบวงจรคือ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ยังส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชนด้วยการใช้หลักการขยะเป็นศูนย์ (zero waste) เข้ามาร่วมปัจจุบันแนวทางในการบริหารจัดการรูปแบบนี้เป็นแนวทางแบบประยุกต์ซึ่งยังไม่มีการนำไปใช้จริง ซึ่งทางคณะผู้วิจัยมุ่งหวังที่จะสร้างต้นแบบการท่องเที่ยวด้วยระบบการจัดการการท่องเที่ยวด้านศูนย์เรียนรู้จากผลิตภัณฑ์สิ่งทอหัตถกรรม เพื่อการขยายฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกจากวัตถุดิบภาคการเกษตรที่มีชื่อของแต่ละพื้นถิ่น โดยในโครงการจะจัดทำแผนบูรณาการ 3 ปี ซึ่งเน้นด้านสิ่งทอหัตถกรรม โดยปี 2563 จะเน้นเรื่องเส้นทางสายครามที่ขึ้นชื่อ จ. สกลนคร ซึ่งเป็นแหล่งปลูกครามและขึ้นชื่อการย้อมผ้าคราม โดยครามเป็นพืชตระกูลถั่ว ที่ปลูกดั้งเดิมบนที่ราบสูงภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้เพราะชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ดังกล่าวมีวัฒนธรรมด้านเครื่องนุ่งห่มใช้สีดำหรือสีน้ำเงินเป็นหลักทำให้มีการใช้ครามกันมากับกลุ่มพื้นเมืองเหล่านี้จนประทั่งประมาณปี 2535 จังหวัดสกลนครเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ฟื้นฟูและบำรุงผ้าฝ้ายย้อมครามจากต้นตอของภูมิปัญญาที่ถูกกลบไว้ด้วยวัฒนธรรมชนบทสมัยใหม่ 10 ปีต่อมาจึงมีงานวิจัยเผยแพร่รองรับทำให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง สร้างความภูมิใจแก่คนสกลนคร ซึ่งพื้นที่ปลูกคราม ทำครามและย้อมคราม กลายเป็นศูนย์เรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวให้ขาวไทยและต่างชาติ นิยมมาพัก ท่องเที่ยว ซึ่งทำให้เกิดเส้นทางย้อมครามที่น่าสนใจผนวกกับแหล่งวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวเดิมของ จ. สกลนคร จึงทำให้โครงการฯ มีความสนใจในการจัดทำศูนย์การเรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยวและเป็นศูนย์เรียนรู้จากผลิตภัณฑ์สิ่งทอหัตถกรรมย้อมคราม เพื่อการขยายฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกและกิจกรรมเพื่อสร้างอาชีพและวิธีวัฒนธรรม

3. ความเร่งด่วน
สภาพปัญหาที่สำคัญ คือ ปัจจุบันกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๒ ยังขาดศูนย์การเรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยวและเป็นศูนย์เรียนรู้จากผลิตภัณฑ์สิ่งทอหัตถกรรมย้อมคราม ความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งส่งเสริมและพัฒนาองค์ประกอบด้านบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งประกอบด้วยความรู้และประสบการณ์อย่างแท้จริงในการให้บริการบรรยายนำชมอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานคุณภาพของการท่องเที่ยวให้มีความพร้อม โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อภารกิจในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 10:35 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการการเลือกใช้และการทดสอบบรรจุภัณฑ์อย่างง่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร (ปี 2560)บรรจุภัณฑ์ หรือที่เรียกกันในสมัยก่อนว่า หีบ ห่อ นั้นมีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องด้วยเหตุผลหลายด้าน เช่น เหตุผลในการขนส่ง การจัดเก็บสินค้า จนกระทั่งถึงการวางหรือจัดแสดงสินค้าเพื่อจำหน่าย (DISPLAY) รวมตลอดถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในเวลาเดียวกันด้วย ผู้ประกอบการหลายกลุ่มมีแนวความคิดเพื่อการค้นคว้า หรือคิดค้นรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาการจำหน่ายสินค้าและใช้บรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งเปิดโอกาสให้สินค้าของท่านจำหน่ายได้มากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์มีความจำเป็นอย่างมากต้องให้สอดคล้องกับตัวอย่างอาหาร และควรมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการทดสอบบรรจุภัณฑ์อย่างง่าย เพื่อใช้ในการประเมินคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ จะเห็นได้ว่าเพียงแต่บรรจุภัณฑ์ที่ต่างกันก็มีโอกาสการขายที่ต่างกันจนเห็นได้ชัด ประเภทของสถานที่ที่สามารถวางจำหน่ายได้ก็ขึ้นอยู่กับบรรจุภัณฑ์ วางจำหน่ายได้ในหลายประเภทของสถานที่ ย่อมมีโอกาสดีกว่าวางจำหน่ายได้ในสถานที่ประเภทเดียว นอกจากนี้ยังจะมีบทบาทเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าโดยตรงอีกด้วย ทั้งนี้วิธีการบรรจุสินค้าประเภทอาหาร คือ เทคนิคการบรรจุซึ่งจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยดังต่อไปนี้คือ ความปลอดภัยและความสะดวกในการเปิดหีบห่อ หรือเปิดบรรจุภัณฑ์ ความปลอดภัยในการจัดเก็บรักษาอาหาร และความปลอดภัยในการบริโภค จากความสำคัญดังกล่าว จึงขอเสนอโครงการบริการวิชาการ “การเลือกใช้และการทดสอบบรรจุภัณฑ์อย่างง่ายสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร” เพื่อเป็นการให้การบริการวิชาการ ความรู้ และการฝึกทักษะปฏิบัติการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์อาหาร และการทดสอบบรรจุภัณฑ์เบื้องต้นเพื่อประเมินคุณภาพของวัสดุบรรจุภัณฑ์ ให้กับนักเรียน และนักศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือประชาชนผู้สนใจทั่วไป หรือนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารทุกชั้นปี หรือนักศึกษาทุกหลักสูตรทุกสาขาวิชา ฯ ที่สังกัดมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ที่ให้ความสนใจในการบริการวิชาการครั้งนี้
Thanyakon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 10:21 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์การสร้างอาชีพเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารว่างจากเห็ด (ปี 2560)เห็ด (mushroom) เป็นแหล่งอาหารโปรตีนจากธรรมชาติ ที่มีวิวัฒนาการมาจากการประสานเส้นใยจำนวนมากของเชื้อราชั้นสูง มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น เห็ดมีองค์ประกอบของพฤกษเคมี ชื่อว่า โพลีแซคคาไรด์ (polysaccharide) จะทำงานร่วมกับแมคโครฟากจ์ (macrophage) ซึ่งเป็นเซลล์คุ้มกันขนาดใหญ่ที่ออกจากหลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อและจะไปจับกับโพลีแซคคาไรด์ที่บริเวณกระเพาะอาหาร และนำไปส่งยังเซลล์คุ้มกันตัวอื่น ๆ โดยจะช่วยกระตุ้นวงจรการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เสริมและช่วยเพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพของเซลล์คุ้มกันธรรมชาติ ให้ทำหน้าที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย รวมถึงพวกไวรัสและแบคทีเรียอื่น ๆ ด้วย เมื่อเทียบกับผักอีกหลายชนิด จะเห็นว่าเห็ดจัดเป็นอาหารประเภทผักที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำ และยังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี มีรสชาติและกลิ่นที่ชวนรับประทาน ซึ่งรสชาติที่โดดเด่นนี้ มาจากการที่เห็ดมีกรดอะมิโนกลูตามิคเป็นองค์ประกอบ ที่ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นประสาทการรับรู้รสอาหารของลิ้นให้ไวกว่าปกติ และทำให้มีรสชาติคล้ายกับเนื้อสัตว์ นอกจากนี้เห็ดยังอุดมไปด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม (ไรโบฟลาวิน) และไนอาซิน ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ในส่วนของเกลือแร่ เห็ดจัดเป็นแหล่งเกลือแร่ที่สำคัญ โดยมีเกลือแร่ต่าง ๆ เช่น ซิลิเนียม ทำหน้าที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โปแตสเซียม ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ สมดุลของน้ำในร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่าง ๆ ลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ และอัมพาต ส่วนทองแดง ทำหน้าที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของธาตุเหล็ก โดยส่วนมากเห็ดถูกนำไปแปรรูปเป็นอาหารคาว (แกง ผัด ทอด) และผลิตภัณฑ์เห็ด (แหนม ไส้กรอกเปรี้ยว เห็ดทอดกรอบ) ซึ่งกลุ่มเกษตรกรเพาะปลูกเห็ด (เห็ดกระด้าง เห็ดขอนขาว เห็ดนางฟ้า) บ้านโนนสูง อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการแปรรูปเห็ดออกจำหน่าย ได้แก่ แหนมเห็ด เห็ดทอดกรอบและน้ำพริกเผาเห็ด อย่างไรก็ตามทางกลุ่มเกษตรกรมีความสนใจเพิ่มพูนทักษะการแปรรูปเห็ด เป็นอาหารว่างชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ขนมปั้นขลิบทอด ขนมปั้นขลิบนึ่งไส้เห็ด กะหรี่พัฟไส้เห็ด สาคูไส้เห็ด ตะโก้เห็ดและขนมเทียนไส้เห็ด โดยสามารถสร้างเป็นอาชีพเสริม นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายเห็ดรูปแบบต่าง ๆ
kriangkrai.sa01 เมื่อ 30 ต.ค. 2562 10:20 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่นโครงการป่าหวายนั่ง(ในใจโลก) : พัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ชุมชน และสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ สู่ตลาดสากลยุค ๔.๐ ชุมชนบ้านป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น (ปี 2563)ตำบลป่าหวายนั่ง จากการเล่าขานผ่านมาบ้านป่าหวายนั่ง ได้มีพ่อใหญ่ขุนอินทร์ นาบุญ เป็นชาวบ้านม่วง ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมืองขอนแก่น ได้ชักชวนชาวบ้านม่วงมาประกอบอาชีพอยู่กลางดงหวาย (หวานพุ่ม ไม่ใช่หวายเครือ) เมื่อประมาณปี พ.ศ.2440 และได้เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ต่อมาได้มีราษฎรจากหมู่บ้านในอำเภอเมืองขอนแก่นพากันเข้ามาทำมาหากินกันเป็นกลุ่ม จนขยายใหญ่ขึ้น และได้จัดตั้งหมู่บ้านพร้อมกันหลายหมู่บ้าน แต่พ่อใหญ่ขุนอินทร์ นาบุญ เป็นคนแรกที่มาจัดตั้งก่อน จึงทำให้การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ และได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านป่าหวายนั่ง" จนมีหมู่บ้านในปกครอง 7 หมู่บ้าน ปัจจุบันมี 9 หมู่บ้าน สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นภูเขา และเป็นที่ราบเชิงเขาภูพานคำ ซึ่งเป็นต้นน้ำลำธารไหลผ่านภูเขาลงมาสู่ที่ราบทางใต้และทางตะวันออก อาชีพหลัก ทำนา อาชีพเสริม ทำไร่อ้อย และไร่มันสำปะหลัง ต้องการพัฒนาชุมชน ตามเป้าหมายของจังหวัดขอนแก่น ที่มุ่งเน้นเรื่อง Digital Smart City and Creative Economy

ผู้จัดทำโครงการ จึงต้องการนำความรู้ด้านการออกแบบสื่อสารออนไลน์ ดิจิทัลมีเดียและสื่อออนไลน์ การจัดการธุรกิจสมัยใหม่ และการตลาดดิจิทัล เข้าไปพัฒนาอาชีพของชุมชน ด้านอาหารและการแปรรูป ไปสู่พื้นที่อื่น หรือไปไกลถึงต่างประเทศ ซึ่งชุมชนขาดความรู้ด้าน Digital , Creative ตลอดจน ภาษา ที่ขะสามารถนำพาไปสู่เป้าหมาย ได้สำเร็จ ซึ่งโครงการพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ชุมชน และสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ สู่ตลาดสากลยุค ๔.๐ นี้สามารถแก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหาคุณภาพชีวิต หากชุมชนมีความเข้มแข็ง มีความมั่นคง ยั่งยืน และสามารถทำให้พัฒนาชุมชนบ้านป่าหวายนั่ง ไปนั่งอยู่ในใจชาวโลกระดับสากลได้อย่างแท้จริง
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 10:11 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีผลิตภัณฑ์กระเป๋าแปรรูปจากเสื่อกก บ้านห้วยเกิ้ง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี (ปี 2561)โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือเรียกว่า OTOP (โอทอป) เป็นโครงการกระตุ้นธุรกิจประกอบการท้องถิ่น โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายจะสนับสนุนผลิตภัณฑ์เสื่อที่ผลิตจากต้นกก ที่ผลิตจากกลุ่มแม่บ้าน บ้านทรายทอง และจัดจำหน่ายในท้องถิ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OVOP) ที่ประสบความสำเร็จของญี่ปุ่น โครงการโอทอปกระตุ้นให้กลุ่มแม่บ้านพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เสื่อให้มีความทันสมัยเสื่อให้มีความทันสมัย
การทอเสื่อกก เป็นภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น ที่นำเอาต้นกกมาแปรสภาพให้เป็นเส้น ย้อมสี แล้วสานทอให้เป็นแผ่นผืน เพื่อนำมาใช้ปูรองนั่งหรือนอน เสื่อกก เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีใช้กันอยู่ทั่วไป ทั้งนี้เพราะต้นกกเป็นพืชธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ทั่วไป และภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นที่นำต้นกกมาแปรสภาพก็มีลักษณะคล้ายกัน หรือได้อิทธิพลทางความคิดจากกันและกัน ทำให้เสื่อกกถูกจัดได้ว่าเป็นปัจจัยจำเป็นอย่างหนึ่ง ต่อการดำรงชีวิตของผู้คนในอดีต ที่บ้านทรายทอง หมู่ที่ 9 ตำบลข้าวสาร อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานีคือหมู่บ้านนึ่งที่มีการสืบสานภูมิปัญญาทางด้านการทอเสื่อกกนี้มายาวนาน จนปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อื่นเข้ามาทดแทนการใช้เสื่อกกมากมายให้เลือก นับตั้งแต่เสื่อน้ำมัน พรม กระเบื้องปูพื้น และอื่นๆ ทำให้กระแสความนิยมในการใช้เสื่อกกลดลงและคนรุ่นจึงไม่ค่อยมีความสนในในการทอเสื่อกกมากนัก เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของวัฒนธรรมทางภูมิปัญญาของท้องถิ่น ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มทอเสื่อกกขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นมิให้สูญหายไปกับกาลเวลา และ เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์การทอเสื่อกก ให้คงอยู่คู่กับชุมชน อย่างเข้มแข็ง ยืนหยัด
เพราะเหตุนี้จึงทำให้ให้เล็งเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาในด้านพัฒนาสินค้าจากเสื่อกกและมองหาโอกาสเพื่อหาช่องทางการจัดจำหน่าย โดยทำการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แบบสมัยใหม่ เพิ่มสีสันของเสื่อให้ดูน่าสนใจมากขึ้น และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมาปรับใช้ คือ สร้างแบรนด์ให้กับสินค้า สร้างจุดเด่นให้สินค้าแล้วนำจุดเด่นของสินค้า เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ชุมชนได้
จากปัญหา ด้วยเหตุนี้ คณะผู้วิจัย นำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระเป๋าแปรรูป การวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มบริโภค โดยใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อไป
reru101 เมื่อ 30 ต.ค. 2562 09:45 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดโครงการบูรณาการพันธกิจสัมพันธ์เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนในท้องถิ่น (ปี 2562)1. สำรวจปัญหา และวิเคราะห์สถานการณ์ของชุมขน
2. ศึกษาเรียนรู้ในพื้นที่ต้นแบบการแก้ไขปัญหาความยากจน
3. อบรมเชิงปฏิบัติการการเพ่ิมทักษะอาชีพและพัฒนาศัักยภาพตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นให้เกิดการสร้างอาชีพเสริม และลดรายจ่าย ผ่านกิจกรรมการพัฒนาอาชีพและการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพื่อให้ครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการได้รับการเสริมภูมิคุ้มกันที่มีอยุ่พร้อมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน
udonthani_ru เมื่อ 30 ต.ค. 2562 09:33 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีโครงงานพัฒนากลยุทธ์สำหรับกิจการนวดแผนไทย : กรณีศึกษาร้านนวดแผนไทยบ้านจั่น ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2561)การนวดแผนไทยหรือการนวดแผนโบราณมีต้นตำรามาจากประเทศอินเดีย ซึ่งมีมานานกว่า 2,500 ปี และเผยแพร่กว้างขวางออกจนถึงระดับนานาชาติรวมทั้งประเทศไทย แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเข้ามาถึงเมืองไทยเมื่อใด การนวดแผนไทยหรือการนวดแผนโบราณเป็นการนวดชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นศาสตร์บำบัดและรักษาโรคแขนงหนึ่งของการนวดแผนไทย โดยจะเน้นในลักษณะการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง และการประคบ จากนั้นได้ถูกพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากันกับวัฒนธรรมของสังคมไทย จนเป็นรูปแบบแผนที่เป็นมาตรฐานของไทยและส่งทอดมาจนถึงปัจจุบัน
เทศบาลนครอุดรธานีได้มีโครงการจัดตั้งร้านนวดแผนไทยขึ้นที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ในปี 2545 เพื่อส่งเสริมสุขภาพและสนับสนุนกลุ่มการนวดแผนไทย เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่อยากนวดผ่อนคลายหรือมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งเป็นแนวคิดในการดูแลสุขภาพโดยมีเทศบาลนครอุดรธานีและสาธารณสุขเป็นผู้ควบคุมดูแลทั้งด้านความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการดำเนินกิจการทุกๆ 1 เดือน อย่างสม่ำเสมอ
กิจการนวดแผนไทยบ้านจั่น ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการการนวดแผนไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Thai Massage คือการนวดแผนไทยแบบโดยรวมไม่เน้นจุดใดจุดหนึ่ง และ Foot Massage คือการนวดบริเวณตั้งแต่หัวเข่าไปถึงเท้า โดยที่กิจการได้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ในการนวดเป็นน้ำมันสปา ยาหม่อง และแป้งฝุ่น
กิจการนวดแผนไทยบ้านจั่น มีความต้องการที่จะพัฒนาให้กิจการของผู้ประกอบการให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้ลูกค้ามีความประทับใจทุกครั้งหลังการให้บริการ แต่ในละแวกใกล้เคียงมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก และไม่มีจุดเด่นภายในกิจการ ทำให้ไม่มีความโดดเด่น ผู้ศึกษาต้องการที่จะพัฒนากลยุทธ์เพื่อนำมาปรับใช้ให้กิจการโดดเด่นและดึงดูดลูกค้าเพื่อให้เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น
SSOSWU เมื่อ 30 ต.ค. 2562 09:28 น.
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)1. โครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลสุขภาพ ภาวะโภชนาการและการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลางของผู้ปกครองและครูพี่เลี้ยง (พ.ศ. 2560 - 2562) (ปี 2562)จากผลสำรวจพัฒนาการเด็กปฐมวัย (3-5 ปี) ในโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลสุขภาพเด็กปฐมวัยโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลางของผู้ปกครองและครูพี่เลี้ยงตั้งแต่ปีพ.ศ. 2556-2559 ของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒพบว่าจำนวนเด็กไทยที่มีพัฒนาการไม่สมวัยมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย (กรมอนามัย, 2554, 2557) ที่พบว่าจำนวนเด็กไทยที่มีพัฒนาการไม่สมวัยในปี พ.ศ. 2548 ปีพ.ศ. 2553 และปีพ.ศ. 2557 เท่ากับร้อยละ 15.90 ร้อยละ 30 และ ร้อยละ 27.2 หรือ (ประมาณ 1 ล้านกว่าคน) ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยขององค์การอนามัยโลก ที่รายงานว่าเด็กช่วง 3 ปีหลัง มีพัฒนาการยิ่งล่าช้าถึงกว่า 30% โดยมีพัฒนาการล่าช้าสูงสุดด้านภาษา เกือบร้อยละ 20 รองลงมาเป็นด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กประมาณร้อยละ 9 ด้านสังคมและการช่วยเหลือตนเองประมาณร้อยละ 8 และกล้ามเนื้อมัดใหญ่ประมาณ ร้อยละ 7 นอกจากนี้ การที่เด็กมีพัฒนาการล่าช้าโดยเฉพาะทางด้านภาษา พบว่ามีความสัมพันธ์กับพัฒนาการล่าช้าด้านสติปัญญา และ Effective function
อย่างไรก็ตามจากผลสำรวจพัฒนาการเด็กปฐมวัย (3-5 ปี) ในโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลสุขภาพเด็กปฐมวัยโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลางของผู้ปกครองและครูพี่เลี้ยงตั้งแต่ปีพ.ศ. 2556-2559 ของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ยังพบความสอดคล้องของปัญหาสุขภาพจากผลสำรวจข้อมูลพื้นฐานปัญหาและความต้องการของชุมชนด้านสุขภาพ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ปี 2556 ที่พบปัญหาของเด็กปฐมวัยในเรื่องฟันผุถึง ร้อยละ 14.5 และมีภาวะทุโภชนาการ ประมาณร้อยละ 5 ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมวัยการพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาคุณภาพชีวิต เนื่องจากเป็นระยะที่สมองพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงควรส่งเสริมให้เด็กมีความสมบูรณ์ในทุกด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยเน้นการส่งเสริมสุขภาพปากและฟัน โภชนาการ การได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์มาตรฐาน การป้องกันอุบัติเหตุและการได้รับสารพิษ และการส่งเสริมพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ตามวัย
นอกจากนี้ผลของโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลสุขภาพและกระตุ้นพัฒนาการเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองและครูพี่เลี้ยง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก (อ้อมจิต ว่องวาณิช วนิดา วิสุทธิพานิช ทัศนียา วังสะจันทานนท์ เพ็ญนภา ฤทธิ์วงศ์ สุวรรณวงษ์ และสุปราณี ภู่ระหงษ์, 2557) พบว่าปัญหาสุขภาพของเด็กปฐมวัยยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน เนื่องจากขาดความร่วมมือจากผู้ปกครองที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลจัดการกับปัญหาสุขภาพ และสถานบริการสุขภาพ รวมทั้งไม่มีเวลาให้บุตรหลาน เนื่องจากต้องทำงาน
สาขาวิชาการพยาบาลเด็ก คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตระหนักถึงความสำคัญ
ดังกล่าวจึงจัดโครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลสุขภาพเด็กปฐมวัยโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลางของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอบต.องครักษ์ โรงเรียนอนุบาลบ้านนา (วัดช้าง) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาลบ้านนา (วัดช้าง) เทศบาลตำบลบ้านนา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดเอี่ยมประสิทธิ์ อำเภอเมือง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอบต.นาหินลาด อำเภอปากพลี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนบ้านโคกสว่าง อำเภอปากพลี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านท่ามะปราง อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก เพื่อให้ผู้ปกครอง ครูพี่เลี้ยงและบุคลากรสุขภาพได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
watcharanon เมื่อ 30 ต.ค. 2562 09:27 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์การส่งเสริมพลังงานทดแทนชุมชนโดยการผลิตเชื้อเพลิงเขียวจากวัสดุชีวมวลเหลือใช้ในท้องถิ่น กรณีศึกษา : บ้านตานบ ต.ทุ่งกุลา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ (ปี 2563)ภายใต้สถานการณ์วิกฤติพลังงานที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ไม่เพียงแต่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น สินค้าอุปโภคบริโภคก็มีราคาแพงขึ้น ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะแนวทางการปรับราคาก๊าซแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้มขึ้นอีก กำลังเป็นที่กังวลและสร้างความเดือนร้อนให้กับพ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชนทั่วไป ที่จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงในการหุงหาอาหารในชีวิตประจำวัน การใช้พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความเหมาะสมกับวิถีชีวิตของชุมชนในท้องถิ่นของประเทศไทย ทั้งเพื่อการใช้กันเองในท้องถิ่น หรือการผลิตเพื่อเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำชีวมวลและไม้โตเร็วที่สามารถผลิตได้ในพื้นที่มาใช้ในการผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน
จากการใช้ประโยชน์ของถ่านในปริมาณมากทำให้เกิดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าในหลายประเทศทำให้มีความพยายามที่จะนำวัสดุชีวมวลมาแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนอย่างเช่น ถ่านอัดแท่งหรือเชื้อเพลิงเขียว เนื่องจากใช้สะดวกไม่มีควันเผาไหม้ได้นานและราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอื่น แต่ปัญหาของคุณภาพของถ่านอัดแท่งหรือเชื้อเพลิงเขียวในปัจจุบันมีหลายประการคือ มีลักษณะเปราะ มีควันระหว่างการติดไฟ ระยะเวลาในการเผาไหม้สั้นและเกิดเชื้อราซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะต่อการใช้งานและในปัจจุบันพบว่าวัสดุชีวมวลบางชนิดที่สามารถแปรรูปเป็นถ่านอัดแท่งหรือเชื้อเพลิงเขียวที่มีคุณภาพสูงได้กลับมีต้นทุนการผลิตที่สูง และสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลายรูปแบบ
การนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลนอกจากจะเป็นพลังงานทางเลือกแล้วยังช่วยแก้ปัญหาการกำจัดของเสียและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบการใช้พลังงานชีวมวลสามารถแยกได้เป็นการใช้โดยตรงโดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงให้ความร้อนและการนำไปผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป นอกจากนี้ การใช้พลังงานจากชีวมวลยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน (global warming) ชีวมวลจึงเป็นแหล่งพลังงานที่เหมาะสมต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การแปรรูปวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเป็นพลังงานที่นิยมรูปแบบหนึ่ง คือ การอัดขึ้นรูปเป็นแท่งเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งเป็นวิธีที่มีขั้นตอนที่ ไม่ยุ่งยากและสามารถทำได้ง่ายในชุมชน ได้เชื้อเพลิงที่จุดติดไฟทำได้ง่ายกว่าฟืนและถ่าน และยังเป็นพลังงานสะอาด ได้มีการวิจัยทดลองนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหลายชนิดมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง เช่น กิ่งสบู่ดำ เปลือกทุเรียนและเปลือกมังคุด ต้นไมยราบยักษ์ กะลามะพร้าว ทางมะพร้าว ขี้เถ้าแกลบผสมซังข้าวโพดและกะลามะพร้าว เป็นต้น ซึ่งเชื้อเพลิงที่ได้จากงานวิจัยเหล่านี้มีสมบัติสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนฟืนไม้ได้เป็นอย่างดี (ธนาพล ตันติสัตยกุล. 2558)
บ้านตานบ ตำบลทุ่งกุลา อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่เป็นที่ราบไม่มีภูเขาในเขตพื้นที่ ในพื้นที่อยู่ในเขตป่าไม้เสื่อมโทรมบางส่วน ดินคุณภาพดีที่เหมาะสมในการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิให้มีคุณภาพและเป็นสินค้าทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของประเทศ มีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่โดดเด่น คือกลุ่มข้าวไรท์เบอร์รี่ หมู่ที่ 4 บ้านตานบ ผลิตข้าวไรท์เบอร์รี่จำหน่ายเป็นสินค้า OTOP จากการปลูกข้าวที่เป็นผลผลิตหลักของชุมชน จึงมีวัสดุชีวมวลที่เหลือจากกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตรกรรมได้แก่ทำนา ปลูกข้าว ฐานะค่อนข้างยากจน การใช้พลังงานความร้อนเพื่อการประกอบอาหาร ใช้เชื้อเพลิงประเภทถ่านและแก๊สหุงต้ม และใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความร้อน ซึ่งกิจกรรมการใช้พลังงานความร้อนดังกล่าวทำให้เสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก การใช้พลังงานทางเลือกเพื่อบรรเทาปัญหาค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จึงเป็นทางออกหนึ่งที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน
ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวและมีความสนใจในการการส่งเสริมพลังงานทดแทนชุมชนโดยการผลิตเชื้อเพลิงเขียวจากวัสดุชีวมวลเหลือใช้ในท้องถิ่น ของบ้านตานบ ตำบลทุ่งกุลา อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เพื่อลดปัญหาค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือน และเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนต้นแบบนวัตกรรมทางการเกษตร เป็นแหล่งการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการผลิตเชื้อเพลิงเขียวจากวัสดุชีวมวลเหลือใช้ในท้องถิ่น สำหรับครัวเรือนให้กับชุมชนอื่น ๆ เพื่อให้ครัวเรือนเกษตรกรที่อยู่ในชนบท สามารถพึ่งพาตนเองและมีความยั่งยืนตลอดไป
Drjeffy เมื่อ 30 ต.ค. 2562 08:38 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ผลการฝึกด้วยโปรแกรมทักษะว่ายน้ำที่มีต่อความสามารถในการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดสำหรับการป้องกันตนเองจากการจมน้ำของเยาวชนในเขตทะเลสาบทุ่งกุลา จ.สุรินทร์ (ปี 2563)คนเราทุกคนมีความคุ้นเคยกับน้ำและรู้จักว่ายน้ำมาแต่ดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ภูมิลำเนาที่อยู่ตามชายฝั่งทะเล แม่น้ำ ที่ราบลุ่มต่าง ๆ การฝึกว่ายน้ำมีมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาลได้ระบุว่าการว่ายน้ำยุคแรก ๆ นั้นเป็นการเรียนรู้เพื่อหลบภัยต่าง ๆ เท่านั้น เช่นในสงครามยุคเรือใบก็ได้กล่าวถึงพวกทหารที่หลบหนีข้าศึกโดยการว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งอยู่บ้าง แต่การว่ายน้ำในยุคนั้นเป็นการว่ายน้ำแบบอิสระ (Free Style) คือไม่มีท่าที่แน่นอน มีจุดมุ่งหมายเพียงให้สามารถอยู่ในน้ำได้นาน ๆ และพาตัวเคลื่อนไปข้างหน้าได้เท่านั้น (ทวีศักดิ์ นาราษฎร์. 2538)
ว่ายน้ำจัดเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจการว่ายน้ำมากขึ้น เนื่องมาจากเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ การแข่งขันกีฬา อีกทั้งยังให้ความปลอดภัยในชีวิตได้อีกด้วย ดังที่ ทวีศักดิ์ นาราษฎร์ (2534) ได้กล่าวว่า ว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ช่วยทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เคลื่อนไหวครบทุกส่วนอันจะก่อให้เกิดความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการว่ายน้ำนั้นยังมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ในด้านความปลอดภัย ซึ่งวาสนา คุณาอภิสิทธิ์ (2529) ที่กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและสมาชิกในครอบครัวตลอดจนบุคคลอื่น ทุกคนจึงควรเรียนว่ายน้ำหรือควรจะว่ายน้ำให้เป็น ซึ่งการเรียนว่ายน้ำเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะในขณะที่ร่างกายอยู่ในน้ำ ซึ่งเป็นสภาวะที่แตกต่างจากสภาพการเรียนรู้ทักษะกีฬาบนบกทั้งในด้านของระบบหายใจที่น้ำเป็นตัวขัดขวางและอันตรายต่าง ๆ เกี่ยวกับน้ำที่ผู้เรียนจะได้รับและประสบจึงทำให้เกิดความกลัว ส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้เรียนไม่เกิดความพร้อมในการเรียนรู้ (เนตรชนก มีกลิ่นหอม. 2555)
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (2561) รายงานการจมน้ำระดับโลก (Global Report on Drowning) ขององค์การอนามัยโลก พบว่าทุกปีมีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตจากการปีละ 140,219 คน เสียชีวิตเป็นอันดับ 3 รองจากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) และเอดส์ (HIV) โดยประเทศไทยพบว่าการจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี การจมน้ำเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่งของทุกสาเหตุทั้งโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดเชื้อ โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าอุบัติเหตุจราจรประมาณ 2 เท่าตัวและมากกว่าไข้จากไวรัสนำโดยแมลงและไข้เลือดออกถึง 24 เท่าตัว และพบว่าร้อยละ 41 ของเด็กที่จมน้ำเสียชีวิต โดยเพศชายมีอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำสูงกว่าเพศหญิงประมาณ 2 เท่าตัว จากข้อมูลเบื้องต้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2551 - พ.ศ. 2560) พบว่ามีเด็กจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 957 คน/ปี หรือวันละเกือบ 3 คน ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เป็นเดือนที่เด็กจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุดเพราะตรงกับช่วงปิดภาคการศึกษาและช่วงฤดูร้อน โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา พบเด็กไทยจมน้ำเสียชีวิตจำนวน 708 ราย โดยวันหยุดสุดสัปดาห์ (วันเสาร์และวันอาทิตย์) และช่วงเวลา 12.00 - 17.59 น. เป็นช่วงเวลาที่มีการเกิดเหตุสูงสุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด รองลงมาคือภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ตามลำดับ แหล่งน้ำที่มีเด็กเสียชีวิตจากการตกน้ำ จมน้ำสูงที่สุด คือ แหล่งน้ำธรรมชาติ ร้อยละ 49.40 รองลงมาคือ สระว่ายน้ำ ร้อยละ 6.90 และอ่างอาบน้ำ ร้อยละ 4.60 (สุชาดา เกิดมงคล, ส้ม เอกเฉลิมเกียรติ และคนอื่น ๆ. 2558)
สาเหตุของการเสียชีวิตจากการจมน้ำ เกิดจากความประมาท ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้วิธีการเอาชีวิตรอดในน้ำ และวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้องจึงมักกระโดดลงไปช่วยคนที่ตกน้ำ โดยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ส่วนมากจะจมน้ำบริเวณบ้านรอบ ๆ บ้าน เช่น ถังน้ำ กะละมัง บ่อน้ำ แอ่งน้ำ ส่วนเด็กอายุมากกว่า 5 ปี จะเริ่มออกเล่นนอกบ้าน แหล่งน้ำที่พบเด็กจมน้ำสูงคือ แหล่งน้ำขุดเพื่อการเกษตร และแหล่งน้ำตามธรรมชาติ สอดคล้องกับก้องสยาม ลับไพรี (2557) ได้ให้ความหมายว่า การตกน้ำจมน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งของการบาดเจ็บและเสียชีวิตในเด็กได้โดยอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เด็กไม่มีความรู้ในเรื่องความปลอดภัยทางน้ำ เด็กไม่มีเจตคติในการป้องกันตนเองจากการจมน้ำ เด็กไม่มีทักษะในการเอาชีวิตรอดในน้ำ เด็กไม่มีทักษะในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ ฯลฯ โดยมีปัจจัยที่สำคัญ คือ ปัจจัยด้านบุคคล ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเชิงกายภาพและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเชิงสังคม การลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการตกน้ำและจมน้ำสามารถทำได้ ถ้าหากมีมาตรการป้องกันที่ถูกต้อง เช่น มาตรการด้านการให้ความรู้ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านนโยบาย ด้านกฎหมาย ด้านระเบียบ และด้านข้อบังคับ มาตรการด้านการเยียวยาความเสียหายก็จะสามารถช่วยให้ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการตกน้ำและจมน้ำลดลง
ก้องสยาม ลับไพรี (2557) ได้ให้ความหมายว่า วิชาว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดสำหรับ การป้องกันตนเองจากการจมน้ำของนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนต้นจะเน้นเรื่องของทักษะปฏิบัติเมื่อตกน้ำ จมน้ำ หรือพบเห็นผู้ประสบภัยทางน้ำโดยแบ่งเป็น 2 ด้าน คือ 1. ด้านการเอาชีวิตรอดและพื้นฐานการว่ายน้ำ 2. ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ โดยสอดคล้องกับตัวชี้วัดชั้นปีระดับประถมศึกษาปีที่ 3 ในสาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทยและกีฬาสากล ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขึ้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่เน้นด้านการปฏิบัติ ซึ่งแตกต่างจากการว่ายน้ำทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะเน้นการสอนว่ายน้ำท่าสวยหรือการว่ายน้ำให้ได้ระยะทางไกล จะเห็นได้จากในประเทศไทยมีหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดเป็นหลักสูตรสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป หรือบุคคลที่ไม่เคยเรียนหลักสูตรนี้มาก่อน โดยใช้หลักสูตรที่มีอยู่ของสมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำเป็นพื้นฐาน โดยมีจุดมุ่งหมายของหลักสูตรคือ เมื่อเรียนจบหลักสูตรผู้เรียนจะมีทักษะในการเอาชีวิตรอดในน้ำ มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ มีทักษะในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ มีความสามัคคีและมีน้ำใจเป็นนักกีฬา หลักสูตรใช้เวลาเรียนทั้งหมด 15 ครั้ง ครั้งละ 50 – 60 นาที โดยแบ่งเป็นการเรียน 14 ครั้ง และครั้งที่ 15 เป็นการวัดผลการเรียนการสอน การเรียนประกอบไปด้วยครูผู้สอน 1 คนต่อนักเรียน 9 -10 คน ซึ่งแตกต่างหลักสูตรการเรียนการสอนว่ายน้ำทั่วที่ส่วนใหญ่จะเน้นการสอนว่ายน้ำท่าสวยหรือการว่ายน้ำให้ได้ระยะทางไกล ๆ เช่นหลักสูตรการว่ายน้ำของศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ เป็นหลักสูตรที่สอนเด็กตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยในเนื้อหาจะมีเพียงการสอนเรื่องความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้สระว่ายน้ำ การว่ายน้ำด้วยท่าพื้นฐาน 4 ท่า และการลอยตัวด้วยท่าลูกหมาตกน้ำเท่านั้น ไม่มีในเรื่องทักษะการเอาชีวิตรอดและการช่วยเหลือ หลักสูตรประกาศนียบัตรอบรมครูผู้สอนว่ายน้ำระดับพื้นฐานของสมาคมผู้ฝึกสอนว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เป็นหลักสูตรที่สอนให้เด็กมีทักษะในเรื่องของความปลอดภัยในการเรียนว่ายน้ำ การเอาชีวิตรอด การว่ายน้ำด้วยท่าพื้นฐาน 4 ท่า การช่วยคนตกน้ำด้วยอุปกรณ์ และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น อย่างไรก็ตามทักษะการเอาชีวิตรอดที่สอนมีเพียงท่าลูกหมาตกน้ำเท่านั้น ไม่มีการสอนลอยตัวแบบนอนหงาย นอนคว่ำ อย่างเช่นในต่างประเทศ จากการประเมินผลการว่ายน้ำเป็นของเด็กไทย ปี พ.ศ. 2556 ของกรมควบคุมโรค สำนักโรคไม่ติดต่อร่วมกับสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า เด็กไทยอายุ 5-14 ปี ประมาณ 8 ล้านคน ว่ายน้ำเป็นเพียงร้อยละ 23.7 หรือประมาณ 2 ล้านคน แต่สามารถว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้เพียงร้อยละ 4.4 หรือ 367,704 คน และพบว่า เด็กที่เรียนหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดจะมีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำมากกว่าคนที่ไม่ได้เรียนถึง 7.4 เท่า มีทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำมากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนถึง 20.7 เท่า มีทักษะการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำมากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนถึง 2.7 เท่า และการแก้ปัญหาการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินมากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนถึง 2.8 เท่า
ทะเลสาบทุ่งกุลา คือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งทำเป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ ต่อมาได้รับการปรับปรุงมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ให้สามารถท่องเที่ยวชมความสวยงามของทะเลสาบน้ำจืด โดยส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมทางน้ำได้แก่ บานาน่าโบ๊ท เรือปั่น ห่วงยาง หากบุตรหลาน เยาวชนในท้องถิ่นขาดการฝึกทักษะการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ความรู้เกี่ยวกับเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ อาจจะมีผลถึงชีวิต นำมาซึ่งความสูญเสียต่อครอบครัวเป็นอย่างมาก ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะนำโปรแกรมทักษะว่ายน้ำที่มีต่อความสามารถในการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดสำหรับการป้องกันตนเองจากการจมน้ำ ไปฝึกสอนให้กับเยาวชนในท้องถิ่นให้มีทักษะการเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำให้ได้ อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดวิธีการฝึกว่ายน้ำให้กับเยาวชนคนอื่น ๆ ในท้องถิ่นใกล้เคียงให้ปราศจากการเสียชีวิตจากการจมน้ำ อันจะส่งผลดีต่อการเป็นบุคลากรที่ดีมีคุณภาพต่อประเทศชาติต่อไป
musika เมื่อ 30 ต.ค. 2562 06:53 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชอินทรีย์แบบครบวงจร ภายใต้กิจกรรมหลักที่ 3 การสร้างแบรนด์ที่มีการเชื่อมโยงการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างบูรณาการ (ปี 2561)แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมคมแห่งชาติ ฉบับ 12 กำหนดแนวทางการพัฒนาการยกระดับศักยภาพการแข่งขันและการหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางสู่รายได้สูง การปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรโดยการปรับเปลี่ยนจากการผลิตสินค้าเกษตรขั้นปฐม เป็นสินค้าเกษตรแปรรูปที่มีมูลค่าสูง มีคุณภาพและมาตรฐานสากล และแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำหนดให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นฐานการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพสูง มาตรฐานปลอดภัยและอินทรีย์ และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและอาทานอลของประเทศ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วยจังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม และจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งประชากรส่วนใหญ่มีการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักและมีรายได้จากการผลิตสินค้าเกษตรเป็นรายได้สำคัญอันดับต้นๆของรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GPP) เฉลี่ยทั้ง 3 จังหวัด มีมูลค่า 32,815 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2557 มีพื้นที่ทำการเกษตรรวมกันประมาณ 7,711,921 ไร่ ผลิตพืชต่างๆ เช่น ข้าว พืชไร่ ไม้ผล พืชผัก เป็นอาหารและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ และมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวรวมกันประมาณ 3,503,219 ไร่ ผลผลิตข้าวเปลือกต่อปีประมาณ 1,273,707 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 364 กิโลกรัม มีพื้นที่ผลิตข้าวอินทรีย์เพียง 2500 ไร่ การบริโภคสินค้าเกษตรที่เป็นแหล่งอาหารของคนทั่วโลก ต่างให้การยอมรับในการบริโภคสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยในมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน GAP และมาตรฐานอินทรีย์ ซึ่งผู้บริโภคให้ความสนใจ และใส่ใจในสุขภาพ และสิงแวดล้อม กลุ่มจังหวัดจึงให้ความสำคัญของการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย เน้นการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตพืชสนับสนุนการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ และส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตด้านการเกษตรที่ปลอดภัยต่อชีวิตของเกษตรกร และผู้บริโภค
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 29 ต.ค. 2562 23:12 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการพัฒนาศักยภาพนิสิตสู่อาเซียน (ASEAN University Youth Summit: AUYS) (ปี 2561)หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2548 ที่มีจัดการเรียนการสอนสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นภายใต้ปรัชญามุ่งเน้นเรื่อง การมีคุณธรรม เป็นผู้นำความรู้ จัดการบูรณาการ เพื่อบริหารท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2555 ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรของสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นอีกครั้งภายใต้การกำหนดปรัชญาว่า เปี่ยมความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่การปฏิบัติ พัฒนาท้องถิ่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีคุณธรรม จริยธรรม และมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามนโยบายหลักของมหาวิทยาลัย และในปี พ.ศ. 2560 หลักสูตรได้รับการปรับปรุงภายใต้การเปลี่ยนแปลงจากสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นเป็นสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ พร้อมกับการกำหนดปรัชญาใหม่ที่ว่า ปัญญา จริยธรรม นำการพัฒนาองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม และได้ผลิตผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (Expected Learning Outcomes: ELOs) จำนวน 13 ข้อ ดังนี้
1) อธิบายความก้าวหน้าของความรู้ตลอดจนธรรมเนียมปฏิบัติ กฎระเบียบและข้อบังคับที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์
2) สรุปความคิดรวบยอดของแนวคิดและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์
3) สร้างความคิดรวบยอดของงานวิจัยในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา และการต่อยอดองค์ความรู้ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์
4) แสดงออกถึงพฤตนิสัยที่มีคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบทั้งในส่วนตนและส่วนรวม
5) สามารถค้นหาข้อเท็จจริงและทำความเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐประศาสนศาสตร์จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย

6) สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการค้นคว้าหาความรู้และการนำเสนอข้อมูลทางรัฐประศาสนศาสตร์ในรูปแบบที่หลากหลายได้อย่างเหมาะสมกับกลุ่มบุคคลต่างๆ
7) สื่อสารประเด็นทางรัฐประศาสนศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
8) พัฒนาตนเองและแสดงออกด้วยความรับผิดชอบ มีภาวะผู้นำและสมาชิกที่ดีของกลุ่ม
9) ทบทวนและปรับตัวได้ในสังคมที่มีความหลากหลาย รับฟังความเห็นที่แตกต่างและแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางรัฐประศาสนศาสตร์ได้อย่างสร้างสรรค์

10) วิเคราะห์และเปรียบเทียบสถานการณ์หรือสภาพปัญหาที่ซับซ้อน โดยใช้ความรู้แนวคิดและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์เพื่อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขได้อย่างสร้างสรรค์
11) ประเมินสถานการณ์ของกิจการสาธารณะได้อย่างเหมาะสมกับพื้นฐานของตนเองและบริบทของกลุ่ม
12) วางแผนวิถีชีวิตในความขัดแย้งทางค่านิยมพหุวัฒนธรรมโดยใช้แนวคิดและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์
13) ผลิตงานวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์โดยใช้ เครื่องมือทางสถิติขั้นพื้นฐานได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

ประกอบกับใน พ.ศ. 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนซึ่งให้ความสำคัญกับ 3 เสาหลัก คือ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Security Community – ASC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) และทางมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้งลำปาง ได้จัดทำโครงการ ASEAN University Youth Summit 2018 – AUYS 2018 ขึ้นเป็นครั้งที่สี่ เพื่อสร้างสรรค์เครือข่ายนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของภูมิภาคอาเซียน โดยจัดให้กิจกรรมกระตุ้นเตือนจิตสาธารณะ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาสังคมเมืองและชนบทอย่างยั่งยืน รวมถึงการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมที่ดีงามของแต่ละประเทศ
จากความสอดคล้องของปรัชญาและประชาคมอาเซียน ตลอดจนการจัดโครงการ AUYS 2018 ส่งผลให้หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นและสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ จัดทำ “โครงการพัฒนาศักยภาพนิสิตสู่อาเซียน (AUYS) สาขารัฐประศาสนศาสตร์” ภายใต้แนวคิดการพัฒนาศักยภาพนิสิตและส่งเสริมวัฒนธรรมไทยสู่อาเซียน เพื่อกระตุ้นและเสริมแรงนิสิตให้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีจิตสาธารณะต่อสังคมและประชาคมอาเซียน การมีส่วนร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคมเมืองและชนบทของประชาคมอาเซียนให้เกิดความยั่งยืน ตลอดการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมไทยที่ดีงามสู่ประชาคมอาเซียน
musika เมื่อ 29 ต.ค. 2562 22:38 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการ Sanook Farmer Market : การเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนตน 2 ภายใต้กิจกรรมที่ 3 การพัฒนานวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์เพื่อสุขภาพและปลอดภัยในพื้นที่กลุ่มจังหวัด (ปี 2562)1. ที่มา
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) ถือว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญและมีคุณภาพเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวหอมมะลิ ลิ้นจี่ นพ. 1 สับปะรด โคเนื้อ ไข่ไก่ ไก่งวง รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ ได้แก่ ข้าวฮาง ข้าวกล้อง จมูกข้าว น้ำจมูกข้าว น้ำหมากเม่า ผ้าย้อมคราม เป็นต้น อีกทั้งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของกลุ่มจังหวัดที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย GAP และสินค้ามาตรฐานเกษตรอินทรีย์ รวมถึงสินค้าที่เป็นอัตราลักษณ์ และเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น GI ได้แก่ข้าวฮางวาปีปทุม ลิ้นจี่ นพ. 1 และสับปะรด ท่าอุเทน ซึ่งถือว่ามีความโดดเด่นและคุณภาพเฉพาะตัว ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ โดยกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ได้มีการส่งเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาผลผลิตผ่านงบพัฒนากลุ่มจังหวัด แต่เนื่องจากปริมาณความต้องการของตลาดมีสูง ประจวบกับงบประมาณมีค่อนข้างจำกัด จึงเห็นสมควรให้มีการส่งเสริมเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของกลุ่มจังหวัด รวมถึงการพัฒนาและยกระดับกระบวนการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีด้านการเกษตร ที่มีผลต่อการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัด มาใช้ในกระบวนการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร การพัฒนาภาคเกษตรในอนาคต ควรเน้นการลดต้นทุนการผลิต ลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นการทำเกษตรกรรมความแม่นยำสูง ทำให้การเพาะปลูกมีประสิทธิภาพดีขึ้น เพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิตตลอดจนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และควบคุมการใช้ปัจจัยการผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชในแต่ละพื้นที่หรือแต่ละช่วงเวลา จึงช่วยลดความสูญเสีย เกิดการใช้ ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการทำเกษตรอย่างยั่งยืน และเพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล มุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัด 4.0 และสร้างกลุ่มจังหวัดสนุกเป็นเมืองแห่งอาหาร เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและการลงทุน
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 2 แห่ง คือนครพนม และมุกดาหาร ซึ่งเป็นโอกาสในการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพไปยังเวียดนามและจีนตอนใต้ – ตะวันออก โดยมีจังหวัดนครพนม เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ที่มีศักยภาพและเป็นประตูเศรษฐกิจที่มีระยะทางที่สั้นที่สุดไปสู่จีนตอนใต้เพียง 831 กิโลเมตร โดยผ่านถนนหมายเลข R12 ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเส้นทาง A1 ในเวียดนาม ไปสู่จีนตอนใต้ ดังนั้น สินค้าเกษตรที่สำคัญ่จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งชาวไทย ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ - ตะวันออก

2. สรุปสาระสำคัญและประเด็นปัญหา
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนมาก ที่จะพัฒนาศักยภาพการผลิต และคุณภาพสินค้าเกษตรและแปรรูปสินค้าเกษตร ในการเชื่อมโยงด้านการค้าและการลงทุนของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการเด่นของผู้ประกอบการไทย และพัฒนา การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร หนองคาย บึงกาฬ เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน ประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียนและจีนตอนใต้-ตะวันนออก เพื่อยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการ
สภาพปัญหาที่สำคัญ คือ สำหรับการแปรรูปสินค้าข้าวของกลุ่มจังหวัด ประสบปัญหาในเรื่องของการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเหมือนๆกัน คือสินค้าข้าวไม่มีความแตกต่าง อีกทั้งระบบห่วงโซ่อุปทานนั้นเป็นเพียงแค่ต้นน้ำเท่านั้น (Up stream) ซึ่งละเลยขั้นตอนการเพิ่มมูลค่า (Value added) สินค้าเข้าไป ทำให้ต้องขายข้าวในราคาที่ถูกกำหนดมาแล้วเท่านั้น และการสร้างตราสินค้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มจังหวัดฯ ที่เกิดการบูรณาการความรู้ ความคิด ความร่วมมือและทรัพยากรเพื่อสร้างเครือข่ายของวิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้าวให้เกิดการแบ่งปัน ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ มีการจัดการด้านการผลิต การตลาด อันจะนำมาซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ข้าว ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก เกิดการแข่งขันด้านการตลาดสูง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตฯ ในเขตจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหารโดยตรง ดังนั้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน และสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและเจาะจงกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่มีศักยภาพในการซื้อสินค้า เช่น ชีเรียลจากข้าว เวชสำอางที่ผลิตจากข้าว น้ำข้าวสกัด ขนมจากข้าว ฯลฯ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวของกลุ่มจังหวัด และเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน นำมาซึ่งรายได้ให้กับชุมชน

3. ความเร่งด่วน : เร่งด่วนมาก
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนมาก ที่จะพัฒนาศักยภาพการผลิต และคุณภาพสินค้าเกษตรและแปรรูปสินค้าเกษตร ในการเชื่อมโยงด้านการค้าและการลงทุนของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการเด่นของผู้ประกอบการไทย และพัฒนา การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน ประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียนและจีนตอนใต้-ตะวันนออก เพื่อยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการ
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 29 ต.ค. 2562 18:46 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงโครงการ การส่งเสริมและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมชุมชน (ปี 2561)เทศบาลตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เป็นหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่มีความพยายามในการแก้ปัญหาเรื่องมูลฝอยในชุมชน เทศบาลตำบลลานข่อย แบ่งเขตการปกครองเป็น 9 หมู่บ้าน มีประชากรทั้งสิ้น จำนวน 2,086 ครัวเรือน คิดเป็น 7,122 คน แยกเป็น ชาย 3,567 คน หญิง 3,555 คน เนื้อที่ประมาณ 37,344 ไร่ คิดเป็น 59.75 ตารางกิโลเมตร ตำบลลานข่อยเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในจังหวัดพัทลุงที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างจังหวัดให้เข้ามาท่องเที่ยวในชุมชนเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันมี สถานประกอบการประเภทโรงแรมและที่พัก ที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 23 แห่ง คือ ล่องแก่งหนานมดแดง ล่องแก่งหนานท่าส้าน ล่องแก่งชายคลองรีเวอร์ไซด์ ล่องแก่งลานข่อย ล่องแก่งวังไม้ไผ่ ล่องแก่งระฆังทอง ล่องแก่งลุงทันโฮมสเตย์ ล่องแก่งชมดาว ล่องแก่งวังชมพู่ ล่องแก่งนายพล&รีสอร์ท ล่องแก่งหนานชุมพล บ้านพักธาราริน ป่าพะยอมรีสอร์ท สบายดีรีสอร์ท บ้านนายรีสอร์ท แม็คโฮมสเตย์ บ้านบ้านโฮมสเตย์ ริมห้วยรีสอร์ท บ้านพักริมน้ำ บ้านพักริมน้ำ1 บ้านพักริมน้ำ 2 บ้านกลางสวนล่องแก่ง กู๊ดลัคการ์เด้น โดยรายละเอียดแต่ละโรงแรมและสถานประกอบการท่องเที่ยวมีดังนี้ แต่ประเด็นปัญหาที่ทางเทศบาลเป็นกังวลในเรื่องความยั่งยืนของชุมชน คือปริมาณมูลฝอยที่มีปริมาณมาก และการที่ชุมชน สถานประกอบการ และบุคลากรการท่องเที่ยวขาดความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดการขยะในชุมชนหรือการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(เทศบาลตำบลลานข่อย, 2558) เทศบาลตำบลลานข่อย (2558) มีการกำหนดเป้าในการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในแผนพัฒนา 3 ปี (2559-2561) เทศบาลตำบลลานข่อย โดยเทศบาลลานข่อยมุ่งเน้นในเรื่องการจัดการขยะ ขณะนี้มีการดำเนินการก่อสร้างระบบการเผาขยะชุมชนไร้มลพิษ ขนาด 500 กิโลกรัมต่อชั่วโมง แล้วเสร็จและเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือน กันยายน 2557 เพื่อกำจัดขยะทั้งหมดในชุมชน ปัจจุบันเทศบาลตำบลลานข่อยมีปริมาณขยะประมาณวันละ 800 กิโลกรัม โดยปริมาณขยะดังกล่าวยังไม่ได้นับรวมปริมาณจากชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะมูลฝอยที่เกิดจากสถานประกอบการประเภทโรงแรมและที่พัก แต่ประเด็นปัญหาที่ทางเทศบาลประสบอยู่คือปัญหาการขาดความร่วมมือในการคัดแยกขยะจากสถานประกอบการดังกล่าว ขยะที่เก็บขนได้ เป็นขยะรวมที่ไม่มีการคัดแยก เมื่อนำมาเผาทำลายต้องใช้พลังงานสูง ส่งผลต่อต้นทุนเชื้อเพลิงในการเผามูลฝอย และการบริหารจัดการของเทศบาล (เสนอ รอดเรืองฤทธิ์, 2558) การมีส่วนร่วมของสถานประกอบการในการคัดแยกขยะจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของชุมชนเทศบาลลานข่อย เพื่อให้การดำเนินงานด้านการจัดการขยะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เทศบาลลานข่อยมีความจำเป็นที่จะต้องทราบปัจจัยที่จะส่งเสริมหรือเป็นอุปสรรคต่อการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะของสถานประกอบการและเทศบาลลานข่อย หากไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง มีปัญหาในการบริหารจัดการ มีขยะตกค้างในชุมชน อาจจะเป็นประเด็นปัญหากระทบธุรกิจการท่องเที่ยวของชุมชนในอนาคตได้
โดยจากการประชุมหารือระหว่างเทศบาลลานข่อย ชมรมล่องแก่งลานข่อย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559


พบว่าชุมชนมีความคาดหวังให้มหาวิทยาลัยช่วยเหลือในหลายๆ ประเด็น คือ
1. การไม่แยกขยะ ทิ้งขยะรวมในถังเดียวกัน
2. ถึงแม้ว่าบางสถานประกอบการมีการแยกขยะที่ต้นทาง พนักงานเก็บขนขยะ ไม่แยกขยะในขณะเก็บขน
3. พนักงานในสถานประกอบการขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการคัดแยกขยะ
4. ควรปลูกฝังการคัดแยกขยะในโรงเรียน โดยให้เทศบาลจัดสรรบประมาณเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการจัดการขยะแก่ครูและนักเรียน

จากการที่เทศบาลลานข่อยขาดการมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะ การบริการวิชาการในครั้งนี้ต้องการ พัฒนาแนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการโรงแรมและที่พัก โรงเรียนและชุมชน ในการจัดการมูลฝอย การคัดแยกขยะ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการบริหารจัดการมูลฝอยชุมชนลานข่อย เพื่อเป็นการส่งเสริมความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนทั้งในส่วนของ การบริหารจัดการ การท่องเที่ยว และ เศรษฐกิจชุมชนต่อไป
มหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อ 29 ต.ค. 2562 18:26 น.
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลาโครงการถ่ายทอดระบบการทำเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงชุมชนเครือข่ายขยายผลสู่ชุมชนบ้านพร้าว ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง (ปี 2561)เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้แนวทางการดำเนินชีวิต ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในราชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสแก่ชาวไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา ปัจจุบันประชาชนได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทุกระดับ สำหรับเศรษฐกิจการเกษตรพบว่าเกษตรกรต้องเผชิญกับความเสี่ยงทั้งภัยธรรมชาติ น้ำท่วมฝนแล้ง เผชิญราคาขึ้นลงของสินค้าที่เกษตรกรไม่ได้เป็นผู้กำหนด ปัจจัยการผลิตที่เกษตรกรต้องซื้อตามราคาที่ถูกกำหนด เผชิญกับการเจ็บไข้ได้ป่วยจากการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการผลิต กล่าวได้ว่ากระบวนการผลิตทางการเกษตรกรส่งผลกระทบทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และด้านสุขภาวะ เกษตรกรจึงจำเป็นต้องยืนอยู่บนหลักเหตุและผล มีการบริหารจัดการที่มีภูมิคุ้มกันตามหลักความพอเพียง
ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการมีการสนับสนุนการบริการวิชาการที่ส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนตะโหมด และชุมชนดอนประดู่ มีการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยยึดหลักการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อขับเคลื่อนชุมชนให้พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนิสิต และเสริมสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนแก่ชุมชน มีการร่วมคิดร่วมทำกับชุมชนในการผลิตพืชระบบอินทรีย์ ได้แก่ การผลิตข้าวและผักอินทรีย์ เป็นการให้บริการวิชาการที่ส่งเสริมผลิตสินค้าเกษตรที่มีประสิทธิภาพ เสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร สร้างมูลค่าเพิ่ม สอดคล้องกับความต้องการของตลาด มีมาตรฐานความปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการส่งเสริมและร่วมรณรงค์ให้ชุมชนตะโหมดและชุมชนดอนประดู่มีการทำเกษตรอินทรีย์มาอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรเห็นความสำคัญของการการรวมกลุ่มเพราะสามารถเป็นเครื่องมือในการควบคุมการผลิต ทำให้เกิดการต่อรองทางเศรษฐกิจที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน จนปัจจุบันชุมชนตะโหมดและชุมชนดอนประดู่มีการจัดตั้งกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์ กลุ่มปลูกผักอินทรีย์ และกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ สามารถเป็นตัวอย่างจริงในชุมชนที่เกษตรกรรายอื่นๆ สามารถเรียนรู้และเห็นผลจริงซึ่งช่วยให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนทัศนคติและสร้างความมั่นใจในระบบเกษตรอินทรีย์ สามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชนและเป็นฐานการเรียนรู้ในการพัฒนานิสิต
จากการขับเคลื่อนชุมชนให้เข้มแข็งตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นกระบวนการสร้างชุมชนต้นแบบขยายไปสู่ชุมชนเครือข่าย ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้มหาวิทยาลัยทักษิณได้รับการเชื่อถือศรัทธาจากชุมชนและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดของชุมชนได้เป็นอย่างดี สำหรับเกษตรกรชุมชนหมู่ที่ 3 ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณรอบรั้วมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง พบว่า ยังประสบปัญหาและยังขาดภูมิคุ้มกันในการประกอบอาชีพทางการเกษตร ยังยึดหลักการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่ใช้ระบบเคมี ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่สูงเพราะยังพึ่งปัจจัยการผลิตจากภายนอกเป็นส่วนใหญ่ จากผลการสำรวจปัญหาและความต้องการของชุมชนบ้านพร้าว ในปีงบประมาณ 2561 สถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ จึงมีเป้าประสงค์ที่จะดำเนินการโครงการถ่ายทอดระบบการทำเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงชุมชนเครือข่ายขยายผลสู่ชุมชนบ้านพร้าว โดยพัฒนาชุมชนเครือข่าย ได้แก่ ชุมชนตะโหมดและชุมชนดอนประดู่ เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนกลุ่มผลิตพืชอินทรีย์ชุมชนบ้านพร้าว เป็นการถ่ายทอดกรอบคิดและเทคโนโลยีการผลิตพืชระบบอินทรีย์ที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียงระดับชุมชน มุ่งเน้นให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนได้อย่างยั่งยืน
wanpichit.ba เมื่อ 29 ต.ค. 2562 17:11 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่นแนวทางการบริหารจัดการขยะครัวเรือนอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา : บ้านหัวงัว ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)ขยะมูลฝอยเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญอีกปัญหาหนึ่งในชุมชนต่างๆ จากการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2561 พบว่ามีจำนวน 27.8 ล้านตัน หรือวันละ 76,165 ตัน หรือคิดเป็น 1.15 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน แนวโน้มว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกๆปี เนื่องจากสภาพทางสังคม และเศรษฐกิจที่เอื้อให้เกิดการบริโภคในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่างๆจะมีปริมาณขยะมูลฝอยมากกว่าชุมชนทั่วไปเป็นเท่าตัว กล่าวคือปริมาณการเกิดขยะมูลฝอยในชุมชนทั่วไปจะมีอัตราเฉลี่ยเท่ากับ 0.9 – 1.2 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน ในขณะที่พื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น เมืองพัทยา เมืองภูเก็ต พบว่ามีอัตราการเกิดขยะเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 เท่าต่อคนต่อวัน (หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่39 ฉบับ3456 ,2562)
บ้านหัวงัว ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ พบปัญหาเกี่ยวกับขยะมูลฝอยภายในหมู่บ้านส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ชุมชน และที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง เนื่องจากวิธีการบริหารจัดการการกำจัดขยะของบ้านหัวงัว ตำบลยางตลาด ใช้วิธีการเผา ฝังกลบบริเวณในพื้นที่บ้านเรือนของตนเอง และการนำขยะมูลฝอยไปทิ้งตามพื้นที่สาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้านทำให้มีปริมาณขยะมูลฝอยสะสมเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศ ทางกลิ่น และเกิดความสกปรก ทำให้มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จึงจำเป็นต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอย ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการจัดการขยะมูลฝอย สามารถลดปริมาณขยะมูลฝอยที่จะต้องนำไปกำจัดให้น้อยที่สุด สามารถนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชน์ ทั้งในส่วนของการใช้ซ้ำและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ถ้าหากประชาชนสามารถลดปริมาณขยะมูลฝอยลงได้จะส่งผลให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี สุขภาพอนามัยของประชาชนมีสุขภาพที่ดี สภาพภูมิทัศน์มีความสวยงาม รวมถึงได้ประโยชน์จากการคัดแยกขยะมูลฝอยนำไปขายเป็นการเพิ่มรายได้ในครอบครัว และการนำกลับมาใช้ใหม่ทำให้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย และประชาชนได้ทราบถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย พร้อมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในการลดและแยกขยะมูลฝอยอย่างเป็นรูปธรรม (สานักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุทัยธานี, 2555)
ดังนั้นโครงงานนี้จึงมีวัตถุประสงค์ในส่งเสริมและพัฒนาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยครัวเรือนโดยใช้องค์ความรู้เกี่ยวการคัดแยกขยะมูลฝอยเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ การจัดการขยะมูลฝอยรีไซเคิล การจัดการถุงพลาสติก การจัดการขยะมูลฝอยอันตราย เพื่อให้สมาชิกในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและมีส่วนในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
udonthani_ru เมื่อ 29 ต.ค. 2562 16:10 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีโครงงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากมะนาว กรณีศึกษา: สวนมะนาวแม่สายลม บ้านไชยวาน ต.ไชยวาน อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี (ปี 2561)ชาวชุมชนไชยวานสํวนใหญํร๎อยละ 90 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได๎แกํ ทานา ทาไรํอ๎อย และมันสาปะหลัง สวนมะนาว ที่เหลือ ประกอบอาชีพค๎าขาย ที่เหลือประกอบอาชีพสํวนตัวและรับจ๎าง เมื่อเสร็จจาการทาไรํทานาแล๎ว ชาวชุมชนไชยวานยังมีการทาสวน อยำงเชํน การปลูกมะนาว เพื่อสร๎างรายได๎เสริมให๎แกํครอบครัว ลักษณะภูมิประเทศ โดยทั่วไป ในอาณาเขตชุมชนตาบลไชยวาน เป็นที่ราบสูง ลักษณะพื้นที่เป็นปุาละเมาะ สลับทุํงนา เนื้อที่ทั้งหมด 6,500 ไรํ เป็นเนื้อที่ทาการเกษตร มีแหลํงน้าและลาห๎วยที่ไหลผำน
ชาวชุมชนไชยวาน อาเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี นอกจากจะประกอบอาชีพทาไรํทานาแล๎ว ยังมีอาชีพเสริมซึ่งทาให๎เกิดรายได๎ในครอบครัว โดยการทาสวนมะนาว ซึ่งปัจจุบันนี้มะนาวเป็นพืชที่ปลูกงำยทาให๎แตํละบ๎านปลูกกันอยำงแพรํหลาย เกิดปัญหามะนาวล๎นตลาด ชาวสวนชุมชนไชยวานจึงประสบกับปัญหามะนาวที่ล๎นตลาดและราคาต่า บางสวนปลํอยทิ้งให๎สวนมะนาวรกร๎าง ทาให๎สูญเสียโอกาส ในการสร๎างรายได๎จากมะนาว
สวนมะนาว แมํสายลมตั้งอยูํ บ๎านไชยวาน ตาบลไชยวาน อาเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี เริ่มปลูกมาได๎ประมาณ 4-5 ปีแล๎ว มีต๎นมะนาวทั้งหมด 400 ต๎น ปลูกในพื้นที่ 2 ไรํ เป็นมะนาวแปูนเปลือกบาง ผลใหญํ คํอนข๎างกลมแปูน มีน้ามาก เป็นมะนาวพันธุ์แปูนพิจิตร สามารถบังคับให๎ออกฤดูแล๎งได๎งำย สภาพมะนาวออกลูกนอกฤดูกาล โดยการเลือกใช๎บํอซีเมนต์ขนาด 80x40 เซนติเมตรมาวาง ซึ่งต๎องรองก๎นบํอด๎วยฝาบํอซีเมนต์ขนาด 100 เซนติเมตร จากนั้นนาหน๎าดินที่มีแรํธาตุและสารอาหารมาผสมปุ๋ยคอกในอัตราสํวนเทำ ๆ กัน เติมแกลบเพื่อให๎ดินรํวนซุย เมื่อรากต๎นมะนาวในถุงดาแข็งแรงแล๎ว ก็ย๎ายลงมาปลูกในบํอซีเมนต์ กลบดินบริเวณโคนต๎นให๎แนํน และปักไม๎หลักเพื่อยึดต๎นให๎ทนทานไมํหักเอนมา เป็นการทาเกษตรกรรมภายในครอบครัว ซึ่งกํอนหน๎านี้ยังไมํมีผู๎ปลูกมากใน เขตชุมชนไชยวาน สวนแมํสายลมเป็นแหํงแรกในการปลูกสวนมะนาวจากบํอซีเมนต์ ซึ่งในสถานะปัจจุบันสํงขายให๎ตลาดและขายปลีกให๎แกํคนในชุมชน ซึ่งปัจจุบันราคาของมะนาวคํอนข๎างถูกและชาวชุมชนไชยวานปลูกสวนมะนาวกันมากจึงเกิดปัญหามะนาวล๎นตะลาด
จากปัญหามะนาวที่ล๎นตลาดและราคาต่าดังกลำว ผู๎ศึกษา จึงเล็งเห็นปัญหาแล๎ว ต๎องการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และแปรรูปมะนาว เพื่อเพิ่มมูลคำ เพื่อเพิ่มมูลคำผลิตภัณฑ์ด๎วยภูมิปัญญาท๎องถิ่น เพื่อสร๎างผลิตภัณฑ์รูปแบบใหมํ
musika เมื่อ 29 ต.ค. 2562 14:40 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการหนึ่งภาควิชาหนึ่งบริการวิชาการประจำปีงบประมาณ 2561 คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร (ปี 2561)คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ มีการให้บริการวิชาการแก่สังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักอย่างหนึ่งของคณะฯ ทั้งนี้คณะฯ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในวิชาชีพ และได้รับการยอมรับจากทั้งภายในและภายนอกวิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร ที่ผ่านมาคณะฯ มีโครงการบริการวิชาการแก่สังคมที่ตอบสนองความต้องการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของสังคมชุมชนและประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดทำโครงการหนึ่งภาควิชาหนึ่งบริการวิชาการ ซึ่งจะสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือและบูรณาการความร่วมมือด้านวิชาการกับทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่ดีต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างเทคโนโลยีที่ทันสมัยนำไปปรับใช้กับเกษตรกรในพื้นที่ชุมชน และนำความรู้ความสามารถไปถ่ายทอดสู่กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรใช้ความรู้ ความสารถเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ และนำมาบูรณาการกับการเรียนการสอน และการวิจัย ทั้งนี้การพัฒนางานบริการวิชการอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกซึ่งหากคณะฯ มีเครือข่ายความร่วมมือด้านบริการวิชาการที่เพิ่มขึ้น จะทำให้คณะฯ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและชุมชนอย่างกว้างขวางและเกษตรกรให้มีรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น
udonthani_ru เมื่อ 29 ต.ค. 2562 14:33 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีโครงงานการพัฒนาน้ำหมักชีวภาพทดแทนกรดฟอร์มิก : กรณีศึกษาสวนยางพารา นายสมพร เขียววารี ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย (ปี 2561)ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของไทย ปัจจุบันไทยมีเนื้อที่ปลูกยางพารากว่า 23 ล้านไร่ (ครอบคลุมกว่า 60 จังหวัด) และสามารถผลิตยางธรรมชาติได้ 4.9 ล้านตันต่อปี ผลผลิตดังกล่าวได้สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศกว่าปีละ 1.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ส่งออกยางพาราสูงเป็นอันดับ1 ของโลก ในปี 2561 ไทยส่งออกยางพารามูลค่ากว่า 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จีนถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ที่ไทยส่งออกยางพาราไปกว่าปีละ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 42.59 ของการส่งออกยางพาราทั้งหมดของไทย โดยจีนเป็นตลาดที่นำเข้ายางพาราอันดับหนึ่งของโลก รับซื้อยางพารากว่าปีละ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ จีนจึงเป็นตลาดหลักที่ไทยน่าจะรักษาศักยภาพการแข่งขันในสินค้ายางพารามากที่สุด การบรรลุข้อตกลงระหว่างอาเซียนกับจีนในการกำหนดกฎถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-จีน ให้มีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (product specific rules หรือ PSRs) ครอบคลุมสินค้ากว่าสองพันรายการหรือครึ่งหนึ่งของรายการสินค้าทั้งหมดเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เป็นการพัฒนากฎถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบการค้าระหว่างประเทศและกระบวนการผลิตของสินค้าในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกรณีของสินค้ายางพาราซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญ (ประชาชาติธุรกิจ,2562 : ออนไลน์)
ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วย 20 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ บึงกาฬ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร และอำนาจเจริญ มีพื้นที่ปลูกยางรวมทั้งสิ้น 2,987,907 ไร่ โดยเป็นพื้นที่อายุยางมากกว่า 6 ปี 1,016,946 ไร่ ปัจจุบันเกษตรกรร้อยละ 65 ผลิตยางก้อนถ้วยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตยางแท่ง เนื่องจากในหลายท้องที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำที่จะนำมาใช้ในกระบวนการผลิต อีกทั้งกระบวนการผลิตยางก้อนถ้วยมีขั้นตอนในการผลิตที่ง่ายกว่าการผลิตยางแผ่นดิบ รวมถึงมีต้นทุนกลางผลิตที่ต่ำ และใช้แรงงานน้อย ยางก้อนถ้วยในภาคอีสานมีคุณภาพดีที่สุดเกษตรกรส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเกษตรกรสวนยางขนาดเล็ก คือ มีพื้นที่ระหว่าง 1-25 ไร่ อีกทั้ง เป็นพื้นที่ปลูกยางใหม่ และเป็นการผลิตยางแบบใช้แรงงานครอบครัว ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องการเงินทุนสำหรับการจัดซื้อเครื่องจักรในการผลิตยางแผ่นดิบ รวมถึงการขาดทุนหมุนเวียนในการเก็บผลผลิตยางแผ่น เพื่อรอจำหน่าย ทำให้ยางก้อนถ้วย สามารถตอบโจทย์ให้เกษตรกรได้ เพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ใช้แรงงานน้อยกว่า และประหยัดเวลามากกว่า (สำนักงานตลาดกลางยางพาราหนองคาย,2562 : ออนไลน์)
อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการปลูกยางพาราจำนวนมาก เกษตรกรทำการผลิตผลผลิตยางพาราในลักษณะของยางก้อนถ้วย โดยใช้กรดฟอร์มิกในการจับตัวยาง ซึ่ง ฟอร์มิกหรือเรียกว่ากรดกำมะถัน เป็นกรดแก่ มีกลิ่นเหม็น แสบจมูก เป็นกรดอนินทรีย์ที่สลายตัวช้า ยางก้อนถ้วยที่ผลิตได้จากกรดชนิดนี้ เนื้อจะแข็งกระด้าง ขาดความยืดหยุ่น ก้อนยางมี สีคล้ำ หากตั้งทิ้งไว้ผิวหน้าจะเหนียวเยิ้มจากการที่เกลือซัลเฟตดูดความชื้นจากอากาศ ไอของกรดส่งผลกระทบต่อหน้ายางเกิดสีดำคล้ำ นอกจากนี้กรดฟอร์มิกยังก่อมลพิษต่อสุขภาพผู้ใช้งาน พื้นที่สวนยางและจุดรวบรวมยาง รวมถึงปัญหาน้ำยางหกลงบนถนน เหม็นตามถนนจนสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ใช้รถใช้ถนนและชุมชน อีกทั้งประเด็นที่น่าสนใจเมื่อราคายางพาราตกต่ำ ความต้องการจะลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และมีแนวคิดในการแปรรูปผลผลิตจากยางพารา
จากการที่ปัญหาราคายางตกต่ำ ผลผลิตล้นตลาด ไม่สามารถกำหนดราคาของผลผลิตได้ สวนยางของนายสมพร เขียววารี บ้านโนนดู่ ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการใช้กรดเคมีในการทำยางก้อนถ้วยทำให้หน้ายางตาย อายุการผลิตน้ำสั้นลง มีอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากการสัมผัสผิวหนังโดยตรง ทำให้ผิวหนังมีอาการไหม้ปวดแสบปวดร้อน เกิดผดผื่นคัน หลุดลอก จากการสูดดมไอระเหยจะทำให้ระคายเคือง มีกลิ่นเหม็นฉุน ติดตามร่างกายและเสื้อผ้า รู้สึกแสบร้อน ตามจมูก ลำคอหายใจถี่
ปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประชาสัมพันธ์ให้หันมาใช้สารชีวภาพมากขึ้น การศึกษาเกี่ยวกับน้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้ทดแทนกรดเคมีที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และสามารถหาวัตถุดิบที่มีภายในพื้นที่ได้ หรือสามารถนำวัตถุดิบที่เหลือใช้มาทำได้ เพื่อเป็นการรักษาหน้ายางและสุขภาพของชาวสวน รวมถึงกากใยจากการทำน้ำหมักชีวภาพยังสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ จะเป็นลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง
จากการที่ผู้ศึกษาลงพื้นที่ สวนยางของนายสมพร เขียววารี บ้านโนนดู่ ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย พบว่าปัญหาหลักของสวนยาง คือ คนงานและเจ้าของสวนมีอาการแพ้กรดฟอร์มิก และผลผลิตล้นตลาด จึงสนใจที่จะพัฒนาน้ำหมักชีวภาพ โดยนำวัสดุที่เหลือใช้จากผลไม้เช่นกล้วยสัปปะรด น้ำซาวข้าว เศษผักต่าง ๆ และกากน้ำตาล นำมาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมี แก้ไขปัญหากรดฟอร์มิกก่อมลพิษต่อสุขภาพผู้ใช้งาน วิธีการทำน้ำหมักชีวภาพอย่างถูกวิธี หันมาใช้สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัว มาทดลองและประยุกต์ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
udonthani_ru เมื่อ 29 ต.ค. 2562 14:02 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายจากเปลือกกล้วย กรณีศึกษา : ชุมชนสีกาย ตำบลสีกาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย (ปี 2561)กล้วยน้ำว้าเมื่อเทียบกับกล้วยหอมและกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าจะให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย นอกจากนั้นกินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2560)
กล้วยเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะอำเภอสังคม มีพื้นที่ปลูกกล้วยในทุกตำบลรวมกันมากที่สุดถึงประมาณ 3 หมื่นไร่ โดยเกษตรกรจะปลูกกล้วยน้ำว้าตามพื้นที่ว่างหัวไร่ปลายนาจนถึงปลูกเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม รายละ 1–10 ไร่ และมีรายได้จากการขายกล้วยและผลผลิตจากกล้วยเช่นหัวปลี หยวกกล้วย หน่อกล้วย ชนิดกล้วยที่ปลูกมากคือกล้วยน้ำว้า ในอดีตที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยน้ำว้าจะขายกล้วยแบบยกเครือ โดยพ่อค้าจะจ้างคนงานไปตัดกล้วยในสวน โดยเจ้าของสวนไม่ต้องตัดเอง เส้นทางการจำหน่ายพ่อค้าจะนำไปขายส่งที่จังหวัดร้อยเอ็ด อุบลราชธานี และสุรินทร์ ซึ่งมีความต้องการผลผลิตกล้วยน้ำว้าจากจังหวัดหนองคายเป็นอย่างมาก ปัจจุบันราคารับซื้อจากสวน หวีละ ๘ – ๑๐ บาท ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคมีมากแต่ผลผลิตไม่เพียงพอในบางช่วง เนื่องจากพื้นที่ปลูกกล้วยลดลง (สำนักงานเกษตรจังหวัดหนองคาย,2557)
ปัจจุบันแหล่งชุมชนต่างๆ ในจังหวัดหนองคาย ได้มีการปลูกกล้วยกันอย่างแพร่หลาย ทุกชุมชนและมีการนำกล้วยมาแปรรูปเป็นกล้วยฉาบ กล้วยม้วน กล้วยตาก เป็นต้น ซึ่งทำให้เปลือกกล้วยมีจำนวนมาก ส่งกลิ่นเหม็นเน่า โดยไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ ทั้งที่เปลือกกล้วยมีคุณค่าและสารอาหารต่างๆ เปลือกกล้วยมีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่สามารถพบได้ในอาหารโดยเฉพาะพืชผัก สมุนไพร และเปลือกผลไม้ เปลือกกล้วยสามารถนำมาพัฒนาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้ ซึ่งเปลือกกล้วยเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และที่สำคัญกล้วยยังมีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม และสารประกอบฟีนอลิก โดยผลดิบมีสารแทนนินมาก
ดังนั้น คณะผู้ศึกษาจึงจะพัฒนาเปลือกกล้วยที่เหลือทิ้งให้ได้ประโยชน์มากกว่าการนำมาแปรรูปหรือนำมาประกอบอาหาร โดยการทำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายจากเปลือกกล้วย และเพื่อทดสอบความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายจากเปลือกกล้วยจากกลุ่มคนวัยทำงานในชุมชนต่างๆในจังหวัดหนองคาย
udonthani_ru เมื่อ 29 ต.ค. 2562 11:28 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการศึกษาการพัฒนาก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าเพื่อลดต้นทุน กรณีศึกษา ฟาร์มเห็ดหนองแสง บ้านทับกุง ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2561)เห็ดเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย ราคาถูก และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรตีน ซึ่งเป็นอาหารหมู่หนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกาย โดยโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย แหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญได้มาจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เช่น นม เนย ไข่ ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง ในขณะที่โปรตีนที่ได้จากเห็ดจะมีราคาต่ำกว่า เห็ดนางฟ้าจัดเป็น เห็ดพื้นเมืองที่มีโปรตีนสูงเช่นกัน นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย มีรสชาติดี สามารถเพาะได้ในทุก ภาคและทุกฤดูของประเทศไทย การเพาะเชื้อเห็ดทุกวิธี เชื้อเห็ดจัดได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเพาะเห็ด มีเกษตรกรและชาวบ้านมากมายที่มีความสนใจจะเพาะเห็ดไว้บริโภคเอง หรือเพื่อสร้างรายได้เป็นอาชีพ แต่ เนื่องจากเชื้อเห็ดที่จะนำมาเพาะนั้นหาซื้อได้ยากในบางพื้นที่ หรือที่มีขายก็มักจะไม่ค่อยมีคุณภาพที่ แน่นอนทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่สม่ำเสมอ และไม่มีคุณภาพ หรือเชื้อเห็ดมีราคาที่แพงเกินไป เกษตรกรน้อยรายนักที่จะผลิตเชื้อเห็ดเองเพราะใช้ทุนทรัพย์ค่อนข้างสูง ต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นหลายอย่างต้องใช้เทคนิคปลอดเชื้อ เพื่อควบคุมการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์แปลกปลอมที่ติดมากับวัสดุที่ใช้ เป็นวัสดุเพาะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งผู้ปฏิบัติต้องมีการเรียนรู้และ ฝึกปฏิบัติเป็นประจำจึงจะสามารถทำได้(การเพาะเห็ดนางฟ้า.2554.(ออนไลน์).แหล่งที่มา http://puparn.rid.go.th/nineteen%20MENU/fiveteen.pdf สืบค้นเมื่อ :6 เมษายน 2562)

ปัญหาของฟาร์มเห็ดหนองแสง บ้านทับกุง ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี เป็นฟาร์มเห็ดขนาดกลาง ที่จำหน่ายเห็ดนางฟ้า นางรมและเห็ดกระด้าง โดยมีการรับก้อนเชื้อเห็ดมาจากแหล่งจำหน่ายก้อนเชื้อเห็ด โดยมีต้นทุนการสั่งซื้อและการขนส่งค่อนข้างสูง ทั้งมีจำนวนก้อนเชื้อเห็ดที่ซื้อมาเน่าเสีย เชื้อเห็ดไม่เดิน ทำให้ฟาร์มสูญเสียค่าใช้จ่ายและรายได้ จึงมีแนวคิดที่จะทำก้อนเชื้อเห็ดเอง เพื่อลดต้นทุนในการซื้อก้อนเชื้อเห็ดและเพิ่มรายได้ในการจำหน่ายก้อนเชื้อเห็ดให้กับฟาร์มเห็ดหนอง
Haikoonherb19 เมื่อ 29 ต.ค. 2562 11:09 น.
udonthani_ru เมื่อ 29 ต.ค. 2562 11:06 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเศษผ้าม่าน : กรณีศึกษา ร้านเจริญทรัพย์ ผ้าม่าน ตำบลบ้านเลื่อม อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี (ปี 2561)จากรายงานสภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมของประเทศมีอัตราการเจริญเติบโตมากขึ้น (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด (open economy) คือเป็นประเทศที่มีการติดต่อทาการซื้อขายสินค้าและบริการกับประเทศเพื่อนบ้าน การค้าระหว่างประเทศจึงมีบทบาทสาคัญในฐานะกลไกลในการพัฒนาและนาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศ รวมทั้งมีส่วนสาคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ พ.ศ. 2504 (พัชรี สุวรรณศรี, สุภัทณี เปรียบสุวรรณกิจ) ส่งผลให้สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น หนึ่งในปัจจัยสี่ คือ ที่อยู่อาศัย มีการสร้างบ้านใหม่เพื่อสนองความต้องการผู้บริโภคจานวนมาก รวมทั้งมีการปรับปรุงบ้านเก่าให้มีความน่าอยู่ ทันสมัยมากขึ้น จึงมีการตกแต่งภายในให้สวยงามและทันสมัยด้วยวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงผ้าม่านและมู่ลี่ ส่งผลให้ธุรกิจผ้าม่านเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งการผลิตผ้าม่านนั้น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในเรื่องการตกแต่งภายใน จึงมีความเหมาะสมสาหรับการตกแต่งบ้านใหม่และการปรับปรุงบ้านเก่าให้สวยงามตามความนิยม
ในเรื่องของการตกแต่งภายในนั้นส่งผลให้ ธุรกิจผ้าม่านที่ได้รับความนิยมในการตกแต่งบ้าน ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วยังจะช่วยทาให้บ้านหลังนั้นดูดีมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทาให้การใช้ชีวิตประจาวันมีความสุขสาหรับการการพักอาศัย และมีความรู้สึกภาคภูมิใจเกิดขึ้น จึงทาให้การประกอบธุรกิจผ้าม่านมีความนิยมมาโดยตลอดและมีการพัฒนารูปแบบมาตามความเหมาะสมในแต่ละสมัย เนื่องจากการที่ธุรกิจผ้าม่านสามารถทาได้หลากหลายรูปแบบและรูปทรงตามความต้องการของ ผู้อยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันในกระบวนการผลิตผ้าม่านส่งผลให้มีเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บเป็นจานวนมากตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
udonthani_ru เมื่อ 29 ต.ค. 2562 10:49 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเม่าเขตพื้นที่ อาเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี (ปี 2561)ข้าวเม่าเป็นข้าวที่ใช้ระยะเวลาในการปลูก 3 เดือน ซึ่งยังเป็นข้าวที่ยังไม่แก่จัดและยังไม่เป็นข้าวสารเพราะข้าวเม่ามีผลช่วยเสริมสภาพจิตใจมีความตื่นตัว มีสมาธิ และยังคงเสริมสร้างวิตามินบี ช่วยปรับระบบกลูโครส และเป็นสารอาหารที่เข้าไปพัฒนาระบบสมอง โดยข้าวเม่าอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ไขมัน วิตามินบี1 วิตามินบี2 ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แม็กนีเซียม และโปรตีน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพจึงเล็งเห็นประโยชน์และคุณค่าของข้าวเม่าดังนั้นจึงเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวเม่าโดยการน้ามาท้าเป็นน้้าข้าวเม่าเพื่อสุขภาพพร้อมดื่มและท้าเป็นผงข้าวเม่าส้าหรับชง เนื่องจากทุกวันนี้คนรักสุขภาพมากขึ้นจึงหันมาสนใจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรืออาหารและน้้าข้าวเม่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยประโยชน์และสารอาหารที่คนรักสุขภาพต้องการ
แต่เนื่องจากข้าวเม่ามีความชื้นท้าให้ขึ้นราได้ง่ายซึ่งท้าให้ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน จึงทดลองค้นหาวิธีในการรักษากลิ่นของข้าวเม่าเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ข้าวเม่ายังคงมีกลิ่นธรรมชาติของข้าวเม่าเช่นเดิม
ด้วยเหตุผลนี้ผู้ศึกษาจึงมีความเห็นว่าควรน้าข้าวเม่ามาพัฒนาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ให้เกิดความหลากหลายเพื่อการเก็บรักษาไว้ได้นาน
suparp kanyacome เมื่อ 29 ต.ค. 2562 10:48 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการจ้างที่ปรึกษาเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสู่อุตสาหกรรม 4.0 (ปี 2561)“โครงการจ้างที่ปรึกษาเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสู่อุตสาหกรรม 4.0 การพัฒนาศักยภาพสถานประกอบการโดยใช้เทคโนโลยีระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (ERP) ในด้านการผลิต Manufacturing Resource Planning (MRP) และด้านการตลาด Customer Resource Management (CRM)ภายใต้โครงการเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0” ซึ่งรายละเอียดทางด้านราคานั้น คณะที่ปรึกษาได้จัดทำแยกไว้ต่างหาก โดยข้อเสนอทางด้านเทคนิคนี้จะกล่าวถึงความเป็นมาของโครงการ วัตถุประสงค์ ขอบเขตของโครงการ แผนงานและวิธีการศึกษาโดยละเอียด ผลงานของหน่วยงาน ตลอดจนบุคลากรและการบริหารงานโครงการ โดยมีเนื้อหากล่าวตามลำดับต่อไปนี้
การพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นผลมาจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่งที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ประเทศต่าง ๆ มีการกำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับบริบทต่าง ๆ ของโลกที่เปลี่ยนไป
ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้กำหนดกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะ 20 ปีข้างหน้า หรือกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) โดยในเบื้องต้นได้กำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศไทยว่า “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ที่เป็น 5 ปีแรกของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สู่การปฏิบัติ โดยการมุ่งเน้นการพัฒนาที่จะเป็นการวางพื้นฐานที่สามารถสานต่อการพัฒนาในระยะต่อไป เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์กับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญา และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก” โดยได้จัดทำแผนที่นำทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในการเพิ่มขีดความสามารถ และศักยภาพการแข่งขันในระดับนานาชาติ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน รวมถึงการพัฒนาสังคมไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นการพัฒนาจากประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูง
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ของรัฐบาล และยุทธศาสตร์กับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งนี้เพื่อจะทำให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการประกอบกิจการ และวางรากฐานของการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไปสู่ Industry 4.0 ต่อไป
musika เมื่อ 29 ต.ค. 2562 10:42 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการเพิ่มศักยภาพทางการค้าผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมจังหวัดสกลนครสู่สากล (ปี 2561)1. ที่มา
นโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบาย ในการส่งเสริมช่วยเหลือธุรกิจ SME ซึ่งเป็นธุรกิจระดับรากหญ้าให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยทั้งนี้ การช่วยเหลือ SME นอกจากจะช่วยเหลือในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแล้ว ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการนำสินค้าและบริการที่มีมาตรฐานของธุรกิจ SME ออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน ซึ่งมีความต้องการสินค้าของประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และนอกจากนี้ยังส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME มีความรู้ในเรื่องของการทำการตลาดออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ส หรือการนำเทคโนโลยีดิจิตอลให้สามารถทำธุรกิจได้ดีขึ้น สามารถแข่งขันได้ในเวทีอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆได้รวมทั้ง ภาครัฐและเอกชนได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืนโดยพัฒนาและส่งเสริมด้านการตลาดผู้ประกอบการ และผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณภาพ มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมสามารถจำหน่ายในตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
จังหวัดสกลนครถือเป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นของผ้าทอ ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผ้าย้อมสีธรรมชาติ เนื่องจากสกลนครเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ จึงกลายเป็นแหล่งรังไหม แหล่งปลูกคราม ที่นำมาสร้างสรรค์งานทอผ้าได้อย่างงดงาม และสืบสานเป็นศิลปวัฒนธรรมของชาวสกลนครสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่ง “ผ้าไหมสกลนคร” ถือเป็นแหล่งผ้าไหมที่สวยงามแห่งหนึ่งของประเทศเพราะมีทรัพยากรที่เหมาะแก่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ถือเป็นรังไหมของอีสาน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ผลิตจำนวนมากได้รับการการพัฒนาจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร จนกลายเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ และ “ผ้าย้อมคราม” เป็นผ้าฝ้ายย้อมครามสีธรรมชาติที่ได้รับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) และเป็นที่นิยมตามกระแสโลกในเรื่องสินค้าที่เป็นมิตรกับร่างกายและสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันผ้าครามสกลนครเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและอาเซียน ผู้สนใจจากทั่วโลกหันมาสนใจผ้าครามจากสกลนครมากขึ้น และเริ่มตามรอยผ้าครามมาดูแหล่งผลิตที่สกลนครมากขึ้น ดังนั้น หากนำไหมมาย้อมครามจะถือเป็นการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์เด่น (ประเภทผ้า) ของจังหวัดสกลนคร ซึ่งจะเป็นจุดขาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และสามารถสร้างเรื่องราว (Story) ให้น่าสนใจในทางการตลาด และจะทำให้ผ้าไหมย้อมครามของสกลนครเป็นผ้าระดับพรีเมี่ยมได้ เนื่องจากผ้าไหมมีราคาแพงและการย้อมครามก็เป็นการย้อมสีธรรมชาติที่มีต้นทุนในการย้อมพอสมควร และหากพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมย้อมครามสู่แฟชั่นร่วมสมัย จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของจังหวัดสกลนครมีความโดดเด่นทรงคุณค่า เกิดผลิตภัณฑ์และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในจังหวัดสกลนคร
ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพ และการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่าสินค้าผ้าไหมย้อมครามของสกลนคร สร้างแรงกระตุ้นเชิงอัตลักษณ์ของจังหวัดให้เกิดความต้องการสินค้าและเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ในการสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มให้กับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy) ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากให้กับชุมชนและท้องถิ่นอย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

2. สภาพปัญหา/ความต้องการ
สถานการณ์การแข่งขันทางเศรษฐกิจในปัจจุบันมีผลกระทบโดยตรงต่อของผู้ประกอบการของจังหวัดสกลนคร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ SMEs / OTOP การพาณิชย์เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจของจังหวัด การค้าเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดเป็นมูลค่ามาก ซึ่งนับวันมีความสำคัญมากขึ้น การยกระดับการค้ามีความจำเป็นที่ต้องหาตลาดใหม่ โดยใช้โอกาสการขยายตลาดหรือตัวแทนทางการค้า (Trader) ไปสู่ตลาดต่างประเทศ ถ้าหากการตลาดมียอดขายที่ลดลงหรือการค้าถดถอยไปเรื่อยๆ ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถอยู่รอดในการแข่งขันกับตลาดที่มีการแข่งขันในขณะนี้ และจะค่อยๆ หยุดกิจการไป ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในจังหวัด ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์รวมมวลจังหวัดลดลงตามด้วย สกลนครเป็นจังหวัดที่มากด้วยแหล่งทางศิลปวัฒนธรรมและเป็นศูนย์รวมแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนา จังหวัดสกลนครจึงมีศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ผสมผสานกับคำสอนทางพุทธศาสนาได้อย่างลงตัว รวมถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตทางสิ่งทอพื้นบ้านของคนในจังหวัดสกลนคร หนึ่งในสิ่งทอพื้นบ้านที่มีความงดงามและมีประวัติศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของจังหวัดสกลนคร ผ้าไหมย้อมคราม โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอุปถัมภ์กิจกรรมของโครงการศิลปาชีพในจังหวัดสกลนคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นฟูเรื่องของภูมิปัญญาในการผลิตผ้าไหมและผ้าไทยต่าง ๆ ให้ดำรงคงอยู่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในกระบวนการผลิตและการจำหน่ายผ้าไหมส่วนใหญ่เป็นการออกแบบและผลิตจากทักษะความชำนาญ และความรู้ความเข้าใจที่สืบทอดกันมา ขาดความเข้าใจตลาด ขาดการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่เหมาะสม ทำให้สินค้าจำนวนมากมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมแก่การใช้งาน ขาดความคงทน มีความสูญเปล่าทางวัสดุ แรงงาน ทำให้มีต้นทุนสูง อุปทานการผลิตมากกว่าอุปสงค์ในความต้องการ

3. ความเร่งด่วน
ผ้าไหมไทยและผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยนับเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมยุทธศาสตร์ที่ควรส่งเสริมให้มีความสามารถในการแข่งขัน โดยการนำความรู้จากการศึกษาวิจัยมาขยายผลให้แก่ผู้ประกอบการ เนื่องจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการยังประสบปัญหาการขาดความเชี่ยวชาญในการออกแบบของสินค้า ขาดทักษะความชำนาญในการคิดสร้างสรรค์ / นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เป็นที่ดึงดูดใจของผู้ซื้อ ไม่มีจุดขายสินค้า สินค้ายังเป็นลักษณะคล้ายคลึงกัน ทำให้มีการแข่งขันภายในกลุ่มประเภทสินค้าเดียวกันจำเป็นต้องหาจุดยืนของสินค้า หรือความเป็นเอกลักษณ์ให้แตกต่างกัน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและขายสินค้าได้มากขึ้น และที่สำคัญคือ “ไหมสกลนคร” กำลังจะเลือนหายไป ควรอย่างยิ่งที่จะฟื้นฟูผ้าไหมให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยนำมาผสมผสานกับคราม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดสกลนครถือเป็นภูมิปัญญาที่ล้ำค่าที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน จึงควรที่จะอนุรักษ์ต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์เด่นคู่กันของจังหวัดสกลนครต่อไป

4. สรุปสาระสำคัญ
จังหวัดสกลนคร เป็นจังหวัดที่มีผลิตผลทางการเกษตรที่ต่อยอดมาเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและมีความเป็นอัตลักษณ์ไม่เหมือนใคร อาทิ ผ้าย้อมคราม น้ำเม่า ข้าวฮาง ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ได้รับตัวบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ แสดงถึงความเป็นสุดยอดผลิตผลทางการเกษตร อีกทั้งมีความโดดเด่นของผ้าทอ ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าย้อมคราม และผ้าย้อมสีธรรมชาติ ที่มีการผลิตครอบคลุมพื้นที่เกือบทุกอำเภอในจังหวัดสกลนคร และเพื่อพัฒนาผ้าไหมไทยพื้นบ้านในจังหวัดสกลนครให้มีความร่วมสมัยและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมกันนี้การย้อมไหมด้วยครามซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ไหมสกลนครมีความโดดเด่นและเป็นที่สนใจในตลาดโลก และเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการในจังหวัดสกลนคร และคงความเป็นอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดสกลนคร จึงต้องมีการต่อยอด บูรณาการ และผสมผสานไหมและครามให้เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนและเป็นการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาเด่นของจังหวัดสกลนครได้อย่างยั่งยืๅ
nantawan_6726 เมื่อ 29 ต.ค. 2562 09:48 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสาน (ปี 2562)จากนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนในชุมชนร่วมกันบริหารจัดการ และพัฒนาศักยภาพของตนเองที่มีอยู่ให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น โดยการสร้างงาน สร้างรายได้ การลดต้นทุนและลดปัจจัยการผลิต ทางการเกษตร พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติระดับชุมชนให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และการสร้างโอกาสเพื่อพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากให้กับชุมชน จากแนวคิดดังกล่าว มีความสอดคล้องกับพันธกิจ (Mission) ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่มุ่งเน้นสร้างงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสู่การผลิต การบริการและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ประเทศ รวมทั้งมุ่งบริการวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่สังคม และทำนุบำรุงศาสนา อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมีความรู้ความสามารถในแต่ละศาสตร์ สามารถประสมประสานต่อนโยบายดังกล่าว เพื่อการพัฒนาชุมชนได้เป็นอย่างดี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ตระหนักถึงความสำคัญและพยายามที่จะส่งเสริมและขับเคลื่อนให้คนในชุมชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความพออยู่พอกิน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จึงเห็นควรให้ดำเนินโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสาน ขึ้น ภายใต้กระบวนทัศน์การพัฒนาขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช “การพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน ต้องสร้างพื้นฐาน ความพออยู่ พอกิน พอใช้ก่อน แล้วจึงค่อยเสริม ค่อยสร้าง ความเจริญ และเศรษฐกิจขั้นสูงต่อไป” เพื่อเป็นการสร้างวิถีแห่งอาชีพ การดำรงชีวิต ด้วยความพออยู่พอกิน การพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเองอย่างเข้มแข็ง นำพาไปสู่การสร้างเครือข่ายการพัฒนา อย่างยั่งยืน โดยมีอาจารย์ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานในแต่ละเขตพื้นที่เป็นหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพของชุมชนสู่วิถีชีวิตแห่งความพออยู่พอกิน อันสามารถนำไปสู่วิถีชีวิตอย่างยั่งยืน สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ด้วยลำแข้งของตนเอง “อย่างมีความสุขบนพื้นฐานคุณภาพชีวิตที่ดี” ซึ่งมีเป้าหมายสร้างหมู่บ้านเป็น “หมู่บ้านราชมงคลอีสานต้นแบบ” เพื่อเป็นต้นแบบ เป็นศูนย์การเรียนรู้ ศึกษาดูงาน และเป็นพี่เลี้ยงให้กับหมู่บ้าน/ชุมชนอื่นต่อไป
thonburi เมื่อ 29 ต.ค. 2562 09:28 น.
มหาวิทยาลัยธนบุรีมหาวิทยาลัยธนบุรีอาสาพัฒนาชุมชนผู้ปลูกดอกจำปี หนองแขม กรุงเทพมหานคร (ปี 2563)การขยายตัวขอลงสังคมเมืองและการมาถึงของโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ท้องนาเขตหนองแขม กรุงเทพมหานครลดขนาดลงและถูกปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์มาโดยตลอด ตั้งแต่สวนผัก สวนผลไม้แบบกร่องจนท้านที่สุดได้กลายเป็นสวนจำปีสำหรับเก็บดอกส่งขาย แต่เพราะราคาดอกจำปีที่ไม่แน่นอนชาวบ้านและเกษตรกรจึงรวมกลุ่มกันเพื่อคิดวิธีเพิ่มมูลค่า เกิดเป็น "วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกจำปีหนองแขม" ซึ่งริเริ่มต่อยอดผลผลิตในสวนมาเป็น "น้ำหอมจำปี (Jampee)" อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ชาวหนองแขมภาคภูมิใจ โดยคุณสุนันท์ หนูแย้ม ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการผลิตน้ำหอมจำปีว่า เมื่อก่อนแถวหนองแขมมีสวนจำปีกว่าพันไร่ แต่จำนวนก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะรายได้จากการเก็บดอกไม้ส่งขายอย่างเดียวไม่เพียงพอ บางช่วงก็ราคาตก ทั้งที่จำปีสามารถเก็บดอกขายได้ตลอดทั้งปี ตอนรวมกลุ่มชาวบ้านเป็นวิสาหกิจชุมชน เมื่อปี พ.ศ. 2548 พวกเราเหลือพื้นที่ปลูกจำปีประมาณ 5 - 6 ร้อยไร่ ในบริเวณหนองแขม และที่ใกล้เคียง สำนักงานเขตจะจดเป็นต้นไม้ประจำท้องถิ่นเลยคิดกันว่าจะเพิ่มมูลค่าจำปียังไง โชคดีที่เจ้าหน้าที่เกษตรช่วยนำจำปีไปวิจัยให้ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน แล้วพบว่าสามารถสกัดเป็นน้ำหอมระเหยจากดอกจำปีได้ เราจึงตัดสินใจว่าจะแปรรูปเป็นน้ำหอมจำปีโดยใช้เครื่องกลั่นจากภูมิปัญญาที่คุณพยุง หนูแย้ม ประธานกลุ่มเป็นผู้ออกแบบและผลิตเอง ช่วยลดต้นทุนการผลิตในช่วงเริ่มต้นไปได้เยอะ และก็ได้น้ำมันหอมจากดอกจำปีที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับเครื่องกลั่นราคาแพง
Piyanun07 เมื่อ 29 ต.ค. 2562 08:50 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ทักษะสมอง EF (Executive function) เพื่อบ่มเพาะคุณธรรมและจริยธรรมสำหรับเด็กปฐมวัยในจังหวัดสุรินทร์ (ปี 2563)จากการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติหลากหลายสาขาในปัจจุบัน ทั้งด้านประสาทวิทยาศาสตร์ ประสาทจิตวิทยา และด้านการศึกษาต่างชี้ว่าทักษะสมอง Executive Functions (EF) ซึ่งเป็นชุดกระบวนการทางความคิด (mental process) ที่ทำงานในสมองส่วนหน้าของมนุษย์ (prefrontal cortex) อันทำหน้าที่เกี่ยวกับการกำกับความคิด กำกับความรู้สึก และการกระทำทั้งปวงนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะได้รับการส่งเสริมปลูกฝังในเด็กที่เกิดมาบนโลกอย่างจริงจัง
ทักษะสมอง Executive Functions (EF) คือทักษะที่จะช่วยให้เด็ก “คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนอื่นเป็น และหาความสุขเป็น”EF ช่วยให้เด็กมีเหตุมีผล ยับยั้งชั่งใจได้ กำกับอารมณ์และหาความสุขเป็น”
EF ช่วยให้เด็กมีเหตุมีผล ยับยั้งชั่งใจได้ กำกับอารมณ์และพฤติกรรมตนเองได้ วางแผนทำงานเป็น ใจจดจ่อ ทำการใดไม่วอกแวก จดจำประสบการณ์ในอดีต มาเชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และคาดการณ์ผลในอนาคตได้ ช่วยให้เด็กจัดการกับงานหลาย ๆ อย่างให้ลุล่วงเรียบร้อยได้ จัดลำดับงานเป็นขั้นเป็นตอน ยึดเป้าหมายแล้วมุ่งมั่น พากเพียร ทำไปเป็นขั้นตอนจนสำเร็จ
EFช่วยให้เด็กพัฒนาตนจากการมีชีวิตที่มีคุณค่าแห่งคุณงามความดี บ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินชีวิตที่ดี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อและพฤติกรรมที่ดีงาม
ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สังคมแห่งการเรียนรู้ไม่มีวันหยุดนิ่ง สังคมโลกกลายเป็นสังคมความรู้(Knowledge Society) หรือสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) องค์การทางการศึกษา จึงต้องปรับตัวให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) คุณภาพการศึกษาขึ้นอยู่กับคุณภาพครูเป็นหลัก แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 มีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาโดยยึดคนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้การเปลี่ยนแปลง และ หนึ่งในนโยบายเร่งรัดของกระทรวงศึกษาธิการคือ ปฏิรูประบบการผลิตและพัฒนาครู ดังนั้นครูจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ ความสามารถให้แก่ศิษย์ รวมทั้งพัฒนาศิษย์ให้เป็นมนุษย์ที่มีสมบูรณ์ เป็นคนดี มีคุณธรรม จึงกล่าวได้ว่า“ครู” เป็นบุคคลสำคัญยิ่งต่อภารกิจในการพัฒนาเยาวชนของชาติ นอกจากครูจะต้องมีจิตวิญญาณความเป็นครูแล้ว ยังต้องเป็นผู้ทรงความรู้ในเนื้อหาที่จะถ่ายทอดสู่ผู้เรียน และครูยังต้องจัดการเรียนการสอนได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นครูจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และในปี พ.ศ.2558 กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษา โดยให้ความสําคัญต่อยุทธศาสตร์การศึกษา คุณธรรม จริยธรรมและคุณภาพชีวิต การปฏิรูปการเรียนรู้ สะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนเน้นความมีประสิทธิภาพในการแข่งขันในประชาคมอาเซียน และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และจากการสังเคราะห์งานวิจัยหลายฉบับ พบว่า สังคมใดมีผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมจริยธรรม สังคมนั้นจะมีแต่ความสงบสุข ในขณะเดียวกัน หากคนในสังคมใดมีความบกพร่องด้านจิตใจ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม แม้สังคมนั้นจะมีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ก็หาความสงบสุขได้ยาก สรุปภาพรวมของปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นกับคนในชาติทุกกลุ่มเป้าหมาย นับวันจะรุนแรงและทวีคูณมากขึ้นสถานการณ์เช่นนี้มีผลต่อประเทศและสังคมไทยโดยรวม
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและ
บริการวิชาการแก่ชุมชนและท้องถิ่น เล็งเห็นความสำคัญต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งของวิชาชีพ
ครู การผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่เหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง หลักการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจึงมุ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้เรียน ดังนั้นการพัฒนาทักษะสมอง EF (Executive function)เพื่อบ่มเพาะคุณธรรมและจริยธรรมสำหรับเด็กปฐมวัยโดยน้อมนำแนวทางศาสตร์พระราชาและกระบวนการ PLC มาเป็นแนวทางการพัฒนาครูปฐมวัย ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ กระบวนการเรียนรู้ทักษะ EFกับการสร้างสรรค์คุณธรรมความดี EFกับการยับยั้งชั่งใจ EFกับนิทานคุณธรรม EFกับสมาธิจดจ่อใส่ใจ EFกับการสร้างครอบครัวคุณธรรม EFกับกิจกรรมเครือข่ายครูคุณธรรม และ ครูต้นแบบEFจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆดังกล่าวเป็นการนำเข้าองค์ความรู้ EF สู่กระบวนการพัฒนาครูปฐมวัยผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดํารงชีวิต สามารถทํางานร่วมกับบุคคลอื่นให้อยู่อย่างมีความสุข ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนในสังคมจะต้องตระหนักถึงการนำทักษะสมองEFเพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้กับเด็กปฐมวัย บุคลากรทุกฝ่ายต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กเยาวชน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่บุตรหลานอย่างใกล้ชิด ครูต้องมีสำนึกและจิตวิญญาณของความเป็นครูเพิ่มขึ้น หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรศาสนา สื่อมวลชนทั้งหลายต้องตื่นตัว ผนึกกำลังร่วมกันเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยึดหลักคุณธรรมนำชีวิตไปสู่ความสุข และที่สำคัญต้องเป็นความสุขแบบเรียบง่ายและยั่งยืน

เพื่อเสริมสร้างให้เด็กปฐมวัยมีทักษะสมอง EF และกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล ซึมซับคุณค่าแห่งคุณธรรม และภูมิใจในการทำความดี
เพื่อพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย พ่อแม่และผู้ปกครองเด็กปฐมวัยสามารถนำทักษะ EF เพื่อบ่มเพาะคุณคุณธรรม จริยธรรมสำหรับเด็กปฐมวัยได้
เพื่อให้ครูสามารถ คิดค้น เลือกใช้ ผลิต นวัตกรรมพัฒนาทักษะสมอง EF เพื่อบ่มเพาะคุณคุณธรรม จริยธรรมสำหรับเด็กปฐมวัย และพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อพัฒนาครูต้นแบบ EF จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจในสถานศึกษา
เพื่อสร้างครอบครัวคุณธรรมโดยใช้ EFเป็นฐาน
kriangkrai.sa01 เมื่อ 29 ต.ค. 2562 06:29 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขนอบรมยุวมัคคุเทศก์ท้องถิ่น (ปี 2560)วัตถุประสงค์ของโครงการ

1. เพื่อให้เยาวชนได้รับความรู้และทักษะการเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นในการแนะนำและประชาสัมพันธ์ชุมชน ด้วยจิตสำนึกในคุณค่าและภาคภูมิใจในท้องถิ่นตน นำไปสู่การอนุรักษ์และประชาสัมพันธ์ทรัพยากรการท่องเที่ยวท้องถิ่นได้อย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์แก่ท้องถิ่นตน
2. เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเยาวชนในท้องถิ่นให้มากขึ้นด้วยการถ่ายทอดความรู้ด้านมัคคุเทศก์และการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยฯ ผสมผสานกับองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นจากผู้รู้และปราชญ์ชาวบ้านมาบูรณาการอย่างมีส่วนร่วมสู่ชุมชนท้องถิ่น
3. เพื่อนำผลการดำเนินโครงการมาบูรณาการกับการเรียนการสอนและงานวิจัยของคณะ
4. เพื่อบริการวิชาการแบบให้เปล่าแก่ชุมชนรอบมหาวิทยาลัย
5. เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัยต่อชุมชน

ลักษณะกิจกรรม

คณะศิลปศาสตร์ร่วมมือกับโรงไฟฟ้าบางปะกงนำองค์ความรู้ทางวิชาการด้านการท่องเที่ยวและทักษะการเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นให้กับเยาวชนของชุมชนต่างๆ ทั้งในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีการอบรมทักษะการเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นแก่เยาวชนจำนวน 30 คน ให้ความสำคัญกับประเด็นการท่องเที่ยวในชุมชน ซึ่งอาจสามารถนำมาใช้เป็นจุดสนใจในการทำหน้าที่มัคคุเทศก์ท้องถิ่นในชุมชนได้ และการปฏิบัติหน้าที่จริงยังสถานที่ท่องเที่ยวของชุมชน
kriangkrai.sa01 เมื่อ 28 ต.ค. 2562 19:36 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขนโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน (ปี 2562)“ขนมไทย” เป็นมรดกไทยที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน นนทบุรีเป็นจังหวัดที่มีผลผลิตทางการเกษตรที่สามารถใช้ในการผลิตขนมไทยได้ ซึ่งขณะนี้สมาชิกของวิสาหกิจที่ทำขนมไทยจำหน่าย มีเพียง “ป้าป้อม” แต่ยังเป็นขนมไทยที่สามารถหารับประทานได้โดยทั่วไป จึงต้องการทำให้ขนมไทยของชุมชนมีความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ สร้างการจดจำแก่ลูกค้าได้ จึงเสนอให้ทีมงานเข้ามาช่วยพัฒนาขนมไทย เพื่อนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับสมาชิกในวิสาหกิจชุมชน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์มรดกไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน
poom.mu2019 เมื่อ 28 ต.ค. 2562 18:43 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์การยกระดับบริการบ้านพักชุมชนสู่การเป็นโฮมสเตย์มาตรฐานประเทศไทย ณ หมู่บ้านท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านหนองแวงภูปอ เทศบาลตำบลภูปอ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2562)ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนก็ได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนเป็นอย่างดี จึงส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อ เรียนรู้ สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ผ่านวิถีชีวิตการเป็นอยู่ที่แตกต่างของชุมชนทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลโดยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ททท.) มุ่งเน้นให้ชุมชนมีโอกาสนำเสนอเอกลักษณ์ในแบบของตน สามารถกระตุ้นให้นักเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากยิ่งขึ้นในจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ที่ไม่เคยได้พบและเรียนรู้สัมผัสอย่างลงลึกมาก่อน ภายใต้แนวคิดที่ส่งผลเป็นค่านิยมใหม่ของการท่องเที่ยวที่ได้ผลอย่างต่อเนื่องมาหลายปีนี้ ภายใต้นิยามที่ว่า “เที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร” (Discover Thainess) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 กระทั้งปี พ.ศ. 2561 ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน หรือ Amazing Thailand Tourism Year 2018 ซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยว ส่งเสริมพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว เปิดตัวให้เป็นที่รู้จกและขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อกระจายรายได้ ผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นแก่พื้นที่ชุมชนอย่างแท้จริง และเป็นที่รู้จักทั่วไปว่า “เมืองหลัก” และ “เมืองรอง” คือ เมืองต้องห้าม...พลาด ในระยะเวลา 3 – 4 ปี ที่ผ่านมา
ในปี พ.ศ. 2561 กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้มีนโยบายต่อยอดส่งเสริมและขยายผลเชื่อมโยงกับกระแสการท่องเที่ยวในปัจุบันด้วยโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่มีแนวทางในการต่อยอดการพัฒนาส่งเสริมชุมชนให้พร้อมและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นในพื้นที่ของตนเอง ด้วยการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและการให้บริการภายใต้การส่งเสริมการตลาดชุมชน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่ ภายใต้คำว่า “แอ่งเล็ก” โดยมีการคัดเลือกกว่า 3,273 พื้นที่ทั่วประเทศไทย ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลเป็น Big Data ยกระดับการท่องเที่ยวในพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคให้พร้อมต่อการต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ซึ่งมีบริการจุดเช็คอินในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่น่าสนใจ มีบริการที่พักโฮมสเตย์ของชุมชน และมีการนำเสนอกิจกรรมการท่องเที่ยวในหลายรูปแบบเหมาะแก่กลุ่มผู้มาเยือนให้สามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการ ทั้งนี้ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ก็เป็นหนึ่งพื้นที่ที่มีศักยภาพและถูกเลือกไว้แล้ว ซึ่งมีคุณค่าทั้งธรรมชาติที่สวยงาม วิถีชีวิตที่น่าสนใจจนเป็นที่มาของชุมชนท่องเที่ยวหนองแวงภูปอ ตำบลภูปอ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้มีการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวขึ้นในชุมชน อาทิ โฮมสเตย์บ้านพักชุมชน รายการอาหารท้องถิ่น กิจกรรมการท่องเที่ยวแนะนำที่น่าสนใจของชุมชน เป็นต้น
จากการยืนยันของนายนิยม สารปรัง เจ้าของและผู้พัฒนาฟาร์มเทพสถิต ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านหนองแวงภูปอ เห็นได้ชัดว่าชุมชนมีความประสงค์ที่จะต่อยอดการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นที่นิยมแก่นักเดินทางและมีผู้มาเยือนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิต รายได้ อาชีพเสริมที่ช่วยยกระดับแก่คนในชุมชนได้จากการพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชน ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวและการพัฒนาบริการที่พักแบบโฮมสเตย์ในชุมชนให้ได้มาตรฐานเพื่อยกระดับให้ดียิ่งขึ้นจากเดิมที่เป็นการให้บริการบ้านพักโฮมสเตย์ ประเภททั่วไป ซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอกุฉินารายณ์ และยังขาดองค์ความรู้ ขาดความเข้าใจในการพัฒนาที่จะนำไปสู่การขอยื่นรับรองการตรวจประเมินและผ่านมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ชุมชนจึงต้องการให้มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เข้ามาพัฒนาให้ความรู้และสนับสนุนกลุ่มให้สามารถเข้าสู่การรับรองมาตรฐานต่อไปได้ในที่สุด โดยความร่วมมือของคนในพื้นที่ และหน่วยงานเครือข่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งหัวใจสำคัญของการผ่านการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ประเทศไทยนั้น กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีมาตรฐานกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้วทั้ง 10 ด้าน ได้แก่
1) ด้านที่พัก 2) ด้านอาหาร 3) ด้านความปลอดภัย 4) อัธยาศัยไมตรีของเจ้าของบ้านและสมาชิกในครัวเรือน 5) รายการนำเที่ยว 6) ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม 7) ด้านวัฒนธรรม 8) ด้านรายได้เสริม และการเชื่อมโยงกับธุรกิจชุมชน 9) การบริหารของกลุ่มโฮมสเตย์ 10) ด้านประชาสัมพันธ์ โดยขั้นต้นประชาชนเจ้าบ้านต้องมีความรู้และเข้าใจในหลักเกณฑ์ดังกล่าวก่อน พร้อมถึงต้องมีประสบการณ์ในการดำเนินงาน ทราบถึงรูปแบบการบริหารจัดการ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นประเด็นในการต่อยอดการพัฒนาในโครงการอาสาประชารัฐแก่พื้นที่เป้าหมายหนองแวงภูปอ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาอย่างมีส่วนร่วมในพื้นที่ โดยอาศัยเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ชุมชนมีความพร้อมและตั้งใจจะพัฒนาต่อยอดจากการเริ่มต้นของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมือง ซึ่งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ โดยสาขาวิชาการท่องเที่ยว คณะศิลปศาสตร์และสาขาวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถบูรณาการเข้าไปพัฒนาให้องค์ความรู้ ร่วมมือพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในชุมชนได้ ผ่านรูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ใช้กลุ่มบ้านพักชุมชนที่เป็นกลุ่มโฮมสเตย์น้องใหม่ ได้เกิดการเรียนรู้สัมผัสวิถีชุมชนอย่างแท้จริง ทั้งยังส่งเสริมให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นเชื่อมโยงเป็นนวัตกรรมการท่องเที่ยวสมัยใหม่ที่ง่ายและสะดวกในการเข้าถึง เป็นการเปิดมิติใหม่ของการท่องเที่ยวภาคอีสานให้เป็นที่รู้จักและสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนภายใต้กระแสวิถีไทยนิยม ยั่งยืนที่จะชักจูงให้เกิดการเดินทางมาเยือนและประทับใจ เกิดการชักจูงแก่ผู้ที่สนใจให้มาเยือนและสัมผัสประสบการใหม่ พบองค์ความรู้ใหม่ที่แตกต่าง พร้อมกลับไปกับความประทับใจ ที่มีความสุขทั้งผู้รับ ผู้ให้ในแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ ณ ชุมชนท่องเที่ยวหนองแวงภูปอ ตำบลภูปอ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์
ดังนั้น คณาจารย์มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ จึงเห็นความสำคัญในการบูรณาการการศึกษาและพัฒนางานวิจัยในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อศึกษาศึกษาศักยภาพทรัพยากรการท่องเที่ยวในชุมชนโฮมสเตย์หนองแวงภูปอ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ และสามารถยกระดับรูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนหนองแวงภูปอให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวที่สามารถขับเคลื่อนเองได้ ผ่านกระบวนการทางวิชาการที่มีนักศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เป็นผู้ช่วยดำเนินงานหลัก และสามารถเตรียมเอกสารให้พร้อมยื่นขอรับรองสู่มาตรฐานโฮมสเตย์ไทยได้และใช้เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผ่านเว็บไซด์ของทางราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดขอนแก่น และสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นต้น เพื่อนำไปสู่รูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนพื้นที่ตำบลภูปออย่างสร้างสรรค์ให้เกิดการเชื่อมโยงและบูรณาการทรัพยากรการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันให้สามารถกระจายผลประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชน ทั้งภาคส่วนของเศรษฐกิจ ภาคสังคม ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก่อให้เกิดการส่งเสริมประชาธิปไตย
ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการการมีส่วนร่วมในชุมชนได้อย่างยั่งยืนแท้จริงสืบไป
udonthani_ru เมื่อ 28 ต.ค. 2562 16:50 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเศษไม้ กรณีศึกษา : ร้านหนองเม็กวัสดุก่อสร้าง ตำบลหนองเม็ก อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี (ปี 2561)ในปัจจุบันองค์กรทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กต้องการลดต้นทุนการสูญเสียให้กับองค์กรเพื่อสร้างรายได้และผลกำไรให้กับองค์กรให้เพิ่มมากขึ้น โดยในทุกกระบวนการผลิตมักจะพบว่ามีความสูญเสียต่าง ๆ แฝงอยู่ ซึ่งเป็นเหตุให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการต่ำกว่าที่ควรจะเป็น องค์กรจำเป็นต้องลดความสูญเสียเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นหรือให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด การลดความสูญเสียถือเป็นหน้าที่องค์กรสำคัญขององค์กรโดยการค้นหาสาเหตุของความสูญเสีย และหาแนวทางแก้ไขป้องกันเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งเป็นหนทางที่ใช้ในการปรับปรุงผลิตภาพ เพื่อความอยู่รอดขององค์กรในระยะยาว ร้านหนองเม็กวัสดุก่อสร้างเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ตั้งอยู่เลขที่ 122 หมู่ที่ 7 บ้านหนองเม็ก ตำบลหนองเม็ก อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 - ถึงปัจจุบัน โดยร้านหนองเม็กวัสดุก่อสร้างเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดเล็กและใช้คนในครอบครัวเป็นกำลังสำคัญในการทำงาน มีเครื่องมือเครื่องจักรที่ไม่หลากหลายมากนัก เนื่องจากเน้นการซื้ออุปกรณ์สำเร็จรูปมาจำหน่ายไม่เน้นการผลิตสินค้าเอง ปัจจุบัน มียอดขายจากอิฐ หิน ปูน ทรายและอุปกรณ์ก่อสร้างอื่นๆ ซึ่งในร้านจะมีเศษไม้และไม้เก่าซึ่งผู้ประกอบการไม่ได้ นำมาใช้ประโยชน์ จึงปล่อยไว้นานจะมีปลวกและมอด กัดกินไม้ ซึ่งทำให้เกิดต้นทุนในการเก็บรักษา
ดังนั้น ผู้ศึกษาจึงมีแนวคิดที่จะนำเศษไม้จากร้านหนองเม็กวัสดุก่อสร้างมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าให้กับเศษไม้ และเพื่อสร้างรายได้ให้กับองค์กร โดยจะจัดทำเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก ซึ่งสื่อการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้นจะมีความเหมาะสมกับเด็กระดับปฐมวัยและสามารถเสริมพัฒนาการของเด็กในช่วงปฐมวัยได้เป็นอย่างดี และมุ่งมั่นการผลิตสื่อการเรียนจากเศษไม้เป็นสีที่ปลอดสารพิษ มีราคาถูกกว่าท้องตลาด
udonthani_ru เมื่อ 28 ต.ค. 2562 16:03 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากฟักข้าว : กรณีศึกษากิจการน้ำฟักข้าวครูไพรินทร์ ตำบลหาดคำ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย (ปี 2561)ฟักข้าวหรือน้ำฟักข้าวเป็นที่รู้จักกันในนามพืชสมุนไพรบำรุงร่างกายที่นับวันคนในสังคมให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านเภสัชศาตร์การวิจัยค้นคว้าสารป้องกันและรักษาโรคมะเร็งและมีนักธุรกิจอาหารเสริมหลายกลุ่มที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษอันเนื่องมาจากสรรพคุณที่โดดเด่นและมีความเข้มข้น ของสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก เมื่อเทียบกับพืชสมุนไพรอื่น ๆ ฟักข้าว เป็นไม้เลื้อยตามต้นไม้หรือตามรั้วบ้าน เช่น ขี้กาเครือ (ปัตตานี) ผักข้าว (ตาก ภาคเหนือ) มะข้าว (แพร่) แก็ก (Gac เวียดนาม) ฟักข้าว เป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มาก ซึ่งมีถิ่นกำเนิด ตั้งแต่ประเทศจีนตอนใต้ พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย บังกลาเทศ และ ฟิลิปปินส์ โดยสายพันธ์ของฟักข้าวเป็นไม้ประเภทล้มลุก โดยเป็นเถาเลื้อย มีมือเกาะ แบบเดียวกับตำลึง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหัวใจ หรือรูปไข่ รูปร่างคล้ายใบโพธิ์ ความกว้างยาวเท่ากันประมาณ 6-15 เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก 3-5 แฉก มี 2 ลักษณะคือ พันธุ์ผลรี กับพันธุ์ผลกลม (พบมากในภาคใต้) ฟักข้าวจะมีหนามเล็ก ๆ อยู่รอบผล ผลอ่อนมีสีเขียว จะเจริญได้ต้องมีการผสมระหว่างดอกตัวผู้กับดอกตัวเมีย ต้นฟักข้าวมีการแยกเพศ เมื่อผลสุกจะมีสีแดง หรือแดงอมส้ม ภายในมีเมล็ดจำนวนมากเรียงตัว ในประเทศไทยคนสมัยก่อนนำผลฟักข้าวอ่อนสีเขียวเป็นอาหาร เนื่องจากรสชาติเนื้อฟักข้าว เหมือนมะละกอ วิธีการนำมารับประทานโดยการนำมาลวกหรือต้มให้สุก จิ้มกินกับน้ำพริก หรือใส่แกง ส่วนยอดอ่อน ใบอ่อนนำมาเป็นผักได้ โดยการนึ่งหรือลวกให้สุก เช่นเดียวกับผลอ่อนนำไปปรุงเป็นแกง เช่น แกงแค หรือจิ้มน้ำพริกได้เช่นเดียวกัน
ในปี พ.ศ.2556 สามีของครูไพรรินทร์ พุฒเขียว ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ตับอ่อน ไส้อ่อน ลำไส้ กระเพาะ ถุงน้ำดีและแต่ได้ทำการผ่าตัดและทำคีโมมาแล้ว จึงได้มีผู้แนะนำให้
ครูไพรรินทร์ พุฒเขียวนำน้ำฟักข้าวมาให้ลองชิมโดยสั่งจากแม่ฮ่องสอน เมื่อทานได้สักระยะสามีของครูไพรรินทร์ พุฒเขียว มีอาการดีขึ้นและไปตรวจพบว่าเชื้อมะเร็งได้ลดลง ร่างกายมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ผลเลือดดีขึ้น
น้ำฟักข้าวที่สั่งมาจากแม่ฮ่องสอนมีรสชาติเปรี้ยวไม่หวาน ทุกครั้งที่สามีของครูไพรินทร์ทานจะต้องเติมน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวานน้ำฟักข้าว และต้องสั่งมาคราวละมากๆ ครั้งละ 10-20 โหล โหลละ 450 บาท ครูไพรินทร์ พุฒเขียว จึงได้คิดที่จะทำน้ำฟักข้าวขึ้นมาเองเพื่อที่จะปรับ
รสชาติใหม่และเล็งเห็นว่าแถวบ้านมีวัตถุดิบเยอะเพียงพอที่จะทำขึ้นมาได้เองสูตรน้ำฟักข้าวนำมาจากฉลากข้างขวดที่บอกส่วนผสมของการทำน้ำฟักข้าวที่สั่งมาจากแม่ฮ่องสอน
ในปี พ.ศ.2558 ครั้งแรกที่ลองทำมีรสชาติเปรี้ยวไม่หวานจึงนำน้ำผึ้งมาผสมเพื่อให้รสชาติที่อร่อยแต่มีอายุการเก็บรักษาได้ไม่นานเนื่องจากภาชนะที่ใช้คือขวดพลาสติก
ในปี พ.ศ.2559 ครูไพรินทร์ พุฒเขียว ต้องการให้น้ำฟักข้าวมีอุณหภูมิการรักษานานขึ้นจึงได้เปลี่ยนภาชนะเป็นขวดแก้วและได้นำเครื่องพลาสเจอร์ไรส์เข้ามาในการผลิตเพื่อที่จะทำให้น้ำ
ฟักข้าวมีความสะอาดปราศจากแบคทีเรียเพราะเครื่องนี้มีคุณสมบัติที่สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรีย
ปัจจุบัน ครูไพรินทร์ พุฒเขียว ได้มีการนำผลฟักข้าวมาแปรรูปทำเป็นน้ำฟักข้าว เพราะน้ำฟักข้าวนั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายของกลุ่มบุคคลที่รักสุขภาพ เนื่องจากฟักข้าวมีสรรพคุณมากมาย เช่น ต้านมะเร็ง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นต้น เนื้อฟักข้าวที่เหลือถูกทิ้งไปโดยไม่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ดังนั้นทางคณะผู้ศึกษาโครงการจึงได้มองเห็นโอกาสในการนำเนื้อฟักข้าวที่ผู้ประการไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ โดยการนำมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ชาและคุกกี้ที่เน้นใช้ส่วนผสมที่มาจากเนื้อฟักข้าว เพื่อต่อยอดสร้างรายได้เพิ่มอีกทาง
udonthani_ru เมื่อ 28 ต.ค. 2562 15:05 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการผลิตถ่านจากชานอ้อย : กรณีศึกษาวิสาหกิจชุมชนครอบครัวอิสาน หมู่บ้านโพธิ์เงิน ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย (ปี 2561)ธุรกิจชุมชนเป็นแนวทางหนึ่งในการยกระดับรายได้ ชีวิตความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของชาวบ้านหรือเกษตรกรในชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เป็นกลุ่มคนที่ยากจนที่สุดของประเทศ หากกลุ่มชาวบ้านหรือกลุ่มเกษตรกรเหล่านี้มีรายได้สูงขึ้นจะส่งผลกระทบด้านบวกต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยในการประกอบธุรกิจชุมชนควรมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจชุมชนแบบพึ่งตนเอง ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัตถุดิบในชุมชน โดยคนในชุมชน เพื่อคนในชุมชนธุรกิจชุมชน เป็นหนึ่งในกิจกรรมการพัฒนาชุมชนที่มีหลากหลายแนวทาง แต่ภายหลังภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทย กิจกรรมนี้ดูจะกลายเป็นความหวังในการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนของทางราชการ จนถึงกับมีประกาศเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองของกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2541 และไม่เพียงแต่ทางราชการเท่านั้น นักวิชาการและองค์กรพัฒนาเอกชนก็ได้คาดหวังให้ธุรกิจชุมชนเป็นตัวนำในการทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้น ด้วยการดึงดูดรายได้จากภาคเมืองคืนสู่ชนบทบ้างและช่วยป้องกันต่อรองมิให้เกิดการแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นธรรมมากเกินไป ความหวังนี้จะเป็นไปได้เพียงใด คงต้องทบทวนสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเริ่มจากความเป็นมา เป้าหมายและการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจชุมชนที่มีอยู่ ซึ่งสุรากลั่นชุมชนเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่หลายชุมชนใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้และสร้างงานให้กับชุมชนวิสาหกิจชุมชนครอบครัวอิสาน บ้านหนองสองห้อง เลขที่ 201 หมู่ 13 ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เป็นวิสาหกิจชุมชนที่ดำเนินการการผลิตสุรากลั่นชุมชนภายใต้ ชื่อ “อิสานรัม” เป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของตำบลค่ายบกหวาน ทำการผลิตแล้ว 5 ปี วิสาหกิจชุมชนครอบครัว อิสาน เป็นผู้ริเริ่มการผลิตสุรากลั่นที่ใช้วัตถุดิบจากน้ำอ้อยสดเป็นรายแรกในจังหวัดหนองคายการจัดจำหน่ายสุราจะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่ก็มีการจัดจำหน่ายให้กับคนในชุมชน ซึ่งสินค้าได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของคน
ในปัจจุบัน จึงทำให้วิสาหกิจชุมชนครอบครัวอิสาน มีการผลิตสุรากลั่นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการผลิตสุรากลั่นของวิสาหกิจชุมชนครอบครัวอิสาน จะใช้อ้อยวันละ 1,200 กิโลกรัม คิดเป็น 420 กิโลกรัมต่อวัน และยังไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์และยังส่งกลิ่นเหม็น ผู้ศึกษาจึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาของวิสาหกิจชุมชุน ครอบครัวอิสาน ที่มีชานอ้อยเหลือจากการหีบน้ำอ้อย ซึ่งเป็นต้นทุนความสูญเสีย จึงมีแนวคิดที่จะนำเอาชานอ้อยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาผลิตเป็นถ่านอัดแท่งจากชานอ้อย
udonthani_ru เมื่อ 28 ต.ค. 2562 14:10 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการแปรรูปอาหารแพะเพื่อลดต้นทุน กรณีศึกษา : ฟาร์มคุณพ่อโส บ้านนามะเฟือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวภู (ปี 2561)แพะ (Goat)เป็นสัตว์ให้เนื้อ และให้นมที่นิยมเลี้ยงชนิดหนึ่ง เนื่องจากนมแพะที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ใกล้เคียงหรือสูงกว่านมโค กระบือ และมนุษย์ มีไขมันในระดับต่ำกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ โมเลกุลไขมันมีขนาดเล็ก ทำให้ง่ายต่อการย่อย และการดูดซึมง่ายในระบบทางเดินอาหารสามารถนำใช้บริโภคแทนนมมนุษย์ได้ดีกว่านมโคและนมกระบือ แพะเป็นสัตว์ให้เนื้อเป็นอาหารที่มีโปรตีนที่ย่อยได้ในระดับสูงกว่าเนื้อโค สุกร และไก่ และมีไขมันในระดับต่ำกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ รวมถึงขน และหนังแพะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน อาทิ ใช้ทำกระเป๋า เสื่อ พรม และเชือก ส่วนมูลแพะใช้ทำเป็นปุ๋ย เขา และกีบนำมาทำเป็นเครื่องประดับ เลือด และกระดูกนำมาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ แพะเนื้อมีการเลี้ยงมากในภาคใต้และภาคกลางของประเทศไทย การเลี้ยงแพะมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปีโดยในช่วงปี 2549-2554 มีการขยายการเลี้ยงแพะจาก 324,150 ตัว ในปี 2549 เป็น 427,567 ตัว ในปี 2554หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.72 ต่อปี (กรมปศุสัตว์, 2554) จังหวัดที่มีการเลี้ยงแพะเนื้อมากที่สุด คือ จังหวัดยะลา รองลงมาได้แก่ จังหวัดปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา ตามลำดับ แต่เนื้อแพะยังไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคโดยทั่วไปในประเทศ นอกจากผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม สภาพการเลี้ยงส่วนใหญ่ เกษตรกรจึงเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพรอง แต่การเลี้ยงแพะเนื้อสามารถพัฒนาเป็นอาชีพหลักที่มีความมั่นคงได้ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการเลี้ยงแพะและพัฒนาทั้งด้านการผลิตและการตลาด รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการผลิตและส่งออกอาหารฮาลาล ซึ่งจะทำให้แพะเนื้อเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นการศึกษาที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเน้นศึกษาด้านการผลิต ส่วนการศึกษาด้านการตลาดยังมีน้อย ดังนั้นการศึกษาด้านการตลาดในเรื่องโครงสร้างตลาด หน้าที่การตลาด พฤติกรรมตลาด วิถีการตลาด ส่วนเหลื่อมการตลาด และประสิทธิภาพการตลาด เพื่อเป็นข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประกอบการกำหนดแนวทางในการพัฒนาการตลาดแพะเนื้อ รวมทั้งการพัฒนาการผลิตแพะเนื้อให้มีคุณภาพ และเพื่อใช้ประกอบในการส่งเสริมนโยบายการผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลของภาครัฐ(ที่มา :https://esan108.com )
ในจังหวัดหนองบัวลำภู มีการเลี้ยงแพะส่งให้ฟาร์มใหญ่ๆในตัวจังหวัดอยู่มาก กลุ่มเกษตรกรจึงหันมาเลี้ยงแพะกันเพิ่มมากขึ้น และการเลี้ยงแพะในแต่ละครั้งจะใช้ต้นทุนอยู่มากพอสมควร นอกจากเกษตรกรจะปลูกหญ้าไว้เพื่อเกี่ยวไว้เลี้ยงแพะแล้ว ยังจะมีเรื่องที่อยู่อาศัยของแพะที่ต้องทำความสะอาด และแพะจะต้องทานหญ้าที่สดและไม่เปียกไม่ชื่น ทำให้น่าฝนมักจะมีปัญหาเรื่องการเลี้ยงแพะที่ลำบากขึ้นเพราะแพะสามารถทานหญ้าที่เปียกฝนได้และไม่สามารถจะเกี่ยวมาเป็นอาหารแพะได้ เพราะถ้าแพะทานหญ้าที่ชื้นแล้วจะทำให้แพะมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว และอาจจะป่วยได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นเกษตรกรจึงแก้ปัญหาโดยการใช้อาหารเม็ดของแพะมาแทนหญ้าที่ไม่สามารถเกี่ยวให้แพะทานได้ดังนั้นทางผู้ประกอบการจึงมีปัญหาหลักคือการที่ใช้อาหารเม็ดให้แพะแทนหญ้าเปียกทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง
ทางกลุ่มแปรรูปอาหารแพะจึงมีแนวคิดที่จะลดต้นทุนและใช่ได้ผลในระยะยาวนั้นก็คือมีการคิดค้นสูตรอาหาร มา 2 สูตรนั่นก็คือ สูตรที่ 1 การใช้มันสำปะหลังเลี้ยงแพะ โดยสูตรคือการใช้ มันสำปะหลัง 1 ส่วน 2. กระถิน 1 ส่วน 3. รำละเอียด 1 ส่วน 4. กากถั่วเหลือง 1 ส่วน สูตรที่ 2 คือการใช้หญ้าหมักเกลือเลี้ยงแพะ การทำหญ้าหมักเกลือ เป็นวิธีหนึ่งของการถนอมอาหารของแพะ ให้สามารถเก็บไว้ได้นาน และเป็นอาหารที่มีโปรตีนเทียบเท่ากับอาหารข้นด้วย 1. หญ้า หญ้าขน หญ้าคา(อายุ 1 ปี) 100 กิโลกรัม หรือ 10 ส่วน 2. เกลือเม็ด 1 กิโลกรัม หรือ 1 ส่วน 3. ถังหมักขนาด 200 ลิตรอาหารเลี้ยงแพะเนื้อ(แพะขุน)ประหยัดต้นทุนที่จะกล่าวถึงในวันนี้ จึงเป็นแนวทางที่จะทำให้ผู้เลี้ยงมีรายรับเพิ่มขึ้นได้จากต้นทุนที่ลดลงนั่นเอง อาหารเม็ดสำหรับแพะมีราคาอยู่ที่ 350 ต่อ 5 กิโล และต้องใช่จำนวนมากเพราะแพะมีจำนวนมากถึง50 ตัวยังช่วยประหยัดต้นทุนลงอีก เป็นการลงทุนระยะยาว และเห็นผลอย่างชัดเจนจึงเป็นแนวทางที่จะทำให้ผู้เลี้ยงมีรายรับเพิ่มขึ้นได้จากต้นทุนที่ลดลงนั่นเอง
udonthani_ru เมื่อ 28 ต.ค. 2562 13:39 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยหอมทองข้าวเกรียบกล้วย (ปี 2561)กล้วยหอม เป็นไม้ล้มลุกชนิดหนึ่ง มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอมจันท์ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว โดยกล้วยหอมเขียวหรือกล้วยหอมคาเวนดิชเป็นกล้วยหอมที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไปจัดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารครบถ้วนตามหลักทางโภชนาการ เช่น มีวิตามิน ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีสารแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ Escherichia coli
เป็นต้น กล้วยหอมถูกจัดเป็นผลไม้เมืองร้อน สามารถปลูกได้เกือบทุกประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นหลายแห่ง สำหรับประเทศไทย สามารถปลูกกล้วยหอมได้ทั่วทุกภาค ที่มา : ( พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ. ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย )
ผู้ประกอบการ ชื่อ นางเพ็ญ ประสบศิลป์ ปัจจุบันประกอบอาชีพ เกษตรกร
อาชีพหลักเลี้ยงปลา ผู้ประกอบการมีอาชีพเสริม คือ ปลูกสวนยาง เพาะเห็ด ปลูกกล้วย ปลูกข้าว ปลูกอ้อย ที่สามารถจำหน่ายและบริโภคได้ตลอดทั้งปี ฟาร์มแม่เพ็ญตั้งอยู่ บ้านเลขที่ 51 หมู่ที่ 15
ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มีเนื้อที่ทั้งหมด 24 ไร่ เริ่มแรกผู้ประกอบการได้ทำการเกษตรแค่ปลูกข้าวจำนวน 10 ไร่ พื้นที่ที่เหลือเป็นป่าดงดิบผู้ประกอบการจึงได้คิดริเริ่มทำการลงทุนปลูกสวนยางในปี 52 จำนวน 4 ไร่ ทำมาได้สักพักเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ผู้ประกอบการจึงหันมาทำฟาร์มเห็ดในปี 57 จำนวน 1 ไร่ ปีถัดมาปี 58 ได้ลงทุนปลูกสวนอ้อยจำนวน 1 ไร่ และบ่อปลาดุกจำนวน 5 ไร่ ในปีเดียวกัน หลังจากนั้นผู้ประกอบการได้มีความสนใจที่จะปลูกกล้วยในปี 59 จำนวน 3 ไร่ ซึ่งเป็นกล้วยหอมทองปลอดสารพิษใช้ระยะเวลาในปลูก 7 – 9 เดือน พอเข้าเดือนที่ 10 – 11 ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายขายให้กับให้กับกลุ่มวิสาหกิจกล้วยหอมสานน้ำโขงและลูกค้าทั่วไป
ผู้ประกอบการประสบปัญหากล้วยที่ไม่ได้คุณภาพ กล้วยมีผิวขรุขระไม่เรียบสวย จึงทำให้ผลผลิตไม่เป็นที่ต้องการของตลาด และยังทำให้กล้วยที่มีผิวขรุขระนี้ราคาต่ำ ผู้ประกอบการมีความต้องการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้กับกล้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับกิจการ

ดังนั้น คณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นปัญหาจึงได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่สามารถมาพัฒนากล้วยหอมที่ไม่ได้คุณภาพ คณะผู้จัดทำจึงได้ทราบแนวทางแก้ไข้ปัญหานี้พบว่าสิ่งที่สามารถพัฒนากล้วยหอมได้คือ การทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยหอม ปัญหาดังกล่าวคือการทดลองทำผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบกล้วยหอมซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครได้ทำในชุมชนและได้
nualnang เมื่อ 28 ต.ค. 2562 13:01 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์โครงการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลของผู้นำชุมชนทุ่งกุลาร้องไห้ในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อก้าวสู่หมู่บ้านสารสนเทศต้นแบบ (ปี 2563)ผู้นำชุมชนเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งต่อความสำเร็จของชมชนทั้งนี้ เพราะผู้นำชุมชนมีภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องวางแผนสั่งการดูแล เป็นแบบอย่างและควบคุมให้ประชาชน และเยาวชนในพื้นที่ปฏิบัติงานต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งชุมชน หน่วยงานหรือองค์กรระดับต่างๆ จำเป็นต้องมีผู้นำที่จะเป็นผู้ที่กำหนดทิศทางการดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของหน่วยงานหรือองค์กรของตน ผู้นำมีอยู่ในทุกระดับตั้งแต่สังคมหรือหน่วยงานขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ดังนั้นประสิทธิภาพของผู้นำจึงมีความสำคัญและมีผลกระทบโดยตรงกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์กร ซึ่งหากองค์กรใดมีผู้นำที่มีประสิทธิภาพหน่วยงานหรือองค์กรนั้นก็จะสามารถแข่งขันกับผู้อื่นและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี
ในปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ว่าการอำเภอ หรือแม้กระทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนก็ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลมาช่วยในการทำงาน รับบาลเองก็ได้กำหนดนโยบายและให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำการสร้างระบบ E-Government Portal หรือระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ คือระบบสารสนเทศที่เป็น “ศูนย์กลาง” ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐ เป็นเว็บไซต์รวมบริการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนสามารถเลือกบริการได้ตามความต้องการผ่านอุปกรณ์สื่อสารหลายประเภท ระบบเว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์นี้จัดได้ว่ามีความสำคัญที่จะต้องได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจ โดยจะได้รับทั้งความโปร่งใสและธรรมาภิบาลเพิ่มมากขึ้นในระบบการทำงานของทางราชการ ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถเห็นข้อมูลที่ถูกต้องและยังเข้าไปตรวจสอบได้ตลอดเวลาจึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาในด้านของการเกิดการคอร์รัปชั่นได้ ซึ่งจากการศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพบว่า ผู้นำชุมชนยังขาดทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลเป็นอย่างมาก ปัจจัยดังกล่าวอาจเกิดมาจากเทคโนโลยีมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขีดความสามารถในการใช้งานเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันก็มีราคาถูกลง ซึ่งหากผู้นำชุมชนขาดทักษะดังกล่าวอาจเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ประชาชนหรือเยาวชนในพื้นที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการนัดหมายในการแข่งรถ หรือจำหน่ายสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ปัจจัยดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ผู้นำชุมชนต้องมาทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลและการรู้เท่าทันสื่อเพื่อคอยสอดส่องและติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของชุมเพื่อหาแนวทางป้องกันและเสริมสร้างความรู้ให้กับประชาชนและเยาวชนในชุมชน
หมู่บ้านสารสนเทศต้นแบบเป็นโครงการภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาชุมชน ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานชุมชนอำเภอ ดำเนินการโครงการหมู่บ้านสารสนเทศต้นแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนเกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล ตระหนักถึงความสำคัญเห็นประโยชน์ของข้อมูล ยอมรับและนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต มีเป้าประสงค์ของโครงการ คือรูปแบบการจัดการสารสนเทศเพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและบริหารจัดการชุมชน ตลอดจนการเกิดเครือข่ายการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศชุมชน การพัฒนาหมูบ้านสารสนเทศเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการนำข้อมูลสารสนเทศของชุมชนข้อมูลจำเป็นพื้นฐาน และข้อมูลอื่นๆ มาใช้ประโยชน์ เป็นปัจจัยนำเข้าสู่กระบวนการพัฒนาหมู่บ้านหรือชุมชนอย่างมีเหตุผล ตามบริบทแต่ละชุมชน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมภายในชุมชน มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ประชาชนและเยาวชนสามารถบริหารและจัดการตนเอง แก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสารสนเทศของตนเองได้อย่างทั่วถึง และสนับสนุนให้มีการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
ผู้วิจัยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญว่า การพัฒนาชุมชน พัฒนาตำบล พัฒนาท้องถิ่น และการให้ความรู้โดยการจัดการอบรมเพื่อพัฒนาให้กับบุคลากรของผู้นำท้องที่ ผู้นำชุมชนเป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะการอบรมให้ความรู้เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำมาปรับปรุงประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลของผู้นำชุมชนทุ่งกุลาร้องไห้ในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อก้าวสู่หมู่บ้านสารสนเทศต้นแบบ ซึ่งตำบลทุ่งกุลาเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม โดยมีแหล่งท่องเทียวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด อีกทั้งยังผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์ เช่น ข่าวหอมมะลิทุ่งกุลา และผ้าไหม หากผู้นำชุมชนมีความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลจะช่วยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนและผลิตภัณฑ์ในชุมชนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกช่องทางหนึ่งอีกด้วย
kriangkrai.sa01 เมื่อ 28 ต.ค. 2562 11:30 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขนโครงการบริการวิชาการแก่สังคมหรือชุมชน บัญชีครัวเรือน คณะบัญชี ม.ศรีปทุม (ปี 2562)คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้ตระหนักถึงความสำคัญใน การเป็น องค์กรที่จะสร้างบัณฑิตให้มีความสมดุลทั้งด้านความรู้
ความคิด ความสามารถ ความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นคนดี คนเก่ง มีจิตสาธารณะ และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โครงการบริการวิชาการแก่สังคมหรือ ชุมชน “บัญชีครัวเรือน” เพื่อให้
นักศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้รับจาก สถานศึกษา ออกไปช่วยเหลือ
รับใช้ ดูแล สังคม ชุมชนและท้องถิ่นที่ ต้องการความช่วยเหลือได้
รวมถึงมีสำนึกในการมีส่วนร่วมในการทำ กิจกรรมเพื่อสังคม ชุมชน
และท้องถิ่น ส่งเสริมการเรียนรู้ และเสริมสร้าง ความเข้มแข็งให้ชุมชน
thonburi เมื่อ 28 ต.ค. 2562 11:14 น.
มหาวิทยาลัยธนบุรีมหาวิทยาลัยธนบุรีอาสาพัฒนาชุมชนกองขยะหนองแขม กรุงเทพมหานคร (ปี 2559)การบริการวิชาการให้กับชุมชนสังคมและประเทศชาติเป็นภารกิจหลักและเป็นบทบาทหน้าที่หลักของสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา โดยมุ่งหวังให้อาจารย์ในระดับมหาวิทยาลัยได้นำความรู้และประสบการณ์ด้านต่างๆ ไปช่วยแก้ปัญหาและช่วยเหลือชุมชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยให้มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประกอบอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม และเรื่องอื่นๆ
มหาวิทยาลัยธนบุรีเป็นสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาอีกแห่งหนึ่งที่ตระหนักถึงความสำคัญในการบริการวิชาการช่วยเหลือพัฒนาชุมชนให้มีความเจริญขึ้นจึงได้มอบหมายให้ฝ่ายพัฒนานักศึกษาไปดำเนินงานบริการวิชาการช่วยเหลือชุมชน โดยฝ่ายพัฒนานักศึกษาได้จัดกิจกรรมพัฒนาอาชีพและเศรษฐกิจให้กับชุมชนโดยการฝึกอบรมการทำกระถางปลูกต้นไม้และพืชผักสวนครัวจากล้อรถยนต์
Thanyakon เมื่อ 28 ต.ค. 2562 10:16 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะม่วงมหาชนก (ปี 2562)ปัจจุบันจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นแหล่งพื้นที่ในการเพาะปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนกที่สำคัญและมีศักยภาพทั้งในการพัฒนาและการส่งออกของประเทศ โดยในพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ปีนี้ มีเกษตรกรหันมาปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนกมากขึ้น รวมเป็นพื้นที่ขณะนี้กว่า 1,000 ไร่ ส่งออกมะม่วงพันธุ์มหาชนกไปต่างประเทศมูลค่ากว่า 30 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเกษตรกรส่งผลผลิตผ่านบริษัทเอกชนที่เข้ามารับซื้อเพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และประเทศแถบยุโรป คิดเป็นปริมาณร้อยละ 90 ส่งออกยังต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจำหน่ายในพื้นที่และนำมาแปรรูปหลากหลาย เช่น แยมมะม่วง น้ำปั่นมะม่วง มะม่วงกวน เป็นต้น (วิภาดา รัตนโรจนา, 2558)
มะม่วงพันธุ์มหาชนกเป็นมะม่วงที่เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ซันเซทกับพันธุ์หนังกลางวัน ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นของมะม่วงพันธุ์มหาชนกนี้เหมาะต่อการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศ เนื่องจากมีเปลือกหนามีสีเปลือกของผลเหลืองสวยงามสามารถวางจำหน่ายได้เป็นเวลานาน เมื่อสุกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติหวานอมเปรี้ยว (เปรมปรี ณ สงขลา และรวี เสรฐภักดี, 2542) นอกจากนี้ในเนื้อมะม่วงพันธุ์มหาชนกในระยะผลสุกจะมีปริมาณสารแคโรทีนอยด์มากถึง 8.2 กรัมต่อ 100 กรัมของเนื้อมะม่วง และยังพบปริมาณแอนโทไซยานินเท่ากับ 0.23 มิลลิกรัมต่อกรัมน้ำหนักสด ทั้งนี้ยังมีปริมาณร้อยละการยับยั้งอนุมูลอิสระในเนื้อมะม่วงระยะผลสุกมีค่าเท่ากับร้อยละ 20.32 (นวลอนงค์ ปุเรนเต, 2555)
อย่างไรก็ตามมะม่วงพันธุ์มหาชนก (เป็นผลไม้ที่ต้องเก็บเกี่ยวตามฤดูกาลซึ่งผลผลิตในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมออกพร้อมกันจึงทำให้เกิดปัญหาการล้นตลาด เกษตรกรจำหน่ายออกไปไม่ทัน รวมไปถึงราคาจำหน่ายตกต่ำอีกด้วย ซึ่งจากเดิมเกษตรกรจำหน่ายได้ในราคา 60-70 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงต้นฤดู (เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน) ลดลงเป็น 20-25 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผลที่ไม่ได้ขนาดตามมาตรฐานการส่งออกก็จำหน่ายได้ราคาต่ำเช่นกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้มะม่วงมีราคาตกต่ำ ยิ่งไปกว่านั้นในฤดูมรสุมมีฝนฟ้าและลมแรงยังทำให้มะม่วงดิบหล่นเสียหาย ดังนั้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับมะม่วงพันธุ์มหาชกที่จำหน่ายได้ในราคาต่ำและเพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ จึงมีแนวคิดที่จะนำมะม่วงพันธุ์มหาชกทั้งระยะดิบและสุกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากมะม่วงมหาชนกให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง
Thanyakon เมื่อ 28 ต.ค. 2562 10:00 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการบริหารการตลาดของวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์สู่ธุรกิจแฟร์นไซต์ให้สามารถขยายตลาดสู่มาตรฐานสากล (ปี 2561)การพัฒนาศักยภาพด้านการตลาด การสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ และความสามารถในการพัฒนาเพื่อการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว สามารถลดข้อจากัดและสร้างความได้เปรียบในด้านแหล่งเงินทุน อีกทั้งเป็นการสร้างผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ให้มีโอกาสประสบความสาเร็จในการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน ธุรกิจแฟรนไชส์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับการตอบรับอย่างดีแก่ ผู้ที่ต้องการลงทุนหรือผู้ซื้อแฟรนไชส์ ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพธุรกิจให้มีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันได้มีการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไซส์ที่เป็นมาตรฐานและนาไปสู่การสร้างรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีความมั่นคงพร้อมแข่งขันในระดับสากล สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งและพัฒนาธุรกิจเดิมให้อยู่รอดและยั่งยืนได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวหากวิสาหกิจชุมชนมีความพร้อมและมีปัจจัยเอื้ออานวยต่อการพัฒนาศักยภาพตนเอง พร้อมที่จะเพิ่มขีดความสามารถสู่มาตรฐานสากลแล้วนั้น วิสาหกิจชุมชนก็จะสามารถพึ่งพาตนเองได้เป็นอย่างดี จากเหตุผลและความสาคัญดังกล่าวสาขาวิชาการตลาด จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการบริหารการตลาดของวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ สู่ธุรกิจแฟรนไซส์ให้สามารถขยายตลาดสู่มาตรฐานสากล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจแฟรนไซส์อย่างเป็นระบบ โดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งปัจจัยภายในและภายนอกของธุรกิจ ในการเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการบริหารการตลาดธุรกิจแฟรนไซส์ไทยให้สามารถขยายตลาดสู่มาตรฐานสากล
Thanyakon เมื่อ 28 ต.ค. 2562 09:33 น.
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์การถ่ายทอดการผลิตน้ำมันรำข้าวเหนียวสกัดเย็นจากภูมิปัญญาท้องถิ่นวิวัฒนาการสู่ระดับอุตสาหกรรม (ปี 2561)จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีการเพาะปลูกข้าวเหนียวเป็นพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณอำเภอนาคู อำเภอเขาวง เป็นพื้นที่เศรษฐกิจเนื่องจากเป็นแหล่งปลูกข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวที่มีสีหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวเหนียวหอมนิล ข้าวเหนียวดำ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในกระบวนการสีข้าวนั้นจะทำให้ได้รำข้าวและจมูกข้าวออกมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นผลิตผลพลอยได้ (by product) จากการสีข้าวทั้งนี้รำข้าวและจมูกข้าวเหล่านี้โดยมากจะนำไปจำหน่ายเป็นอาหารสัตว์ในราคาถูก อย่างไรก็ตามพบว่าในรำข้าวและจมูกข้าวนี้สามารถนำมาสกัดน้ำมันจากรำข้าวได้และอุดมไปด้วยสารแกมมา โอไรซานอล (Gamma Oryzanol) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีจุดเด่นในการช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแข็งตัวตีบตัน โดยช่วยยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนในร่างกายได้ดีขึ้น ช่วยควบคุมให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
จากข้อมูลดังกล่าวการนำรำข้าวเหนียวมาสกัดน้ำมันรำข้าวด้วยวิธีการบีบเย็นนั้นสามารถเพิ่มมูลค่าแก่รำข้าวเหนียว และเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพได้ ด้วยทางสาขาวิชาฯ ได้เล็งเห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งเป็นพื้นฐานมาจากการดำรงชีพและวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเพื่อเป็นการอนุรักษ์กรรมวิธีการสกัดน้ำมันรำข้าวเหนียวจากภูมิปัญญาท้องถิ่นนำมาถ่ายทอดแก่กลุ่มคนรุ่นปัจจุบัน จึงได้นำวิธีการสกัดน้ำมันรำข้าวเหนียวแบบสกัดเย็นตามแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสาธิตถึงกระบวนการผลิต ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือในระดับอุตสาหกรรมมาถ่ายทอดขั้นตอนการผลิตน้ำมันรำข้าวเหนียวสกัดเย็นอีกด้วย รวมทั้งการให้ความรู้ถึงประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันรำข้าวเหนียวสกัดเย็น และให้คำแนะนำในการเก็บรักษา การนำไปใช้ประโยชน์ พร้อมชี้แนะแนวทางและสาธิตวิธีการนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารในครัวเรือนจนกระทั่งสามารถผลิตออกจำหน่ายได้ เช่น การทำน้ำสลัดจากน้ำมันรำข้าวเหนียวสกัดเย็น เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำการถ่ายทอดแก่กลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร นักเรียนนักศึกษารวมถึงผู้สนใจทั่วไป เพื่อสามารถเพิ่มมูลค่าแก่รำข้าวเหนียว อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำมันรำข้าวเหนียวสกัดเย็นได้อีกด้วย
RMUTI เมื่อ 27 ต.ค. 2562 14:00 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการบริการคำปรึกษาและบริการข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ปี 2562)ด้วยคลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เป็นเครือข่ายคลินิกเทคโนโลยีส านักงาน
ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีบทบาทในการส่งเสริมสนับสนุน และเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ของชุมชน ด้วยการบรูณาการองค์ความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้บริการให้ค าปรึกษาและบริการ
ข้อมูลทางด้านเทคโนโลยี วิจัยพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีที่จะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างศักยภาพแก่ เกษตรกร กลุ่ม
แม่บ้าน วิสาหกิจชุมชน OTOP ผู้ประกอบการ SMEs ประชาชนโดยทั่วไปเผยแพร่องค์ความรู้และบริการข้อมูล
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนการร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อด าเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย
ของกิจกรรม โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากคลินิกเทคโนโลยี ส านักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ซึ่งการด าเนินตามภารกิจที่ผ่านมาท าให้ประชาชน หน่วยงานต่าง ๆ ได้รับประโยชน์จากการบริการ
ของคลินิกเทคโนโลยีเป็นอย่างดี รู้จักคลินิกเทคโนโลยีมากขึ้น โดยแผนงานบริการค าปรึกษา ที่รับผิดชอบโดย
ส านักงานคลินิกเทคโนโลยี ได้ประชาสัมพันธ์น าเสนอผลการด าเนินงาน บริการข้อมูล ค าปรึกษาผ่านสื่อต่าง
ๆ ทั้งในรูปแบบเอกสาร สื่อออนไลน์ การออกพื้นที่ประชาสัมพันธ์ จัดนิทรรศการ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
รวมทั้งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งผลให้มีผู้มาขอรับบริการและขอรับบริการข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ยังเป็นศูนย์กลางในการ
ประสานงาน ของบุคลากรในมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่าง ๆ ติดตามประเมินผลการด าเนินงานของ
โครงการภายใต้โครงการคลินิกเทคโนโลยีให้เป็นไปตามแผน อ านวยความสะดวกให้กับบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้รับผิดชอบโครงการ
ดังนั้นการบริการค าปรึกษา/บริการข้อมูลเทคโนโลยี การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางด้าน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงเป็นกิจกรรมที่จะต้องด าเนินการไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นตัวกลางการติดต่อ
ประสานงาน บริการค าปรึกษา/บริการข้อมูลเทคโนโลยี การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ไปยังประชาชนบุคคลทั่วไป เยาวชน นักเรียนนักศึกษากลุ่มชุนชน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ
เพื่อน าไปใช้ประโยชน์ สู่การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ไขปัญหาเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิต
และสังคมบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
udonthani_ru เมื่อ 25 ต.ค. 2562 11:19 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยหอมทอง : กรณีศึกษาฟาร์มแม่เพ็ญ บ้านม่วง ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี (ปี 2561)กล้วยหอม เป็นไม้ล้มลุกชนิดหนึ่ง มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอมจันท์ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว โดยกล้วยหอมเขียวหรือกล้วยหอมคาเวนดิชเป็นกล้วยหอมที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไปจัดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารครบถ้วนตามหลักทางโภชนาการ เช่น มีวิตามิน ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีสารแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ Escherichia coli
เป็นต้น กล้วยหอมถูกจัดเป็นผลไม้เมืองร้อน สามารถปลูกได้เกือบทุกประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นหลายแห่ง สำหรับประเทศไทย สามารถปลูกกล้วยหอมได้ทั่วทุกภาค ที่มา : ( พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ. ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ) ผู้ประกอบการ ชื่อ นางเพ็ญ ประสบศิลป์ ปัจจุบันประกอบอาชีพ เกษตรกร อาชีพหลักเลี้ยงปลา ผู้ประกอบการมีอาชีพเสริม คือ ปลูกสวนยาง เพาะเห็ด ปลูกกล้วย ปลูกข้าว ปลูกอ้อย ที่สามารถจำหน่ายและบริโภคได้ตลอดทั้งปี ฟาร์มแม่เพ็ญตั้งอยู่ บ้านเลขที่ 51 หมู่ที่ 15 ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มีเนื้อที่ทั้งหมด 24 ไร่ เริ่มแรกผู้ประกอบการได้ทำการเกษตรแค่ปลูกข้าวจำนวน 10 ไร่ พื้นที่ที่เหลือเป็นป่าดงดิบผู้ประกอบการจึงได้คิดริเริ่มทำการลงทุนปลูกสวนยางในปี 52 จำนวน 4 ไร่ ทำมาได้สักพักเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ผู้ประกอบการจึงหันมาทำฟาร์มเห็ดในปี 57 จำนวน 1 ไร่ ปีถัดมาปี 58 ได้ลงทุนปลูกสวนอ้อยจำนวน 1 ไร่ และบ่อปลาดุกจำนวน 5 ไร่ ในปีเดียวกัน หลังจากนั้นผู้ประกอบการได้มีความสนใจที่จะปลูกกล้วยในปี 59 จำนวน 3 ไร่ ซึ่งเป็นกล้วยหอมทองปลอดสารพิษใช้ระยะเวลาในปลูก 7 – 9 เดือน พอเข้าเดือนที่ 10 – 11 ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายขายให้กับให้กับกลุ่มวิสาหกิจกล้วยหอมสานน้ำโขงและลูกค้าทั่วไป ผู้ประกอบการประสบปัญหากล้วยที่ไม่ได้คุณภาพ กล้วยมีผิวขรุขระไม่เรียบสวย จึงทำให้ผลผลิตไม่เป็นที่ต้องการของตลาด และยังทำให้กล้วยที่มีผิวขรุขระนี้ราคาต่ำ ผู้ประกอบการมีความต้องการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้กับกล้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับกิจการ

ดังนั้น คณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นปัญหาจึงได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่สามารถมาพัฒนากล้วยหอมที่ไม่ได้คุณภาพ คณะผู้จัดทำจึงได้ทราบแนวทางแก้ไข้ปัญหานี้พบว่าสิ่งที่สามารถพัฒนากล้วยหอมได้คือ การทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยหอม ปัญหาดังกล่าวคือการทดลองทำผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบกล้วยหอมซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครได้ทำในชุมชนและได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบการทำให้กล้วยที่เหลือจากการคัดออกและนำเข้าสู่กระบวนการผลิตให้เป็นข้าวเกรียบกล้วยหอมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเดิมที่ทำกล้วยหอมทอด
monteearu เมื่อ 24 ต.ค. 2562 19:09 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (พื้นที่จังหวัดสุรินทร์) ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 6 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ปี 2561)ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย
โดยมีจำนวน SMEs จำนวนกว่า 3 ล้านราย มีการจ้างงานในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ถึง 10.7 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 80.4 ของการจ้างงานทั้งหมด ปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็น การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานภายใต้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ SMEs ผนวกกับความ ผันผวนจากทิศทางของค่าเงิน การปรับเพิ่มสูงขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ การขยับขึ้นของราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างภาคอุตสาหกรรมโดยมีแรงจูงใจจากผลต่างค่าจ้าง และสวัสดิการที่แรงงานได้รับ ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปซึ่งมีสัดส่วน 85,000 ราย ในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง
วิธีหนึ่งที่ผู้ประกอบการ SMEs สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริหารธุรกิจ โดยการลดระยะเวลาและต้นทุนการผลิต ลดภาระการพึ่งพิงกำลังแรงงาน ขณะเดียวกันสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นตาม ซึ่งเป็นการมองภาพรวมของระบบการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่กระบวนการผลิตสินค้า กระบวนการขนส่งและกระจายสินค้า รวมถึงการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มทักษะฝีมือทรัพยากรแรงงานให้สอดคล้องและเหมาะสมกับงานที่รับผิดชอบ ซึ่งผู้ประกอบการอาจคิดหาวิธีตัดลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนลง เช่น การปรับเปลี่ยนสถานที่วางเครื่องจักร เพื่อลดเวลาการประกอบ และขนถ่ายสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เป็นต้น
แนวทางการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจ SMEs ในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปให้มีศักยภาพและมีขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถดำเนินการได้หลายวิธีการ ได้แก่ ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด โดยการนำเทคโนโลยีหรือระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในการผลิต หรือใช้เทคนิค Productivity Improvement Tools (เครื่องมือการปรับปรุงการเพิ่มผลิตภาพเชิงบูรณาการ) เช่น Lean-Kaizen เพื่อลดต้นทุนจากความสูญเปล่า TPM – Total Productive Maintenance เพื่อลดความสูญเสียที่เครื่องจักร TQM – Problem Solving Techniques เพื่อลดความสูญเสียจากของเสียในกระบวนการผลิต เป็นต้น นอกจากนี้ ในการบริหารจัดการธุรกิจสามารถนำระบบอัตโนมัติและระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินการ เพื่อเตรียมความพร้อมองค์กรเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0
จากเหตุผลดังกล่าว สถาบันบริการวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เพื่อช่วยให้ SMEs มีการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
kriangkrai.sa01 เมื่อ 24 ต.ค. 2562 16:24 น.
Assists prof. sittichai hatachote เมื่อ 24 ต.ค. 2562 16:09 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงบูรณาการจากไม้ผล/ประมง/ปศุสัตว์ : ทางเลือกใหม่ให้เกษตรกรสวนยางในเขตพื้นที่ริมแม่น้ำโขง (ปี 2562)ภายการดำเนินโครงการจะนำเอาเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างง่าย เช่น เทคโนโลยีการใช้ปูนและปุ๋ยสั่งตัดในการเตรียมบ่อเลี้ยง เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอย่างง่าย เทคโนโลยีการสร้างอาหารธรรมชาติในบ่อเลี้ยงเพื่อลดต้นทุนการเลี้ยง เป็นต้น ไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรในพื้นที่ 5 จังหวัด ผ่านการบูรณาการการจัดการเรียนการสอน ผลที่ได้จาการทำวิจัยในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนของพื้นที่ และมีการบริการวิชาการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องเกษตรกรที่สนใจในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning เรียนรู้ผ่านปัญหาที่พบเจอในหน้างานจริง โดยมีอาจารย์คอยเป็นโค้ชให้นิสิตในการลงพื้นที่คอยดูแลเกษตรกรที่ร่วมโครงการ
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 17:37 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาการเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกข้าวตอกแตกเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยี ภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรม สู่ชุมชน (ปี 2562)ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ทำการเพาะปลูกพืชไร่ เช่น ข้าว ข้าวโพด อ้อย ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ทำการปลูกไม้ผล เช่น ทุเรียน ส้ม มะม่วง มังคุด ลางสาด นอกจากนี้ ในท้องที่ต่างๆ ของภาคใต้ และจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ได้ทำการปลูกยางพาราอีกด้วย ในจำนวนพืชที่กสิกรปลูกดังกล่าวนี้ ข้าวมีพื้นที่ปลูกมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 11.3 % ของพื้นที่ทั่วประเทศ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ทำนามากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ภาคเหนือ และภาคใต้ตามลำดับ เนื่องจากประชากรในประเทศไทยบริโภคข้าว เป็นอาหารหลัก และจำนวนประชากรก็เพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ด้วยเหตุนี้ ชาวนาจึงจำเป็นต้องพยายามปลูกข้าวให้ได้ผลิตผลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พอเพียงกับความต้องการของประชากร วิธีหนึ่งที่ชาวนาได้พยายาม เพื่อเพิ่มผลิตผล ได้แก่ การขยายพื้นที่ทำนา โดยเปิดป่าใหม่ ทำนาปลูกข้าว จะเห็นได้ว่า ผลิตผลได้เพิ่มขึ้นตามพื้นที่นาที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ส่วนวิธีการเพิ่มผลิตผลโดยวิธีอื่นนั้น ชาวนาไม่สามารถทำได้ เช่น การคัดเลือกหาพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลิตผลสูง พันธุ์ต้านทาน โรคและแมลง ข้าวพันธุ์ที่ตอบสนองต่อปุ๋ย วิธีการป้องกันกำจัดโรค แมลง และวัชพืชในนาข้าว ซึ่งรัฐบาลจะต้องเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือชาวนา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้โดยตรง ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนมากจะทำข้าวนาปีเก็บเกี่ยวในระหว่างเดือนตุลาคม และธันวาคม หลังจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นลงทำให้ชาวนามีข้าวเปลือกเป็นจำนวนมากชาวนาจึงขายข้าวเปลือกเพื่อที่จะนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายการลงทุนในการปลูกข้าวและค่าเก็บเกี่ยวส่วนหนึ่งก็เก็บไว้บริโภคหรือเก็บข้าวเปลือกไว้ขายในช่วงเวลาข้าวเปลือกนั้นมีราคาสูงแต่ในทางกลับกันข้าวยังคงมีราคาต่ำดังนั้น จึงนำข้าวเปลือกไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าโดยการนำเอาข้าวเปลือกมาทำเป็นข้าวพอง ข้าวตอกแตก เพื่อเป็นส่วนผสมในการทำข้าวกระยาสารท กระยาสารทเป็นขนมไทยโบราณและใช้ในการทำบุญสารทลาว และสารทไทยในทุกๆ ภาคของประเทศไทย แต่ละพื้นที่จะมีอัตลักษณ์ของตนเองอย่างเด่นชัดในเรื่องของรสชาติและกรรมวิธีการผลิต กระยาสารทยังคงใช้ข้าวเหนียวของภาคอีสานเป็นวัตถุดิบหลักปรุงแต่งส่วนผสมที่มีคุณภาพและรสชาติที่แตกต่างให้มีความทันสมัยที่เหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย จนปัจจุบันเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยส่วนผสมหลักคือข้าวพอง และข้าวตอกแตก
ข้าวพองเบาสีขาว มีกระบกวนการแปรรูปคือการนำข้าวเปลือกมาคั่วไฟแรงจัด หรือประมาณ 240 องศาเซลเซียส เมื่อความร้อนกระจายเข้าไปในเมล็ดข้าวแล้ว จะทำให้เกิดแรงดันเปลือกข้าวแตกเป็นข้าวพองเบาสีขาวนำมาคัดเลือกเปลือกทิ้ง ซึ่งปัญหาในการคัดเปลือกทิ้งต้องใช้แรงงานคนในการคัดแยกโดยการนำข้าวตอกแตกที่คั่วเสร็จแล้วใส่ตะแกรงร่อนเอาเปลือกออกเก็บกากหรือเปลือกที่ติดอยู่กับข้าวตอกอยู่ออกจนหมดซึ่งใช้เวลานานจึงทำให้ล่าช้าไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้าในการที่จะนำไปแปรรูปในกระบวนการต่อไป
เครื่องคัดแยกเปลือกข้าวตอกแตกเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ และช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นค่าแรงงานในการจ้างคนคัดแยกเปลือกข้าวตอกแตกซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และต้องใช้ค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปี จึงได้คิดค้นการคัดแยกเปลือกข้าวตอกแตกนี้ โดยคาดหวังว่าจะนำผลการศึกษาที่ได้ไปประยุกต์ใช้และช่วยเหลือกเกษตรกรได้
จากการลงสำรวจพื้นที่ของสมาชิกกลุ่มพัฒนาบทบาทสตรีบ้านไพรพยัคฆ์ ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ยังพบว่าการคัดแยกข้าวเปลือกซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตข้าวตอกแตก และการคัดแยกข้าวตอกแตกออกจากเปลือกข้าวยังต้องใช้แรงงานคนในการคัดแยกซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น ดังแสดงในภาพที่ 4 ดังนั้นข้อสรุปเบื้องต้นของโครงการบริการวิชาการนี้ได้เล็งเห็นความสำคัญของการคัดแยกเปลือกข้าวตอกแตก โดยการนำผลการวิจัยเครื่องคัดแยกเปลือกข้าวตอกแตกนำไปแยกเปลือกข้าวตอกแตกแทนการใช้แรงงานคนของกลุ่มเกษตรกรหมู่บ้านเทพรักษา ที่ยังต้องใช้แรงงานคนในการคัดแยกอยู่ โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านการคัดแยกเปลือกข้าวตอกแตก และการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวตอกแตกเพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ และยิ่งไปกว่านั้นเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มมากขึ้นจากผลิตภัณฑ์ข้าวตอกแตก
สมาชิกกลุ่มพัฒนาบทบาทสตรีบ้านไพรพยัคฆ์ เป็นแหล่งผลิตสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จำพวกผลิตภัณฑ์จากข้าวกล้องงอก ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์ขนมพื้นบ้านไทยโบราณ โดยเฉพาะขนมนางเล็ด ขนมดอกจอก และขนมโดนัทเขมร และขนมกระยาสารท แต่กระบวนการผลิตและกระบวนการคัดแยกข้าวตอกแตกยังเป็นปัญหาซึ่งยังไม่สามารถคัดแยกเปลือกข้าวออกจากข้าวตอกแตกได้สะอาดในรอบเดียวทำให้เสียเวลาในกระบวนการผลิตและที่สำคัญหากแยกได้ไม่หมดก็จะส่งผลให้เป็นปัญหาในการผลิตและการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป ซี่งหากเกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาตรงส่วนนี้ได้ก็จะช่วยลดระยะเวลาในการคัดแยกเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้นและที่สำคัญผลิตภัณฑ์สะอาดถูกหลักอนามัยเพิ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น ส่งผลให้มีรายได้เข้ากลุ่มได้มากขึ้นเกษตรกรสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขเมื่อมีรายได้มากกว่ารายจ่าย สมาชิกกลุ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีบ้านไพรพยัคฆ์นับวันมีแต่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกมากขึ้นซึ่งในขณะนี้มีสมาชิกทั้งหมดประมาณ 200 คน ซึ่งทางกลุ่มฯ มีความพร้อมในการเรียนรู้กระบวนการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ มีการส่งเสริมให้นำวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้เป็นสูตรหรือส่วนผสมของอาหาร การลดการใช้สารเคมีในกระบวนการปลูกข้าว มีการวางแผนงานการพัฒนาองค์ความรู้ ส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตขนมกระยาสารท สร้างงานสร้างรายได้ให้กับกลุ่มสตรีให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ สร้างระบบการทำงานเป็นทีม แบ่งหน้าที่กันทำงาน และขยายกำลังผลิต สร้างเครือข่ายของกลุ่มผู้ผลิตสินค้าขนมพื้นบ้าน และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน มีผลให้สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความเข้มแข็งให้กลุ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีบ้านไพรพยัคฆ์ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป
ในส่วนของความเชื่อมโยงของการนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปบูรณาการงานบริการทางวิชาการแก่สังคมกับกาวิจัย/การเรียนการสอน และการนำไปใช้ประโยชน์ของชุมชน/ผู้รับบริการ จากการที่อาจารย์ประทีป ตุ้มทอง อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมเครื่องกลได้รับงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้ทำวิจัยเรื่อง การศึกษาการคัดแยกข้าวตอก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ซึ่งอยู่ในช่วงของการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล ดังแสดงในภาพที่ 5 ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับอาจารย์ถึงปัญหาของกลุ่มผู้ผลิตข้าวตอกแตก เครื่องมือที่สร้างขึ้นสามารถที่จะช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรได้ จึงได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างข้าพเจ้านายศิริชัย เสาะรส อาจารย์สาขาเครื่องจักรกลเกษตร และอาจารย์ประทีป ตุ้มทอง อาจารย์สาขาวิศวกรรมเครื่องกล และอาจารย์อธิรัช ลี้ตระกูล อาจรย์โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร ในการบูรณาการร่วมกับการเรียนการสอนการวิจัยและบริการวิชาการในการส่งเสริมให้นักศึกษาร่วมเป็นวิทยากรในการบริการวิชาการในครั้งนี้เนื่องจากเป็นปริญญานิพนธ์ของนักศึกษาในรายวิชาโครงงานเทคโนโลยีเครื่องกล และบูรณาการร่วมกับรายวิชาการการขนถ่ายวัสดุในหลักสูตรเครื่องจักรกลเกษตร รายวิชาเครื่องยนต์ต้นกำลังในหลักสูตรเทคโนโลยีเครื่องกล และรายวิชาการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล ในหลักสูตรเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร โดยให้นักศึกษาสามารถเห็นภาพจริงในการทำงานและการเรียนรู้นอกห้องเรียนซึ่งจะเป็นประโยชน์กับนักศึกษาทั้ง 3 หลักสูตรอย่างมาก อย่างไรก็ตามการศึกษา การแก้ปัญหาคือการเรียนรู้ ทั้งนี้ต้องอาศัยขบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองบนพื้นฐานของวิชาการ ตลอดจนประสบการณ์ที่สั่งสมอย่างต่อเนื่อง จะทำให้อาจารย์ นักศึกษา และสมาชิกกลุ่มเป้าหมาย มีความรู้ความชำนาญ สร้างความเข้มแข็งให้กับตนเอง สังคม ชุมชน สามารถดำเนินโครงการไปอย่างต่อเนื่อง ขยายวงกว้างไปยังชุมชนข้างเคียง เพิ่มกำลังการผลิต ให้เพียงพอกับความต้องการ และสร้างความมั่นใจให้กับตนเองและผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มาจากข้าวตอกแตก
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 17:31 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาจลนพลศาสตร์การอบแห้งไข่น้ำและการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารปลาเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยี ภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรมสู่ชุมชน (ปี 2562)ปัจจุบันประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาการประมง จนสามารถติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกที่มีผลผลิตสูงและยังติดอันดับต้นๆ ของผู้ส่งออกสินค้าประมงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 (สนิท, 2555) แต่ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการเลี้ยงปลาต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับต้นทุนของอาหารที่มีราคาแพงขึ้นทุกวันทำให้กำไรของเกษตรกรเหลือน้อยและบางครั้งถึงกับขาดทุน เกษตรกรจึงได้มีการนำเอาพืชมาใช้เป็นอาหารและเป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารปลา ซึ่งพืชที่กล่าวถึงก็คือ ไข่น้ำหรือไข่ผำ เป็นพืชที่เกิดตามแหล่งน้ำทั่วไปและปัจจุบันนี้มีการเพาะเลี้ยงไข่น้ำเพื่อเป็นส่วนผสมของอาหารปลาคาร์ฟ ซึ่งในการนำไข่น้ำมาเป็นส่วนผสมของอาหารปลานั้นต้องผ่านกระบวนการลดความชื้นของไข่น้ำก่อนจึงจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่กระบวนการลดความชื้นของไข่น้ำที่เกษตรกรใช้กันนั้นก็คือการตากแดดโดยตรงซึ่งทำให้เกษตรกรประสบปัญหาในเรื่องของเชื้อราที่เกิดขึ้นกับไข่น้ำเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยส่งผลทำให้ไข่น้ำเน่าเสียและนำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้
การลดปริมาณความชื้น (moisture content) หรือการอบแห้ง เป็นการเก็บรักษาและป้องกันการเน่าเสียของผลิตภัณฑ์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง กระบวนการอบแห้งประกอบด้วย 2 กระบวนการที่สำคัญคือการถ่ายเทความร้อนจากแหล่งความร้อนสู่ผลิตภัณฑ์ และถ่ายเทความชื้นภายในเนื้อผลิตภัณฑ์มาที่ผิวและออกสู่อากาศภายนอกผลิตภัณฑ์ กระบวนการลดปริมาณความชื้นโดยทั่วไป ของเหลวภายในเนื้อผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนที่ออกมายังพื้นผิวของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลมาจากแรงตึงผิว (surface force) ส่วนไอน้ำในเนื้อผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนที่ออกมาเนื่องจากความแตกต่างของความเข้มข้นของความชื้น (vapor diffusion) และความดันไอ (partial pressure of vapor) ที่แตกต่างกันระหว่างไอน้ำในเนื้อผลิตภัณฑ์กับอากาศร้อน การลดลงของความชื้นในผลิตภัณฑ์จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ระยะเริ่มต้นของการอบแห้ง (initial period), ระยะอัตราการระเหยของไอน้ำคงที่ (constant-rate period) และระยะอัตราการระเหยของไอน้ำลดลง (falling-rate period) การลดความชื้นของผลิตภัณฑ์สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การอบแห้งด้วยไอน้ำร้อนยวดยิ่ง การอบแห้งด้วยไมโครเวฟ การอบแห้งด้วยสุญญากาศ การอบแห้งด้วยปั๊มความร้อนการอบแห้งด้วยลมร้อน การอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด และการอบแห้งด้วยเทคนิคฟลูอิไดซ์เบดการอบแห้งในแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น การอบแห้งด้วยไอน้ำร้อนยวดยิ่ง การอบแห้งด้วยสุญญากาศ และการอบแห้งด้วยปั๊มความร้อน ซึ่งคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่อบจากสามวิธีนี้จะดี แต่สำหรับข้อเสียก็คือ การมีระบบที่ซับซ้อนและต้นทุนที่สูง สำหรับการอบแห้งด้วยไมโครเวฟเป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่อบมีคุณภาพสูง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องความปลอดภัยจากคลื่นสนามแม่เหล็ก ทำให้ยังจำกัดการใช้อยู่แค่เตาอบขนาดเล็กสำหรับใช้ในห้องครัวการอบแห้งด้วยลมร้อนเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีต้นทุนในการสร้างเครื่องที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ที่ได้กล่าวมา เครื่องอบแห้งด้วยลมร้อนสามารถใช้แหล่งความร้อนได้จากหลายแหล่งที่หาได้ง่ายเช่น จากขดลวดความร้อนน้ำมันเชื้อเพลิงแอลพีจี (LPG) พลังงานแสงอาทิตย์ หรือความร้อนทิ้งจากกระบวนต่างๆ ในโรงงาน แหล่งพลังงานที่ถูกที่สุด ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ก็มีข้อจำกัด คือ ไม่สามารถทำได้หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ผลิตภัณฑ์ที่ได้ไม่สะอาดพอ และต้องใช้พื้นที่มาก ส่งผลให้อัตราการผลิตต่ำ การอบแห้งด้วยรังสีอินฟราเรด มีจุดเด่นตรงที่รังสีอินฟราเรดจะถูกแผ่ไปยังวัสดุซึ่งจะทำให้โมเลกุลของน้ำภายในวัสดุสั่น และเกิดความร้อนขึ้น ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิภายในวัสดุสูงกว่าอุณหภูมิที่ผิว ทำให้ผิวภายนอกวัสดุไม่เหี่ยวย่นซึ่งจะช่วยให้มีอัตราการอบแห้งที่สูงลดระยะเวลาการอบแห้งและพลังงานที่ใช้ด้วยนอกเหนือจากการอบแห้งด้วยวิธีการอบแห้งดังกล่าวแล้วก็ยังมีการอบแห้งด้วยวิธีเทคนิคฟลูอิไดซ์เบด ซึ่งการอบแห้งด้วยวิธีนี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นเม็ดหรือเป็นผง ซึ่งการอบแห้งด้วยวิธีนี้เนื่องจากวัสดุถูกทำให้ลอยตัวส่งผลให้โอกาสที่วัสดุภายในเบดมีโอกาสสัมผัสกับอากาศร้อนมากกว่าเครื่องอบแห้งชนิดอื่น ผลที่ได้คือจะทำให้สัมประสิทธิ์การพาความร้อนสูงขึ้น การถ่ายเทความร้อนและมวลจึงสูงขึ้น ทำให้อัตราการอบแห้งสูงกว่าการอบแห้งด้วยวิธีอื่นๆ จากข้อดีตรงนี้เองโครงการนี้จึงมีแนวคิดที่จะหาแนวทางในการอบแห้งไข่น้ำเพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารปลา ด้วยเทคนิคฟลูอิไดซ์เบด และเทคนิคการใช้ลมร้อนร่วมพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต
ซึ่งการอบแห้งทั้ง 2 วิธี ได้แก่เทคนิคฟลูอิไดซ์เบด และลมร้อนร่วมพลังงานแสงอาทิตย์ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการวิจัยเพื่อหาจุดที่เหมาะสมที่สุดในการอบแห้งไข่น้ำเพื่อการแปรรูปเป็นอาหารปลาคาร์ฟ จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ในขณะเดียวกันผู้รับผิดชอบโครงการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยไปบูรณาการเข้ากับการเรียนการสอนในรายวิชาการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม หลักสูตรอุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกเทคโนโลยีเครื่องกล ซึ่งผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้รับผิดชอบสอนรายวิชาดังกล่าวโดยตรง ซึ่งจะส่งเสริมให้นักศึกษาในรายวิชาเป็นวิทยากรร่วมในการบริการวิชาการสู่กลุ่มเป้าหมาย และจะส่งเสริมให้นักศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ไปเป็นหัวข้อปริญญานิพนธ์ และเข้าร่วมนำเสนอผลงานทางวิชาการราชมงคลสุรินทร์วิชาการในโอกาสต่อไป ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นผู้รับผิดชอบโครงการคาดหวังว่าจะสามารถบูรณาการกับการเรียนการสอนการวิจัย และสามารถช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กลุ่มสมาชิกผู้เลี้ยงปลาคาร์ฟได้ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและคุณภาพของปลาคาร์ฟ ซึ่งจากผลงานวิจัยเรื่อง จลนพลศาสตร์การอบแห้งไข่น้ำด้วยลมร้อนเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยี กล่าวไว้ว่าการใช้ไข่น้ำเลี้ยงปลาคาร์ฟสามารถเพิ่มคุณภาพของสีและการเจริญเติบโตของปลาคาร์ฟได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโปรตีนสูง (ประทีป และคณะ, 2560)
กลุ่มสมาชิกผู้เลี้ยงปลาคาร์ฟตำบลดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ จัดตั้งโดยนายพิทยา ตุ้มทอง ศิษย์เก่าสาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องกล คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาเขตสุรินทร์ สืบเนื่องจากการที่ สมัยยังเป็นนักศึกษาได้ทำปริญญานิพนธ์เรื่อง การศึกษาการอบแห้งไข่น้ำด้วยลมร้อน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหาจุดที่เหมาะสมที่สุดในการอบแห้งไข่น้ำสำหรับการนำไปเป็นส่วนผสมในอาหารปลาสำหรับการเลี้ยงปลาคาร์ฟ หลังจากสำเร็จการศึกษาออกไปจึงได้ไปทดลองเลี้ยงปลาคาร์ฟโดยใช้ไข่น้ำเป็นส่วนผสมในการอนุบาลลูกปลา ซึ่งผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจทั้งต้นทุนการผลิต และคุณภาพของการเจริญเติบโตและการให้สีสันของตัวปลา แต่ก็ยังพบปัญหาเรื่องของต้นทุนการผลิตด้านอาหารปลา เนื่องจากมีลูกค้าต้องการเยอะส่งผลให้เร่งการผลิตและปัญหาที่ตามมาคือผลิตภัณฑ์อาหารปลาเก็บได้ไม่นานและมีเชื้อราขึ้น เกิดการเน่าเสีย ทำให้เสียลูกค้าและส่งผลกับตัวปลาที่มีอัตราการรอดลดลง และตายมากขึ้น ในขณะเดียวกันสมาชิกในกลุ่มอยากมีความรู้เรื่องด้านวิชาการให้ตรงประเด็นเกี่ยวกับการให้สีของปลาคาร์ฟเกี่ยวกับการใช้ไข่น้ำเลี้ยงปลา และการกำจัด ทำลาย และสร้างระบบนิเวศในบ่อปลาเกี่ยวกับการใช้ไข่น้ำเลี้ยงปลาด้วยระบบในตัวของมันเอง ในส่วนของลูกค้าของกลุ่มก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันสมาชิกในกลุ่มก็เพิ่มขึ้นเช่นกันสืบเนื่องจากการขยายเครือยข่ายจนตอนนี้ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มองค์ความรู้สำหรับการแนะนำและเสนอแนะการใช้ไข่น้ำเลี้ยงปลาคาร์ฟ ให้กับกลุ่มสมาชิก ซึ่งจากการลงพื้นที่ของผู้รับผิดชอบโครงการดังแสดงในภาพที่ 1, 2 และ 3 ผลปรากฎว่าเป็นจริงตามคำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้ากลุ่ม ทั้งปัญหาเรื่องการทำแห้งไข่น้ำ การผสมกับส่วนผสมอาหารปลา การเลี้ยงปลา และการอนุบาลลูกปลายังเป็นปัญหาของกลุ่มสมาชิกที่ยังปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการส่งผลให้อัตราการตายสูงขึ้น และผลิตภัณฑ์อาหารปลาเกิดการเน่าเสียส่งผลถึงการรอดชีวิตของปลาคาร์ฟด้วย
ดังนั้นโครงการนี้จึงมีแนวคิดที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำแห้งผลิตภัณฑ์ไข่น้ำ การอนุบาลปลาคาร์ฟ การใช้ไข่น้ำเลี้ยงปลาคาร์ฟ และถ่ายทอดองค์ความรู้ในการให้สีและอัตราการรอดตายและอัตราการแลกเนื้อจากการใช้ไข่น้ำเลี้ยงปลา โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากสาขาประมง วิทยาเขตสุรินทร์ นำโดย ผศ.ดร. กฤติมา เสาวกูล หัวหน้าสาขาประมงและทีมงาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยงปลาคาร์ฟ และยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารปลาจากไข่น้ำ เพิ่มอัตราการรอดตายมากขึ้น ส่งผลให้สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้สมาชิก นอกจากนั้นแล้วเพื่อเป็นการนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ในงานด้านการเพาะพันธุ์เลี้ยงปลาคาร์ฟ พร้อมกันนี้จัดให้เป็นแหล่งศึกษาดูงานของผู้สนใจ สร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนให้กับกลุ่มสมาชิกผู้เลี้ยงปลาคาร์ฟต่อไป
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น กลุ่มสมาชิกผู้เลี้ยงปลาคาร์ฟบ้านดม มีความพร้อมในการเรียนรู้กระบวนการทำแห้งไข่น้ำและการแปรรูปเป็นอาหารปลาสำหรับการเลี้ยงปลาคาร์ฟ รวมไปถึงมีการส่งเสริมให้นำวัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้เป็นวัสดุในการสร้างกระชังเลี้ยงปลา และนำพืช (ไข่น้ำ)ที่มีอยู่ในท้องถิ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาเป็นส่วนผสมของอาหารปลา ลดการใช้สารเคมีในกระบวนการเร่งการเจริญเติบโตของปลาและการเพิ่มสีสันของปลา มีการวางแผนงานการพัฒนาองค์ความรู้ ส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการเลี้ยงปลาคาร์ฟ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับกลุ่มสมาชิกให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ สร้างระบบการทำงานเป็นทีม แบ่งหน้าที่กันทำงาน และขยายกำลังผลิต สร้างเครือข่ายของกลุ่มผู้เลี้ยงปลาคาร์ฟ และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน มีผลให้สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความเข้มแข็งให้กลุ่มสมาชิกฯ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป กลุ่มสมาชิกเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐอย่างจริงจัง ส่วนมากกลุ่มสมาชิกฯ ก็จะลองผิดลองถูกกันเองแต่ก็เจอปัญหามากมายในการลองผิดลองถูก และเมื่อได้ทราบข่าวเกี่ยวกับโครงการบริการวิชาการจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ก็รอความหวังในการที่จะได้นักวิชาการมาช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งหากโครงการนี้ได้รับอนุมัติก็จะเป็นคุณประโยชน์สูงสุดของของกลุ่มสมาชิกในการที่จะแก้ปัญหาและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
แต่อย่างไรก็ตามการศึกษา การแก้ปัญหาคือการเรียนรู้ ทั้งนี้ต้องอาศัยขบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองบนพื้นฐานของวิชาการ ตลอดจนประสบการณ์ที่สั่งสมอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กลุ่มสมาชิกผู้เลี้ยงปลาคาร์ฟมีความชำนาญ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน สามารถดำเนินโครงการไปอย่างต่อเนื่อง ขยายวงกว้างไปยังตำบลข้างเคียง เพิ่มกำลังการผลิต ให้เพียงพอกับความต้องการ และสร้างความมั่นใจให้กับทางผู้ที่รักการเลี้ยงปลาคาร์ฟหรือปลาสวยงามที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือต่อไป
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 17:22 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการโรงเพาะเห็ดเพื่ออาหารกลางวัน ภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรมสู่ชุมชน (ปี 2562)โรงเรียนบ้านจบก ตำบลบ้านผือ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 3 บ้านจบก ตำบลบ้านผือ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ รหัสไปรษณีย์ 32180 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึง ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 50 คน มีข้าราชการครู 6 คน นักการภารโรง 1 คน มีครูอัตราจ้าง 3 คน รวมบุคลากรในโรงเรียน 10 คน เดิมเรียนร่วมกับโรงเรียนบ้านผือ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2486 ได้แยกออกมาตั้งอยู่ทางทิศเหนือหนองน้ำบ้านจบก บนเนื้อที่ 19 ไร่ โดยชาวบ้านช่วยกันบริจาคทุนทรัพย์สร้างอาคารชั่วคราว ปัจจุบันมีอาคารเรียนถาวร 1 หลัง จำนวน 8 ห้องเรียน มีนักเรียนในเขตบริการ 2 หมู่บ้าน คือ บ้านจบก และบ้านหนองเหล็ก โดยมีนายธีทัต พุฒิธีรวงศ์ เป็นผู้บริหารคนปัจจุบัน ผู้ปกครองของนักเรียนส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม รายได้ไม่พอรายจ่าย นักเรียนในโรงเรียนมีอัตราการเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์เนื่องจากรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ทำให้เด็กขาดสารอาหาร ซึ่งเด็กเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของชาติ ซึ่งจะต้องได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม ให้มีคุณภาพอันพึงประสงค์ตามวัยและวุฒิภาวะ เป็นกำลังในการพัฒนาท้องถิ่นของตนและชาติบ้านเมืองให้เจริญต่อไป แต่การที่เด็กจะมีคุณภาพอันพึงประสงค์ได้นั้นสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนา อาหารกลางวันจึงมีความสำคัญต่อนักเรียนเป็นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้นักเรียนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีผลต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ของโรงเรียนบ้านจบกมีฐานะทางครอบครัวยากจน การดูแลด้านสุขภาพจึงเป็นปัญหาอย่างยิ่ง เนื่องจากขาดแคลนอาหารกลางวันทำให้ร่างกายและสติปัญญาไม่เจริญเติบโตตามวัยและวุฒิภาวะ
โรงเรียนบ้านจบก ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการจัดทำโครงการอาหารกลางวัน ในโรงเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา และสนองตอบนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนจึงได้จัดทำโครงการอาหารกลางวันนักเรียน โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน มีคุณค่าทางโภชนาการ อันจะช่วยให้นักเรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการเรียนรู้ของผู้เรียนต่อไป ซึ่งทางโรงเรียนได้หาทางแก้ไขโดยพานักเรียนปลูกพืชผักมากมายตามฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า หรือแม้แต่แตงกวา เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า ก็ปลูกเช่นกัน ดังแสดงในภาพที่ 1 แต่ก็มีปัญหาตามมาคือเรื่องของการใช้น้ำในการรดผัก
ผักหลายๆประเภทที่กล่าวมาไม่มีปัญหาเรื่องของการใช้น้ำเนื่องจากนักเรียนสามารถสูบน้ำจากบ่อบาดาลและตักน้ำจากสระน้ำข้างโรงเพาะเห็ดมาใช้งานได้ แต่มีผักชนิดหนี่งที่มีปัญหาเรื่องของการใช้น้ำฉีดหรือสเปรย์ นั่นก็คือ เห็ดนางรม และเห็ดนางฟ้า ซึ่งต้องการละอองน้ำความชื้นตลอดเวลาเพื่อการเจริญเติบโตและไม่เน่าเสีย ซึ่งกระบวนการรดน้ำของนักเรียนยังใช้วิธีตักน้ำใส่บัวรดน้ำไปรดทำให้เกิดการสูญเสียของดอกเห็ดและไม่มีความต่อเนื่องในการดูแลเนื่องจากปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งที่เห็ดเป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับการทำโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน ประกอบกับโรงเห็ดของโรงเรียนไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการปลูกเห็ดแต่เป็นการออกแบบมาเพื่อเก็บของพัสดุที่เสียหายแต่เมื่อมีครูเกษตรจากราชมงคลสุรินทร์เข้าไปทำหน้าที่เป็นครูอัตราจ้างจึงได้บริหารจัดการจากห้องเก็บของถูกจัดให้เป็นโรงเรือนเพาะเห็ดได้ตามศักยภาพที่มีในพื้นที่ดังแสดงในภาพที่ 2 โรงเพาะเห็ดโรงเรียนบ้านจบก
การเพาะเห็ดถือว่าเป็นอาชีพที่สำคัญต่อเศรษฐกิจอาชีพหนึ่ง สามารถใช้วัสดุที่เหลือจากการเกษตร เช่นฟางข้าว ไส้นุ่น ไส้ฝ้าย เปลือกมันสำปะหลัง ทะลายปาล์ม ชี้เลื่อย เปลือกถั่วเขียว หรือแม้กระทั่งวัสดุที่มีตามธรรมชาติ เช่นหญ้าชนิดต่างๆ สามารถใช้เป็นวัสดุเพาะให้เหมาะสมกับท้องถิ่นเพื่อลดต้นทุนและทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นได้ เห็ดเป็นพืชผักที่สามารถนำไปประกอบเป็นอาหารได้หลากหลายแบบ คนทั่วไปนิยมบริโภค ราคาไม่แพงนัก มีคุณค่าทางอาหาร และส่วนใหญ่นิยมบริโภคเห็ดสด การผลิตเห็ดโดยเฉพาะเห็ดที่สามารถเพาะได้ในถุงพลาสติก เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม ในท้องถิ่นมักทำกันในโรงเรือนแบบชั่วคราว คือโรงเรือนมีอายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี ถ้ามีการเพาะเลี้ยงกันต่อไปก็จำเป็นต้องมีการสร้างโรงเรือนใหม่ ทำให้ต้นทุนในการผลิตเห็ดเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีการสร้างโรงเรือนเพาะเลี้ยงเห็ดแบบถาวร มีอายุการใช้งานหลายปี ก็ต้องใช้ต้นทุนที่สูงและมักประสบกับโรงเรือนเพาะมีการสะสมโรคและแมลงชนิดต่างๆ ที่เป็นปัญหาในการผลิต การสร้างโรงเรือนเพาะเห็ดขนาดเล็ก สามารถถอดประกอบได้ สามารถเคลื่อนย้ายไปวางยังตำแหน่งใหม่ได้ อาจสามารถช่วยลดปัญหาเรื่องการสะสมโรคและแมลงที่เป็นศัตรูเห็ดลงได้ และถ้ามีการว่างเว้นจากการเพาะเลี้ยงเห็ดชั่วคราวก็สามารถถอดเก็บไว้สร้างใหม่ได้ โดยไม่ทำให้เสียพื้นที่ในการใช้งาน ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะมากกับเกษตรกรหรือกลุ่มคนที่ต้องการผลิตเห็ดไว้สำหรับรับประทานเองในครอบครัวและหากผลิตภัณฑ์เหลือจากการรับประทานในครัวเรือนก็สามารถนำมาจำหน่ายให้กับเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรด้วยกันได้ ซึ่งสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรเพิ่มขึ้นอีก เห็ดเป็นอาหารประเภทผักที่คนนิยมนำมารับประทานกันทั่วไป ทั้งในรูปเห็ดสด และเห็ดที่ผ่านกระบวนการถนอมอาหาร เช่น เห็ดแห้ง เห็ดกระป๋อง หรือเห็ดที่เป็นอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ โดยเฉพาะโปรตีนในดอกเห็ดสดมีถึงร้อยละ 3 – 6 ซึ่งสูงกว่าผักทั่วไป เป็นอาหารที่มีความปลอดภัยจากสารเคมีและยังเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมังสะวิรัต นอกจากนี้ยังมีเห็ดอีกหลายชนิดมีคุณสมบัติทางยาหรือสมุนไพร ใช้ป้องกันและรักษาโรคบางอย่างได้ ผู้ที่รับประทานเห็ดเป็นประจำจะทำให้กรดไขมันในเส้นเลือดไม่สูงหรือต่ำเกินไป เหมาะหำหรับผู้ที่มีไขมันในเส้นเลือดสูง เช่นโรคหัวใจ และโรคความดัน
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้นเพื่อช่วยส่งเสริมโครงการเกษตรอาหารกลางวันให้กับโรงเรียนบ้านจบก และสนับสนุนจิตวิญญาณของความเป็นครูของศิษย์เก่าสาขาพืชศาสตร์ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นครูสอนที่โรงเรียนดังกล่าวให้บรรลุตามความตั้งใจของครู ข้าพเจ้าอาจารย์วันทนา ศุขมณี สาขาเทคโนโลยีไฟฟ้า ร่วมกับอาจารย์ศิริชัย เสาะรส สาขาเครื่องจักรกลเกษตร อาจารย์ประทีป ตุ้มทอง สาขาวิศวกรรมเครื่องกล และนางยุพา บุตรดาพงษ์ สาขาพืชศาสตร์ จึงร่วมกันเขียนโครงการ “โรงเพาะเห็ดเพื่ออาหารกลางวัน” นี้ขึ้นโดยเป็นการบูรณาการร่วมกันทั้ง 4 สาขา และเป็นการบูรณาการร่วมกับการเรียนการสอนในรายวิชาระบบควบคุมอัตโนมัติ ของสาขาเทคโนโลยีไฟฟ้า รายวิชาระบบชลประทานแบบฉีดฝอย ของสาขาเครื่องจักรกลเกษตร รายวิชาการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ของสาขาวิศวกรรมเครื่องกล และการผลิตเห็ด ของสาขาพืชศาสตร์ และบูรณาการร่วมกับงานวิจัยและปริญญานิพนธ์ของนักศึกษาหลักสูตรเทคโนโลยีเครื่องกลเรื่อง โรงเพาะเห็ดควบคุมอณหภูมิอัตโนมัติแบบถอดประกอบได้ โดยคาดหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือแก้ปัญหาของโรงเรียนได้ ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ได้รับประทานอาหารที่ปลอดสารพิษ และได้เรียนรู้ระบบสเปรย์น้ำในโรงเรือนเพาะเห็ด อันเป็นผลให้เกิดการจุดประกายให้กับน้องๆ นักเรียนและอนุชนรุ่นหลังได้สนใจและหันมาใฝ่เรียนระบบฟาร์มอัจฉริยะมากขึ้น และสำคัญที่สุดเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ให้ขยายวงกว้างมากขึ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการเกษตร ยิ่งไปกว่านั้นจะส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนเข้าร่วมแข่งขันทักษะศิลปะ หัตถกรรมของเขตพื้นที่การศึกษาอีกด้วยเพื่อเป็นการกระจายองค์ความรู้ให้กับโรงเรียนข้างเคียง ดังนั้นโครงการนี้จึงมีแนวคิดที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างโรงเรือนเพาะเห็ดแบบถอดประกอบได้และการสเปรย์น้ำด้วยระบบอัตโนมัติและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเห็ดเพื่อให้นักเรียนได้รับประทานผลิตภัณฑ์จากเห็ดที่หลากหลายไม่จำเจและหากเหลือจากการรับประทานในโรงเรียนก็สามารถจำหน่ายให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองได้ด้วยถือเป็นโอกาสให้นักเรียนได้รู้จักการจัดจำหน่ายสินค้ารู้จักการออมตั้งแต่ยังเด็กเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับอนาคตของชาติต่อไป แต่อย่างไรก็ตามการศึกษา การแก้ปัญหาคือการเรียนรู้ ทั้งนี้ต้องอาศัยขบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองบนพื้นฐานของวิชาการ ตลอดจนประสบการณ์ที่สั่งสมอย่างต่อเนื่อง จะทำให้น้องๆ นักเรียนมีความชำนาญ สร้างความเข้มแข็งให้กับตนเอง สามารถดำเนินโครงการไปอย่างต่อเนื่อง ขยายวงกว้างไปยังโรงเรียนข้างเคียง เพิ่มกำลังการผลิต ให้เพียงพอกับความต้องการ และสร้างความมั่นใจให้กับตนเองและผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือต่อไป
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 17:11 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงและนวัตกรรมการแปรรูปอาหารจากไหมอีรี่ ภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรมสู่ชุมชน (ปี 2562)ไหมอีรี่ (Samia ricini D.) เป็นไหมป่าที่มีศักยภาพในการนำมาใช้ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอของโลก ร่วมทั้งการทำมาใช้ประโยชน์ในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป อาหารเสริมสุขภาพ ยาอายุวัฒนะ เป็นต้น (Akai, 2002; Sirimungkararat et al., 2010a; Sirimungkararat, 2012) ปัจจุบันได้รับความนิยมและมีการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยความแข็งแรงของไหมอีรี่จึงทนทานต่อโรคและแมลงศัตรู ในการเพาะเลี้ยงไม่มีการใช้สารเคมีพิษใดๆ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม(eco-product)ได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติที่ดีของไหมอีรี่ที่สามารถกินพืชอาหารหลากหลายชนิด เช่น ละหุ่ง (Ricinus communis Linn.), พระเจ้าร้อยท่า (Heteropanax fragrans Roxb.), Payam (Evodia fraxinifolia Hook.), มันสำปะหลัง(Manihot esculenta Crantz) และพืชอาหารอื่นๆ ที่สามารถนำมาเลี้ยงไหมอีรี่สลับได้ในบางวัย ได้แก่ แอปเปิ้ลป่า, แอปเปิ้ล, ก่อ และปาริชาด (Wongtong et al., 1980; Sarkar, 1988; ทิพย์วดี และคณะ, 2535) นั้น ในด้านการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของดักแด้ไหมอีรี่นั้น นั้นศิวิลัย และคณะ (2547ก)ได้วิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ(proximate analysis)ของไหมอีรี่ที่เลี้ยงด้วยใบมันสำปะหลัง เปรียบเทียบกับไหมบ้านพันธุ์ไทยพื้นเมือง(นางลาย)และพันธุ์ต่างประเทศ(102 x 105) พบว่าดักแด้ไหมอีรี่มีโปรตีนสูงมาก(65.63%) โดยโปรตีนในดักแด้ไหมอีรี่ส่วนใหญ่เป็นชนิด globular protein ที่มี albumin สูงสุดเท่ากับ 28.50 – 30.20 เปอร์เซ็นต์ และ histone ค่อนข้างสูง (4.50 – 6.20%) อีกทั้งยังพบว่าไหมอีรี่ที่กินใบมันสำปะหลังเป็นอาหาร เมื่อนำมาวิเคราะห์ถึงกรดไฮโดรไซยานิค (hydrocyanic acid, HCN) ในหนอนและดักแด้ไหมอีรี่ พบว่าอยู่ในปริมาณที่ต่ำมากๆ จึงปลอดภัยต่อการบริโภคของคนและการกินของสัตว์ (ศิวิลัย และคณะ, 2547ข) ส่วนในต่างประเทศ Singh และ Saratchandra (2012) รายงานว่าดักแด้ไหมอีรี่ให้พลังงานสูง 460 กิโลอแคลอรี่(kcal)/100 กรัมน้ำหนักแห้ง หรือ 133 กิโลแคลอรี่/100 กรัมน้ำหนักสด ซึ่งมีค่าสูงกว่าที่ได้จากนมวัว (69 กิโลแคลอรี่/100 มิลลิลิตร), ไข่ (163 กิโลแคลอรี่/10 กรัม), เนื้อไก่ (120 กิโลแคลอรี่/100 กรัม), น้ำตาลทรายขาว(385 กิโลแคลอรี่/100 กรัม) และแครอทสด(42 กิโลแคลอรี่/100 กรัม) อีกทั้งดักแด้ไหมอีรี่ยังอุดมไปด้วยโปรตีน(53.3%) ขณะที่มีไขมัน 25.6 เปอร์เซ็นต์ และคาร์โบไฮเดรต 4.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปัจจับันนี้การบริโภคแมลงนับว่าได้รับความนิยมและยอมรับกันมากขึ้น หลายๆประเทศเริ่มยอมรับการใช้แมลงเป็นอาหารโปรตีนสำรองสำหรับประชากรโลกเพิ่มขึ้น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) คาดการณ์ว่า ในปี ค.ศ. 2050 จะมีประชากรมากถึง 9,000 ล้านคน จากปัจจุบันอยู่ที่ 7,300 ล้านคน และสถานการณ์อาหารโลกอาจเข้าสู่ภาวะวิกฤต แมลงจะเป็นทางเลือกใหม่ เนื่องจากมีราคาถูก และหาง่ายตามท้องถิ่นในประเทศต่างๆ (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, 2561)
จากการลงพื้นที่หมู่บ้านเร่งรัดพัฒนาอำภอชุมพวง (บ้านใหม่ปฏิรูปและบ้านใหม่พัฒนา อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา) จากการทำความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนากับอำเภอชุมพวง ในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของหมู่บ้านเร่งรัดพัฒนา อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ในปีงบประมาณ 2561 จะพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เกษตรเกษตรปลูกมันสำปะหลังสำหรับขายหัวมันสำปะหลัง จึงได้มีการส่งเสริมเกษตรทำอาชีพเสริมด้วยการนำใบมันสำปะหลังมาเลี้ยงไหมอีรี่ ในเบื้องต้นได้อบรมเชิงปฏิบัติการการเลี้ยงไหมอีรี่ซึ่งเกษตรกรให้การตอบรับอย่างดี และเกษตรกรเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีความรู้พื้นฐานในการเพาะเลี้ยงไหมหม่อน(ไหมกินใบหม่อน)อยู่แล้ว และปัจจุบันยังมีเกษตรกรที่ยังคงเพาะเลี้ยงไหมอีรี่อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเกษตรยังไม่สามารถผลิตไข่ไหมอีรี่ได้เอง และยังไม่สามารถเพาะแม่พันธุ์เองได้ จึงทำให้การเพาะเลี้ยงในทุกๆครั้งต้องขอความอนุเคราะห์ไข่ไหมมายังสาขาเทคโนโลยีการเกษตรเสมอมา อีกทั้งเกษตรกรยังไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ได้ เฉพาะการเพาะเลี้ยงเพื่อรวบรวมรังไหมไว้ขาย และการแปรรูปอาหารจากไหมอีรี่แบบดังเดิมด้วยการนำมาคั่วหรือทอดเท่านั้น
ดังนั้น สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ จึงเห็นถึงความสำคัญ ในการจัดโครงการอบรมให้ความรู้ และฝึกปฏิบัติแก่เกษตรกรให้สามารถเพาะเลี้ยงไหมอีรี่และแปรรูปอาหารจากไหมอีรี่ได้ เพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวต่อไป
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 16:04 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการการผลิตสบู่เกลือมะตูมที่มีคุณสมบัติในด้านผิวกระจ่างใสในการเพิ่มมูลค่าในเชิงพาณิชย์สู่การขอมาตรฐานเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ตำบลกุดเรือคำ จังหวัดสกลนคร ภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรมสู่ชุมชน (ปี 2562)แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยุทธศาสตร์ฉบับที่ 12 และกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผู้ฝึกอบรมได้ศึกษาบริบทชุมชน ตำบลกุดเรือคำ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร จากโครงการพัฒนาหมู่บ้านกุดเรือคำ แบบมีส่วนร่วมภายใต้ศักยภาพของชุมชนอย่างยั่งยืน ประจำปี 2561 ภายใต้โครงการหมู่บ้านราชมงคล อีสาน ผลการศึกษาบริบทชุมชน พบว่าชุมชนมีศักยภาพหลายด้าน โดยเฉพาะเกลือสินเธาว์ ในหลักทฤษฎี ทางการแพทย์แผนไทย เกลือสินเธาว์จัดอยู่ในประเภทธาตุวัตถุ สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายในการเป็นส่วนประกอบของตำรับยาสมุนไพรเกลือสินเธาว์บ้านกดุเรือคำ ที่ผลิตมี 2 แบบ คือ เกลือจากการต้มและเกลือจากการตากประกอบกับศักยภาพในชุมชุนยังไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีมูลค่าเชิงพาณิชย์ที่หลากหลาย จากผลของการจัดเวทีประชาคมในชุมชนตามกิจกรรมในโครงการ พบว่าชุมชนยังต้องการให้พัฒนาการประกอบอาชีพโดยให้มีผลิตภัณฑ์ของชุมชนและมีช่องทางในการจำหน่าย ทั้งยังต้องการลดรายจ่ายในครัวเรือนโดยการผลิตผลิตภัณฑ์อุปโภคเช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน หรืออื่นๆ ที่จะสามารถลด รายจ่ายในครัวเรือน และสามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มรายได้ในครัวเรือน ทั้งนี้จาก กิจกรรมการถอดบทเรียนการผลิตเกลือเกลือสินเธาว์บ้านกุดเรือคำ ตำบลกุดเรือคำ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร พบว่า การผลิตเกลือแบบต้ม มี 2 ชนิด คือ เกลือสินเธาว์สีขาว และ เกลือสินเธาว์สีแดง จากคุณสมบัติเฉพาะและเป็นเอกลักษณ์พิเศษของการผลิตเกลือสินเธาว์บ้านกุดเรือคำ เกลือสินเธาว์สีแดงจะถูกผลิตขึ้นตามการสั่งผลิตนั้นเนื่องจากต้องใช้วัตถุดิบอื่นเป็นส่วนผสมนอกเหนือจากการต้มเกลือตามปกติ
มะตูมเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญของเกลือสีแดง โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตใช้มะตูมจากพื้นที่ ตำบลกุดเรือคำ ซึ่งจากการสำรวจภาคสนามของตำบลกุดเรือคำ พบต้นพืชสมุนไพรคือ ต้นมะตูมในพื้นที่ บ้านกุดเรือคำ คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของมะตูมถูกแยกตามส่วนของต้นพืช ชื่อวิทยาศาสตร์ของพืช สมุนไพรมะตูม คือ Aegle marmelos (L.) Correa ผลมะตูมมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในการต้านเชื้อเบคที เรีย และเชื้อรา และมีฤทธิ์ทางชีวภาพที่หลากหลาย เช่น ขยายหลอดเลือด ต้านเนื้องอก ต้านการเกาะ กลุ่มของเกล็ดเลือด องค์ประกอบทางเคมีของ ผล ใบ และเมล็ด เช่น marmin , marmelide ,tannin (ดวงเพ็ญ ปัทมดิลกและคณะ,2558.) และ
(Binu Varughese and Jagrati Tripathi, 2013.) ในประเด็น ความเชื่อมะตูมถูกใช้ในการประกอบพิธีกรรมทั้งกรรมวิธีของหมอพื้นบ้านไทยและพิธีกรรมบูชาเทพ เจ้าของอินเดีย บ้านกุดเรือคำถือเป็นหมู่บ้านที่มีตำนานความชื่อมายาวนาน คุณค่าทางวัฒนธรรมการใช้มะตูมจะเป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ทางด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ประกอบกับลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นและมีประสิทธิ์ภาพของสบู่เกลือมะตูม จะเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่ามากขึ้น
การบริการวิชาการ เรื่อง การผลิตสบู่เกลือมะตูมที่มีคุณสมบัติในด้านผิวกระจ่างใสในการเพิ่มมูลค่า ในเชิงพาณิชย์สู่การขอมาตรฐานเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ตำบลกุดเรือคำ จังหวัดสกลนคร จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านวิชาการให้กลุ่มเป้าหมายสามารถบูรณาการในประกอบวิชาชีพ ทั้ง ยังส่งเสริมให้มีกิจกรรมทางสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทยด้วย โดยการจัดกิจกรรมการบริการวิชาการเป็น การบูรณาการการสอนและเปิดโอกาสให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการใช้องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยบริการ วิชาการและเรียนรู้ร่วมกับกลุ่มผู้เข้าร่วมอบรมให้มีความเข้าใจและสามารถทำผลิตภัณฑ์สบู่มะตูมที่มี คุณสมบัติในด้านผิวกระจ่างใสตามหลักมาตรฐานทางวิชาการประกอบกับการสร้างอัตลักษณ์ของชุมชน และ สามารถต่อยอดการเพิ่มมูลค่าในเชิงพาณิชย์ในการขอมาตรฐานเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนต่อไป
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 15:14 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการต้นกล้าน้อยพาเที่ยวเลี้ยวเลาะชุมชนศรีฐานภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรมสู่ชุมชน (ปี 2562)การท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นเครื่องมือสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการทรัพยากรทางการท่องเที่ยว ที่เป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมในท้องถิ่น โดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว การที่จะให้ชุมชนจะสามารถดำเนินการท่องเที่ยวตามหลักการดังกล่าวข้างต้น มีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการจัดการการท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันต้องรณรงค์คนในชุมชนให้เห็นความสำคัญของทรัพยากรที่ตนเองมีอยู่ และสามารถเป็นเจ้าของบ้านที่ดีให้กับผู้มาเยือนได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มการรับรู้และความเข้าใจในบทบาทของชุมชนท้องถิ่นต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวโดยชุมชนอาจไม่ได้หมายความถึงเพียงการต้อนรับนักท่องเที่ยว และการสร้างรายได้เพิ่มจากรายได้หลัก หากแต่เป็นการสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นชุมชนดั้งเดิม และความต้องการจะบอกกล่าวเล่าเรื่อง ความเป็นมาเป็นไปของชุมชน ให้บุคคลอื่นได้ร่วมภาคภูมิใจไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชนในชุมชนที่มีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ควรที่จะได้เรียนรู้รากเหง้าของตนเอง ในฐานะการเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการท่องเที่ยวของชุมชน การจัดการท่องเที่ยวจึงเกิดประโยชน์อีกด้านหนึ่ง คือ การร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรม การสืบสานวิถีชีวิตอันดีงามให้คงอยู่ในรุ่นต่อ ๆ ไป
ชุมชนบ้านศรีฐาน จากข้อมูลกรมศิลปากร บันทึกไว้ว่ามีการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยทวารวดีตอนต้น โดยมีสภาพทั่วไปเป็นเนินดินค่อนข้างกลม พื้นที่ลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปทางตะวันออก มีแหล่งโบราณคดีเป็นที่ตั้งชุมชนขนาดค่อนข้างใหญ่ ห่างออกไป 4 กิโลเมตร เป็นลำน้ำชีและแหล่งน้ำอื่น ๆ มีแหล่งโบราณคดีใกล้เคียง คือ บ้านกอก ดินของแหล่งโบราณคดีนี้คือ ดินชุดร้อยเอ็ด โดยหลักฐานโบราณวัตถุที่พบ เช่น เศียรพระพุทธรูป เสมาหินทรายชนิดแผ่นแบน ซึ่งจากการบอกเล่าของผู้สูงอายุ สันนิษฐานว่าบ้านศรีฐานมีมาตั้งแต่สมัยทวารวดีตอนต้น เดิมชื่อว่าบ้านสี่ถ่าน ปัจจุบันมีทรัพยากรในชุมชนที่สามารถดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวได้หลายประเภท เช่น โบสถ์ หอระฆัง วัดจอมศรี สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2379 ศาลเจ้าปู่ครูจัด สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2546 สมัยก่อนใครจะตัดต้นไม้ไม่ได้ เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง จะทำพิธีบวงสรวงศาลเจ้าปู่ครูจัด ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 โดยชาวบ้านจะตบประทาย หรือเรียกว่า การก่อพระทราย (ก่อปะทาย) โดยนำเอาทรายมาก่อเป็นรูปเจดีย์ การทำพิธีนี้เพื่อไม่ให้พายุเข้ามาในหมู่บ้าน ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือน ให้ปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไป หรือใครจะเดินทางไปต่างประเทศจะมาขอพรให้ได้ไป หรือใครที่ เดินทางไกล ๆ จะมาขอพรให้เดินทางปลอดภัย บ่อพญานาค ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนเทศบาลบ้านศรีฐาน มี ศาลปู่สุทโธ ชาวบ้านจะสักการะทุกวันพระ และมีความเชื่อว่าหากต้องการสมหวังสิ่งใดก็จะมาขอพรจากบ่อพญานาคนี้ อีกทั้ง น้ำในบ่อไม่เคยแห้ง ต้นมะขามใหญ่ อายุ 100 ปี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ในชุมชน ได้แก่ เนื้อแดดเดียว แหนมหมู แหนมวัว แจ่วบอง ไส้กรอก ขนมครกโบราณ ข้าวต้มหมู กลุ่มจิตอาสาผลิตภัณฑ์จากไม้ มีภูมิปัญญาชาวบ้าน หมอเป่าแก้งูสวัด หมอนวดแผนโบราณ หมอเป่าน้ำมนต์
จากทรัพยากรดังกล่าวข้างต้นจึงมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เล็งเห็นความโดดเด่น และความสำคัญในการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น เช่น เทศบาลนครขอนแก่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น เครือข่ายสื่อศิลปวัฒนธรรมอีสาน ได้เข้ามามีบทบาทสนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ สร้างจิตสำนึกของท้องถิ่นและการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ในปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา ทำให้เกิดกิจกรรมการสืบค้นเมืองเก่า การตักบาตรทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ศูนย์ประวัติศาสตร์ วัด ชุมชน คนศรีฐาน อย่างไรก็ตาม กิจกรรมเหล่านี้จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ หากปราศจากการสืบสาน ส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ชุมชนศรีฐานจึงมีความต้องการที่จะส่งเสริมและรักษาวัฒนธรรมต่าง ๆ ไว้ให้มากที่สุด โดยในปี พ.ศ. 2562 ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาสนับสนุนการจัดการท่องเที่ยวดังนั้น เพื่อร่วมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งเพิ่มขึ้น สาขาการท่องเที่ยวและการบริการ คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาเขตขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ในฐานะมหาวิทยาลัยของชุมชนได้ตระหนักถึงภารกิจในการช่วยเหลือชุมชนและสังคมให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้อยู่อาศัยอย่างมีความสุขในท้องถิ่นของตนเอง ไม่เดินทางออกนอกชุมชน เพื่อไปทำงานในเมืองใหญ่ รวมทั้งให้คนรุ่นใหม่มีส่วนในการร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ชุมชนศรีฐานเป็นพื้นที่ซึ่งสาขาการท่องเที่ยวและการบริการได้เริ่มต้นศึกษาพื้นที่ในปี 2561 และได้จัด “โครงการการสร้างเครือข่ายและส่งเสริมความรู้ด้านการท่องเที่ยวและการบริการแก่ชุมชนในจังหวัดขอนแก่น” เป็นการให้บริการวิชาการในชุมชนเพื่อสร้างองค์ความรู้ในการจัดการท่องเที่ยวชุมชน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อการพัฒนาร่วมกัน นับเป็นกิจกรรมบริการวิชาการเพื่อสร้างเครือข่ายและองค์ความรู้ให้กับชุมชนศรีฐานไปพร้อมๆ กัน จากการจัดกิจกรรม พบว่า ชุมชนมีทรัพยากรการท่องเที่ยวอยู่ในเทศบาลเมืองขอนแก่น เหมาะที่จะส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ประกอบกับชุมชนมีความต้องการการจัดทำตลาดริมน้ำคูเมืองเก่า พัฒนาการจัดการโฮมสเตย์ซึ่งยังไม่มีมาตรฐาน การนำเที่ยวโดยเยาวชนในท้องถิ่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวบ่อน้ำพญานาค และการส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งทรัพยากรที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมเหล่านี้ นับเป็นขุมคลังของชุมชนที่จะช่วยเสริมรายได้ ทำให้ชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างเกิดประโยชน์ต่อชุมชนตนเอง ดังนั้น ในปี 2562 นี้ สาขาฯ จึงได้จัด “โครงการต้นกล้าพาเที่ยว เลี้ยวเลาะชุมชนศรีฐาน” ขึ้น เป็นการต่อยอดและส่งเสริมชุมชนให้ต่อเนื่อง เพื่อให้ชุมชนเกิดองค์ความรู้และทักษะในการเป็นผู้สื่อความหมายของชุมชน เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการนำเสนอวิถีชีวิต วัฒนธรรมท้องถิ่นแก่ผู้มาเยือนได้ สร้างความภาคภูมิใจในทรัพยากรท้องถิ่นของตนเอง รวมทั้งค้นหาศักยภาพอื่น ๆ ที่มีในชุมชน เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชนตามบริบทที่เหมาะสมกับความสามารถและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างสมดุลและยั่งยืน
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 14:42 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการการผลิตแมลงเบียนเพื่อกำจัดแมลงวัน ภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรมสู่ชุมชน (ปี 2562)แมลงวันเป็นแมลงที่มีความสำคัญทำให้สภาพแวดล้อมภายในฟาร์มเสีย กลิ่น และแมลงวันจำนวน มากรบกวนผู้อาศัยรอบข้างในฟาร์มเลี้ยงสัตว์จำนวนมากประสบปัญหาเรื่องแมลงวันสร้างความรำคาญหากตัวเต็มวัยแมลงวันดูดกินเลือดโคและกระบือจะส่งผลให้น้ำหนักตัวสัตว์ ประสิทธิภาพในการกินอาหารและการผลิตน้ำนมลดลง ส่งผลให้น้ำหนักตัวโคลดลง 0.22 กก. ต่อวัน และการผลิตน้ำนมลดลง 30-40% เกษตรกรมีการใช้สารเคมีต่างๆ เสียเงินค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งค่อนข้างสูง แต่ปริมาณแมลงวันไม่ได้ลดลง กลับพบปัญหาสารเคมีตกค้างในสภาพแวดล้อมตามมา ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค การใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลงเบียนซึ่งเป็นวิธีการควบคุมที่ปลอดภัยและเฉพาะเจาะจงต่อแมลงวันจึงเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เหมาะสำหรับการน่าจะนำมาใช้ในการควบคุมแมลงวัน ในสภาพธรรมชาติพบแมลงเบียนเข้าทำลายดักแด้ของแมลงวัน 4 ชนิด 2 วงศ์ โดยแมลงเบียนสามารถเข้าทำลายดักแด้แมลงวันบ้านและแมลงวันคอกสัตว์ได้ถึง 50% ส่งผลให้จำนวนประชากรแมลงวันลดลงเนื่องจากระยะตัวหนอนของแมลงเบียนกัดกินเนื้อเหยื่อภายในของดักแด้แมลงวัน ทำให้ไม่สามารถพัฒนาเป็นตัวเต็มวัยและตายในที่สุด คุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งของแมลงเบียนคือ มีความเฉพาะเจาะจงต่อเหยื่อสูง ทำให้แมลงเบียนมีศักยภาพสูง ในการนำมาใช้ควบคุมประชากรแมลงวัน ไม่มีอันตรายกับสัตว์ ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และนอกจากนี้ช่วยลดปริมาณการใช้สารเคมีที่เกิดการตกค้างในสภาพแวดล้อมด้วย แมลงเบียนดักแด้แมลงวันบ้านสามารถขยายพันธุ์โดยมีแมลงวันบ้านเป็นแมลงอาศัย จากข้อมูลดังกล่าวเบื้องต้นทำให้ผู้เสนอโครงการเล็งเห็นความสำคัญของแมลงเบียนในการควบคุมประชากรแมลงวัน จึงมุ่งที่จะนำองค์ความรู้จากโครงการวิจัยเรื่อง “ความหลากชนิดและชีววิทยาของแมลงเบียนแมลงวันในอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการทำวิจัยจากสำนักบริหารโครงการส่งเสริมวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2558 และผลงานวิจัยจากโครงการเรื่อง “ผลของระดับความลึก ชนิดและอายุของแมลงเบียนต่อประสิทธิภาพการเบียนของแมลงเบียนดักแด้แมลงวันบ้านและการใช้ประโยชน์” และ “การศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงแมลงเบียนดักแด้แมลงวันบ้าน Spalangia gimina” ที่ได้รับทุนสนับสนุนการทำวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2557-2558 และ 2560-2561 มาถ่ายทอดสู่เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป เพื่อเสริมสร้างศักยภาพชุมชนเกษตรกรให้รู้จัก เข้าใจ สามารถเพาะเลี้ยงแมลงเบียน และนำแมลงเบียนไปใช้ประโยชน์ในการควบคุมแมลงวันแทนการใช้สารเคมีและช่วยอนุรักษ์แมลงเบียนให้คงอยู่ในสภาพแวดล้อมต่อไป
monteearu เมื่อ 23 ต.ค. 2562 11:28 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการการผลิตภัณฑ์โลชันจากสารสกัดใบเม่า ภายใต้โครงการบริการความรู้ นวัตกรรม สู่ชุมชน (ปี 2562)หมากเม่า (Antidesma ghaesembilla) เป็นพืชในวงศ์ Euphorbiaceae เป็นไม้ผลกลุ่มเบอร์รี่พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย พบมากในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะตอนเหนือแถบจังหวัดสกลนคร มุกดาหาร หนองคาย และนครพนม (สุจิตรา และคณะ, 2550) หมากเม่ามีประมาณ 30 สายพันธุ์ (Holfmann, 2000) ผลหมากเม่าเมื่อสุกจะมีสีแดงไปจนถึงม่วงเข้ม มีปริมาณแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สารประกอบฟีนอลิก (Phenolic) สูง และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันมะเร็ง และบำรุงสายตา เป็นต้น ทำให้ปัจจุบันนิยมนำผลสุกของหมากเม่ามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนหลายชนิด อาทิ ไวน์หมากเม่า แยม หมากเม่า น้ำหมากเม่า หรือแม้กระทั่งการรับประทานผลสุกเนื่องจากผลให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวและมีสีสันสวยงาม อันดึงดูดให้น่ารับประทาน (สนิทพิมพ์, 2552) แต่อย่างไรก็ตามการใช้ประโยชน์ผลเม่าสุกสามารถเก็บผลผลิตได้เพียง หนึ่งครั้งต่อปีเท่านั้น ทำให้เกษตรกรที่เพาะปลูกหมากเม่าและบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหมากเม่าขาดรายได้หลังจากที่หมดฤดูการเก็บเกี่ยวผลสุกของหมากเม่าไปแล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษานำส่วนอื่นของเม่า เช่น ใบ ดอก ลำต้น หรือราก นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ตลอดทั้งปี
ใบเม่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญและพบมากในการปลูกหมากเม่าแต่ยังขาดการศึกษาวิจัยและนำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง มีรายงานวิจัยหลายฉบับที่กล่าวถึงสารสำคัญ (Phytochemical compounds) ที่พบในใบหมากเม่า อาทิเช่น สุดารัตน์ สกุลคู และคณะ (2557) ได้ทำการวิจัยเพื่อตรวจสอบชนิดและปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระจากใบเม่าเปรียบเทียบกับ ดอกเม่าจาก 20 สายพันธุ์ ด้วยวิธีวิเคราะห์แบบ High Performance Liquid Chromatography (HPLC) พบว่าใบเม่ามีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดได้แก่ Catechin, Rutin, Syringic, Procyanidin B1, Procyanidin B2, Myicetin, Lutelin และ Quercetin โดยเฉพาะ Gallic acid ที่พบในใบเม่ามากกว่าดอกเม่า (สุดารัตน์, 2557) ยังมีงานวิจัยของบานุช เดชายนต์และคณะ (2560) ที่ทำการศึกษาชนิดของสารที่พบในใบเม่าที่สกัดด้วยน้ำและเอทานอลด้วยวิธีการหมักและการต้ม แล้วนำสารสกัดที่ได้นำมาวิเคราะห์ชนิดของสารสำคัญด้วยวิธี ESI-QTOF-MS/MS พบว่ามีสารสำคัญหลายชนิดที่พบในใบเม่าโดยเฉพาะสารสำคัญในกลุ่มฟีนอล (โดยเฉพาะกลุ่มไฮดรอกซีซินนามิกเอซิด) และกลุ่มฟลาโวนอยด์ ได้แก่ Lactic Acid, Tartaric Acid, Malic Acid Gallic Acid, Caffeic Acid , Ellagic acid และ Anthocyanin เป็นต้น ซึ่งสารสำคัญเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสำคัญในการช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ และมีฤทธิ์ทำให้ผิวขาวกระจ่างขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยจากประเทศเกาหลีใต้ที่ระบุว่าพืชที่มีสารกลุ่ม anthocyanin จำนวนมากจะสามารถนำมาทำให้ผิวขาวขึ้นได้อีกด้วย (ประไพพิศ, 2561) จากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ข้าพเจ้ามีความสนใจนำสารสกัดจากใบเม่าหลากหลายสายพันธุ์นำมาพัฒนาเป็นโลชั่นผิวขาวเพื่อเป็นแนวทางในการใช้ประโยชน์จากใบเม่าให้มากขึ้น
ห้างหุ้นส่วนจำกัดน้ำผลไม้ภูพานช้างพลังสอง อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่มีการลงทุนทำธุรกิจด้านการปลูกและส่งเสริมการแปรรูปสินค้าจากหมากเม่าหลากหลายชนิด โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการนำผลสุกของ หมากเม่ามาแปรรูปอาทิเช่น น้ำหมากเม่า เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทยังขาดการนำประโยชน์จากใบเม่ามาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ซึ่งถ้ามีการนำใบเม่ามาผลิตเป็นสารสกัดเพื่อทำให้ผิวขาวแล้ว นอกจากจะเป็นการใช้ประโยชน์จากใบเม่าซึ่งไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในทางเครื่องสำอางมาก่อน แต่ยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร อีกทางหนึ่งอีกด้วย
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 15:14 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการออกหน่วยบริการวิชาการเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีงบประมาณ 2560 (ปี 2560)มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นมหาวิทยาลัยที่มีพันธกิจด้านการบริการวิชาการแก่ชุมชนในเขตภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ และอุทัยธานี โดยมีความมุ่งหวังให้ประชาชนและชุมชนกลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การนำทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในชุมชนมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสร้างอาชีพและรายได้ในระดับชุมชน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนให้สามารถนำทรัพยากรเหล่านั้น มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โครงการออกหน่วยบริการวิชาการเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นโครงการหนึ่งที่มุ่งเน้นการบริการวิชาการแก่ชุมชนโดยบูรณาการความร่วมมือจากการหน่วยงานภายในและภายนอก ตลอดจนรวบรวมองค์ความรู้ ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนนำไปสู่การถ่ายทอดอย่างเป็นรูปธรรมตามบริบทและศักยภาพของชุมชน อีกทั้งยังเป็น การสร้างพื้นที่บริการวิชาการให้นิสิต คณาจารย์มีห้องปฏิบัติในชุมชนโดยฝีกปฏิบัติจริงตามความเชี่ยวชาญและ ความชำนาญของตนเองทั้งด้านการการเรียนการสอนและการวิจัยเชิงพื้นที่มาช่วยสนับสนุน ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาของชุมชน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันอย่างสอดคล้องและเหมาะสม
ดังนั้น การดำเนินโครงการดังกล่าว จะมีส่วนช่วยในการสนับสนุน พัฒนา และเสริมสร้างทักษะความสามารถของชุมชน/กลุ่มอาชีพให้รู้จักคุณค่าของทรัพยากรท้องถิ่นไปสู่การประยุกต์/แปรสภาพเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ โดยประยุกต์ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดการสูญเสียทรัพยากร โดยเปล่าประโยชน์ ตลอดจนเป็นการสร้างทางเลือกและมุมมองทางความคิดที่หลากหลายให้แก่ชุมชนได้มีโอกาสเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ตามศักยภาพและความสามารถของตนเองเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 15:01 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการพัฒนาศักยภาพชุมชนบนฐานความรู้ ภูมิปัญญา และอาชีพ (ปี 2562)มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นมหาวิทยาลัยที่ดูแลขอบเขต 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง โดยมีพันธกิจหลักประการหนึ่งที่สำคัญคือ การบริการวิชาการแก่สังคม เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตบัณฑิต ผลงานวิจัย และการบริการวิชาการที่สอดคล้องกับความต้องการและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างแท้จริง จนไปสู่การสร้างความร่วมมือในรูปแบบการสร้างเครือข่าย (Networking) ทั้งภายในและภายนอกในกระบวนการบริการวิชาการ เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านบริการวิชาการของมหาวิทยาลัย กล่าวคือ มหาวิทยาลัยตอบสนองความต้องการและสร้างความเสมอภาคให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยการกระจายโอกาสด้านการเรียนรู้ การบริการวิชาการอย่างต่อเนื่อง และเป็นมหาวิทยาลัยของปวงชนที่มีความผูกพันของชุมชนและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา (Public Participation) และจิตสำนึกรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม (University Social Responsibility)
การพัฒนาชุมชนที่จะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนมหาวิทยาลัยต้องแสดงบทบาทในการนำความรู้จากภายในไปเผยแพร่สู่ภายนอกทั้งในรูปของภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และนำความรู้นั้นไปสู่การแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิต และ/หรือการพัฒนาการประกอบอาชีพเพื่อให้คนในชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ และพึ่งอาศัยซึ่งกันและกัน จากการบริการวิชาการที่ผ่านมา พบว่า หลายชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนโครงการบริการวิชาการจากมหาวิทยาลัยไม่ได้รับการพัฒนาที่ต่อเนื่องทำให้กระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนหยุดชะงัก ชุมชนยังไม่สามารถเดินได้ด้วยตนเอง เนื่องจากขาดการให้คำปรึกษาและสนับสนุนการพัฒนา การจัดโครงการต่างๆ ที่ผ่านมาจึงไม่เกิดความคุ้มค่ากับงบประมาณที่สูญเสียไป โดยเฉพาะเรื่องของการสนับสนุนกิจกรรมที่ไม่เป็นที่ต้องการของชุมชน ความรู้ดังกล่าวที่ได้รับ จึงไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงการพัฒนาที่แท้จริง
จากเหตุผลดังกล่าว กองส่งเสริมการบริการวิชาการ จึงขอเสนอโครงการพัฒนาศักยภาพชุมชนบนฐานความรู้ ภูมิปัญญา และอาชีพ โดยมุ่งเน้นการบริการวิชาการบนพื้นฐานของข้อมูลและปัญหา/ความต้องการของชุมชน และการวางแผนกิจกรรมการพัฒนาร่วมกันก่อนดำเนินกิจกรรมในลักษณะของการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อสร้าง/ปรับกระบวนการเรียนรู้ เชิงปฏิบัติ และเกิดการนำความรู้และวิธีปฏิบัติเทคนิควิทยาการต่างๆ ไปพัฒนาศักยภาพ/เสริม/เติมเต็ม/ใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ ตลอดจนสามารถรวมกลุ่มดำเนินกิจกรรมร่วมกันสร้างรายได้ พัฒนาอาชีพและชุมชนของตนเองได้ต่อไปในอนาคต
เชิงผลผลิต (Output) 1. ชุมชนที่ร้องขอการสนับสนุนการบริการวิชาการได้รับการพัฒนาตามประเด็นที่มีการร้องขอ
2. คณาจารย์ ผู้บริหาร บุคลากรสายสนับสนุน นิสิตมีพื้นที่ในการเผยแพร่ความรู้จากการลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่
เชิงผลลัพธ์ (Outcome) 1. การพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านอาชีพ และการเพิ่มรายได้ของกลุ่มเป้าหมาย
2. ชุมชนได้รับการตอบสนองการแก้ไขปัญหา/ได้รับความรู้ตามความต้องการและนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการพัฒนา/แก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 14:42 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนบ้านสนามคลี ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (ดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการธนาคารผลผลิตการเกษตรด้านการประมง) (ปี 2562)ชุมชนสนามคลี หมู่ที่ 6 ตำบลสนามคลี อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก มีประชากรทั้งสิ้น 327 คน จากจำนวน 130 ครัวเรือน โดยแบ่งเป็นชาย 150 คน และหญิง จำนวน 177 คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตรทำนา ปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในพื้นที่คือ แหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่รู้จักกันทั่วไปว่า “บึงบัว” ที่เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรที่เป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้สำหรับคนในชุมชน แหล่งน้ำแห่งนี้ยังสามารถบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพาะปลูกพืชผักสวนครัวสร้างรายได้หลักให้กับชุมชนอีกด้วย นอกจากแหล่งน้ำนี้จะเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว ยังเป็นแหล่งน้ำที่สร้างรายได้ด้านการประมง โดยคณะกรรมการได้นำทุนหมุนเวียนมาจัดซื้อพันธุ์สัตว์น้ำจืดทั้งปลาและกุ้งมาปล่อยในแหล่งน้ำแห่งนี้เพื่ออนุบาลให้เจริญเติบโตเต็มวัย เพื่อให้มีพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่หลากหลายสร้างแรงจูงใจแก่กลุ่มนักตกปลาให้เข้ามาตกปลาในชุมชนแห่งนี้ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งช่วยยังประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชุมชนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขายอาหารและเครื่องดื่ม ผลผลิตทางการเกษตรชุมชน แนวคิดดังกล่าว เป็นการสร้างกิจกรรมกีฬาตกปลาสำหรับบุคคลภายในและภายนอกชุมชน โดยเปิดให้ทำกิจกรรมตกปลาปีละ 1 ครั้งคือ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกเหนือจากการบริหารจัดการบึงบัวเพื่อสร้างรายได้แล้ว ปัจจุบันชุมชนได้นำเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต ชุมชนได้เห็นประโยชน์ของการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมาช่วยในกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร โดยการดึงน้ำจากบึงบัวมาใช้ในกระบวนการผลิตผ่านแผงโซล่าเซลล์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้มากพอสมควร ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐมาบางส่วน โดยการดึงน้ำจากบึงบัวมาใช้ประโยชน์และกระจายผลประโยชน์ด้านการผลิต แบบ LOW CARBON ให้แก่ประชาชนโดยรอบบึงอีกด้วย
ปัญหาและความต้องการของชุมชนที่สาคัญที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล
ไปแก้ปัญหาหรือไปพัฒนา กล่าวคือ ปัจจุบันบ้านสนามคลี ใช้วิถีการบริหารจัดการตามแนววิถี โดยเป็นการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับผู้มาตกปลาในชุมชนคันละ 50 บาท โดยไม่ได้จำกัดจำนวนคันเบ็ดที่นำเข้ามา ปัญหาที่พบคือ ปริมาณสัตว์น้ำจืดที่ถูกนำขึ้นมาจากกิจกรรมตกปลาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการชำระค่าคันเบ็ดไม่ครบเก็บค่าธรรมเนียมได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ระบบนิเวศเริ่มเปลี่ยนแปลงจากการใช้ประโยชน์จากการตกปลาในปริมาณมาก โดยที่ชุมชนไม่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เลย แต่ปริมาณการลงทุนในการซื้อสัตว์น้ำจืดในแต่ละปีปริมาณเท่ากันทุกปี ส่งผลให้การลงทุนขาดการพิจารณาเรื่องของความสามารถในการรองรับ และช่องทางในการหารายได้เข้าสู่ชุมชนในรูปแบบอื่นๆ ที่สามารถทำกระทำได้ ประกอบกับในขณะนี้ ชุมชนได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเน้นการพัฒนาบึงบัวแห่งนี้ สร้างกิจกรรมทางน้ำ โดยใช้แพ 10 อัน ขนาด 3*5 เมตร ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปพร้อมๆ กับการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน ถือเป็นช่องทางการหารายได้จากทรัพยากรชุมชนที่มีอยู่ โดยไม่ได้สร้างความลำบากแก่ชุมชนที่หลากหลายอีกด้วย หากนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้งาน จะมีผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 300 คน จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อพัฒนาชุมชน ณ บ้านสนามคลี
ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในกระบวนการบริหารจัดการชุมชน และเป็นการรักษาสมดุลของระบบนิเวศให้คงอยู่อย่างยั่งยืนระหว่างคนกับธรรมชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเล็งเห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและสนับสนุนการบริหารจัดการชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนผ่านเทคโนโลยี เทคโนโลยีจะมีประโยชน์ในการสร้างรายได้ และรักษาระบบนิเวศให้แก่ชุมชนได้อย่างแท้จริง
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 14:18 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชน สู่การเป็นศูนย์สาธิตการตลาดดิจิทัล กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ผลิตและแปรรูปข้าวปลอดภัย คลองตาล หมู่ 8 (ปี 2562)บ้านคลองตาล หมู่ที่ 8 ตำบลหนองแขม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก มีประชากรทั้งสิ้น 838 คน จำนวน 304 ครัวเรือน แบ่งเป็นหญิง 440 คน และชาย 398 คน ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็น ดินเหนียว ประชากรส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา รองลงมาคือ รับจ้างและทำสวนบางส่วน ความเป็นอยู่และการใช้จ่ายของคนในชุมชน เป็นจะใช้จ่ายจากร้านขายของชำภายในชุมชน เนื่องจากชุมชนอยู่ห่างไกลตัวเมืองและตลาดประจำอำเภอ
บ้านคลองตาล เป็นหมู่บ้านที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการบริหารจัดการกองทุนชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยกลุ่มอาชีพที่มีชื่อเสียง ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ผลิตและแปรรูปข้าวปลอดภัยบ้านคลองตาล บริหารงานโดยผู้ใหญ่พะยอม เนียมเหลี่ยม ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับศูนย์สาธิตการตลาดบ้านคลองตาล ระดับอำเภอ ซึ่งเหลืออยู่แห่งเดียว ณ ปัจจุบัน กล่าวคือ สมาชิกผู้ปลูกข้าวปลอดภัยภายในชุมชนจะมาใช้จ่ายวัตถุดิบทางการเกษตรของศูนย์ฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อถึงช่วงฤดูเกษตรกรรม จะเห็นได้ว่า เกษตรกรภายในหมู่บ้านจะนำเครื่องจักรทางการเกษตรมาต่อแถวเติมน้ำมันแต่เช้า เพื่อออกไปทำเกษตรในที่ดินทำกินของตนเอง ที่มาของความโดดเด่นคือ การเปลี่ยนวิธีคิดของประชาชนภายในชุมชน โดยแกนนำชุมชนให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตนเองภายในชุมชน จากการสร้างทางเลือกให้ประชาชนรับรู้ “ระหว่างการจ่ายแบบได้เงินคืน” กับ “จ่ายแล้วจ่ายเลยไม่ได้อะไรคืนมา” ประชาชนต้องการแบบไหน ผลสุดท้ายแล้ว ทุกคนก็ต่างต้องการเงินคืน นั่นก็คือ เงินปันผลจากการระดมหุ้น นั่นเอง จึงเป็นที่มาของศูนย์สาธิตการตลาดบ้านคลองตาลที่ยังคงดำเนินการแบบพึ่งตนเองมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปีแล้ว
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ผลิตและแปรรูปข้าวปลอดภัย คลองตาล หมู่ 8 โดยการบริหารงานของผู้ใหญ่พะยอม เนียมเหลี่ยม จึงเกิดแนวคิดร่วมกับคนในชุมชน โดยการประชาคมร่วมกันและมีความเห็นตรงกันที่จะก่อตั้งร้านค้าภายในชุมชนขึ้น ภายใต้ชื่อว่า “ศูนย์สาธิตการตลาดบ้านคลองตาล” ศูนย์ฯ ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมหุ้นจากสมาชิกภายในชุมชน เพื่อหาเงินทุนหมุนเวียนในการบริหารจัดการภายในศูนย์ฯ ซึ่งมีผลตอบแทนในเรื่องของเงินปันผลที่สมาชิกจะได้รับคืนจากการซื้อสินค้าที่มีจำหน่ายภายในศูนย์ โดยสินค้าที่นำมาจำหน่ายภายในศูนย์ฯ จะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการประกอบอาชีพ และวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ย ยา น้ำมันเชื้อเพลิง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนในชุมชนและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร อีกทั้งยังมีผลให้เกิดแหล่งทุนหมุนเวียนภายในชุมชนอีกด้วย กระบวนการบริหารจัดการดังกล่าว เป็นการบริหารจัดการแบบตั้งคณะกรรมการร่วมกันทำงาน และนำเงินทุนจากการสมัครสมาชิกมาจ้างงานคนในชุมชนเป็พนักงานขายและลงบัญชีภายในร้านค้า แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในกระบวนการบริหารจัดการแบบการรวมกลุ่มของชุมชน เพื่อระดมทุนกันเองภายในชุมชนเป็นหลัก และเป็นการลดอัตราพึ่งพิงงบประมาณภาครัฐ ซึ่งไม่มีความต่อเนื่องในการสนับสนุนงบประมาณ การระดมทุนกันเองช่วยให้ชุมชนมีเงินทุนหมุนเวียนตลอดปี และมีเงินออมและมีงบประมาณส่วนหนึ่งไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ในรูปแบบของการจัดการตนเองสำหรับประชาชนในพื้นที่

ปัญหาและความต้องการของชุมชนที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล
ไปแก้ปัญหาหรือไปพัฒนา กล่าวคือ ปัจจุบันเป็นการบริหารจัดการโดยคนในชุมชนด้วยกันเอง อาศัยระบบความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันการทำบัญชี การบันทึกรายรับ-รายจ่ายและบริหารจัดการต่างๆ เป็นการลงรายละเอียดด้วยลายมือทั้งสิ้น ส่วนสินค้าใดที่เป็นความต้องการและไม่มีจำหน่ายจะแจ้งให้ลูกค้าสั่งไว้แล้วรอสินค้ามาส่ง จึงมารับเอาไป ซึ่งเป็นความเคยชินของคนในชุมชนที่พบเห็นเป็นปกติทั่วไป หากประชาชนจับจ่ายใช้สอยอะไรจะมีการจดบันทึก เพื่อสะสมรายจ่าย สรุปผลรายวัน รายเดือน และรวบรวมข้อมูลเป็นรายปี เพื่อดูผลกำไรรอบปี และจัดสรรคืน ในรูปแบบของเงินปันผลกลับคืนไปสู่สมาชิกในชุมชน ซึ่งแต่ละปีจะได้รับเงินปันผลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรายรับในแต่ละปีด้วย รูปแบบการบริหารจัดการดังกล่าวเป็นรูปแบบที่ดี ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนหลักล้าน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ตามมาก็คือ เมื่อมีเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก ก่อให้เกิดความไม่วางใจจากสมาชิกในเรื่องของการชี้แจงข้อมูลข่าวสาร ทำให้พบปัญหาในเรื่องของการขาดระบบบริหารจัดการด้านข้อมูลที่กระจัดกระจายและสูญหายของข้อมูลสำคัญและจำเป็นต้องใช้งาน เมื่อถึงเวลาจัดสรรเงินปันผลรายปี คณะกรรมการชุมชน จะต้องค้นหาข้อมูลแต่ละส่วนแล้วนำมาคิดด้วยเครื่องคิดเลข ซึ่งก่อให้เกิดความผิดพลาดในการจัดระบบข้อมูลของศูนย์ฯ อีกทั้งการลงบันทึกการใช้สอยของสมาชิก ยังพบว่า เป็นการจดบันทึกด้วยมือ และยังเป็นการใช้ความจำของพนักงานจ้าง จึงมีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในการลงบัญชีการใช้จ่ายของสมาชิกตามมา
ดังนั้น หากมีการนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่จำเป็นมาหนุนเสริมและเพิ่มศักยภาพให้กับชุมชนในด้านการบริหารจัดการข้อมูล และสินค้าเพื่อสร้างความสะดวก และสร้างความโปร่งใสระหว่างสมาชิกศูนย์ฯ และคณะกรรมการบริหารจัดการของชุมชนได้ เทคโนโลยีจะมีประโยชน์อย่างมากที่จะช่วยในกระบวนการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจชุมชนแบบครบวงจร ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์กับสมาชิกกว่า 800 คน อีกทั้งยังเป็นการยกระดับขีดความสามารถของศูนย์สาธิตการตลาดบ้านคลองตาล ซึ่งในอนาคตอาจจะสามารถพัฒนาไปสู่สหกรณ์ดิจิทัลและเป็นต้นแบบที่ดีในการบริหารจัดการตนเองต้นแบบโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก ใช้งานง่ายสำหรับคณะกรรมการและสมาชิกในชุมชนในการการจัดเก็บและรายงานข้อมูล บริหารจัดการสินค้าภายในศูนย์ให้เพียงพอและตรงกับความต้องการของสมาชิกอีกด้วย รวมทั้งป้องกันความเสี่ยง ลดระยะเวลา และลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการบันทึกข้อมูลด้วยมือโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้นำชุมชนในการจัดทำรายงานข้อมูลให้สมาชิกได้รับทราบการใช้จ่ายของตนเองอยู่ตลอดเวลา (real time) สร้างความน่าเชื่อถือให้กับสมาชิกลดปัญหาความไม่โปร่งใส สามารถตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายได้โดยตลอด และยังเป็นการคุมยอดสินค้าที่นำมาจำหน่ายได้ โครงการฯ ดังกล่าว จะเป็นการสร้างแรงจูงใจที่น่าสนใจให้กับคนในชุมชนได้เรียนรู้ควบคู่กับการปฏิบัติการใช้งานเทคโนโลยีจนแทรกซึมในการดำเนินชีวิตประจำวันจนเคยชิน การยอมรับการใช้เทคโนโลยีจะเกิดขึ้นโดยปริยาย
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 14:02 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการมหาวิทยาลัยนเรศวรสัญจรร่วมกับจังหวัดพิษณุโลกประจำปี 2562 (ปี 2562)มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นมหาวิทยาลัยที่ดูแลขอบเขต 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง โดยมีพันธกิจหลักประการหนึ่งที่สำคัญคือ การบริการวิชาการแก่สังคม เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตบัณฑิต ผลงานวิจัย และการบริการวิชาการที่สอดคล้องกับความต้องการและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างแท้จริง จนไปสู่การสร้างความร่วมมือในรูปแบบการสร้างเครือข่าย (Networking) ทั้งภายในและภายนอกในกระบวนการบริการวิชาการ เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านบริการวิชาการของมหาวิทยาลัย กล่าวคือ มหาวิทยาลัยตอบสนองความต้องการและสร้างความเสมอภาคให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยการกระจายโอกาสด้านการเรียนรู้ การบริการวิชาการอย่างต่อเนื่อง และเป็นมหาวิทยาลัยของปวงชนที่มีความผูกพันของชุมชนและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา (Public Participation) และจิตสำนึกรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม (University Social Responsibility) อีกทั้งจังหวัดพิษณุโลกได้มีกิจกรรม ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายให้จังหวัดทำโครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ขึ้น ถือเป็นช่องทางในการบูรณาการความร่วมมือในการออกหน่วยให้บริการประชาชนในเขตจังหวัดพิษณุโลกร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับจังหวัดพิษณุโล อีกด้วย
ดังนั้น เพื่อเป็นการสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการภายในจังหวัดพิษณุโลก และเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงมหาดไทย และนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ร่วมกับจังหวัดพิษณุโลก กองส่งเสริมการบริการวิชาการในฐานะกองที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยนเรศวร จึงจัดทำโครงการมหาวิทยาลัยนเรศวรสัญจรร่วมกับจังหวัดพิษณุโลก ประจำปีงบประมาณ 2562 ขึ้น เพื่อนำความรู้จากภายในมหาวิทยาลัยออกให้บริการเชิงรุกสู่ชุมชนเป้าหมายตามที่จังหวัดพิษณุโลกกำหนดในแต่ละเดือน รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้คณาจารย์/บุคลากรเข้ามามีส่วนร่วมในการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัยสู่ชุมชนให้เป็นที่รู้จักสู่ภายนอกมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นการบริการวิชาการบนพื้นฐานของข้อมูลและปัญหา/ความต้องการของชุมชน โดยมุ่งหวังที่จะให้เกิดการนำความรู้และวิธีปฏิบัติเทคนิควิทยาการที่นำไปเผยแพร่ขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาศักยภาพ/เสริม/เติมเต็ม/ใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพได้ต่อไป
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 13:55 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการมหาวิทยาลัยนเรศวรสัญจร เอื้ออาทรชุมชนประจำปี 2562 (ปี 2562)มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นสถาบันอุดมศึกษาอีกแห่งหนึ่งที่มีความรับผิดชอบในการดูแลชุมชน ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ปัจจุบันเปิดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก กว่า 207 สาขาวิชา ลักษณะการจัดการเรียนการสอนแบ่งออกเป็นกลุ่มสาขาวิชาประกอบด้วย 1) กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2) กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 3) กลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมถึงสำนักงานอธิการบดี ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนการบริหารจัดการ นอกจากวัตถุประสงค์หลักในด้านการจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมแล้ว ยังมีภารกิจสำคัญ ในด้านการส่งเสริมและสร้างเข้มแข็งให้ชุมชนอีกด้านหนึ่ง โดยการนำองค์ความรู้ ทั้งด้านวิชาการและผลงานวิจัยของคณาจารย์ ต่อยอดสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งสร้างให้ชุมชนไทยมีความรู้ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในเขตภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี และอุตรดิตถ์ ซึ่งถือเป็นประตูทางการศึกษา การเรียนรู้ของประชาชนและชุมชนท้องถิ่นที่มีความต้องการในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับตนเองและชุมชนตามศักยภาพ สามารถรับองค์ความรู้ทางด้านวิชาการอย่างเป็นรูปธรรม โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นฐานความรู้สำคัญ (Knowledge Based)
จากการดำเนินกิจกรรมบริการวิชาการแก่สังคมในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมา พบปัญหาสำคัญที่เป็นผลทำให้การตอบเกณฑ์ประกันคุณภาพการศึกษาตามเกณฑ์ชี้วัดของ สกอ. ตัวชี้วัดที่ 3.1 การบริการวิชาการแก่สังคมไม่บรรลุตามเกณฑ์ตามเกณฑ์ที่ สกอ.กำหนด โดยเฉพาะข้อที่ระบุว่า “จำนวนบุคลากรสายวิชาการเข้าร่วมโครงการต่ำกว่าร้อยละ 5 และคณะวิชาต้องเข้าร่วมครบทุกคณะ” ทำให้ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยไม่บรรลุ 5 คะแนนเป็นระยะเวลา 2 ปีติดต่อกัน
ดังนั้น จากเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว ทำให้กองส่งเสริมการบริการวิชาการในฐานะผู้รับผิดชอบตัวชี้วัดดังกล่าว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดทำโครงการมหาวิทยาลัยนเรศวรสัญจร เอื้ออาทรชุมชนขึ้น เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกคณะ/วิชาภายในมหาวิทยาลัยออกให้บริการวิชาการกับชุมชนภายในจังหวัดพิษณุโลก ในลักษณะของการถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติการ โดยเปิดโอกาสให้คณาจารย์ นิสิตนักศึกษาและบุคลากรนำองค์ความรู้ตามภารกิจของคณะ/วิชาออกให้บริการประชาชน เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา ตลอดจนเป็นการตอบสนองการแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปสู่การการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดประเด็นปัญหาและความต้องการ และแนวทางการพัฒนา ร่วมกันอย่างตรงประเด็น อีกทั้งได้โจทย์การบริการวิชาการเฉพาะเรื่อง มาดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดกลไก การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากของสังคม บรรเทาผลกระทบจากภาวะต่างๆ ตลอดจนสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
kriangkrai.sa01 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 13:52 น.
มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขนโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาท้องถิ่นโดยมีสถาบันอุดมศึกษาเป็นพี่เลี้ยง (ปี 2562)สืบเนื่องจากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรับพยากรมนุษย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดเป้าหมายให้คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 และมุ่งพัฒนาสังคมไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต อีกทั้งยังมีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ออกเป็นทุกช่วงอายุ เริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์เรื่อยไปจนถึงวัยผู้สูงอายุ โดยในช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น จะให้ความสำคัญในการปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัย พัฒนาทักษะความสามารถ การเรียนรู้ที่สอดรับกับทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาหรืออาชญากรรมต่าง ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความยืดหยุ่นทางความคิด รวมถึงทักษะด้านภาษา ศิลปะ และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพสอดคล้องกับความสามารถ ความถนัดและความสนใจ รวมถึงการวางพื้นฐานการเรียนรู้เพื่อการวางแผนชีวิตและวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยและนำไปปฏิบัติได้ ตลอดจนการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่เชื่อมต่อกับโลกการทำงาน รวมถึงทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศมีทักษะชีวิต สามารถอยู่ร่วมและทำงานกับผู้อื่นได้ภายใต้สังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรม

นอกจากนี้ด้วยประโยชน์ของการใช้สื่อใหม่เพื่อการศึกษาและข้อมูลการใช้อินเตอร์เน็ต ประกอบกับความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี บุคลากร องค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยศรีปทุม จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาครูและนักเรียนโดยใช้นวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ สอดคล้องตามแนวยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยจะมีกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้ และสนับสนุนด้านเทคโนโลยีให้แก่ครู จากนั้นครูจึงดำเนินการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนสมัยใหม่ด้วยตนเอง เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการและแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด โดยมีสถาบันเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ครูได้ดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบทเรียน ซึ่งการดำเนินการตามโครงการนี้จะช่วยให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง รู้จักวิธีใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และยังสามารถถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชุมชนได้ ประกอบกับความร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติฯ ในการอบรมด้านนวัตกรรมและกระบวนการคิดสร้างสรรค์ ทั้งหมดนี้ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 13:44 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการมหาวิทยาลัยนเรศวรสัญจร เอื้ออาทรชุมชน ประจำปี 2561 (ปี 2561)มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นสถาบันอุดมศึกษาอีกแห่งหนึ่งที่มีความรับผิดชอบในการดูแลชุมชน ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ปัจจุบันเปิดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก กว่า 207 สาขาวิชา ลักษณะการจัดการเรียนการสอนแบ่งออกเป็นกลุ่มสาขาวิชาประกอบด้วย 1) กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2) กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 3) กลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมถึงสำนักงานอธิการบดี ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนการบริหารจัดการ นอกจากวัตถุประสงค์หลักในด้านการจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมแล้ว ยังมีภารกิจสำคัญในด้านการส่งเสริมและสร้างเข้มแข็งให้ชุมชนอีกด้านหนึ่ง โดยการนำองค์ความรู้ ทั้งด้านวิชาการและผลงานวิจัยของคณาจารย์ต่อยอดสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งสร้างให้ชุมชนไทยมีความรู้ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในเขตภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี และอุตรดิตถ์ ซึ่งถือเป็นประตูทางการศึกษา การเรียนรู้ของประชาชนและชุมชนท้องถิ่นที่มีความต้องการในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับตนเองและชุมชนตามศักยภาพ สามารถรับองค์ความรู้ทางด้านวิชาการอย่างเป็นรูปธรรม โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นฐานความรู้สำคัญ (Knowledge Based)
มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงได้จัดทำโครงการมหาวิทยาลัยนเรศวรสัญจร เอื้ออาทรชุมชนขึ้น เพื่อการมีส่วนร่วมกับชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และชุมชนในเขตภาคเหนือตอนล่าง โดยเป็นการเปิดโอกาสในคณาจารย์ นิสิตนักศึกษาและบุคลากรนำองค์ความรู้ตามภารกิจของหน่วยงานออกให้บริการประชาชน โดยอาศัยชุมชนเป็นห้องปฏิบัติการทางสังคมในการเรียนรู้และพัฒนา ตลอดจนเป็นการตอบสนองการแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปสู่การการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประชาชน สังคมในแต่ละท้องถิ่นอย่างตรงประเด็นและตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง นับว่าเป็นกลไกที่จะสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากของสังคม บรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจต่างๆ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
jantana8628 เมื่อ 22 ต.ค. 2562 13:20 น.
มหาวิทยาลัยนเรศวรโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชุมชนด้วยสันติวิธี (ปี 2561)สังคมไทยในปัจจุบันมีความแตกแยกทางความคิดอย่างกว้างขวางในสังคมไทยที่ยืดเยื้อมานานสะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่าไม่มีความคิดเห็นของฝ่ายใดที่ถูกหรือผิดไปเสียทั้งหมด ท่ามกลางสภาวะความขัดแย้งในปัจจุบันที่แต่ละฝ่ายยังคงยืดมั่นอยู่ในจุดยืนของตนเอง สิ่งที่ต้องริเริ่มดำเนินการโดยเร็วคือ การสร้างบรรยายการแห่งการปกครองที่ดีดังนั้น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) จึงให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูพื้นฐานด้านความมั่นคงที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติของผู้มีความเห็นต่างทางความคิดและอุดมการณ์บนพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมาหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการผลักดันการปฏิรูปประเทศให้บรรลุผลสำเร็จ จำเป็นที่จะต้องการสร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ ตั้งแต่ระดับฐานรากให้มั่นคงคือ ระดับชุมชนเพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศอย่างผาสุข และขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน/หมู่บ้านของตนเองโดยปราศจากความขัดแย้งต่อไป
การขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติ ต้องอาศัยกลุ่มบุคคลแต่ละภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโดยเฉพาะระดับที่เล็กที่สุดของประเทศคือ คณะบุคคลตามกฎหมายที่เรียกว่า “คณะกรรมการหมู่บ้าน” หรือ กม. โดยกำเนิดขึ้นตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 มาตรา 28 ตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการหมู่บ้าน 6 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านอำนวยการ 2.ด้านการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย 3.ด้านแผนพัฒนาหมู่บ้าน 4.ด้านส่งเสริมเศรษฐกิจ 5.ด้านสังคม สิ่งแวดล้อมสาธารณสุข และ 6.ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นกำลังหลักให้กับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐต่างๆในการสอดส่องดูแลและประสานความสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ และความเข้าใจ ที่ถูกต้องในระดับชุมชน/หมู่บ้านผ่านกิจกรรมการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาร่วมกันโดยทุกคนมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการร่วมรับผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป
ดังนั้น มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองพัฒนาศักยภาพชุมชนและทุนมนุษย์ เห็นถึงความสำคัญของการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลด้านการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในระดับชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานการพัฒนาทางความคิดที่สำคัญที่สุดของประเทศ จึงจัดทำโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชุมชนด้วยสันติวิธี ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยมุ่งส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชุมชน และลดปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนของตนเอง ตลอดจนเป็นการสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของประชาชน อีกทั้งเพื่อเป็นการต่อยอดโครงการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ (งบประมาณ พ.ศ. 2560) ที่มีการรวบรวมประเด็นปัญหา กรณีศึกษาของชุมชน และนำมาใช้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาและการสร้างความสัมพันธ์อันดี ทั้งนี้ การดำเนินโครงการจะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และสร้างทัศนคติเชิงบวกในการอยู่ร่วมกัน การทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อระดมสมองในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในด้านต่างๆ โดยอาศัยคณะกรรมหมู่บ้านในเขตพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ตาก นครสวรรค์ และอุทัยธานี มาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนกิจกรรมร่วมกันภายในชุมชน และดำเนินกิจกรรมร่วมกันชุมชนในการต่อยอดองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชุมชนด้านต่างๆ และสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แนวทางการแก้ไขปัญหาและนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนด้วยแนวทางสันติวิธีต่อไป
aorthao เมื่อ 20 ต.ค. 2562 17:54 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากรังไหมและสมุนไพรพื้นบ้านและการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน (ปี 2563)หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาสังคม เป็นหลักสูตรที่มีความมุ่งเน้นในการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ ความสามารถด้านการพัฒนา การบริหารโครงการ สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ควบคู่การพัฒนาร่วมกับสังคม และมีอุดมการณ์ในการพัฒนา รวมทั้งวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ทางสังคมได้อย่างถูกต้อง พร้อมที่จะออกไปทำหน้าที่ในฐานะผู้นำทางการพัฒนารับใช้สังคมได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทั้งภาครัฐและเอกชน ผลิตบัณฑิตที่มีความรอบรู้ ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติมีความสามารถในการศึกษา ค้นคว้าวิจัย เกี่ยวกับสังคมอย่างเป็นระบบและแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างสร้างสรรค์ให้มีความสามารถคิด วิเคราะห์ คิดริเริ่มสร้างสรรค์และแสวงหาองค์ความรู้ ร่วมกับชุมชน สามารถนำความรู้ความสามารถไปใช้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีความรู้ความเข้าใจภูมิปัญญาท้องถิ่นและองค์ความรู้สากลบูรณาการองค์ความรู้ เพื่อแสวงหาแนวทางการพัฒนาสังคมที่มีความสุขได้อย่างยั่งยืนมีกระบวนการคิดที่เป็นระบบ หมั่นแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีทักษะการจัดการและบุคลิกภาพที่ดี ปรับตัวและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว มีวินัย มีภาวะผู้นำ มีจิตสำนึกสาธารณะ รวมทั้งเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมในวิชาชีพ ซึ่งในพันธกิจของหลักสูตรได้มีการดำเนินตามยุทธศาสตร์ชาติคือ มีการเรียนการสอนที่เน้นชุมชนเป็นฐานแห่งการเรียนรู้ ซึ่งมีการจัดกระบวนการเรียนการสอนให้นักศึกษาได้ลงพื้นที่ศึกษาชุมชนและบริบทของชุมชน เพื่อนำข้อมูลของชุมชนมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาตามบริบทและความต้องการของชุมชนแต่ละชุมชนที่มีบริบท มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องประวัติศาสตร์เข้ามา เพื่อค้นหาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอันนำมาสู่การเกิดภูมิปัญญาและทุนทางสังคมของชุมชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์มียุทธศาสตร์ 6 ด้าน ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาอาจารย์และบุคลากรสู่มืออาชีพ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรและระบบการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานทันสมัย ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาระบบบริหารจัดการองค์การด้วยเทคโนโลยี และธรรมาภิบาล ยุทธศาสตร์ที่ 4 วิจัยเข้มแข็งแหล่งภูมิปัญญาพัฒนาท้องถิ่น และยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการบริการวิชาการแก่ชุมชนและท้องถิ่น และคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ก็ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารคณะที่มีความสอดคล้องกับมหาวิทยาลัย โดยกำหนดนโยบายทางการบริหารงาน งบประมาณ และบุคลากรที่สอดคล้องกับพันธกิจทุกด้านและได้มีการจัดสรรงบประมาณลงสู่หลักสูตรและในการดำเนินโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากรังไหมและสมุนไพรพื้นบ้านนี้
การจัดการเรียนการสอนในแต่ละหลักสูตรทั้ง 3 หลักสูตรคือ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาสังคมหลักสูตร ครุศาสตร์บัณฑิต สาขาสังคมศึกษาและ หลักสูตร ครุศาสตร์บัณฑิตสาขาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ ต่างมุ่งเน้นให้นักศึกษาได้ศึกษาปัญหาและความต้องการพร้อมทั้งวิเคราะห์ทุนทางสังคมในแต่ละชุมชนเพื่อนำมาใช้ในคือหลักสูตรการพัฒนานั้น นักศึกษาพร้อมด้วยอาจารย์ได้มีโอกาสได้ลงพื้นที่ศึกษาชุมชนบ้านปจิก หมู่ที่ 4 ตำบลประทัดบุ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ พบว่า ชาวบ้านมีปัญหาความยากจน และจากการทำประชาคมจากการลงพื้นที่เพื่อศึกษาถึงความต้องการพัฒนาและแก้ปัญหาความยากจน พบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและมีอาชีพเสริมคือ ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม จึงมีรังไหมที่เหลือจากการใช้ประโยชน์มีจำนวนมาก ชาวบ้านปจิก ยังปลูกสมุนไว้ใช้ในครัวเรือนของตน โดยจะร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากรังไหมและสมุนไพรพื้นบ้าน อันเป็นการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษากับการปฏิบัติงานจริง ลดระยะเวลา เรียนในชั้นเรียนให้น้อยลง มุ่งเน้นการปฏิบัติงานจริงมากขึ้น เพื่อให้นิสิต/นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์ การท างานตรงตามสาขาวิชาและองค์ความรู้ที่เรียน โดยมีชุมชนเป็นฐานในการน าองค์ความรู้ทางวิชาชีพ ในสาขาที่เรียนสู่การปฏิบัติ (Community-based Learning Program: CBL) ผ่านโครงงานที่ตอบสนอง ต่อปัญหาและความต้องการเชิงพื้นที่ของชุมชน (Area-based) และมุ่งเน้นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาด้าน ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาคุณภาพชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบ และเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป จากยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580 กำหนดวิสัยทัศน์ประเทศไทย คือ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมีเป้าหมาย การพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” และได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีเป้าหมายการพัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากร
ดังนั้นผู้ศึกษาจึงได้ร่วมหารือกับชาวบ้านและชาวบ้านจึงมีความต้องการที่จะนำรังไหมมาใช้ประโยชน์ (ประโยชน์ของรังไหม) โดยใช้ในส่วนผสมของเครื่องสำอางเช่น สบู่ แชมพู ครีมนวด นอกจากนี้ยังสามารถนำผลิตภัณฑ์ที่ทำในชุมชนต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และจัดตั้งเป็นวิสาหกิจของชุมชนเพื่อจำหน่ายและบริโภคในครัวเรือน พร้อมทั้งยังสามารถนำสมุนไพรที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้เพื่อในชุมชนอีกทั้งยังมีการเผบแพร่ในการทำตลาดออนไลน์หรือประชาสัมพันธ์โดยหลักสูตรบรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์
Assists prof. sittichai hatachote เมื่อ 18 ต.ค. 2562 22:38 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงบูรณาการจากไม้ผล/ประมง/ปศุสัตว์ : ทางเลือกใหม่ให้เกษตรกรสวนยางในเขตพื้นที่ริมแม่น้ำโขง (ปี 2561)ภายการดำเนินโครงการจะนำเอาเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างง่าย เช่น เทคโนโลยีการใช้ปูนและปุ๋ยสั่งตัดในการเตรียมบ่อเลี้ยง เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์น้ำอย่างง่าย เทคโนโลยีการสร้างอาหารธรรมชาติในบ่อเลี้ยงเพื่อลดต้นทุนการเลี้ยง เป็นต้น ไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรในพื้นที่ 5 จังหวัด ผ่านการบูรณาการการจัดการเรียนการสอน ผลที่ได้จาการทำวิจัยในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนของพื้นที่ และมีการบริการวิชาการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องเกษตรกรที่สนใจในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning เรียนรู้ผ่านปัญหาที่พบเจอในหน้างานจริง โดยมีอาจารย์คอยเป็นโค้ชให้นิสิตในการลงพื้นที่คอยดูแลเกษตรกรที่ร่วมโครงการ
chawisorn เมื่อ 18 ต.ค. 2562 22:28 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเทคโนโลยีกังหันเติมอากาศแบบทุ่นลอยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนต้นแบบเลี้ยงกุ้งอัจฉริยะสีเขียว (ปี 2563)ในปัจจุบันประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศแห่งการเกษตรกรรม ซึ่งเกษตรกรมีการเลี้ยงสัตว์น้ำกันอย่างแพร่หลายเช่น กุ้งและปลา อาจจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์หรือเลี้ยงไว้เพื่อบริโภคภายในครัวเรือนและปัจจัยในการเลี้ยงสัตว์น้ำนั้นขึ้นอยู่กับหลายๆอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง และปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (dissolved oxygen) เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำ และการเติบโตของสัตว์น้ำในบ่อเพาะเลี้ยง (ศูนย์วิจัยพลังงาน, 2555) โดยที่ออกซิเจนจะถูกสัตว์น้ำนำไปใช้กระบวนการการหายใจ และจุลินทรีย์ในกลุ่ม aerobic จะนำไปใช๎ในกระบวนการย่อยของเสียอินทรีย์จึงส่งผลให้น้ำในบ่อมีคุณภาพดี ทั้งนี้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้นไม่ควรปล่อยให้ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำต่ำกว่า 4 มิลลิกรัมออกซิเจนต่อลิตร หากพบว่าออกซิเจนที่ละลายในน้ำต่ำกว่าค่าดังกล่าว (ศิริวรรณ ทำนุและคณะ, 2561) อาจส่งผลให้สัตว์น้ำตายได้ กระบวนการเติมอากาศจะเกิดขึ้นจากการแพร่หรือการใช้อุปกรณ์หรือเครื่องเติมอากาศ ซึ่งการสัมผัสกันระหว่างน้ำ (ของเหลว) และอากาศ (ก๊าซ) เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการการถ่ายโอนออกซิเจน เพราะก๊าซจะสามารถถ่ายเทไปสู่ของเหลวได้ ดังนั้นขนาดของฟองอากาศที่เติมเข้าสู่บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำก็มีส่วนต่อประสิทธิภาพในการถ่ายเทออกซิเจน (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, 2551) โดยที่ฟองอากาศขนาดเล็กจะมีพื้นที่ผิวในการสัมผัสน้ำสูงกว่าฟองขนาดใหญ่ และอีกหลายปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการเติมอากาศ เช่น แรงดัน อากาศ (air pressure) แรงดันน้า (hydrostatical pressure) และความเค็ม (salt content) เป็นต้น
การเติมออกซิเจนในบ่อเลี้ยงปลาตลอดทั้งวัน โดยการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นแหล่งจ่ายให้กับกังหันเติมอากาศเพียงอย่างเดียวนั้นส่งผลให้เกษตรกรเสียค่าใช้จ่ายสูง จากปัญหาดังกล่า มีหลายๆงานวิจัย (Agus et al.(2013), (Chonmapat et al.(2016), (Igib et al.(1993), and (Mohammad et al.(2016) ได้นำหลักการ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อพัฒนาร่วมกับระบบกังหันเติมอากาศ เช่น ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และเติมอากาศในบ่อ เป็นต้น
จากการศึกษากรณีบ่อเลี้ยงกุ้ง บ้านโนนหัวช้าง ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นแหล่งชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้เขตเขื่อนลำปาว มีอาชีพในการเลี้ยงกุ้งและจับสัตว์น้ำมาจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ปัญหาการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อม ที่เกิดจากน้ำท่วมหรือภัยแล้ง ชึ่งในช่วงที่เกิดภัยแล้งหรือช่วงหน้าร้อนจะทำให้ปริมาณน้ำลดลงและเริ่มอยู่นิ่งไม่มีการไหลเวียน อุณหภูมิจะสูงขึ้นและอากาศจะร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยอาจต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน จากสภาวะดังกล่าวอาจทำให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นรวมทั้งปริมาณออกซิเจนในน้ำลดต่ำกว่าค่ามาตรฐาน อีกทั้งไม่มีการไหลเวียนของกระแสน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุให้กุ้งที่เกษตรกรเลี้ยงไว้เกิดความเครียด อ่อนแอและมีความทนทานต่อโรคต่ำลงส่งผลให้กุ้งตายเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งขาดทุนและเป็นหนี้จากการกู้ยืมเงินมาลงทุน
ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีกังหันเติมอากาศแบบทุ่นลอยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเติมออกซิเจนในบ่อเลี้ยงกุ้งเพื่อช่วยเพิ่มค่าออกซิเจนในน้ำ เป็นการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในภาคการประมง เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ทันเวลา ลดการตายของสัตว์น้ำและเป็นการพัฒนาเกษตรกรเข้าสู่ Smart Shrimp Farmer เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตในการเลี้ยงกุ้งให้แก่กลุ่มชุมชน รวมทั้งเป็นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาในการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรที่ยังเป็นการเลี้ยงรูปแบบเดิมที่ได้ผลผลิตต่ำและพัฒนาระบบให้เป็นชุมชนต้นแบบเลี้ยงกุ้งอัจฉริยะสีเขียวอย่างยั่งยืนต่อไป

วัตถุประสงค์
1. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ได้จากการวิจัยสู่ชุมชนและท้องถิ่น
2. เพื่อยกระดับและพัฒนาสินค้าทางการเกษตร
3. เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อโอกาสในการประกอบอาชีพ
4. เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้เทคโนโลยีกังหันเติมอากาศแบบทุ่นลอยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์โดยการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ต่อยอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน
5. เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนการใช้เทคโนโลยีกังหันเติมอากาศแบบทุ่นลอยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ขยายผลสำหรับหาจุดคุ้มทุนของโครงการ

ประโยชน์ที่จะได้รับ
1. ด้านวิชาการ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีกังหันเติมอากาศแบบทุ่นลอยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนต้นแบบเลี้ยงกุ้งอัจฉริยะสีเขียว
2. ด้านสังคม และชุมชน เกิดชุมชนต้นแบบเลี้ยงกุ้งอัจฉริยะสีเขียว โดยการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในภาคการประมง เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ทันเวลา ลดการตายของสัตว์น้ำและเป็นการพัฒนาเกษตรกรเข้าสู่ Smart Shrimp Farmer เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตในการเลี้ยงกุ้งให้แก่กลุ่มชุมชน รวมทั้งเป็นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาในการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรที่ยังเป็นการเลี้ยงรูปแบบเดิมที่ได้ผลผลิตต่ำและพัฒนาระบบให้เป็นชุมชนต้นแบบเลี้ยงกุ้งอัจฉริยะสีเขียวอย่างยั่งยืนต่อไป
3. ด้านเศรษฐกิจ สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนต้นแบบเลี้ยงกุ้งและเพิ่มมูลค่าปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพและเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนต้นแบบเลี้ยงกุ้งอัจฉริยะสีเขียว
Iampaween เมื่อ 18 ต.ค. 2562 18:49 น.
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงการขับเคลื่อนสุขภาวะชุมชนผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบ Inter-professional Education (ปี 2563)สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ซึ่งประกอบด้วย หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต เอกสาธารณสุขศาสตร์ หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต วิชาเอกอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ ได้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนานักศึกษาให้เป็น “บัณฑิตที่มีคุณภาพ” ตามอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งต้องมุ่งเน้นการพัฒนาทั้งการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ไปพร้อมกัน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงทักษะการดำเนินชีวิตที่จะช่วยให้นักศึกษาสำนักวิทยาศาสตร์สุขภาพจบออกไปเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพอย่างแท้จริงและสามารถช่วยส่งเสริม พัฒนา และขับเคลื่อนด้านการส่งเสริมสุขภาพของประชากรในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ คือ “คิดเชิงระบบเป็นนิจ มีจิตสาธารณะ มีทักษะการจัดการสุขภาพมืออาชีพระดับสากล” ตลอดจนเอกลักษณ์ของสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ คือ “ขับเคลื่อนสุขภาวะสู่ชุมชน”
ดังนั้นการพัฒนาองค์ประกอบด้านต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมบัณฑิตให้มีลักษณะที่พึงประสงค์ตรงตามอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ทางสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อนักศึกษา เช่น ทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญทั้งด้านวิชาชีพและวิชาชีวิตเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพและพร้อมที่จะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติต่อไป โดยเป้าหมายระยะยาวสำหรับการดำเนินงานพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพชุมชนในปีงบประมาณ 2563-2565 ของสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คือ เขตพื้นที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตโดยมุ่งเน้นด้านสุขภาวะของบุคคลที่อาศัยในชุมชนในด้านต่างๆ ทุกช่วงวัย เช่น ด้านการสาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานหรือการประกอบอาชีพภายในชุมชน และด้านสุขภาพ ตามความเชี่ยวชาญของสาขาวิชาต่างๆ ในสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
chawisorn เมื่อ 18 ต.ค. 2562 17:53 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามการส่งเสริมพลังงานทดแทนโดยการผลิตก๊าซชีวภาพระดับครัวเรือนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่ตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ในครัวเรือน โดยสิ่งปฏิกูลทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากระบบเกษตรกรรมและของเสียจากเศษอาหารและมูลที่ขับถ่ายออกจากตัวสัตว์เลี้ยงซึ่งยังไม่มีระบบจัดการกับของเสียที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมภายในชุมชน เช่น ปัญหามลภาวะของกลิ่น น้ำเสีย แมลงวัน และพาหะนำโรคต่างๆ เป็นต้น ดังนั้น จึงควรมีระบบการกำจัดของเสียภายในชุมชนและควรใช้วิธีการที่เหมาะสมเพื่อจะช่วยลดปัญหามลภาวะที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งการกำจัดมูลและปัสสาวะจากสัตว์ด้วยระบบก๊าซชีวภาพ ถือเป็นวิธีที่เหมาะสมและใช้กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ภายหลังการบำบัด ยังได้ก๊าซมีเทน (methane, CH4) เป็นผลพลอยได้ โดยสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานสำหรับการหุงต้มและให้ความร้อน โดยได้คิดค้นการทำบ่อหมักก๊าซชีวภาพที่มีราคาไม่แพง โดยประยุกต์ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น มาเป็นอุปกรณ์สำหรับกักเก็บเศษอาหารและมูลสัตว์ขนาดไม่น้อยกว่า 5 ลูกบาศก์เมตร เพื่อการหมักให้ได้ก๊าซมีเทนจำนวนวันละประมาณ 2-4 ลูกบาศก์เมตร เพียงพอต่อการใช้หุงต้มแทนก๊าซ LPG ได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ถัง ประมาณ 400-500 บาท หรือเท่ากับปีละ 4,800-6,000 บาทต่อครัวเรือน รวมทั้งยังได้กากที่ผ่านการย่อยสลายแล้วมาใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์อีกด้วย
จากวิสัยทัศน์และแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ อุดมศึกษาจึงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ดังที่กำหนดไว้ในแผนอุดมศึกษาระยะยาว 20 ปี พ.ศ. 2561-2580 โดยการดำเนินงาน ผ่านกระบวนการการจัดการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและการสร้างองค์ความรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคสังคม ชุมชน และท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศให้สามารถลดความเหลื่อมล้าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจของคนไทยได้อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน อีกทั้งวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม คือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เป็นคลังปัญญาและที่พึ่งของสังคมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ทางคณะผู้วิจัยจึงได้มีการสำรวจข้อมูลความต้องการของชุมชนในด้านเทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้ชุมชนพึงพาตัวเองโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพบว่าในส่วนของชุมชนตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ มีความต้องการพลังงานทดแทนด้านเทคโนโลยีพลังงานก๊าชชีวภาพ ทางคณะผู้วิจัยได้เล็งเห็นความสำคัญของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการนำมาประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยการผลิตก๊าซชีวภาพของชาวเกษตรกรตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยหลัก “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” โดย ห่วงที่ 1.ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ห่วงที่ 2.ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ ห่วงที่ 3.การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 เงื่อนไขได้แก่ 1.เงื่อนไข ความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ 2.เงื่อนไข คุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความชื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความพากเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต ซึ่งหลัก “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” ที่กล่าวมาข้างต้น คณะผู้วิจัยจะแทรกเสริมเข้าไปในหลักสูตรถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการผลิตก๊าซชีวภาพขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนให้แก่เกษตรกรเพื่อให้เกษตรเข้าใจและเข้าถึงปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้ ซึ่งเกษตรกรจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันในกิจกรรมอื่นๆสำหรับความพอเพียงในการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ทำให้สามารถพึ่งพาตนเองรวมทั้งความสามารถในการจัดการปัญหาต่างๆได้
ประโยชน์ที่ได้จากการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนระดับครัวเรือนในเขตพื้นที่ตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยลักษณะของการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการผลิตก๊าซชีวภาพขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) หรือค่าเชื้อเพลิงในครัวเรือนอย่างน้อยครัวเรือนละ 450 บาท/เดือน ซึ่งเท่ากับทั้งโครงการฯ คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้ 22,500 บาท/เดือน หรือเท่ากับ 270,000 บาท/ปี และลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีสำหรับการเกษตรลงได้ประมาณ 1/3 ของค่าใช้จ่ายเดิมหรือเท่ากับได้ปุ๋ยอินทรีย์จากการหมักมูลสัตว์ไปใช้กับแปลงพืชผักหรือใช้กับพื้นที่เกษตรอื่นๆ ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น (ในรายที่ไม่เคยซื้อ/ไม่เคยใช้ปุ๋ยเคมี) ความเป็นอยู่ในชุมชน (ที่มีการเลี้ยงสัตว์) ดีขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถนำไปถ่ายทอดเผยแพร่เทคโนโลยี ให้กับเกษตรกรที่สนใจในเขตพื้นที่อื่นๆ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) และค่าใช้จ่ายด้านปุ๋ยเคมี สอดคล้องกับนโยบายของประเทศและยังเป็นการสานสัมพันธ์โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนต่างๆ ได้รู้จักมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามมากยิ่งขึ้นและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างมหาวิทยาลัยและท้องถิ่นนี้ยังสามารถที่จะพัฒนาต่อเนื่องให้เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ด้านพลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม เกิดศูนย์กลางการเรียนรู้ขยายผลต่อไปยังชุมชน เพื่อพื้นฐานในการก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงมีความต้องการที่จะส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนระดับครัวเรือนภายในชุมชนตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนระดับครัวเรือนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแหล่งการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการผลิตก๊าซชีวภาพขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนให้กับชุมชนอื่นๆ ให้แก่ชุมชน ครัวเรือนเกษตรกรที่อยู่ในชนบท สามารถพึ่งพาตนเองและมีความยั่งยืนตลอดไป

วัตถุประสงค์
1. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ได้จากการวิจัยสู่ชุมชนและท้องถิ่น
2. เพื่อแปลงก๊าซชีวภาพที่ได้ไปเป็นพลังงานทดแทนสำหรับการหุงต้มระดับครัวเรือนทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG)
3. เพื่อให้เกษตรกรนำกากอินทรีย์ที่ผ่านการย่อยสลายแล้วมาใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีได้อีกทางหนึ่ง
4. เพื่อเพิ่มศักยภาพบ่อหมักก๊าซชีวภาพระดับครัวเรือนโดยการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ต่อยอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน
5. เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนจากบ่อสาธิตและบ่อขยายผลสำหรับหาจุดคุ้มทุนของโครงการ

ประโยชน์ที่จะได้รับ
1. ด้านวิชาการ ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนระดับครัวเรือน
2. ด้านสังคม และชุมชน การผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนระดับครัวเรือนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแหล่งการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการผลิตก๊าซชีวภาพขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนให้กับชุมชนอื่นๆ ให้แก่ชุมชน ครัวเรือนเกษตรกรที่อยู่ในชนบท
3. ด้านเศรษฐกิจ ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ก๊าซหุงต้มและ/หรือค่าเชื้อเพลิงในครัวเรือน ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีสำหรับการเกษตร
jakkarin เมื่อ 18 ต.ค. 2562 16:16 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์อาสาประชารัฐ “ส่งเสริมเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ” (ปี 2563)ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลความมั่นคงด้านพลังงาน และอาหาร การรักษาไว้ซึ่งความหลากหลายเชิงนิเวศ การส่งเสริมการดำเนินชีวิต ธุรกิจ และการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้ประเทศมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น เพื่อให้การพัฒนาประเทศสามารถดำเนินการได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 กำหนดวิสัยทัศน์ประเทศไทยคือ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีเป้าหมายการพัฒนา และการยกระดับคนในทุกมิติ และในทุกช่วงวัย ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน และมีสุขภาวะที่ดี มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 มีนิสัยรักการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่นๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตน สถาบันอุดมศึกษาจึงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าว โดยการดำเนินงานผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอน ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และสร้างองค์ความรู้ที่สรอดคล้องกับความต้องการของภาคสังคม ชุมชน และท้องถิ่น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจของคนไทยอย่างเป็นระบบ เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์การทำงานตรงตามสาขาวิชา และองค์ความรู้ที่เรียนโดยมีชุมชนเป็นฐานการนำความรู้สู่การปฏิบัติ ผ่านโครงงานที่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการเชิงพื้นที่ของชุมชน มุ่งเน้นผลลัพธ์ในการแก้ปัญหาด้านความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
puntivar13 เมื่อ 18 ต.ค. 2562 15:58 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนจากความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น สู่ตลาดออนไลน์ (ปี 2563)ความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) หมายถึง ความแตกต่างของรูปแบบชีวิต บทบาทหน้าที่ และพันธุกรรมที่สิ่งมีชีวิต ที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้ (วิสุทธิ์ ใบไม้, 2538; จิรากรณ์ คชเสนี, 2537) ประกอบด้วยการมีความหลากหลายของการที่มีชนิดพันธุ์ (species) สายพันธุ์ (genetic) และระบบนิเวศ (ecosystem) ที่แตกต่างหลากหลายบนโลก ความหลากหลายทางชีวภาพ นับว่ามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทั้งในด้านความมั่นคงด้านอาหาร สุขอนามัย วิถีการดำรงชีวิต การพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการเก็บและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้มนุษย์สามารถปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ระบบในธรรมชาติสามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้สภาพการณ์ของสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ปัจจุบันมีโครงการส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) หมายถึง ความแตกต่างของรูปแบบชีวิต บทบาทหน้าที่ และพันธุกรรมที่สิ่งมีชีวิต ที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้ (วิสุทธิ์ ใบไม้, 2538; จิรากรณ์ คชเสนี, 2537) ประกอบด้วยการมีความหลากหลายของการที่มีชนิดพันธุ์ (species) สายพันธุ์ (genetic) และระบบนิเวศ (ecosystem) ที่แตกต่างหลากหลายบนโลก
ความหลากหลายทางชีวภาพถูกแบ่งออกเป็นระบบสำคัญ 3 ประการ คือการมีความหลากหลายของการที่มีชนิดพันธุ์ (species) สายพันธุ์ (genetic) และระบบนิเวศ (ecosystem) ที่แตกต่างหลากหลายบนโลก ความหลากหลายทางชีวภาพ นับว่ามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทั้งในด้านความมั่นคงด้านอาหาร สุขอนามัย วิถีการดำรงชีวิต การพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการเก็บและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้มนุษย์สามารถปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ระบบในธรรมชาติสามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้สภาพการณ์ของสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
การใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น
1. ประโยชน์ด้านการบริโภคใช้สอย หมายถึงประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นทรัพยากร ทางธรรมชาติอันเอื้อต่อปัจจัยในการดำรงชีวิตให้แก่มนุษย์ เช่น ด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เป็นต้น
ด้านการผลิตอาหาร มนุษย์รับอาหารจากพืชและสัตว์ พืชไม่น้อยกว่า 5,000 ชนิดที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ และไม่น้อยกว่า 150 ชนิดที่มนุษย์นำมาเพาะปลูกเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ แต่มีเพียง 20 ชนิดเท่านั้นที่ใช้เป็นอาหารหลักของประชากรโลก คือ พวกแป้ง ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี มันฝรั่ง ความหลากหลายทางธรรมชาติที่มนุษย์นำมาใช้เป็นแหล่งอาหารจะเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ถูก นำมาใช้ ในการปรับปรุงคัดเลือกพันธุ์เพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้น
ด้านการแพทย์ มีการใช้ประโยชน์จากพืชและสัตว์ในทางการแพทย์มากมายประมาณร้อยละ 25 ของยารักษาโรคผลิตขึ้นมาจาก พืชดั้งเดิม เช่น การนำพืชพวก ชินโคนา (cinchona) ผลิตยาควินินที่ใช้รักษาโรคมาลาเรีย
2 . ประโยชน์ด้านการผลิต ด้านการอุตสาหกรรม ผลผลิตของป่าที่นำมาใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะโดยตรง เช่น การป่าไม้ ของป่า หรือโดยอ้อม เช่นการสกัดสารเคมีจากพืชในป่า
3. ประโยชน์อื่น ๆ อันได้แก่คุณค่าในการบำรุงรักษาระบบนิเวศให้สามารถดำรงอยู่ได้ และดูแลระบบนิเวศ ให้คงทน เช่น การรักษาหน้าดินการตรึงไนโตรเจนสู่ดิน การสังเคราะห์พลังงานของพืช การควบคุมความชื้น เป็นต้น ซึ่งจัดเป็นประโยชน์ที่สำคัญ ตลอดทั้งในด้านนันทนาการและการท่องเที่ยวของมนุษย์
อย่างที่กล่าวข้างต้นการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน หากนำทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ของแต่ละชุมชน ผนวกกับองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการการเข้าถึงแหล่งทุนและการตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยมีแนวคิดพื้นฐาน 3 ประการคือ ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล พึ่งตนเองและคิดอย่างสร้างสรรค์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง จะทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ สามารถลดช่องว่างรายได้ให้กับชุมชน สร้างอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ยังเป็นการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนได้ด้วย
คณะทำงานเล็งเห็นว่า ทุกชุมชนมีทรัพยากรที่แตกต่างกัน กระบวนการในการบริหารจัดการแตกต่างกัน หากเรามีข้อมูลเกี่ยวกับชุมชน ทรัพยากรในท้องถิ่น มีองค์ความรู้จากสหสาขาวิชา จะทำให้สามารถนำมาวิเคราะห์และสร้างมูลค่าผ่านผลิตภัณฑ์ชุมชนได้ และเมื่อมีผลิตภัณฑ์แล้วถ้าต้องการจะสร้างรายได้ หรือลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน การเข้าถึงแหล่งทุนและการทำการตลาดเชิงรุกให้กับชุมชนนั้น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็น ซึ่งในสังคมปัจจุบันโลกออนไลน์กำลังเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สื่อออนไลน์ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อเราในทุกขณะ ตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอน อีกทั้งยังมีความรวดเร็วและความสะดวกสบาย และการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถทำให้ผู้อื่นรู้จักเราหรือสินค้าของเราได้อย่างกว้างขวาง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำให้สินค้าของเราเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยใช้วิธีต่างๆ ในการ โฆษณาเว็บไซต์ หรือ โฆษณาขายสินค้าที่จะนำสินค้าของเราไปเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ เพื่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และเกิดความสนใจ จนกระทั่งเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าของเราในที่สุด

วัตถุประสงค์
1. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ และสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าจากความหลายทางชีวภาพในชุมชนท้องถิ่น
2. เพื่อสร้างแบรนด์ และการทำตลาดออนไลน์ให้กับผลิตภัณฑ์สินค้าจากความหลายทางชีวภาพในชุมชนท้องถิ่น
3. เพื่อเพิ่มศักยภาพในช่องทางการตลาด และกระบวนการผลิตโดยการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ต่อยอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน

ประโยชน์ที่จะได้รับ
1. ด้านวิชาการ ได้ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพที่สามารถนำไปวางแผนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น
2. ด้านสังคม และชุมชน เกิดชุมชนต้นแบบในการนำทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ของแต่ละชุมชน ผนวกกับองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการการเข้าถึงแหล่งทุนและการตลาดเชิงรุก
3. ด้านเศรษฐกิจ สามารถนำมาวิเคราะห์และสร้างมูลค่าผ่านผลิตภัณฑ์ชุมชนได้ และเมื่อมีผลิตภัณฑ์แล้วถ้าต้องการจะสร้างรายได้ หรือลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้
ผศ.ดร.ศมณพร สุทธิบาก เมื่อ 18 ต.ค. 2562 15:57 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการพัฒนาการจัดการขยะอินทรีย์ชุมชน โดยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน (ปี 2562)ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในปัจจุบันนับวันจะมีบทบาทและเพิ่มความท้าทายในการจัดการให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแทบทุกแห่งในประเทศไทย เนื่องจากปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนประชากร การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประกอบกับการขาดการจัดการที่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาในด้านต่างๆ อาทิ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค การส่งกลิ่นเหม็นรบกวน น้ำชะขยะปนเปื้อนต่อน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบบริเวณกองขยะ ดังนั้นการต่อต้านการทิ้งขยะจึงได้เกิดขึ้นในหลายๆ ท้องถิ่นในประเทศไทย
ในปัจจุบันความพยายามในการนำหลักการบริหารจัดการขยะ 3Rs ซึ่งประกอบด้วย การลดปริมาณการเกิดขยะ ณ แหล่งกำเนิด (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำมาเปลี่ยนแปลงสภาพกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาในการจัดการขยะมูลฝอยที่ต้นทางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หลายๆ แห่งในประเทศไทย โดยผ่านการส่งเสริมผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการธนาคารขยะชุมชน ขยะแลกแต้ม ขยะแลกไข่หรือสิ่งของ เป็นต้น ทั้งนี้การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปในส่วนขยะมูลฝอยที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20-30 สำหรับขยะอินทรีย์ในครัวเรือนที่มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 40-50 ยังขาดการจัดการที่เป็นระบบและเป็นต้นแบบให้กับชุมชนที่จะสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง และพึ่งพาทรัพยากรในพื้นที่ให้มากที่สุด และประโยชน์ที่ได้สามารถนำกลับมาใช้ในพื้นที่ชุมชนมากที่สุดตามหลักการได้ประโยชน์ร่วมกัน (Win-Win Situation) โดยการปรับเปลี่ยนแนวคิดและมุมมองของคนในชุมชนให้มองเห็นคุณค่าของขยะอินทรีย์ (Wastes to Resources) และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ชุมชน และพัฒนากิจกรรมการจัดการขยะอินทรีย์ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ของภาคอีสานตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) มีอาชีพหลัก คือ การทำนา และอาชีพเสริม คือ การเลี้ยงสัตว์ และการปลูกพืชระยะสั้น เช่น เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกพริก มะเขือเทศ แตงกวา ข้าวโพด และพืชผักต่างๆ เป็นต้น ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องใช้อาหารสัตว์ และปุ๋ยในการทำอาชีพเกษตรกรรม
ในด้านการใช้พลังงานในครัวเรือนนั้นพบว่า ในปัจจุบันการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การผลิตก๊าซ LPG ในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้งาน จึงต้องมีการนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศ การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 อยู่ที่ 498 ล้าน กก./เดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 2.3% มีการนำเข้ามาในประเทศ 43 ล้าน กก./เดือน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 8.6% ของการใช้ก๊าซ LPG ทั้งหมด (กรมธุรกิจพลังงาน, 2560) ดังนั้น พลังงานทดแทนถือเป็นพลังงานทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาการการขาดแคลนพลังงาน ทั้งยังหาได้จากธรรมชาติและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้รวมทั้งลดมลพิษอีกด้วย การบูรณาการการจัดการขยะมูลฝอยที่ต้นทางโดยการเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นพลังงานมีเทน โดยให้อยู่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ ถังบรรจุก๊าซไบโอมีเทนอัด (Compressed Biomethane Gas, CBG) สำหรับใช้ทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในครัวเรือน ซึ่งได้มาจากกระบวนการหมักแบบไร้อากาศโดยใช้ขยะอินทรีย์ในครัวเรือน/ชุมชน เป็นวัตถุดิบ โดยได้ผลิตภัณฑ์เป็นก๊าซชีวภาพซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นก๊าซหุงต้มภายในครัวเรือนได้ ดังนั้น CBG จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งในปัจจุบันราคาก๊าซ LPG อยู่ที่ 21.15 บาท/กิโลกรัม (ข้อมูลเดือนกันยายน 2560) ในขณะที่ CBG ที่ได้จากการจัดการขยะมูลฝอยในครัวเรือนมีราคาอยู่ที่ 12 บาท/กิโลกรัม (สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์) โดยค่าความร้อนของก๊าซ LPG 46.1 MJ/kg และค่าความร้อนของมีเทน 39.82 MJ/kg ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีก๊าซทั้ง 2 ชนิดมีค่าพลังงานความร้อนใกล้เคียงกัน ซึ่งศักยภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะอินทรีย์ 25-65 ลิตร/กิโลกรัมของขยะที่ใส่ (Zeshan, 2013) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมขณะเดินระบบ นอกจากนี้สิ่งที่เหลือจากกระบวนการหมักยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อเพื่อเป็นสารบำรุงดินที่ให้ธาตุไนโตรเจนและพัฒนาเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย
การกำจัดมูลฝอยอินทรีย์นั้นพบว่าหนอนแมลงมีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายเศษอาหาร (Food Scrapes) ขยะเปียกจากชุมขน (Municipal Garbage) มูลสัตว์ (Manure) รวมทั้งเศษไม้ที่เน่าเปือยผุพัง (Rotting Plant Materials) ได้แก่หนอนแมลงวันลาย (Black Soldier Fly) หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Hermatial illucens ตัวเต็มวัยมีความยาวประมาณ 4–6 มิลลิเมตร พบได้ทั่วไปในสภาพภูมิอากาศเขตร้อนและเขตอบอุ่น เป็นแมลงที่ไม่นำโรคและไม่เป็นศัตรูพืช สามารถควบคุมแมลงวันบ้าน (Musca domestica) ได้ (Cickova, Newton, and Kozanek, 2015) นอกจากนี้ทางทีมวิจัยได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพการย่อยสลายขยะอินทรีย์โดยหนอนแมลงวันลายพบว่าสามารถย่อยขยะอินทรีย์ได้ 80-90% และจากการศึกษาพบว่าหนอนแมลงวันลายมีโปรตีน 42% ไขมัน 35% พลังงาน 2,900 กิโลแคลอรี (กุลชาติและทัศนีย์, 2554) และมีราคาขายในตลาดโลกกิโลกรัมละ 1,000-1,200 บาท
ดังนั้นแนวคิดการจัดตั้งศูนย์พัฒนาการจัดการขยะอินทรีย์ชุมชน โดยการใช้หนอนแมลงวันลายในการย่อยขยะอินทรีย์ ซึ่งผลิตภัณฑ์จากหนอนแมลงวันลาย สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และอาหารสัตว์โปรตีนสูงได้ ตลอดจนมีการผลิตก๊าซชีวภาพอัดถังโดยการเปลี่ยนขยะอินทรีย์เป็นพลังงานเพื่อประชนชนในชุมชน เป็นโครงการที่มุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี ฝึกฝนทักษะ สร้างงานเพื่อชุมชน เพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชน ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ต้นทาง และลดปัญหาการจัดการขยะอินทรีย์ในครัวเรือนที่มีสัดส่วนสูงถึง 40-50% ขององค์ประกอบขยะทั้งหมด ซึ่งเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community Based Solid Waste Management: CBM) ทุกคนในชุมชนได้รับผลประโยชน์ กำไร หรือรายได้ที่เกิดขึ้น มีการบริหารจัดการโดยสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
s.wongsuwan เมื่อ 18 ต.ค. 2562 15:36 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษการประยุกต์ใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการเกษตรกรรม เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร (ปี 2563)ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากกว่าครึ่งประเทศ และในการดำรงชีวิตตั้งแต่บรรพบุรุษนั้นอาศัยการเกษตรกรรมเพื่อการดำรงชีวิตมาตลอด ดังนั้นเกษตรกรรมถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิตของประชากรไทย ดังเช่นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชการที่ 9 ทรงดำรัสว่า “เมืองไทยนี้ต้องพึ่งเกษตรกรเป็นสำคัญ เพราะว่าเกษตรกรเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศและต้องยึดอาชีพนี้มาและไม่ใช่เพราะเหตุนั่นเท่านั้นเอง แต่ว่าประเทศหนึ่งประเทศใดจะอยู่ได้ก็เพราะว่ามีกสิกรรม การประกอบอาชีพ ในด้านผลิตผลที่ได้จากธรรมชาติ ทั้งในด้านที่จะเป็นการปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ปลูกผลไม้ หรือทำมาหากินในด้านปศุสัตว์หรือประมง” ในการพัฒนาประเทศได้มีการเขียนไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทุกฉบับ เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศตลอดมา เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น ทั้งประชากรโลกและประชากรในประเทศไทย ย่อมส่งผลกระทบกับปัจจัยหลายอย่างในการดำรงชีวิต ประชากรเพิ่มมากขึ้น ความต้องการในการบริโภคย่อมมีมากขึ้นตามอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากร จากเหตุผลที่ประชากรเพิ่มมากขึ้น จำเป็นต้องมีการผลิตเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังยากจน เนื่องจากเกษตรกรมีรายได้ที่ไม่แน่นอน อีกทั้งต้นทุนในการผลิต มีต้นทุนที่สูงขึ้น และประการที่สำคัญ การเกษตรของประเทศไทยส่วนมากยังอาศัยธรรมชาติเป็นปัจจัยหลักในการทำการเกษตร ทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงสูงในประประกอบอาชีพเกษตรกรรม สืบเนื่องจากการอาศัยธรรมชาติเป็นปัจจัยหลักในการทำการเกษตร เมื่อมีภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ฝนแล้ง หรือวาตภัยจะสร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้าว ซึ่งประเทศไทยผลิตข้าวเป็นอับดับห้าของโลก และรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ซึ่งวิธีดังกล่าว เป็นมาตรการในการให้ความช่วยเหลือหรือเป็นการแก้ไขปัญหาเพียงชั่วคราว และเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแกไขปัญหาในระยะยาวแต่อย่างใด
ปัจจุบัน การทำการเกษตรของเกษตรกรส่วนใหญ่ใช้แรงงานคนส่วนใหญ่ในการทำการเกษตร แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังมีการนำเครื่องจักรเข้ามาทดแทนแรงงานคนบ้าง เช่น การทำนา ส่วนใหญ่จะเป็นนาหว่าน ซึ่งในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกจะใช้เครื่องจักรในการเตรียมพื้นที่ มีการฉีดยาฆ่าหญ้า (ก่อนหว่านข้าว) การหว่านข้าวใช้แรงงานคน หลังหว่านฉีดยาฆ่าหญ้าอีกครั้ง หว่านปุ๋ย ไปจนถึงกระบวนการเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ อาศัยแรงงานคนเป็นหลัก การเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม และรักษาสุขภาพของเกษตรกร ดังนั้น ในการเกษตรสมัยใหม่นี้ มีการใช้เทคโนลียีและนวัตกรรมการเกษตรมาช่วยในการทำการเกษตร โดยเฉพาะอากาศยานไร้คนขับ (Drone) มาช่วยในการหว่านข้าว หว่านปุ๋ย พ่นสารชีวภาพทางการเกษตร เป็นต้น ซึ่งจะเป็นช่องทางในการเพิ่มผลผลิต รักษาสุขาภาพของเกษตรกร และรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยุ่งยืนต่อไป
siuson เมื่อ 18 ต.ค. 2562 14:45 น.
มหาวิทยาลัยชินวัตรโครงการสร้างเสริมชุมชนรอบรู้สุขภาพ (ปี 2563)การสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy)ให้กับชุมชน เป็นการพัฒนาความสามารถของประชาชนในการเข้าถึง เข้าใจ ประเมิน และประยุกต์ข้อมูลข่าวสารทางสุขภาพเพื่อการพิจารณาและตัดสินใจในชีวิตประจำวัน เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพ และ การป้องกันโรค เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดช่วงอายุ ดังนั้นการสาธารณสุขไทยจึงให้ความสำคัญกับความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน โดยมีเป้าประสงค์ ในแผนพัฒนาสุขภาพฉบับที่12 (พ.ศ.2560-2569) ข้อที่1 กำหนดไว้ว่า "ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายมีความรอบรู้ด้านสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้การเจ็บป่วยและตายจากโรคที่ป้องกันได้ลดลง" ประเทศไทยจึงมุ่งสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพให้กับประชาชนทุกระดับ ทั้งระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กร ทั้งนี้แนวคิดการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ ยังสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการพึ่งพาตนเองในการดูแลสุขภาพ โดยเน้นการสร้างเสริมสุขภาพ มากกว่าการซ่อมรักษาสุขภาพ ที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยชินวัตร จัดการเรียนการสอน โดยมุ่งให้นักศึกษามีทักษะในการปฏิบัติงานครอบคลุมสุขภาวะทางกาย จิต และสังคม โดยการฝึกปฏิบัติงานทั้งในสถานพยาบาลและชุมชน และได้มีการพัฒนาห้องปฏิบัติการมีชีวิตในชุมชน เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพประชาชนทุกกลุ่มวัย อย่างเป็นองค์รวม การกำหนดจัดโครงการสร้างเสริมชุมชนรอบรู้สุขภาพ จึงเป็นการนำองค์ความรู้ทางการพยาบาล บูรณาการกับศาสตร์ด้าน การแพทย์ การสาธารณสุข เทคโนโลยี และศาสตร์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง มาใช้ในการจัดกิจกรรมโครงการ เพื่อสร้างเสริมชุมชนรอบรู้สุขภาพ
rujikarn เมื่อ 18 ต.ค. 2562 14:43 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรแบบมีส่วนร่วมตามแนวพระราชดำริ (ปี 2562)พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้สร้างปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้ครอบคลุมหลายๆ เรื่อง ได้แก่ การจัดการดิน การจัดการน้ำ การเกษตรแปรรูป พลังงานทางเลือก สิ่งแวดล้อมชุมชน การปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ปลูกพืชผักสวนครัว เป็นต้น ทรงชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยตลอดพระชนชีพ มุ่งให้พสกนิกรได้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และปลอดภัย ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกาภิวัฒน์ เป็นแนวทางการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ โดยยึดแนวทางการพัฒนาที่มีคนหรือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะเป็นตัวการที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า
เกษตรอินทรีย์ คือการทำการเกษตรด้วยหลักธรรมชาติ บนพื้นที่การเกษตรที่ไม่มีสารพิษตกค้างและหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมีทางดิน ทางน้ำ และทางอากาศเพื่อส่งเสริมความอุดสมสมบูรณ์ของดินความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศน์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สมดุลธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมี เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ก่อให้เกิดความพอเพียงระดับชุมชนและสอดคล้องกับความพอเพียงตามหลักแห่งศาสตร์พระราชา ซึ่งสามารถสร้างความเข้มแข็งต่อชุมชนและประเทศต่อไปได้
การบูรณาการเกษตรอินทรีย์กับวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการนำนักศึกษาหลากหลายสาขาลงพื้นที่แล้วใช้รูปแบบการพัฒนาหมู่บ้านแบบมีส่วนร่วมของชุมชน หาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องรายได้ เรื่องสุขภาพ เพื่อก่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มีการพัฒนาที่ยั่งยืน และก้าวไปสู่ประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) อีกทั้งสามารถรวมกลุ่มกันเพื่อร่วมมือกันสร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่มและส่วนรวมบนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนกัน การแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังและความสามารถของตนซึ่งจะสามารถทำให้ ชุมชนโดยรวม เกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยใช้รูปแบบ(Model)การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แบบการมีส่วนร่วม มีองค์ประกอบ คือ 1. รายได้ดี 2.สุขภาพดี 3.สิ่งแวดล้อมดี 4.คุณธรรมดี มีกระบวนการดังนี้
1. สร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยของสารเคมีทางการเกษตรที่มีต่อร่างกาย ด้วยการตรวจหาค่าคลอรีนเอสเตอเรส และทางด้านสิ่งแวดล้อมโดยการตรวจสารตกค้างในดินและน้ำในพื้นที่
2. ให้ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ แบบ ห่วงโซ่อุปทาน
3. สร้างกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็ง
tawatchaiay เมื่อ 18 ต.ค. 2562 14:04 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการ การจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีผสมผสานให้มีประสิทธิผลสูงสุด เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร (ปี 2563)1) เพื่อหารูปแบบการใช้น้ำและเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อพื้นที่นอกและในเขตชลประทานตามหลักวิชาการ
2) เพื่อศึกษาวิจัยผลจากการใช้น้ำที่เหมาะสม และผลผลิตจากพืชที่ใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และมูลค่าต่อชุมชน
3) เพื่อสร้างและบริหารศูนย์การเรียนรู้และนำไปใช้เพื่อให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
4) นิสิตสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ รายวิชา การประยุกต์ควบคุมใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องมือวัดคุมทางไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ เข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ศึกษาวิเคราะห์และประมวลผลปัญหาของชุมชน และให้ความช่วยเหลือในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
5. ติดตั้งระบบสูบ ระบบส่งจ่ายระบบน้ำหยดด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เข้าพื้นที่การเกษตร 5-10ไร่
tawatchaiay เมื่อ 18 ต.ค. 2562 14:00 น.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (Early - Stage) ปี 2562 (ปี 2562)1) เพื่อหารูปแบบการใช้น้ำและเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อพื้นที่นอกและในเขตชลประทานตามหลักวิชาการ
2) เพื่อศึกษาวิจัยผลจากการใช้น้ำที่เหมาะสม และผลผลิตจากพืชที่ใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และมูลค่าต่อชุมชน
3) เพื่อสร้างและบริหารศูนย์การเรียนรู้และนำไปใช้เพื่อให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง และมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
4) นิสิตสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ รายวิชา การประยุกต์ควบคุมใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องมือวัดคุมทางไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ เข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ศึกษาวิเคราะห์และประมวลผลปัญหาของชุมชน และให้ความช่วยเหลือในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
tnsut เมื่อ 18 ต.ค. 2562 13:59 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนเครื่องปั้นดินเผาโดย เครื่องฉีดวัสดุขึ้นรูปชิ้นงานจากดินวัสดุดินเหนียว (โครงการอาสาประชารัฐ) (ปี 2563)"เครื่องฉีดวัสดุขึ้นรูปชิ้นงานจากดินวัสดุดินเหนียว"เป็นการออกแบบและพัฒนานวัตกรรม
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน
โดย ทีมวิจัยและที่ปรึกษา 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปภากร พิทยชวาล
สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์
เพื่อสนับสนุนและส่งเสริม กลุ่มผู้ประกอบการ Social Enterprise/
วิสาหกิจชุมชน/ที่มีผลกระทบเชิงสังคมสูง
โดยอาศัยรูปแบบกลไกการขยายผลนวัตกรรมเพื่อสังคม (Social Innovation Diffusion)
ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาด้านสังคมปัญหา ด้วยนวัตกรรม
ที่มีการพัฒนาต้นแบบหรือโมเดลที่สำเร็จให้สามารถกระจายสู่ชุมชน
หรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นให้เกิดการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ชุมชน
นักศึกษาในทีม
1. นายธนาคาร เบ้าทอง
2. นายอนันตภูมิ ทองรักษ์
3. นายณัฐวุฒิ สานคล่อง
4. นายปุณณภพ วัชรมัยสกุล
5. นางสาววริศรา ภูถมนาค
6. นายพิพัฒน์ วงษ์สวาท
7. นายสหรัฐ กับกระโทก
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 19:14 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์โครงการพัฒนาหมู่บ้านสมบูรณ์แบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน (ปี 2561)หลักการและเหตุผล
แนวคิดชุมชนเข้มแข็ง เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นความยั่งยืนด้านการพัฒนาในระดับชุมชนและท้องถิ่น โดยยึดเป้าหมายสำคัญ คือ การหนุนเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพหรือขีดความสามารถ ในการจัดการปัญหาความเดือดร้อนด้วยตนเองเป็นหลัก ซึ่งส่งผลในระดับชุมชนท้องถิ่นต่างตระหนัก และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการแก้ปัญหาร่วมกันของชาวบ้าน มีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้ 1) ภูมิปัญญาและความรู้ที่สืบสานและประยุกต์ให้สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก 2) องค์กรชุมชนและกลุ่มผู้นำที่มีคุณธรรมและภูมิปัญญารวมถึงการจัดตั้งกลุ่มและจัดระเบียบชุมชน และ 3) เวทีการเรียนรู้และกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง และการบุกรุกจากภายนอก
จากการลงพื้นที่ทำงานของทีมนักวิจัยอย่างต่อเนื่องในการดำเนินโครงการ “พัฒนาหมู่บ้านสมบูรณ์แบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน” ในปีที่ 1 และ 2 ภายใต้โครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสาน พบว่า สภาพปัญหาของชาวบ้านสมบูรณ์ หมู่ 3 ต.กุดหวาย อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ มีสาเหตุมาจากชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างประสบปัญหา ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ผลผลิตทางการเกษตรไม่ได้คุณภาพ ราคาตกต่ำ การใช้สารเคมี การบุกรุกที่สาธารณะ มีรายได้น้อย ขาดอาชีพเสริม รวมไปถึงขาดองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น การท่องเที่ยวโดยชุมชน การทำเกษตรแบบอินทรีย์ ปศุสัตว์ การใช้ประโยชน์วัสดุเหลือใช้จาการเกษตรและปศุสัตว์ และการบริหารจัดการ โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นส่งผลต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน จึงเป็นแรงผลักดันให้ชุมชนต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อร่วมกันแสวงหาแนวทางและรูปแบบการแก้ไขปัญหาของตนและชุมชน โดยมีจุดเริ่มต้นจากผู้นำชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ด้วยพันธกิจสำคัญในการบริการวิชาการแก่สังคม ชุมชน และท้องถิ่น ให้ชุมชนเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาและวิธีการที่นำไปสู่การจัดการชุมชนอย่างยั่งยืนมีความสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ นั้นคือ การสำรวจสภาพปัญหาและสาเหตุที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การทำจัดทำแผนพัฒนาชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ด้วยการศึกษาบริบทชุมชนใน 4 ด้าน ประกอบด้วย กายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม จัดทำแผนที่มือ แผนที่ชุมชน เชื่อมโยงข้อมูลอย่างมีระบบโดยใช้เวทีประชาคมเป็นเครื่องมือในทวนสอบและคืนข้อมูลให้แก่ชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้วิเคราะห์ตนเอง โดยมีทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ชวนคิด ชวนคุยด้วยกระบวนการเหนี่ยวนำ ให้องค์ความรู้ตามความต้องการของชุมชน ประเมินและติดตามผลแบบเสริมพลัง การพูดคุยกับแกนนำ ซึ่งการจัดเวทีประชาคมชาวบ้านต่างได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งการพูดคุยด้วยเหตุและผลบนพื้นฐานความเป็นจริง การศึกษางานนอกพื้นที่ รวมถึงมีวิทยากรมาอบรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่องจนกระทั้งนำสู่การจัดทำแผนพัฒนาชุมชนเพื่อนำชุมชนสู่การพึ่งพาตนเองและกันเองอย่างเข้มแข็ง

การค้นหาต้นทุนทางสังคมของชุมชน เพื่อนำมาสร้างกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาให้ชาวบ้านหลุดพ้นจากปัญหาเป็นแนวทางที่ชุมชนเลือกบริหารจัดการตนเองอย่างมีส่วนร่วมตามแผนพัฒนาชุมชน ที่ได้จัดทำขึ้นในปีที่ 1 และปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องในปีที่ 2 และ ปีที่ 3 ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้
กิจกรรมที่ 1 การประชุมเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อจัดทำแผนพัฒนาประจำปี
กิจกรรมที่ 2 การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชน
กิจกรรมที่ 3 การพัฒนาเกษตรอินทรีย์
กิจกรรมที่ 4 การพัฒนาอาชีพ
กิจกรรมที่ 5 ส่งเสริมการใช้แรงงานจากควายเพื่อการพึ่งพาตนเอง
กิจกรรมที่ 6 การติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงานและสรุปโครงการ
ความมุ่งมั่น ตั้งใจและความพร้อมเพียงที่จะร่วมคิด ร่วมทำและร่วมรับผิดชอบ ด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วม เพื่อพลิกฟื้นให้ชุมชนบ้านสมบูรณ์สามารถยืนหยัดดำรงอยู่ได้และเป็นหมู่บ้านที่ศักยภาพ หนุนเสริมให้ชุมชนสามารถจัดการตนเอง นำสู่การพึ่งตนเองและกันเองได้ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อพัฒนาหมู่บ้านสมบูรณ์สู่การพึ่งพาตนเองและกันเองอย่างเข้มแข็ง
2. เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ภายใต้ศักยภาพ ความพร้อมและตามความต้องการชุมชน
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 18:55 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน (หมู่บ้านราชมงคลอีสาน) ภายใต้โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของหมู่บ้าน ชุมชน แบบมีส่วนร่วม 60 หมู่บ้าน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา: โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระ (ปี 2562)หลักการและเหตุผล
จากนโยบายสาคัญเร่งด่วนของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนในชุมชน ร่วมกันบริหารจัดการและพัฒนาศักยภาพของตนเองที่มีอยู่ให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ การลดต้นทุนและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติระดับชุมชนให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และสร้างโอกาสการพัฒนาหรือเพิ่มขีดความสามารถการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากให้กับชุมชน โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของหมู่บ้านและชุมชนแบบมีส่วนร่วม ๖๐ หมู่บ้าน เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโครงการความร่วมมือร่วมใจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง เพื่อสร้างวิถีแห่งอาชีพการเกษตร โดยมีอาจารย์และนักศึกษา
ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลในพื้นที่เป็นกลไกหนึ่งเพื่อเพิ่มศักยภาพของชุมชน โดยยึดหลักแห่งทฤษฎีใหม่อันเนื่องมาจากพระราชดาริ เพื่อก้าวสู่วิถีแห่งความพออยู่พอกิน อันสามารถนาไปสู่การมีวิถีชีวิตยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการดารงชีพ การดารงวิถีวัฒนธรรมประเพณีที่จะนาไปสู่ความพอมีพอกินยืนอยู่ได้ด้วยลาแข้งของตนเอง มีความสุขอย่างยั่งยืนเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้สังคมตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ จากแนวคิดดังกล่าวซึ่งมีความสอดคล้องกับ พันธกิจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานที่มุ่งเน้นสร้างงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่การผลิต การบริการและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ รวมทั้งมุ่งบริการวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่สังคม และทานุบารุงศาสนา อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพราะมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าว เนื่องจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ มีการเปิดสอนคณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีหลากหลายสาขา อาจารย์ในแต่ละสาขามีความเชี่ยวชาญเฉาะด้านได้แก่ สาขาพืชศาสตร์ สิ่งทอและการออกแบบ สาขาสัตวศาสตร์ สาขาประมง สาขาอุตสาหกรรมเกษตรสาขาวิศวกรรมเครื่องกล สาขาคอมพิวเตอร์ และคณะเทคโนโลยีการจัดการ ได้แก่ สาขาการจัดการสาขาการบัญชี สาขาการท่องเที่ยว สาขาการตลาด สาขาระบบสารสนเทศทางคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันของแต่ละศาสตร์ ดังนั้นเพื่อเป็นการสานต่อนโยบายดังกล่าว จึงได้จัดให้มีโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลาขึ้นบ้านศาลา หมู่ที่ 16 ตาบลท่าสว่าง อาเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาเภอเมืองสุรินทร์ ระยะห่างจากอาเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ 20 กิโลเมตรจากการศึกษาบริบทชุมชนของบ้านศาลา พบว่า บ้านศาลามีจานวนครัวเรือนตามเลขที่บ้านทั้งสิ้น 140 ครัวเรือน แต่ที่อยู่อาศัยจริงมีจานวน 105 ครัวเรือน มีประชากรจานวน 520 คน ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาหลัก นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษาอีสานและภาษาส่วยของคู่สมรสที่ย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวแต่เป็นส่วนน้อย อาชีพหลักของชุมชน คือ อาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ ทานา อาชีพรองของชุมชนคือ ทาไร่ ทาสวน ปลูกถั่ว ข้าวโพด แตงโม ทอผ้า และเลี้ยงสัตว์ และเกือบทุกบ้านมีการเลี้ยงวัวไว้ประมาณ3-5 ตัว เพื่อจาหน่าย ลักษณะทางสัญจรไปมาภายในหมู่บ้าน พบว่ามีบางส่วนเป็นถนนดิน และบางส่วนเป็นถนนคอนกรีต มีการสร้างถนนคอนกรีตเพิ่มมากขึ้นในปีที่ผ่านมา และในปีนี้มีการสร้างถนนลาดยางจากบริเวณแยกบ้านอาม็องเข้ามาถึงด้านหน้าซุ้มทางเข้าหมู่บ้านลักษณะทั่วไปและสภาพบ้านศาลา จากปัญหาของชุมชนที่พบคือ ในฤดูฝนมักเกิดน้าท่วมส่วนในฤดูแล้งจะเกิดการขาดแคลนน้าสาหรับทาการเกษตร เนื่องจากน้าในลาน้าชีมีปริมาณน้อย และไม่สามารถนาน้าจากลาน้าชีขึ้นมาใช้ได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนของหมู่บ้านที่ติดลาน้าชี เนื่องจากลาน้าชี มีระดับความลึกจากระดับพื้นผิวดินมาก และบางส่วนของพื้นที่มีแขนงของลาน้าชี แต่ก็ประสบปัญหาขาดแคลนน้าในฤดูแล้งเช่นกัน พบว่าร้อยละ 99 ของการประกอบอาชีพทางการเกษตรต้องอาศัยน้าฝนเพียงอย่างเดียว รวมทั้งปัญหาดินขาดความอุดมสมบูรณ์เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่เน้นการใช้ประโยชน์จากดินและมีการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ต้นทุนทางการเกษตรสูง เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของชุมชนบ้านศาลาเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่ทานาเคมีมาเป็นเวลานาน เมื่อมีโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสานเข้าไปให้ความรู้ในด้านต่างๆ รวมทั้งชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของการทานาเคมี ชาวบ้านจึงมีความต้องการที่จะเปลี่ยนวิถีการดาเนินชีวิต จากวิธีทาการเกษตรแบบใช้สารเคมีมาเป็นการทา
การเกษตรแบบอินทรีย์ ชุมชนบ้านศาลามีศักยภาพในการพัฒนาตนเอง มีผู้สนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือต้องการองค์ความรู้ที่จะทาให้ลดค่าใช้จ่ายในการดารงชีวิต สามารถสร้างปัจจัยการผลิตด้วยตนเองและสามารถพึ่งตนเองได้ ทาให้ชุมชนบ้านศาลาเป็นชุมชนที่มุ่งสู่ความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ต้องการทาอาชีพเสริมเพื่อให้มีรายได้เพิ่มมาจุนเจือครอบครัว จากการดาเนินการมาจนครบระยะเวลา ๕ ปี พบว่า ชุมชนมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น สังเกตจากการร่วมแรงร่วมใจกันในการทากิจกรรมต่างๆ และยังพบว่า ชุมชนบ้านศาลาสามารถรวมกลุ่มกัน เพื่อดาเนินกิจกรรมตามอาชีพ จานวน 4 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไหมบ้านศาลา โดยทาการยื่นขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 รหัสทะเบียน 7-32-01-05/1-0014 มีจานวนสมาชิกทั้งสิ้น 26 ราย
2. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดสารคุ้มหนองศาลา โดยทาการยื่นขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 รหัสทะเบียน ๗-32-01-05/1-0025 มีจานวนสมาชิกทั้งสิ้น 7 ราย
3. กลุ่มผู้ผลิตข้าวในโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2562 ของศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์มีจานวนสมาชิก 14 ราย พื้นที่ทานารวม 133 ไร่
4. เข้ารวมกลุ่มกับเครือข่ายวิสาหกิจชมชนนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์จังหวัดสุรินทร์ โดยมีการเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร “เกษตรอินทรีย์สู่วิถีการผลิตที่ยั่งยืน ปี 2562 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 โดยมีนายวิไล พรหมมา เป็น
ประธานกรรมการเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์จังหวัดสุรินทร์ดังกล่าว

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนบ้านศาลา เพื่อการมุ่งสู่การพึ่งพาตนเองตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
2. เพื่อส่งเสริมการทำอาชีพเสริมให้กับชุมชนบ้านศาลา
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 18:36 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต้นแบบสู่นวัตกรรมเชิงนิเวศน์ บ้านห้วยม่วง อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น (ปี 2561)หลักการและเหตุผล
อำเภอภูผาม่านมีหมู่บ้านที่มีผู้นำชุมชนเข้มแข็ง ดูแลตำบลห้วยม่วง ชื่อนายคมเพชร ครสิงห์ นายกองค์การบริหารตำบลห้วยม่วงเสนอแนะการขอเข้าบริการวิชาการแก่ชุมชนครั้งนี้ว่า เห็นควรให้บ้านห้วยม่วงและบ้านโนนสะอาดเข้าร่วมโครงกา ตำบลห้วยม่วงเดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และเป็นเขตรอยต่อของอุทยานแห่งชาติภูผาม่านและเป็นที่เลี้ยงสัตว์ของคนในเขตพื้นที่ ปัจจุบันมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบล คือ นายคมเพชร ครสิงห์ และมีปลัดองค์กรบริหารส่วนตำบล คือ นายพงษ์ศักดิ์ คำกุณา เหตุที่ได้ชื่อว่า บ้านห้วยม่วงเนื่องจากตามลำห้วยในหมู่บ้านมีแต่ต้นมะม่วงมากและได้ตั้งชื่อตามลำห้วย ชาวบ้านจึงเรียกชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านห้วยม่วง”
คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นส่วนงานภายในของมหาวิทยาลัยได้ตระหนักความสำคัญของภารกิจนี้ และเพื่อให้สอดคล้องกับการประชุมของสภามหาวิทยาลัยในการ Retreat ยุทธศาสตร์ทางด้านคลัสเตอร์ ได้แก่ Logistics & Tourism , Agriculture Technology, Food & Health , Digital Economy ,Green University , Hands On โดยเป็นแบบบูรณาการบริการวิชาการแก่สังคมกับการเรียนการสอน ถ่ายทอดองค์องค์ความรู้เพื่อสร้างความเชี่ยวชาญให้แก่นักศึกษา และความเข้มแข็งให้กับสังคมและชุมชนอย่างมั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2561–2564) ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างชุมชนนวัตกรรม (Startup Entrepreneurs ภายในมหาวิทยาลัย รอบมหาวิทยาลัย สู่สังคมไทย และสังคมโลก)กลยุทธ์ 3.1 สร้างนวัตกรรมเพื่อตอบสนองสู่ชุมชนและสังคม
บ้านห้วยม่วงเป็นหมู่บ้านทำการเกษตรกรรม มีผลิตภัณฑ์ชุมชนด้านสมุนไพรชงดื่ม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์อยากให้มีการบูรณาการความร่วมมือในการสร้างทางที่สะดวกและเข้าถึงได้ง่ายร่วมกับองค์กรบริหารส่วนจังหวัดในการเข้าถึงวัดสามยอดซึ่งมีทางขึ้นบรรไดไปถึงยอดเขา รวมถึงต้องการให้นำแนวทางการบริหารจัดการบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยม่วงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ มีแปลงปลูกหน่อไม้ฝรั่ง และปลูกกล้วยหอมเพื่อการส่งออกให้กับห้างสรรพสินค้า การให้ความสำคัญในการลงพื้นที่อำเภอภูผาม่านเนื่องจากผู้นำชุมชนองค์กรบริหารส่วนตำบลห้วยม่วงเป็นผู้นำชุมชนที่มีความตั้งใจในการพัฒนาความเป็นอยู่ของชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งชุมชนมีอัธยาศัยที่ดีในการอำนวยความสะดวกได้เข้าไปเก็บข้อมูลเบื้องต้นและเพื่อให้เกิดการบูรณาการหลากหลายสาขาวิชา และมีพี่เลี้ยงที่เคยประสบความสำเร็จในการดำเนินการหมู่บ้านราชมงคลอีสานบ้านโคกสีมาเป็นที่ปรึกษา จากการศึกษาลงพื้นที่มองเห็นศักยภาพด้านการเกษตรโดยเฉพาะพืชสมุนไพรมีการจัดทำบรรจุภัณฑ์เพื่อสมุนไพรชงดื่ม อีกทั้งโครงการนี้ยังสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 สร้างเครือข่ายสู่ความเป็นสากล กลยุทธที่ 4.4 เสริมสร้างเครือข่ายภาครัฐและเอกชน โดยสร้างความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติเขาสามยอด ถ้ำผาน้ำทิพย์ ต้องอาศัยความร่วมมือกับอุทยาน สำหรับถนนที่ต้องร่วมกับพัฒนาสร้างทางขึ้นวัดเขาสามยอดที่มีจุดชมวิวสวยงามต้องประสานองค์กรบริหารส่วนจังหวัด การปลูกกล้วยหอมเพื่อส่งให้กับเซ็นทรัลโดยชุมชนมีความประสงค์อยากให้ช่วยเหลือในงานสร้างตราสินค้าของตนเอง และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ได้รับการรับรอง GMP ให้การอบรมความรู้ในการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตร อบรมให้ความรู้ในการสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวรวมถึงมาตรฐานที่พักแบบ Home Stay เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อศึกษาบริบทและสร้างตราผลิตภัณฑ์บ้านห้วยม่วงหมู่ที่ 3 ตำบลห้วยม่วง อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น
2. เพื่อศึกษาบริบทและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตำบลห้วยม่วง อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น
3. เพื่อจัดทำแผนพัฒนาบ้านห้วยม่วง หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยม่วง อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น
4. เพื่อประเมินโครงการการพัฒนาหมู่บ้านแบบมีส่วนร่วมภายใต้ศักยภาพของชุมชนอย่างยั่งยืน
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 18:23 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามรอยพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง (บ้านเหล่าใหญ่) (ปี 2561)เนื่องในการพัฒนาคนบนพื้นฐานองค์ความรู้จากงานบริการวิชาการในสถาบันอุดมศึกษามีความสำคัญอีกหนึ่งเป้าหมายและพันธกิจหลักที่สามารถจะสร้างงาน สร้างรายได้และสร้างชุมชน ให้มีความยั่งยืนต่อเนื่อง และทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานซึ่งจัดให้มีการเปิดรับข้อเสนอโครงการหมู่บ้านราชมงคลที่เน้นส่งเสริ่มและขับเคลื่อนให้คนในชุมชนสามารถใช้ชีวิตและดำรงชีพด้วยความพออยู่พอกิน สอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียงอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระองค์ท่านทรงมีกระบวนทัศน์ที่เน้นในเรื่องของการการพัฒนาคน ดังนั้น “การพัฒนาหมู่บ้านหรือชุมชน ต้องสร้างพื้นฐาน ความพออยู่พอกิน พอใช้ก่อน แล้วจึงค่อยสร้างความเจริญและเศรษฐกิจขั้นสูงต่อไป” เพื่อน้อมนำและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ดังกล่าว ทางคณะผู้ดำเนินกิจกรรมโครงการภายใต้หมู่บ้านราชมงคล ซึ่งจากนิยามความหมายของความคำว่าหมู่บ้านราชมงคลอีสาน นั้นหมายถึงหมู่บ้านที่เกิดจากการศึกษาวิเคราะห์บริบทชุมชน ระหว่างอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานร่วมกับชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนค้นพบประเด็นปัญหาสำคัญ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขและดึงศึกษยภาพที่โดดเด่นของหมู่บ้านหรือชุมชน มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการประสมประสานองค์ความรู้ที่หลากหลายศาสตร์วิชาของอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อนำไปถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่หมู่บ้านหรือชุมชน และนำไปต่อยอดเพื่อประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์โดยการสร้างคน สร้างงาน สาร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตของคนในหมู่บ้านหรือชุมชนให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งนืน จนสามารถเป็นหมู่บ้านราชมงคลอีสานต้นแบบ สำหรับชุมชนอื่นๆ ต่อไป
ชุมชนในหมู่บ้านเหล่าใหญ่ เป็นหมู่บ้านที่มีศักยภาพดังกล่าวเนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ชาวบ้านอาศัยอยู่ร่วมกันด้วยความรักใคร่สามัคคีมีความสุขในขนบประเพณี ฮีต 12 ครอง 14 และอาชีพหลักของชาวบ้านคือการทำเกษตรกรรมทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ หลังจากหมดช่วงระยะการทำนำถั่วลิสงที่มีการปลูกแทบทุกครัวเรือนมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน อาธิการทำถั่วตัดสมุนไพร เพื่อเป็นการเสริมสร้างรายได้อีกทางให้กับกลุ่มเกษตรกร แม่บ้านและใช้ผลประโยชน์จากพืชอายุสั้นที่ปลูกไว้นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ทั้งนี้ การแปรรูปและการส่งออกเพื่อจัดจำหน่ายหารายได้ยังอยู่ในกระบวนการที่ทั้งผ่านพ่อค้าคนกลาง การจัดบริการส่งให้ หรือการออกจำหน่วยในร้านค้าชุมชนตลอดจนตามงานประเพณีสำคัญที่ทางราชการได้จัดขึ้นในโอกาสต่างๆ
จากการวิเคราะห์บริบทชุมชนเบื้องต้นของหมู่บ้านเหล่าใหญ่ ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นนี้ ประกอบไปด้วย 2 หมู่ คือหมู่ 8 และหมู่ 10 อันมีผู้ใหญ่บ้านประพันธ์ ดงใหญ่ หมู่ 8 เป็นผู้นำและมีนางกาญกาญจนา กรองไตร ประธานกลุ่มผู้ผลิตผู้ประกอบการกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากถั่วลิสง ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายภายในท้องถิ่น วัตถุดิบปลอดจากสารเคมีและใช้ส่วนผสมที่เน้นเพื่อความใส่ใจในสุขภาพของผู้บริโภคโดยการเพิ่มสมุนไพรเข้าไปให้เป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของสินค้าเพื่อให้ง่ายต่อการจัดจำหน่ายและต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง การพัฒนาดังกล่าวสามารถส่งผลและต่อยอดไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและอาจนำรายได้เข้าสู่ชุมชนได้อีกทางหนึ่งที่สำคัญนอกเหนือจากรายได้จากการทำเกษตรกรรม การศึกษาบริบทชุมชนให้ครอบคลุมทุกประเด็นโดยใช้องค์ความรู้จากการให้บริการวิชาการและเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จึงเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นได้เนื่องจากหมู่บ้านมีความโดดเด่นของพื้นที่และชาวบ้านพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต้องการการพัฒนา ระยะทางการเดินทางไปยังหมู่บ้านเหล่าใหญ่ไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากมหาวิทยาลัย และที่สำคัญคือชุมชนมีผู้นำหมู่บ้านที่ให้ความร่วมมือกันด้วยความรักใคร่สามัคคี อันจะผลักดันให้โครงการหมู่บ้านราชมงคลสำเร็จไปได้ด้วยการแก้ไขในประเด็นปัญหาต่างๆ หลังจากการทำบริบทชุมชนในด้านที่หลากหลายและครอบคลุม อาธิ ทางด้านกายภาย ชีวภาพ สังคมและเศรษฐกิจ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของชุมชุมในหมู่บ้านเหล่าใหญ่ได้มีการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนสมดังพระราชปณิธาณในเศรษฐกิจพอเพียงสืบต่อไป

วัตถุประสงค์ของโครงการ
- เพื่อศึกษาบริบทชุมชน ของหมู่บ้านเหล่าใหญ่ ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
- เพื่อจัดทำและสร้างแผนพัฒนาหมู่บ้านให้ตรงตามความต้องการของชุมชนที่อาศัยในหมู่บ้านเหล่าใหญ่ ในทุกด้านและครอบคลุมภายในระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี
- เพื่อสร้างกลุ่มผู้รับผิดชอบในด้านต่างๆของแผนพัฒนาหมู่บ้าน
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 18:07 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม : บ้านคึม ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร (ปี 2561)หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันการกำหนดนโยบายการพัฒนาชุมชน และการจัดสรรงบประมาณเกิดเป็นโครงการต่างๆ นั้น ล้วนเกิดจากนโยบายจากภาครัฐบาลซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาให้ประชาชนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การบริหารจัดการชุมชนในระดับท้องถิ่นส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยแกนนำของชุมชนเท่านั้น เช่น ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้แสดงความคิดเห็นและกำหนดแนวทางในการพัฒนาหมู่บ้าน รวมถึงการสะท้อนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในในชุมชน จึงทำให้การรายงานความต้องการหรือสภาพปัญหาของชุมชนไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ของชุมชนไม่ได้แสดงความคิดในการแก้ปัญหา ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนในการรับรู้ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ และร่วมแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ทั้งด้านการพัฒนาการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรในท้องถิ่น และการศึกษา

เป้าหมายในการดำเนินโครงการในครั้งนี้ คือ เพื่อสร้างกระบวนการขับเคลื่อนให้ชาวบ้านคึม หมู่ 10 ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี และมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน จากการสำรวจชุมชนในวันที่ 14 ตุลาคม 2559 พบว่า หมู่บ้านคึมไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน และการบริการทางด้านส่งเสริมอาชีพจากหน่วยงานราชการ รวมทั้งไม่มีความต่อเนื่องและไม่ตรงกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ซึ่งในปี 2559 ได้มีหน่วยงานจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เข้าไปบริการวิชาการในโครงการ “การถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์จากชาย่านาง” นับเป็นโครงการแรกในรอบสิบปีที่ผ่านมา ผู้จัดทำโครงการจึงมีความสนใจที่จะศึกษา วิเคราะห์บริบทชุมชนเพื่อให้ทราบประเด็นปัญหาสำคัญ ศักยภาพที่โดยเด่นของชุมชน และให้เกิดแผนแม่บทของหมู่บ้านคึมเพื่อกำหนดแนวทางพัฒนาชุมชนที่ชัดเจนและเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านคึม ร่วมทั้งการบูรณาการความรู้ของบุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดองค์ความรู้ไปสู่การรสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตของคนชุมชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการศึกษาและวิเคราะห์บริบทชุมชน บ้านคึม ตำบลโพนแพง อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
2. เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการพัฒนาแผนพัฒนาชุมชน ระยะ 3 ปี และระยะ 5 ปี ที่สอดคล้องกับศักยภาพและข้อจำกัดของชุมชน
3. เพื่อเสริมสร้างให้ชุมชนมีความสามารถในการจัดทำแผนแม่บทของชุมชนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนอย่างแท้จริง
4. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนภายใต้ศักยภาพและข้อจำกัดของชุมชน
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 17:49 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการบริการวิชาการด้านการวางแผนพัฒนาพื้นที่และผลิตภัณฑ์ในหมู่บ้านโพนสูง ชุมชนหมื่นไวย (ปี 2561)การดำเนินโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสาน บ้านโพนสูง ต.หมื่นไวย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในปีนี้เป็นการดำเนินโครงการในปีที่สองต่อเนื่องจากในปีแรกที่เป็นการวางแผนพัฒนาหมู่บ้านในช่วงระยะเวลา 5 ปี โดยทางหมู่บ้านโพนสูง ได้มีการกำหนดฉากทัศน์ในการวางแผนพัฒนาพื้นที่ที่ต้องการจะเป็น “ชุมชนนิเวศ เกษตรขอบเมือง” โดยความหมายที่จะมุ่งให้ความสำคัญในการเป็นชุมชนวิถีเกษตรให้ความสำคัญกับการทำเกษตรกรรมตามวิถีชาวนาที่ชุมชนเคยปฏิบัติมาแต่ดั้งเดิมที่เป็นการเกษตรเพื่อการดำรงชีวิต แต่โดยบริบทของชุมชนในปัจจุบันที่แวดล้อมไปด้วยวิถีชีวิตเมืองรอบพื้นที่ การดำรงวิถีเกษตรปัจจุบันจึงต้องมีการเพิ่มมูลค่าและสร้างความยั่งยืนให้กับการพัฒนาโดยใช้แนวทางวิถีเกษตรนี้เข้าไปด้วย ทางคณะทำงานหมู่บ้านโพนสูงจึงมีความเห็นว่าควรที่จะนำแนวทางการสร้างวิสาหกิจหมู่บ้านด้วยการจัดทำการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community Base Tourism) ให้เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งพื้นที่เกษตรสำคัญดั้งเดิม วิถีวัฒนธรรม สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในพื้นที่เป็นการรักษาคนรุ่นใหม่ของหมู่บ้านให้เห็นความสำคัญของวิถีเกษตรและสร้างรายได้ สร้างอาชีพที่มั่นคงเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้อยู่อาศัย ประกอบอาชีพ และเป็นกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาหมู่บ้านโดยไม่ต้องอพยพออกไปจากหมู่บ้านไปทำงานในพื้นที่อื่นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
การดำเนินงานโครงการในปีที่ 2 นี้จึงเป็นการเน้นการให้ความรู้ และการสร้างการมีส่วนร่วมในการวางแผนรายละเอียดเพื่อสร้างหมู่บ้านให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยววิถีเกษตร รักษาระบบนิเวศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้าน มุ่งสร้างความเข้าใจให้กับประชากรของหมู่บ้านได้เห็นภาพรวมของโอกาสและประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านไปสู่แนวทางที่วางแผนไว้นี้ กิจกรรมส่วนใหญ่จึงเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อวางแผนรายละเอียดที่เกี่ยวกับองค์ประกอบด้านต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวโดยชุมชน ทั้งนี้ได้มีการบูรณาการโครงการเข้ากับโครงการบริการวิชาการโครงการอื่นของสาขาวิชาการจัดการผังเมืองที่เกี่ยวเนื่องกันด้วย ทำให้เกิดประโยชน์มากขึ้นและสามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังรายละเอียดที่จะได้กล่าวถึงในรายงานการดำเนินโครงการประจำปีที่ 2 ต่อไป
chawisorn เมื่อ 17 ต.ค. 2562 17:31 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามการใช้เทคโนโลยีการอบแห้งในการพัฒนากระบวนการแปรรูปปลาเพื่อพัฒนาชุมชนต้นแบบการเกษตรและอาหารตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปี 2563)การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 โดยยึดหลัก “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” “การพัฒนาที่ยั่งยืน” และ “คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา”โดยการส่งเสริมให้แต่ละชุมชนนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาสินค้า ซึ่งเป็นแนวทางประการหนึ่ง ที่จะสร้างความเจริญแก่ชุมชนให้สามารถยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดยการผลิตหรือจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น ให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นแต่ยังขาดเทคโนโลยีการอบแห้งที่เหมาะสม และกระบวนการผลิตอาหารสะอาดที่ถูกสุขอนามัย รวมถึงการขาดเครือข่ายและกลไกเพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ดังนั้นจึงมีแนวคิดในการจัดทำโครงการพัฒนาชุมชนต้นแบบการเกษตรและอาหารตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยวิธีการอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบบูรณาการครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีการอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์และส่งเสริมกระบวนการผลิตอาหารที่ได้มาตรฐานสุขอนามัย ตลอดจนการส่งเสริมให้ บ้านสะอาดนาทม ตำบลลำคลอง จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของทุ่งกุลาร้องไห้ ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพในการเลี้ยงปลาและจับสัตว์น้ำนำมาจำหน่าย ได้เป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถบูรณาการเข้ากับกิจกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การสร้างงาน การอนุรักษ์พลังงาน และการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนต่อไปตามนโยบายแผนพัฒนา เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพ ศูนย์กลางบริการทางการศึกษาและวัฒนธรรม ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเนื่องจากประเทศไทยมีปริมาณความต้องการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทดแทนที่สะอาดและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นพลังงานหมุนเวียนเช่นเดียวกับพลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล ฯลฯ ซึ่งพลังงานเหล่านี้มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมการอบแห้งผลผลิตทางการเกษตร มีการใช้พลังงานค่อนข้างสูง การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาพัฒนาเครื่องอบแห้งเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมครัวเรือนจึงจัดเป็นการช่วยพัฒนาประเทศอีกทางหนึ่ง เมื่อพิจารณาสถานภาพของประเทศไทยพบว่ามีศักยภาพของพลังงานแสงอาทิตย์สูง เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตรจึงมีแสงอาทิตย์ตลอดทั้งปี ได้รับพลังงานแสงอาทิตย์ค่อนข้างสูงมีความเข้มรังสีอาทิตย์เฉลี่ย ประมาณ 18.2 MJ/m2-day การอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นการให้ความร้อนกับวัสดุเพื่อลดความชื้นสามารถแบ่งตามวิธีการรับรังสีอาทิตย์ได้ 3 แบบ คือ รับรังสีอาทิตย์โดยตรง, โดยอ้อมและแบบผสม โดยที่ความสามารถของการอบแห้งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ รวมถึงความเร็วลมที่นำพาความร้อน อุณหภูมิของอากาศภายในตู้อบแห้งตอนกลางวันจะอยู่ในช่วง 40-70 องศาเซลเซียส ประสิทธิภาพการอบแห้งสูงกว่าวิธีตากแดดแบบดั้งเดิม มีจุดเด่นในเรื่องการใช้งานง่าย มีค่าใช้จ่ายน้อย ประหยัดพลังงาน
ในการพัฒนากระบวนเทคโนโลยีการอบแห้ง โดยใช้ตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้ จึงได้ทำการพัฒนาเครื่องอบแห้งที่สามารถเพิ่มอุณหภูมิความร้อนและขับไล่ความชื้นอากาศที่ผ่านเข้ามาอบแห้งภายในห้องอบที่สามารถใช้งานได้ แม้ในวันที่มีแสงแดดน้อยและสามารถป้องกันฝุ่นละอองและแมลงได้ ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการพัฒนาเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นหลายแบบก็ตาม จึงได้มีการศึกษาและพัฒนากระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการศึกษาการอบแห้งในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ร่วมถึงการพัฒนาระบบเครื่องอบแห้งที่ได้มีการศึกษามาก่อนหน้านี้ เพื่อพัฒนาให้เกิดการใช้พลังงานในการอบแห้งให้คุ้มค่ามากที่สุด เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ได้มีลักษณะ และรูปแบบที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน การอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์อาศัยหลักการระบายอากาศร้อนภายในเครื่องอบแห้งมีการพาความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่าและมีการใช้พัดลมระบายอากาศเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการระบายความชื้นออกจากเครื่องอบแห้ง โดยอาศัยหลักการของความแตกต่างระหว่างความหนาแน่นของอากาศภายในกับภายนอกของเครื่องอบแห้งสำหรับการระบายความชื้นของอากาศภายในเครื่องอบแห้ง เพื่อหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการอบแห้งด้วยเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อเทียบกับการตากแดดตามธรรมชาติ ทั้งนี้ขึ้นกับการจัดการและพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความเหมาะสมตามลักษณะการใช้งานเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน (S. Soponronnarit et al., 1992) ได้ทำการทดสอบแบบจำลองการอบแห้งผลไม้ด้วยแสงอาทิตย์ (R.H.B. Excell et al., 1979) การทดสอบเครื่องอบแห้งข้าวเปลือกต้นทุนต่ำด้วยแสงอาทิตย์ (S. Joshi et al., 1997) การลดความชื้นหัวหอมโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (A. Kolb et al., 1999) การศึกษาทดลองตะแกรงโลหะในการทำแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์เพื่อทำอากาศร้อน (S. Puban, 2007) การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแผ่นดูดรังสีเพื่อทำตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบแผ่นเรียบ (S. Puban et al., 2012) การศึกษาตัวเก็บรังสีอาทิตย์ติดแผ่นครีบเพื่อทำอากาศร้อนในการอบแห้ง (Mohanraj et al., 2008) การศึกษาการออกแบบเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์เพื่ออบแห้งเนื้อมะพร้าวภายใต้สภาพภูมิอากาศของอินเดีย พบว่า ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ มีค่าประมาณ 24% โดยสามารถลดความชื้นประมาณ 51.8% เหลือ 7.8-9.7% wet-basis ภายในเวลา 82 ชั่วโมง (Gülsah et al., 2011) ได้ทำการศึกษาจลนพลศาสตร์การอบแห้งเมล็ดองุ่นในเครื่องอบแห้งแสงอาทิตย์โดยใช้แคลเซียมคลอไรด์เฮกซะไฮเดรตเป็นวัสดุเปลี่ยนเฟส ทำหน้าที่กักเก็บพลังงานความร้อนไว้ขณะที่มีแสงแดด และเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน อุณหภูมิจะลดลง วัสดุเปลี่ยนเฟสจะคายความร้อนให้แก่ระบบ ดังนั้นหลังจากพระอาทิตย์ตกดินกระบวนการอบแห้งก็ยังสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องโดยใช้พลังงานที่เก็บสะสมไว้วัสดุเปลี่ยนเฟส (Teeradeth Yaibok et al., 2010) ได้ทำการศึกษาการอบแห้งปลาด้วยเครื่องอบแห้งพลังงานร่วมแสงอาทิตย์-ไฟฟ้า เพื่อต้องการพัฒนากระบวนการผลิตปลาแห้งอนามัย จากการทดลองอบแห้งปลา 2 ชนิดคือ ปลาช่อนและปลาดุก โดยให้อุณหภูมิในห้องอบแห้ง 40, 50 และ 60 oC พบว่าการอบแห้งปลาช่อนแบบใช้พลังงานร่วมแสงอาทิตย์-ไฟฟ้าที่อุณหภูมิ 60 oC มีประสิทธิภาพในการอบแห้ง 5.54% ใช้ระยะเวลาในการอบแห้ง 6 ชั่วโมง (Samruay Puban et al., 2015) ได้ศึกษาการอบแห้งปลาหมึกกะตอยและเปรียบเทียบการตากแดดกลางแจ้งกับการตากในตู้อบที่มีอากาศร้อนจากตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบแผ่นราบไหลผ่าน พบว่าหลังการตากแดดกลางแจ้งกับการตากในตู้อบที่มีอากาศร้อนจากตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบแผ่นราบ ผลิตภัณฑ์มีความชื้นเหลือ 170% และ 70% มาตรฐานแห้ง มีอัตราการลดความชื้นต่อชั่วโมง 23.4% และ 35.1% มีค่าประสิทธิภาพการอบแห้งเฉลี่ย 31.0%
การเลือกระบบการอบแห้งหรือชนิดของเครื่องอบแห้งให้เหมาะสมกับวัสดุหรือความต้องการในการอบแห้ง เพื่อตอบสนองเงื่อนไขในการผลิตไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขในเชิงกำลังการผลิต ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการอบแห้งรวมทั้งข้อมูลของเครื่องอบแห้งชนิดต่างๆ เพื่อให้การเลือกชนิดเครื่องอบแห้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และจะต้องพิจารณาให้รอบคอบเนื่องจากการอบแห้งด้วยเครื่องอบแห้งเป็นระบบที่มีราคาแพงและอายุการใช้งานยาวนาน การตัดสินใจเลือกชนิดเครื่องอบแห้งหรือระบบการอบแห้งซึ่งที่ผิดพลาดอาจก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งในด้านของเวลา ค่าใช้จ่าย และศักยภาพในการแข่งขัน อย่างไรก็ตามการเลือกใช้เครื่องอบแห้งในระดับวิสาหกิจชุมชนควรเป็นระบบที่ไม่ซับซ้อน สะดวกแก่การใช้งาน ค่าลงทุนในการสร้างเครื่องไม่สูงเกินความสามารถ แต่มีประสิทธิภาพในการอบแห้ง การใช้พลังงาน และได้คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดี
การนำเทคโนโลยีการอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการแก้ปัญหาการตากแห้งผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มเกษตรเช่น การอบแห้งปลา แผ่นยางธรรมชาติ พริก ข้าว รังไหม กล้วย ตะไคร้ ต้นกก เป็นต้น
ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีแนวคิดส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอบแห้งด้วยเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ในการพัฒนาศักยภาพผลผลิตทางการเกษตรเพื่อพัฒนาชุมชนต้นแบบการเกษตรและอาหารตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพและเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนต้นแบบนวัตกรรมเกษตรและอาหาร

วัตถุประสงค์
1. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ได้จากการวิจัยสู่ชุมชนและท้องถิ่น
2. เพื่อยกระดับและพัฒนาสินค้าทางการเกษตร
3. เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อโอกาสในการประกอบอาชีพ
4. เพื่อเพิ่มศักยภาพในกระบวนการผลิตโดยการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ต่อยอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน
5. เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์สาธิตและเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ขยายผลสำหรับหาจุดคุ้มทุนของโครงการ

ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.ด้านวิชาการ นวัตกรรมเครื่องอบแห้งต้นแบบผลผลิตทางการเกษตรภายในชุมชนต้นแบบนวัตกรรมเกษตรและอาหาร
2. ด้านสังคม และชุมชน เกิดชุมชนต้นแบบนวัตกรรมเกษตรและอาหาร ประชาชน เกษตรกร กลุ่มผู้ประกอบการชุมชนเป้าหมาย ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตช่วยยกระดับและพัฒนาสินค้าทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน เกิดเครือข่ายการให้บริการวิชาการองค์ความรู้และกระบวนการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานสถานศึกษา เอกชน และชุมชน โดยการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ต่อยอดต่อยอดภูมิปัญญาพื้นบ้านกับชุมชนเครือข่ายอื่นๆ ให้ความร่วมมือในการพัฒนาชุมชน เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและภูมิภาคตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. ด้านเศรษฐกิจ สามารถเพิ่มรายได้สำหรับการแปรรูปตากแห้งปลา และเพิ่มมูลค่าปริมาณการตากแห้งผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพและเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนต้นแบบนวัตกรรมเกษตรและอาหาร
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 17:19 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมู่บ้านราชมงคลแบบมีส่วนร่วมบ้านดงมัน จังหวัดสุรินทร์ (ปี 2560)คณะเทคโนโลยีการจัดการได้รับอนุมัติให้ดำเนิน โครงการเสริมสร้างความเข็มแข็งของชุมชน โครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสาน โครงการย่อย : โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมู่บ้านราชมงคลแบบมีส่วนร่วมบ้านดงมัน จังหวัดสุรินทร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการบูรณาการระหว่างสถาบันการศึกษาและชุมชนท้องถิ่น พัฒนาศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของหมู่บ้านและศักยภาพบุคลากรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยทางคณะเทคโนโลยีการจัดการได้จัดกิจกรรมร่วมกับชุมชน ตามแผนที่คณะและชุมชนได้ร่วมกันประชุมวางแผนเป้าหมายการพัฒนาหมู่บ้านราชมงคลอีสาน ให้ชุมชนเป็นชุมชนที่เข็มแข็ง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เป้าหมายของโครงการปีที่ 4 คือ การพัฒนาโดยการเชื่อมเครือข่ายการทางานร่วมกับองค์กรภายนอกเพื่อร่วมกันพัฒนาหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านมีอาชีพที่มั่งคงจากแผนพัฒนาของหมู่บ้าน ทั้งนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 มีการจัดกิจกรรมพัฒนาตามแผนหมู่บ้าน เพื่อมุ่งสู่การพึ่งพาตนเอง ดังนี้ 1.กิจกรรมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านบริการวิชาการ 2.กิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นบ้านดงมัน 3. กิจกรรมตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการจัดทาบัญชีต้นทุนการประกอบอาชีพปลูกผักปลอดสารพิษ 4. กิจกรรมการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้บ้านดงมัน “หลักสูตร การจัดระบบการเลี้ยงไก่พื้นเมืองเพื่อความยั่งยืน” และ 5. กิจกรรมการจัดการร้านค้าสินค้าเกษตรชุมชนบ้านดงมันการฝึกอบรมโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสาน ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โครงการย่อย :โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมู่บ้านราชมงคลแบบมีส่วนร่วม บ้านดงมัน หมู่ที่ 8 ตำบลคอโค อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ในแผนการดาเนินงานมีความ พึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ผลการดำเนินโครงการดังกล่าวสาเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์ สมาชิกในชุมชนมีอาชีพที่มั่งคงจากแผนพัฒนาของหมู่บ้าน สามารถนำความรู้ที่ได้ไปส่งเสริมอาชีพ สร้างกลุ่มอาชีพ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในสังคมชุมชนในหมู่บ้านดงมันด้วยบูรณาการวิทยาการทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปวัฒนธรรม สร้างชุมชนแห่งภูมิปัญญาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ครอบครัวเป็นสุข และชุมชนเข้มแข็งพึ่งตนเองได้ ส่งเสริมให้หมู่บ้านมีการพัฒนาแบบยั่งยืนต่อไป
s.wongsuwan เมื่อ 17 ต.ค. 2562 16:49 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปลาด้วยโรงอบแห้งผลิตภัณฑ์แบบหลังคาโค้งพลังงานแสงอาทิตย์ ชุมชนบ้านท่าเรือภูสิงห์ หมู่ 9 ตำบลภูสิงห์ อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ สู่การตลาดออนไลน์ (ปี 2563)ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ผลิตผลทางการเกษตรจำนวนมากต้องแปรรูปด้วยการตากแห้งหรืออบแห้ง โดย วิธีที่เกษตรกรและผู้ประกอบการนิยมใช้กันในอดีตคือ การตากแดดตามธรรมชาติ วิธีดังกล่าวถึงแม้จะทำได้ง่าย และเสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่ผลผลิตที่ตากมักเสียหายจากการเปียกฝน และถูกทำลายด้วยนก หนู หรือแมลง อีกทั้งยังถูกปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกจากสภาพแวดล้อม และเนื่องจากจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นในการผลิตปลาในรูปแบบต่างๆ ถือเป็นความภูมิใจในรากเหง้าแห่งปัญญา ความสามารถและการประยุกต์ใช้ทักษะของคนในท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมของชุมชน ที่มีความเด่นชัดในหลากหลายด้าน อย่างไรก็ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ฝังลึกอยู่ในแต่ละชุมชน ยังขาดการนำองค์ความรู้และแนวคิดในการจัดการสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพ มาช่วยในการบูรณาการทำให้ภูมิปัญญาดังกล่าวส่งผลดีต่อความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นในการยกระดับคุณภาพชีวิต ขับเคลื่อนความมั่นคง และความสุขให้กับคนในชุมชน ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการส่งเสริมเอกลักษณ์จำเพาะถิ่นฐาน ให้เป็นแบบอย่างของภูมิปัญญาท้องถิ่น เกิดกระบวนการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งนำมายังความภูมิใจของชุมชน ด้วย ในการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปลาด้วยโรงอบแห้งผลิตภัณฑ์แบบหลังคาโค้งพลังงานแสงอาทิตย์ ชุมชนบ้านท่าเรือภูสิงห์ หมู่ 9 ตำบลภูสิงห์ อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ สู่การตลาดออนไลน์ ของสถาบันอุดมศึกษากับภูมิปัญญาและทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อสร้างกระบวนการในการเสริมสร้างและพัฒนา ยกระดับขีดความสามารถในการประกอบการของกลุ่มชุมชนที่รวมตัวกันสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการให้มีศักยภาพ มีมูลค่าเพิ่ม สามารถยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดซึ่งเป็นการเสริมความมั่นคงในอาชีพและรายได้ ในขณะเดียวกันนักศึกษาของที่เข้าร่วมโครงการจะเกิดการเรียนรู้ เข้าใจในวิถีชีวิต เอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาไทยและทรัพยากรอันมีค่า และเป็นการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยกับการปฏิบัติงานจริง เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์การทำงานตามองค์ความรู้ของแต่ละศาสตร์ โดยมีชุมชนเป็นฐานในการนำองค์ความรู้ทางวิชาชีพสู่การปฏิบัติ ( Community-based Learning Program : CBL) ผ่านโครงงานที่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของพื้นที่ของชุมชน (Area-based) ส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป
s.wongsuwan เมื่อ 17 ต.ค. 2562 16:23 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปลา ชุมชนบ้านนาเชือกเหนือ หมู่ 2 ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ สู่การตลาดออนไลน์ (ปี 2563)ในวันที่19 พฤษภาคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวใน รายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"ว่าในโอกาสเปิดภาคการศึกษาใหม่ ประจำปี 2560 ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน ที่ได้ทรงมอบพระบรมราโชบายด้านการศึกษาผ่านองคมนตรี ใจความตอนหนึ่งว่า “...ให้แนะนำมหาวิทยาลัยราชภัฏ ให้ทำงานให้เข้าเป้าในการยกระดับการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่นในท้องที่ตน...” แสดงให้เห็นชัดเจนว่าตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรให้กับบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนั้น ทรงสนพระทัยระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาอันเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ โดยทอดพระเนตรเห็นถึงศักยภาพของสถาบันอุดมศึกษาเป็นอย่างดี และทรงเข้าพระทัยอย่างลึกซึ้ง ถึงแก่นแท้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งผลิตครูที่มีคุณภาพ เป็นแหล่งความรู้วิชาการและเป็นปราชญ์แห่งการพัฒนาท้องถิ่น ที่จะสามารถเข้าถึงต้นตอแห่งปัญหา ของพสกนิกรของพระองค์ในแต่ละท้องที่ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนมีความรักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎได้มีการปรับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฎ “ใหม่” ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560 ถึง 2579 ซึ่งได้น้อมนำพระบรมราโชบายดังกล่าว มาเป็นยุทธศาสตร์หลัก มุ่งให้มหาวิทยาลัยราชภัฎ ทั้ง 38 แห่งทั่วประเทศสามารถเป็น “แกนนำ” ในการพัฒนาท้องถิ่น ตลอดจนผลิตและพัฒนาครู และยกระดับคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัย ซึ่งสอดคล้องกับ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 เป็นอย่างดี ที่ผ่านมา พบว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏบางแห่งได้ดำเนินการให้เห็นผลแล้ว และบางแห่งก็กำลังเพิ่งเริ่ม ส่วนบางแห่งที่ยังไม่เคยดำเนินการ ก็ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันสร้างผลสัมฤทธิ์ให้เป็นรูปธรรมสำหรับการพัฒนาท้องถิ่น และการพัฒนาประเทศตามลำดับ (อ้างจาก https://www.posttoday.com/social/edu/495638)
มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษก็ได้น้อมนำพระบรมราโชบายดังกล่าวมาโดยตลอด โดยได้ดำเนินการกับชุมชนหลายชุมชนในจังหวัด โดยมหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษได้ส่งเสริมโรงเรียน และชุมชนในจังหวัด ไม่ว่ากิจกรรมด้านวิชาการ ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ ชุมชนบ้านนาเชือกเหนือ ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นชุมชนหนึ่งที่ศักยภาพ และมีผู้บริหารชุมชนที่มีความสามารถ หากมหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษมีความประสงค์จะพัฒนาชุมชนดังกล่าวให้เป็นชุมชนต้นแบบ และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ชุมชนอื่น นิสิตนักศึกษา และนักเรียนย่อมไม่ยาก ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อ มหาวิทยาลัยแล้ว ยังสามารถน้อมนำพระบรมราโชบายในการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นได้ด้วย หรือจะต่อยอดเป็นแหล่งเรียนรู้ในอนาคตได้ และเป็นการส่งเสริมให้เป็นฐานรากให้ประเทศในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ในอนาคตด้วย
sirinapa.ka2018 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 15:56 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการให้บริการข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คลินิกเทคโนโลยีเครือข่าย (ปี 2562)คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการให้บริการข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คลินิกเทคโนโลยีเครือข่าย คือ
1. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและให้บริการคำปรึกษาและข้อมูลทางเทคโนโลยี
2. เพื่อเป็นตัวกลางและประสานการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีร่วมกันระหว่างเครือข่าย
3. เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานและสนับสนุนงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
nantawan_6726 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 15:35 น.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมาโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสานต้นแบบ เรื่อง การแปรรูปต้นกกให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ (บ้านโคกสี หมู่ 2 ) (ปี 2560)จากการดำเนินหมู่บ้านราชมงคลอีสาน ของกลุ่มแปรรูปต้นกกบ้านโคกสี อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ – ๒๕๕๙ ส่งผลทำให้ได้รับการเป็นหมู่บ้านต้นแบบของหมู่บ้านราชมงคลอีสาน เนื่องจากสามารถพัฒนากลุ่มอาชีพจนสามารถได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน และสามารถจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้สนใจและนักเรียนโรงเรียนโคกสีพิทยาสรรค์ ในวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ เป็นการปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนได้ทราบถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับการทอเสื่อและทำผลิตภัณฑ์ต่างๆจากกก เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการทำให้จัดทำโครงการนี้ขึ้นในปี ๒๕๖๐
ผลการดำเนินโครงการหมู่บ้านราชมงคลอีสาน (หมูบ้านต้นแบบ ) ชื่อโครงการแปรรูปต้นกกให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งได้ดำเนินโครงการ ณ บ้านเลขที่ ๑๔๔ หมู่ที่ ๒ ตำบลโคกสี อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และที่ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ในการดำเนินงานปี ๒๕๖๐ นี้ ทางกลุ่มแปรรูปต้นกก ได้องค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการนำกระดาษจากกกมาทำเป็นดอกไม้จันทน์แบบต่างๆ ทั้งหมด ๗ แบบ โดยทางคณะทำงานได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ ในวันที่ ๕ – ๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ เพื่อทางกลุ่มได้จำหน่ายและร่วมถวายเป็นพระราชกุศลในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ผู้รับผิดชอบโครงการได้ตรวจเยี่ยมทางกลุ่ม เพื่อประชุมทำความเข้าใจในการเตรียมงานที่ต้องนำผลงานหมู่บ้านราชมงคลอีสาน. วิทยาเขตขอนแก่นไปนำเสนอ ในงาน. THAILAND. RESEARCH. EXP.๒๐๑๗. (มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ ๒๕๖๐ ) ระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๐. ที่. Centran world ชั้น ๒๒ ภายในงานได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับกิจกรรมของกลุ่ม จัดจำหน่ายสินค้า รวมทั้งตั้งโต๊ะให้ผู้สนใจร่วมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์จากกระดาษกก เพื่อร่วมร่วมถวายเป็นพระราชกุศลในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร รวมทั้งเตรียมแผนงานในปี ๒๕๖๑ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านต้นแบบ ดังนั้นจึงต้องประชุมกับทางกลุ่มแปรรูปต้นกกบ้านโคกสีให้เข้าใจในบทบาทของการเป็นหมู่บ้านราชมงคลอีสานต้นแบบ
tippawan เมื่อ 17 ต.ค. 2562 14:57 น.
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพรโครงการส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนเชิงสร้างสรรค์ ต่อยอดการสร้างความเข้มแข็งชุมชนหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร (ปี 2563)ในปัจจุบันประเทศไทยต้องได้รับการพัฒนาในหลายมิติทั้งในมิติเศรษฐกิจที่ต้องขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การผลิตของภาคบริการและภาคเกษตรที่ต้องขับเคลื่อนทั้งในมิติทางสังคมด้วยการยกระดับรายได้ของประชาชน พัฒนาคุณภาพการให้บริการ และในมิติสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศไทยในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ 1) ต่อยอดอดีต โดยมองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายนำมาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม 2) “ปรับปัจจุบัน” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต และ 3) “สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต”
ด้วยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพื้นฐานของการต่อยอดอดีตและปรับปัจจุบัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ ให้สามารถสร้างฐานรายได้และการจ้างงานใหม่ ขยายโอกาสทางการค้าควบคู่ไปกับการยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลางและลดความเลื่อมล้ำของคน
ในประเทศได้ในคราวเดียวกัน
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สาขาบริหารธุรกิจร่วมกับ สาขาวิชาการจัดการสำหรับผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ ด้านการตลาดในการปฏิบัติงานจริงกับชุมชน สร้างประโยชน์ให้กับชุมชน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิติที่ดีของคนในชุมชน ตลอดจนสถาบันอุดมศึกษาได้พัฒนาและจัดการเรียนการสอนเชิงบูรณาการร่วมกับชุมชนในการ นำองค์ความรู้และนวัตกรรมไปช่วยแก้ไขปัญหาชุมชน โดยการประยุกต์แนวคิดการเกษตรสร้างมูลค่า สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวของชุมชน ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่ ด้วยการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการเกษตร และผู้ประกอบการชุมชนยุคใหม่ ให้มีทักษะและจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการแข่งขันและมีอัตลักษณ์ชัดเจน ด้วยการเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากต่อเนื่อง พัฒนาผู้ประกอบการโอทอปชุมชนสู่ความเป็นมืออาชีพ เจาะกลุ่มผู้ประกอบการด้านการเกษตรและการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ต่อยอดความแข็งแกร่ง พร้อมจับกระแสสังคมสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเชิงสร้างสรรค์เอาใจตลาด เน้นความแปลกใหม่ มีความร่วมสมัย กระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าโดยเฉพาะผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเร่งดำเนินการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสในการเข้าถึงช่องทางการตลาดทุกระดับอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลักดันให้ผลิตภัณฑ์โอทอปสามารถเข้าถึงการใช้ชีวิตประจำวัน
ของผู้บริโภค เพื่อตอบสนองพฤติกรรมวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ เป็นการกระจายสินค้า/เพิ่มยอดขาย
ให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น และสร้างความรู้จักสินค้ามากขึ้น เน้นการสร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางการค้า
ในรูปแบบคลัสเตอร์รายพื้นที่และกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การประกอบธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการส่งต่อเทคโนโลยีและกลุ่มลูกค้าระหว่างกันเป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้น นอกจากนี้ จะสร้างโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้นโดยการเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการจัดงานแสดงสินค้า (Event Marketing) เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้การเข้าสู่ช่องทางการตลาดทั้งการเจรจาและการออกร้าน ขณะเดียวกัน ได้มีการผลักดันให้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า รวมถึงนำการตลาดดิจิทัล
(Digital Marketing) เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ และการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการตลาดออนไลน์ถือเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ และทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน สอดรับกับกระแสบริโภคนิยมที่คนรุ่นใหม่มักใช้
ช่องทางออนไลน์ในการซื้อสินค้า โดยเฉพาะการทำการประชาสัมพันธ์และการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์
(Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค ไลน์ ฯลฯ ที่สามารถเข้าถึงตัวผู้บริโภคได้ใกล้ชิดมากขึ้น
sirinpa เมื่อ 17 ต.ค. 2562 13:05 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามบูรณาการการจัดการเรียนการสอนกับการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนเครือข่าย จังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2563)ด้วยสำนักศิลปะและวัฒนธรรมได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์และพันธกิจให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ระยะ 20 ปี พ.ศ.2560-2579 (ฉบับปรับปรุง 11 ตุลาคม 2561) โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) การพัฒนาท้องถิ่น 2) การผลิตครูและพัฒนาครู 3) การยกระดับคุณภาพการศึกษา 4) การพัฒนาระบบบริหารจัดการ ซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ระยะที่ 1 พ.ศ.2560-2564 คือ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1) พันธกิจสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ 2) การผลิตครูและพัฒนาครูมืออาชีพ 3) การยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่ความเป็นเลิศ 4) การพัฒนาระบบบริหารจัดการบนพื้นฐานธรรมาภิบาล โดยผลลัพธ์โครงการมีจุดเน้นด้านสังคม ด้านการศึกษา และด้านเศรษฐกิจ ซึ่งในการจัดกิจกรรมต่างๆสำนักศิลปะและวัฒนธรรมได้เปิดโอกาสให้คณาจารย์และนักศึกษาจากสาขาวิชาต่างๆร่วมลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สำรวจสภาพ บริบทพื้นที่ของชุมชน ณ เขตพื้นที่ในจังหวัดเครือข่าย เพื่อทำให้เกิดการบูรณาการกิจกรรมร่วมกันกับการจัดการเรียนการสอนสำหรับพัฒนาทักษะด้านต่างๆในศตวรรษ ที่ 21 โดยมุ่งเน้นรูปแบบการจัดการองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในสถานศึกษาร่วมกับชุมชนเพื่อบริการวิชาการ ซึ่งเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ของนักศึกษามาสู่กระบวนการการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและเพื่อมุ่งให้ชุมชนได้รับการส่งเสริมแนวทางในการพัฒนาตามแนวคิดด้านการยกระดับของผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปสู่รูปแบบของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไปอย่างถูกทิศทาง ส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นก้าวไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ทางภูมิปัญญาที่เป็นประโยชน์ในการสร้างเศรษฐกิจชุมชนแล้ว ยังสามารถเป็นฐานรากในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและประเทศชาติให้ยั่งยืนสืบไป
จากที่ได้กล่าวมาข้องต้น จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และมีกลุ่มอาชีพที่ผลิตผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นมากมายหลายกลุ่มด้วยกัน โดยที่ชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์นั้นสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นของตนด้วยการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับองค์ความรู้สมัยใหม่ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนและเป็นการอนุรักษ์มรดกทางภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ และในปีงบ 2562 ที่ผ่านมา สำนักศิลปะและวัฒนธรรมได้มีการจัดโครงการ/กิจกรรมลงเก็บข้อมูลในเขตพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จากนโยบายที่มุ่งการอนุรักษ์ สืบสาน ฟื้นฟู เผยแพร่ บรูณาการการเรียนการสอนกับงานบริการวิชาการและงานวิจัยด้านศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ทำให้สำนักศิลปะและวัฒนธรรมได้เห็นถึงปัญหา อุปสรรค และโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ในปีงบประมาณ 2563 นี้ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม จึงมีความประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาด้านผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ในชุมชนต่างๆไปสู่การสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวต่อไปได้ ทั้งนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในยุคที่มีการแข่งขันทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจในปัจจุบัน สินค้าหรือผลิตภัณฑ์จะอยู่รอดและได้รับความนิยมอย่างยั่งยืนจะต้องมีความแตกต่างและไม่ซ้ำแบบเดิม ซึ่งแนวคิดในการยกระดับผลิตภัณฑ์เพื่อนำเข้าไปสู้รูปแบบของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จึงเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคการแข่งขันได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ภูมิปัญญาท้องถิ่นถือเป็นหนึ่งใน 7 องค์ประกอบในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้แก่ 1) องค์ความรู้ 2) ความคิดสร้างสรรค์ 3) การใช้ทรัพย์สินทางปัญญา 4)วัฒนธรรม 5) ภูมิปัญญา 6)เทคโนโลยี/นวัตกรรมสมัยใหม่และ7) เครือข่ายวิสาหกิจ แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์จึงสามารถส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา การยกระดับผลิตภัณฑ์และเป็นรากฐานในการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชนและประเทศชาติได้
sarawut5775 เมื่อ 17 ต.ค. 2562 00:38 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโครงการส่งเสริมการแปรรูปมะม่วงพันธุ์มหาชนกเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้ไปสู่รูปแบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษตรในยุค 4.0 (ปี 2563)แบบเสนอโครงการวิจัย (research project)
โครงการส่งเสริมการแปรรูปมะม่วงพันธุ์มหาชนกเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้ไปสู่รูปแบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษตรในยุค 4.0
Development of processing of MAHACHANOK to sustainable in agriculture and preparatory to smart farmer
1.ความสำคัญและที่มาของปัญหาที่ทำการวิจัย
ประเทศไทยมีภูมิประเทศที่เหมาะสมสำหรับการปลูกมะม่วง โดยในปี 2559 มีเนื้อที่ในการปลูกทั้งประเทศจำนวนทั้งสิ้น 614,178 ไร่ และมีการส่งออกมะม่วงสดจำนวน ทั้งสิ้น 64,000 ตัน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2560) มะม่วงจัดเป็นผลไม้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของไทย ตลาดของมะม่วงมีทั้งไทยและต่างประเทศ พันธุ์ที่นิยมปลูกเพื่อส่งออกตลาดต่างประเทศ ได้แก่ พันธุ์น้ำดอกไม้ พันธุ์หนังกลางวัน แรด พันธุ์โชคอนันต์ และพันธุ์มหาชนก มะม่วงพันธุ์มหาชนกเป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่ เกิดจากการผสมระหว่างมะม่วงพันธุ์ซันเซท (sunset) และมะม่วงพันธุ์หนังกลางวัน โดยมีคุณลักษณะเด่นคือสีสันสวยงามผลมีขนาดและรูปทรงดี เมล็ดลีบบาง รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อสุกงอมหวานจัด เนื้อไม่เละ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งทำให้มะม่วงมหาชนกเป็นมะม่วงที่เหมาะสำหรับการส่งออกอย่างยิ่งอีกพันธุ์หนึ่ง โดยมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงทั้งแบบผลสุกและแปรรูป
โดยในปี 2559 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะม่วงมหาชนก 2,744 ไร่ โดยเกษตรกร 290 ราย เพาะปลูกใน 7 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน เพชรบูรณ์ อุดรธานี กาฬสินธุ์ นครสวรรค์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม มีผลผลิตรวม 3,719 ตัน (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2560) จากการศึกษาข้อมูลพบว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปมะม่วงมหาชนก ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นอีกแหล่งผลิตมะม่วงมหาชนกคุณภาพดี ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP) สามารถส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศได้ โดยมีการรวมกลุ่มกันปลูกมะม่วงมหาชนกเพื่อทำการส่งออกทั้งในและต่างประเทศ โดยการคัดเลือกมะม่วงที่มีคุณภาพดี(เกรด A) แต่ปัญหาที่พบ คือ มะม่วงที่ได้มาตรฐานส่งออกมีจำนวนน้อย ถูกตีกลับจำนวนมาก มะม่วงส่วนที่ตกเกรดล้นตลาด แหล่งผลิตยังไม่เป็นที่รู้จักของพ่อค้ารายย่อยในประเทศ เกษตรกรไม่มีความรู้ด้านการแปรรูป จึงส่งผลให้ มีมะม่วงมหาชนกตกเกรด ถูกทิ้งเป็นจำนวนมาก ส่วนมะม่วงที่เหลือ(เกรด B,C,D) จะสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่างอื่นได้ เช่น มะม่วงอบแห้ง มะม่วงกวน แยมมะม่วง เป็นต้น เพื่อจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีกำลังซื้อที่สูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกๆปี (China Tourism Research Institute 2017) โดยผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นอันดับ 1 คือ มะม่วงอบแห้ง เนื่องจากมะม่วงสุกไม่สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลานานเพราะมะม่วงจะเน่าเสียและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว วิธีการที่เหมาะสมในการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการอบแห้งเป็นกระบวนการลดความชื้นของ วัสดุอาหาร ธัญพืช และผลไม้ เพราะนอกจากสามารถ นำมาใช้ในการถนอมวัสดุแล้ว ยังช่วยยืดระยะเวลาในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถนำผลิตภัณฑ์มาจัดจำหน่ายในช่วงที่มีราคาดี แม้ว่าเทคโนโลยีการอบแห้งไม่ซับซ้อน แต่การวางแผนการดำเนินการอบแห้งภายใต้สภาวะที่เหมาะสม เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องศึกษา เนื่องจากผักและผลไม้แต่ละชนิดมีปริมาณความหวาน ปริมาณน้ำแตกต่างกัน ซึ่งรวมไปถึงการพิจารณาเลือกใช้พลังงานที่ใช้ในการอบแห้ง (สมชาติ โสภณรณฤทธิ์, 2540) กรรมวิธีส่วนใหญ่ที่ ปฏิบัติกันทั่วไป ซึ่งมักประสบปัญหาหลักๆ 2 ประการ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง ผลิตภัณฑ์จะมีการปนเปื้อน จากฝุ่นละออง สิ่งสกปรก เนื่องจากกรรมวิธีการตากลานตลอดจน สถานที่สำหรับใช้ในการตากแห้ง ซึ่งอาจเกิดการรบกวนจากสัตว์ และแมลง ประการต่อมา คือ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ตากแห้งที่ ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากระยะเวลาในการตากแห้งอาจไม่แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยของแสงอาทิตย์และการไหลของกระแสอากาศในแต่ละวัน แต่ละพื้นที่ (สมชาติ โสภณรณฤทธิ์, 2540) ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีการการอบแห้งได้มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น จึงได้ มีการเลือกใช้แหล่งพลังงานที่เหมาะสม มาใช้ในกระบวนการอบแห้ง เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกรในการเลือกใช้ และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการกระบวนการผลิต โดยยังคงรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ได้นาน (สมชาติ โสภณรณฤทธิ์, 2540)
ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงมุ่งหวังที่จะพัฒนากระบวนการแปรรูปมะม่วงมหาชนกที่ตกเกรดด้วยวิธีการอบแห้งแบบลมร้อน ซึ่งเป็นการผลิตด้วยกรรมวิธีการทำให้ความชื้นออกจากมะม่วง (Dehydation) ซึ่งเป็นการอบแห้งแบบที่ยังคงรสชาติความอร่อย มีสีเหลืองสวยงาม ไม่ไหม้หรือแห้งซีดและไม่แตกหักงอของเนื้อผลไม้ไว้ เนื่องจากวิธีการอบแห้งนั้น สะอาดและเหมาะสมกับการอบแห้งผลไม้ มีการใช้งานง่าย กลุ่มเกษตรกรสามารถไช้งานได้และที่สำคัญมีราคาไม่แพงจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรและเพิ่มมูลค่าของมะม่วงพันธุ์มหาชนกตกเกรด โดยใช้ชุมชนเป็นฐานในการนำองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และบูรณาการ การเรียนการสอนตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาเป็นนักวิจัยระดับท้องถิ่นร่วมกับคณะผู้วิจัยได้
2. วัตถุประสงค์ของโครงการวิจัย
2.1 เพื่อออกแบบและสร้างโรงอบแห้งแบบพาราโบลาโดมด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
2.2 เพื่อส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะม่วงมหาชนกและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน
2.3 เพื่อเป็นการบูรณาการ การเรียนการสอน และถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกับชุมชน

3. ขอบเขตของโครงการวิจัย
3.1 สถานที่ในการวิจัยและบันทึกผล ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปมะม่วงมหาชนก บ้านหนองสามขา ตำบลหนองหิน อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์

3.2 โรงอบแห้งแบบพาราโบลาโดมควบคุมความชื้นและอุณหภูมิผ่านระบบ application สั่งผ่าน smartphone (IOT) โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ภายในโรงอบแห้ง
3.3 ดำเนินการสร้างศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรที่สนใจในจังหวัดใกล้เคียงและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในด้านการปลูกและแปรรูปมะม่วงมหาชนก (Center of Excellence)
3.4 นักศึกษาจากคณะครุศาสตร์ สาขาวิชาอุตสาหกรรมศิลป์ และ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม


4. ทฤษฎี สมมุติฐาน และกรอบแนวคิดของโครงการวิจัย
4.1 การอบแห้งโดยการตากแดด
เป็นวิธีโบราณที่ยังคงใช้กันอยู่ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์แห้งโดยใช้พลังงานความร้อนจากแสงแดด จึงเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด แต่เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการแปรปรวนของสภาพอากาศและยากต่อ การควบคุมให้มีความสะอาดถูกสุขลักษณะ ผักผลไม้หลายชนิดสามารถใช้วิธีการตากแดดได้ เช่น แอพพริคอต พีช แพร์ กล้วย องุ่น ฯลฯ วิธีการคือนำผลไม้ที่ผ่านกระบวนการเตรียมวัตถุดิบใส่ถาด ตากแดดจนแห้ง แต่ต้องมีการกลับเป็นระยะๆ เพื่อให้แห้งอย่างสม่ำเสมอ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3-4 วัน ขึ้นกับชนิดของผลไม้ ขนาดชิ้น และอุณหภูมิ ข้อเสียของวิธีการนี้ที่เห็นได้ชัดเจนคือ เป็นการอบแห้งอย่างช้าๆ ไม่สามารถทำให้ความชื้นลดลงเกินกว่า 15-20 % จึงมีอายุการเก็บรักษาสั้น ผลไม้ที่ผ่านการตากแดดควร ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์เพื่อทำลายไข่แมลง โดยการแผ่ผลไม้แห้งในถาดให้มีความหนาของชั้นอาหารไม่เกิน 1 นิ้ว นำเข้าตู้อบที่อุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที หรือ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา15นาทีรอให้เย็นและบรรจุทันทีหรือแช่เยือกแข็งเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
4.2 ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์
มีลักษณะเป็นเรือนกระจก (Greenhouse) ซึ่งหลังคาทำจากวัสดุใสเป็นแผ่นโพลีคาร์บอเนตชนิดเคลือบสารป้องกันแสงยูวีปิดบนหลังคาโครงโลหะที่ตั้งอยู่บนพื้นซีเมนต์ ซึ่งการใช้แผ่นโพลีคาร์บอเนตในการทำหลังคาทำให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านได้ดี แต่รังสีความร้อนแผ่จากภายในโรงอบแห้งจะผ่านออกมาได้น้อย จึงทำให้เกิดผลเรือนกระจก (Greenhouse effect) ความร้อนส่วนใหญ่จึงถูกกักกับอยู่ภายในโรงอบแห้ง นอกจากนี้แผ่นโพลีคาร์บอเนตยังเป็นฉนวนความร้อนที่ดี น้ำหนักเบา ดัดโค้งได้ง่ายมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี โรงอบแห้งแบบนี้จึงมีชื่อเรียกว่า ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบเรือนกระจก (Greenhouse Solar dryer) หรือที่เรียกกันว่า “พาราโบลาโดม” และเพื่อระบายความร้อนหรือน้ำที่ระเหยออกมาจากผลิตภัณฑ์ที่ต้องการอบแห้งในระบบจึงมีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศและมีช่องอากาศเข้าเพื่อให้อากาศไหลเข้ามาทดแทนอากาศที่ถูกดูดออก โดยใช้พัดลมกระแสตรง และมีแผงโซลาร์เซลล์เพื่อให้กำลังไฟฟ้ากับพัดลม












รูปที่ 1 แบบร่างโรงอบแห้งพาราโบลาโดม

4.3 แนวทางการประยุกต์ใช้ Internet of Things (IOT) กับ Smart Agriculture 4.0
ปัจจุบันได้เริ่มมีการนำเกษตรกรรมบทบาทมากขึ้นในด้านการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งสอคคล้องกับนโยบายของรัฐบาล Thailand 4.0 เน้นเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม Value-Based Economy โดยทำให้เห็นความสำคัญการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน Thailand 4.0 ซึ่งเรื่องที่เป็นจุดเน้นมากที่สุดคือ กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ (สำนักวิชาการ, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. 2559) เกษตรกรไทยยุค THAILAND 4.0 จุดเริ่มต้นหรือที่มาส่วนหนึ่งของ Smart Farmer คือ การไม่ทำร้ายธรรมชาติ ใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็น ทำแล้วต้องสบายขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย เช่น การมีพื้นที่เล็ก ๆ แต่สามารถออกแบบให้ปลูกแบบผสมผสานและเกื้อกูลกันได้ ต้องใช้เทคโนโลยีเป็น ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะคนที่จะเป็น Smart Farmer ต้องเชื่อมโลกได้เอง Smart Farmer ต้องเข้าใจตั้งแต่กระบวนการผลิต การบริหารจัดการ เข้าใจธรรมชาติ และเข้าใจเทคโนโลยี (สุมิท แช่มประสิทธิ์, 2559) จึงเกิดแนวคิดการประยุกต์ใช้ Internet of Things ช่วยในการจัดการปลูกพืชในครัวเรือน ในพื้นที่ที่มีจำกัดให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด ได้เชื่อมโยงไปถึง Smart Farmer กล่าวคือตัวเกษตรกรต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ในด้านเกษตรกรรมและเทคโนโลยี สามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ สามารถแก้ไขปัญหาได้ มีความคิด รู้จักการวางแผนงาน และเป็นคนที่รู้จักใช้เทคโนโลยีเพื่อลดปัญหาเรื่องของแรงงาน
Internet of Things (IOT) เป็นเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน หมายถึง เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยเครื่องมือต่างๆ จะสามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งในอนาคตของผู้บริโภคทั่วไปจะเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถควบคุมสิ่งของต่างๆ ทั้งจากในบ้าน และสำนักงานหรือจากที่ไหนก็ได้ เช่น การควบคุมอุณหภูมิภาย การเปิดปิดไฟ ไปจนถึงการสั่งให้เครื่องรดน้ำต้นไม้ หรือแปลงเกษตร













รูปที่ 2 การควบคุมระบบ IOT smart farm

5. การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ (information) ที่เกี่ยวข้อง
ธีรเดช ใหญ่บก และคณะ (2553) รายงานว่าการอบแห้งปลาด้วยเครื่องอบแห้งพลังงานร่วมแสงอาทิตย์-ไฟฟ้าเพื่อต้องการพัฒนากระบวนการผลิตปลาแห้งอนามัยภายใต้สภาพภูมิอากาศทางภาคใต้ของประเทศไทยโดยออกแบบเครื่องอบแห้ง ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์พลังงานหลักและพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสริม ประกอบด้วยตู้อบชนิดโปร่งแสงแผงรับรังสีอาทิตย์มีขนาด 4.08 ขดลวดไฟฟ้าสำหรับทำความร้อนขนาด 800 จำนวน 2 ชุด มีความจุของปลาที่ใช้อบ ได้ 50 กิโลกรัม จากการทดลองอบแห้งปลา 2 ชนิด คือ ปลาช่อนและปลาดุก โดยให้อุณหภูมิในห้องอบแห้ง 40, 50 และ 60 องศา พบว่าการอบแห้งปลาช่อนแบบใช้พลังงานร่วมแสงอาทิตย์-ไฟฟ้าที่อุณหภูมิ 60 องศา มีความสิ้นเปลืองพลังงานจำเพาะ ในการอบแห้งน้อยสุดเท่ากับ 42.57 และมีประสิทธิภาพในการอบแห้ง 5.54% ใช้ระยะเวลาใน การอบแห้ง 6 ชั่วโมง ส่วนการอบแห้งปลาดุกด้วยพลังงานความร้อนร่วมแสงอาทิตย์-ไฟฟ้าที่อุณหภูมิ 50 องศา มีการ สิ้นเปลืองพลังงานจำเพาะในการอบแห้งน้อยที่สุดคือเท่ากับ 80.02 และมีประสิทธิภาพในการ อบแห้ง 2.98% และใช้ระยะเวลาการอบแห้ง 8 ชั่วโมง
อุดร จิตจักร (2561) รายงานว่าพื้นที่เหมาะสมปลูกมะม่วงมหาชนก โดยใช้โปรแกรมระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร์ บริเวณพื้นที่ศึกษาได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ ข้อมูล ที่ใช้ มี 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ปัจจัยภูมิอากาศ ได้แก่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี 2. ปัจจัยคุณสมบัติทางเคมีของดิน ได้แก่ ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปรแทสเซี่ยม 3.ปัจจัยคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของดิน ได้แก่ ความพรุน ความสามารถในการดูด ซับน้ำ ความหยาบละเอียด และ 4.ปัจจัยลักษณะภูมิประเทศ ได้แก่ ความสูง ความลาดชันที่ ด้วยเทคนิคการซ้อนทับข้อมูล แบบ Intersection ผลการศึกษาแสดงว่าพื้นที่ความเหมาะสมจำแนกออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ พื้นที่เหมาะสมมากมีเนื้อที่ 10,214,777 ไร่ (ร้อยละ 65.86) เหมาะสมปานกลางมีเนื้อที่ 3,512,030 ไร่ (ร้อยละ 22.64) และ เหมาะสมน้อยมีเนื้อที่ 786,985 ไร่ (ร้อยละ 5.07) และพื้นที่ไม่เหมาะสมมีเนื้อที่ 3,869,423 ไร่ (ร้อยละ 6.43)
วิลาวัลย์ คำปวน (2557) รายงานว่าผลิตภัณฑ์การแปรรูปมะม่วงในปัจจุบันมีมากมายหลายชนิด ได้แก่ มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงกวน มะม่วงแผ่น แยมมะม่วง มะม่วงอบแห้ง มะม่วงแช่แข็ง น้ำมะม่วง เป็นต้น ผลิตภัณฑ์แปรรูปมะม่วงดังกล่าวยังมีรูปลักษณ์ และบรรจุภัณฑ์ไม่ทันสมัย ไม่ถูกกับรสนิยมของคนรุ่นใหม่ ดังนั้น จึงมีแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปมะม่วงที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ สามารถบริโภคกันอย่างแพร่หลายทั่วไป และเก็บรักษาได้นานเช่น แยมมะม่วง มะม่วงอบแห้ง น้ำมะม่วง มะม่วงเคลือบช็อคโกแล็ต โดยต้องมีการอบรมกระบวนการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ด้วยการหาสายพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด และหารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังต้องออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย เหมาะแก่การเป็นของฝาก ของขวัญ ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้ โดยที่เทศบาลตำบลวังผางมีศูนย์เรียนรู้ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนมีอุปกรณ์ และสถานที่ สำหรับอบรม และพัฒนากระบวนการผลิตได้
ทัตดาว ภาษีผล และคณะ (2561) รายงานว่างานวิจัยนี้ศึกษาผลของการเติมผักที่เป็นแหล่งเบต้า-แคโรทีนต่อคุณภาพของมะม่วงมหาชนกแผ่นอบแห้งโดยนำผักแต่ละชนิดที่คัดเลือกไว้ คือ แครอท ฟักทอง ข้าวโพด และมันเทศสีเหลือง มาบดและผสมเข้ากับเนื้อมะม่วงในอัตราส่วน 50:50 จากนั้นเติมน้ำตาล (16.32% w/w) เพคติน (1.63% w/w) และกรดซิตริค (0.41% w/w) ลงไปในเนื้อมะม่วงผสมผัก (81.63%) ให้ความร้อนจนมีของแข็งที่ละลายน้ำได้ 60 องศาบริกซ์ (p>0.05) และอบแห้งที่ 65 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 210 นาที ผลการศึกษา พบว่า มะม่วงแผ่นทั้งหมดมีค่ากิจกรรมน้ำอิสระ 0.50-0.55 ปริมาณความชื้น 18.65-19.65% และค่าพีเอช 3.58-4.11 สีของมะม่วงแผ่นผสมแครอทมีสีแดงกว่าชุดควบคุม ในขณะที่ตัวอย่างที่ผสมฟักทองมีสีใกล้เคียงกับชุดควบคุม ลักษณะเนื้อสัมผัสของมะม่วงแผ่นผสมฟักทองยังมีความคล้ายคลึงกับชุดควบคุม (ค่าแรงเฉือน 28.90 นิวตัน และค่าความเหนียว 22.58 g ผลการทดสอบความชอบด้วยวิธี 9-point hedonic scale พบว่า คะแนนด้านสี กลิ่น เนื้อสัมผัสและรสชาติของมะม่วงแผ่นผสมฟักทองมีความใกล้เคียงกับชุดควบคุม (p>0.05) มากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ผสมผักชนิดอื่นๆ
เสริม จันทร์ฉาย (2559) รายงานว่าผู้ผลิตกล้วยตากในชุมชนดังกล่าวผลิตกล้วยตากโดยใช้การตากแดดตามธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้เสียหายและได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำ ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ผู้เขียนได้เผยแพร่เทคโนโลยีการอบแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่ชุมชน พร้อมทั้งได้เผยแพร่เทคโนโลยีอาหารสมัยใหม่เพื่อปรับปรุงความสะอาดของกระบวนการผลิตกล้วยตาก รวมถึงการทำบรรจุภัณฑ์ของกล้วยตากให้ทันสมัย การพัฒนานี้มีผลทำให้เกิดการยกระดับมาตรฐานของกล้วยตากจากชุมชนให้สามารถขายได้ในตลาดระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มรายได้ของผู้ผลิตกล้วยตากในชุมชน
โกวิท ย่างสกุลกิจ และคณะ (2554) รายงานว่าความสำคัญของเครื่องอบแห้งพริกพลังงานแสงอาทิตย์แบบพาราโบลา และทฤษฏีเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องอบแห้งพริกพลังงานแสงอาทิตย์แบบพาราโบลา โดยใช้ทฤษฏีที่เกี่ยวกับพริกการอบแห้ง พัดลม ตัวรวมแสงพาราโบลาการคำนวณหาอัตราการสูญเสียภายในท่อการตรวจวัดค่าสีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าได้เครื่องอบแห้งพริกพลังงานแสงอาทิตย์แบบพาราโบลา จำนวน 1เครื่อง โดยมีแผงรับแสงอาทิตย์ที่ได้ทำมุม 15 องศาหันไปทางทิศใต้และทิศเหนือ ตัวแผงพาราโบล่าทำจากแผ่นเหล็กอาบสังกะสีที่มีขนาดรัศมีความกว้างและความยาวเท่ากับ 425 x 1111x 2100มิลลิเมตรและได้ใช้พัดลมขนาด 1/4แรงม้าเป็นตัวบังคับค่าอัตราการไหลเท่ากับ 0.016 ลูกบาศก์เมตรต่อนาทีเพื่อส่งอากาศร้อนไปยังตู้อบแห้งมีขนาดของตู้้เท่ากับ 1460 x 1466 x 1364 มิลลิเมตรและท่อดูดกลืนความร้อนที่ใช้เป็นท่อเหล็ก ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนยก์ลาง 80 x 2100 มิลลิเมตรผลการทดสอบพบว่า การทำให้แห้งด้วยเครื่องอบแห้งพริกพลังงานแสงอาทิตย์แบบพาราโบลา ในช่วงเวลาระหว่าง 9.00 น. ถึง 15.00 น. มีค่าตัวแปรทางประสิทธิภาพ ของการทำงานคิดเป็น 12.4 เปอร์เซ็นต์การทำงานและสามารถลดค่าความชื้นได้เร็วกว่า การตากแห้งด้วยวิธีดั้งเดิมเป็นเวลา 3 ชั่วโมง

6. ศักยภาพทางการตลาดของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะพัฒนา
6.1 ขนาดและแนวโน้มของตลาด/โอกาสทางการตลาด
ปัจจุบันนี้มะม่วงมหาชนกราคาเหลือแค่กิโลกรัมละ 6 บาท ขณะที่มะม่วงแก่สุกคาต้นที่ผิวมีตำหนิ ไม่สวย ถ้านำไปขายก็จะได้แค่กิโลกรัมละ 1-2 บาท ทำให้ไม่คุ้มทุน ดังนั้นแนวคิดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดมะม่วงที่แก่สุกคาต้นและมีตำหนิดังกล่าวมาปอกเปลือกและฝานเป็นชิ้นนำไปทำเป็นมะม่วงอบแห้ง มะม่วง 10 กิโลกรัม สามารถทำเป็นมะม่วงอบแห้งได้ 1.5 กิโลกรัม แต่สามารถขายในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 300 บาท
นอกจากนี้ หากนำมะม่วงอบแห้งนำไปบรรจุใส่ซองที่มีรูปแบบสวยงามปริมาณ 50 กรัม ขายถุงละ 35 บาท ส่วนการบรรจุกระป๋องสุญญากาศปริมาณ 200 กรัม ขายกระป๋องละ 95 บาท เป็นของกินของฝากที่ทำให้ผลผลิตเพิ่มมูลค่าจะสามารถทำเป็นอุตสาหกรรมครอบครัว แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาวิกฤตราคาผลผลิตมะม่วงมหาชนกที่ตกต่ำ เปลี่ยนจากวิกฤตเป็นโอกาสและเป็นการต่อยอดจากภูมิปัญญาและองค์ความรู้ใส่เข้าไป ก็ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และการนำไปแปรรูป ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้และยังสามารถเก็บผลผลิตได้นานอีกด้วย ส่วนการทำตลาดสามารถขายผ่านช่องทางออนไลน์ หรือออกบูธต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนได้
6.2 ความสามารถในการแข่งขัน (คู่แข่ง/ต้นทุน)
ในตลาดอาเซียนทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(๒๕๕๗) ได้มีการวิเคราะห์ว่าสินค้ามะม่วงเป็น NEW WAVE เนื่องจากมะม่วงมีคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งแบบผลดิบและสุก แบ่งได้หลายเกรด หลายชั้นคุณภาพ ตามความต้องการของลูกค้า มีผลผลิตตลอดทั้งปี มีการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม มีระบบจัดการเพื่อการส่งออก เช่น การอบแห้งผลไม้เพื่อกำจัดไข่แมลงวัน (VHT) ที่ทันสมัย
การวิเคราะห์ SWOT
1.จุดแข็ง (Strengths)
-ชาวสวนมะม่วงมีความรู้ความสามารถที่จะผลิตมะม่วงคุณภาพตามความต้องการมากขึ้น รู้จักการวางแผนการผลิตล่วงหน้าว่าควรเก็บเกี่ยวช่วงไหนจึงจะราคาดี แต่คนกลุ่มนี้มีจำนวนน้อย ดังนั้นการเข้าไปสนับสนุนส่งเสริมให้ชาวสวนผู้ผลิตมะม่วงกลุ่มใหม่ที่มีความพร้อมในด้านพื้นที่ และมีใจพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีการจัดการมะม่วงคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
-สภาพภูมิประเทศของไทย มีส่วนช่วยสนับสนุนในการกระจายผลผลิต เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของการกระจายผลผลิตมะม่วงได้เกือบตลอดปี
และในปัจจุบันได้มีงานวิจัยของ ผศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้วิจัยมะม่วงมหาชนก ที่สามารถต้านโรคมะเร็งได้และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด ซึ่งจะสามารถทำให้ผู้บริโภคหันมาทานมะม่วงมหาชนกทั้งแบบแปรรูปไม่แปรรูป ในอดีตตลาดยังไม่กว้างมากราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 15-25 บาทตลาดรองรับขายผลมะม่วงสด ส่งโรงงานแปรรูปน้ำผลไม้ทางภาคเหนือของไทย และส่งออกเป็นผลไม้ไปยังตลาดในประเทศญี่ปุ่นผลผลิตมะม่วงมหาชนที่ปลูกเฉลี่ยได้ปีละ 2 ตัน

7. วิธีการดำเนินการวิจัย
กิจกรรมและวิธีดำเนินงาน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
ส่วนที่ 1 การสำรวจข้อมูลเบื้องต้น
7.1 ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อสำรวจ ศึกษา การปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนก ในกลุ่มเกษตรกร ตำบลหนองหิน อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมถึงปัญหาอุปสรรคและความต้องการในการพัฒนา
7.2 นำข้อมูล ปัญหาและอุปสรรค และความต้องการจากชุมชนมาวิเคราะห์ และวางแผนการวิจัยเพื่อพัฒนาและแก้ปัญหา
7.3 นำข้อมูลที่ได้มาหารือทำความเข้าใจกับเกษตรกรผู้ร่วมโครงการ ถึงปัญหา อุปสรรค และสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข
7.4 ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยกระบวนการวิจัยเชิงทดลองอย่างง่าย สำรวจพื้นที่และปัญหาของเกษตรกรผู้ร่วมโครงการ โดยให้เกษตรกรเป็นผู้ดำเนินการวิจัย/ทดลองตามข้อเสนอแนะของคณะผู้ดำเนินโครงการ
7.5 ดำเนินการอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านแปรรูปมะม่วงมหาชนก ตามความต้องการและความจำเป็นที่ต้องได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้จากการปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนก
7.6 การจัดการอบรมแต่ละครั้งเป็นการอบรมเชิงทฤษฏีและปฏิบัติการในพื้นที่จริงของเกษตรกรโดยมีวิทยากรซึ่งมีความเชี่ยวชาญในหัวข้อเรื่องที่เกี่ยวข้องจากสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
ส่วนที่ 2 การนำผลผลิตมาแปรรูปโดยการใช้วิธีการอบแห้ง
7.7 อบรมและฝึกการปฏิบัติในการแปรรูปมะม่วงมหาชนก โดยวิธีการอบแห้ง
7.8 การตรวจสอบผลิตผลในเรื่องของความสะอาด มาตรฐาน อย. GMP
7.9 การเตรียมความพร้อมสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปมะม่วงมหาชนก อบเเห้งเพื่อการส่งออกทั้งในและต่างประเทศ (OTOP)
7.10 ติดตามผลสัมฤทธิ์หลังการดำเนินการวิจัย โดยการจัดประชุมเพื่อระดมความคิดเห็น เปลี่ยนเรียนรู้ และประเมินจากผลผลิตและรายได้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งถอดบทเรียน
(2.5) รายงานฉบับสมบูรณ์
ส่วนที่ 3 ดำเนินการสร้างศูนย์ความเป็นเลิศและศูนย์เรียนรู้ (Center of Excellence)
เพื่อเป็นสถานที่ในการ ศึกษาการปลูกและแปรรูปมะม่วงมหาชนก พร้อมทั้งจัดตั้งเป็นจุดศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

8. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ทางเศรษฐกิจ ได้ผลิตภัณฑ์แปรรูปผลมะม่วงมหาชนกเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน ทำให้สมาชิกในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีการมีการสร้างงานเกิดขึ้น โดยคาดว่าสมาชิกจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 50,000 ต่อคนต่อปี (ระยะเวลาทำงาน 4-5 เดือน นอกจากนี้ยังเป็นการลดการสูญเสียของผลิตผลมะม่วงมหาชนกที่มีผลผลิตมากเกินความต้องการของตลาด และผล มะม่วงที่มีตำหนิได้ ราคาผลมะม่วงสดมีเสถียรภาพ ไม่เกิดสภาพล้นตลาด ราคาตกต่ำทำให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้ เพิ่มขึ้น
2. ทางสังคม การแปรรูปจะช่วยลดปริมาณผลมะม่วงที่ออกสู่ตลาด ทำให้ลดปัญหาการแข่งขันในการจำหน่ายผลิตผลของเกษตรกรในชุมชน และเกิดความร่วมมือกันของสมาชิกภายในชุมชน ที่ร่วมกันแปรรูปผลิตผล มีการสร้างงานในชุมชน ทำให้มีการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
3. ด้านวิชาการ คือการพัฒนาฐานความรู้ในเรื่องของการแปรรูปมะม่วงมหาชนกที่เหมาะสม และเป็นการบูรณาการ การเรียนการสอน และถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกับชุมชน โดยการนำนักศึกษาร่วมดำเนินกิจกรรมตลอดโครงการ
4. ด้านสิ่งแวดล้อม หลังจากเกษตรกรมีโรงอบแห้งแบบพาราโบลาโดมแล้วจะลดปัญหาการเน่าเสียและการปนเปื้อนจากฝุ่นละอองสิ่งสกปรกของมะม่วงมหาชนกและเป็นการแก้ปัญหาการตากลาน ตลอดจนสถานที่สำหรับใช้ในการตากแห้งซึ่งอาจเกิดการรบกวนจากสัตว์และแมลงตากแดดและส่งผลให้เกิดผลดีด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป
การนำไปใช้ประโยชน์ในด้าน
ด้านเศรษฐกิจ/พาณิชย์/อุตสาหกรรม
ผลสำเร็จของโครงการนี้จะประกอบไปด้วย
1. ผลสำเร็จเบื้องต้น (P) ซึ่งวัดได้จากการได้องค์ความรู้ในเรื่องของการแปรรูปมะม่วงมหาชนกที่เหมาะสม
2. ผลสำเร็จกึ่งกลาง (I) ซึ่งวัดได้จากการได้แปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะม่วงมหาชนกและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน
3. ผลสำเร็จตามเป้าประสงค์ (G) วัดได้จากการนำผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากมะม่วงมหาชนกไปเผยแพร่และแนะนำให้เกษตรกรผู้สนใจ อันจะนำไปสู่การพัฒนาด้านผลผลิตและต่อยอดทางทางเศรษฐกิจต่อไป
9. ผู้ที่นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์
ผู้ใช้
การใช้ประโยชน์

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปมะม่วงพันธุ์มหาชนก เขตพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นำเอาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มาใช้เพื่อพัฒนาอาชีพให้ประสบความสำเร็จ โดยการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพและเป็นการเพิ่มมูลค่าของมะม่วงพันธุ์มหาชนก โดยสอดคล้องกับโครงการวิจัยและนโยบายรวมถึงยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ


เนื่องจากกลุ่มเกษตรกร ตำบลหนองหิน อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นกลุ่มเกษตรกรรายใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงจำเป็นต้องทำการวิจัยและสร้างศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence) ด้านการปลูกและแปรรูปมะม่วงพันธุ์มหาชนก เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรที่สนใจในจังหวัดใกล้เคียงและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
10.รายละเอียดชุมชน
10.1 ข้อมูลพื้นฐาน / ข้อมูลศักยภาพ / ทรัพยากร
ตำบลหนองหิน อยู่ในเขตการปกครองของอำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพื้นที่ทั้งหมด 21,560 ไร่ แบ่งการปกครอง ออกเป็น 8 หมู่บ้าน อยู่ในเขตเทศบาล จำนวน 4 หมู่บ้าน และนอกเขตเทศบาล 4 หมู่บ้าน มีเกษตรที่ทำการปลูกมะม่วงมหาชนก โดยมีพื้นที่ปลูก 876 ไร่ มีเกษตรกร 135 ราย ผลผลิตเฉลี่ย 1,800 กิโลกรัม ต่อไร่
10.2 ข้อมูลประเด็นปัญหา / ข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
มะม่วงมหาชนกที่ตกเกรด ส่วนหนึ่งจะถูกนำมาแปรรูปเป็นมะม่วงตากแห้ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้วิธีการแบบดั้งเดิมคือ การตากลาน ส่งผลให้มีการปนเปื้อนจากฝุ่นละออง สิ่งสกปรกซึ่งอาจเกิดการรบกวนจากสัตว์ และแมลง ประการต่อมา คือ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ตากแห้งที่ ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากระยะเวลาในการตากแห้งอาจไม่แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยของแสงอาทิตย์และการไหลของกระแสอากาศในแต่ละวัน ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีการการอบแห้งแบบพาราโบลาโดม ได้มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นและจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

11. งบประมาณ 500,000 บาท
Theeraratlee444 เมื่อ 16 ต.ค. 2562 06:35 น.
เล่าขานตำนานเมืองฟ้าแดด..สู่เมืองกมลากาฬสินธุ์ด้วยยุวมัคคุเทศน์ท้องถิ่น (ปี 2563)วัตถุประสงค์ ๑.เพื่อรวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงประวัติ ความเป็นมา ความเชื่อมโยงในอดีตสู่ปัจจุบันตามบริบท นำข้อมูลมาบอกเล่าเรื่องราวส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและสังคม
๒.เพื่อจัดประชุมเสวนานักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ร่วมกับชาวบ้าน
๓. เพื่อจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็ก เยาวชน บุคคลทั่วไปให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะในการเล่าเรื่องราวเป็นมัคคุเทศน์ท้องถิ่นบ้านเสมาพระธาตุยาคูและการท่องเที่ยวเมืองกาฬสินธุ์
เป้าหมายเชิงปริมาณ
๑.รวบรวมข้อมูลประวัติ ความเป็นมา เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ความศักดิ์สิทธุิ์ พระธาตุยาคู ตำนวนเมืองฟ้าแดด การเชื่อมโยงในอดึต สภาพปัจจุบันตามบริบท แหล่งท่องเที่ยวของชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์
๒.จัดเสวนานักวิชาการด้านประวัติท้องถิ่นและชาวบ้านในชุมชนเพื่อเล่าเรื่องราวที่ตน ประสบพบมา และบันทึกเป็นเรื่องเล่า จากการเสวนาได้ หนังสือ ๑ เล่ม จัดประชุมเสวนา จำนวน ๕๐ คน
๓. จัดอบรมมัคคุเทศน์ในท้องถิ่นบ้านเสมา บ้านข้าวหลาม ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จำนวน ผู้เข้าอบรม ๕๐ คน มีหลักสูตรยุวมัคคุเทศน์ของชุมชนบ้านเสมาพระธาตุยาคู ๑ หลักสูตร
เป้าหมายเชิงคุณภาพ
๑.เด็ก เยาวชน บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุของชุมชนบ้านเสมา บ้านข้าวหลาม ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ มีความรู้ความเข้าใจในประวัติความเป็นมา เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ความศักดิ์สิทธิ์พระธาตุยาคู ตำนานเมืองฟ้าแดด การเชื่อมโยงในอดีต สภาพปัจจุบันตามบริบท แหล่งท่องเที่ยวของชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์
๒. เด็ก เยาวชน บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุ ของจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะในการสื่อสารเพื่อการเป็นมัคคุเทศก์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์
สถานที่ดำเนินงาน วัดบ้านเสมา บริเวณพระธาตุยาคู ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย
ระยะเวลาดำเนินการ
ธันวาคม ๒๕๖๒ - พฤษภาคม ๒๕๖๓
กิจกรรมที่ ๑ รวบรวมข้อมูลประวัติ ความเป็นมา เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ความศักดิ์สิทธุิ์ พระธาตุยาคู ตำนวนเมืองฟ้าแดด การเชื่อมโยงในอดึต สภาพปัจจุบันตามบริบท แหล่งท่องเที่ยวของชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้เวลา ๑ เดือน
กิจกรรมที่ ๒ จัดประชุมเสวนา ใช้เวลา ๒ วัน ๑ คืน ใช่เวลาสรุปรายงาน ๑๕ วัน
กิจกรรมที่ ๓ ร่างหลักสูตรมัคคุเทศน์ชุมชน ใช้เวลา ๑ เดือน
กิจกรรมที่ ๔ จัดอบรมมัคคุเทศน์ จำนวน ๓ วัน ๒ คืน ใช้เวลาสรุปรายงาน ๗ วัน
งาน/กิจกรรมที่ดำเนินการ
ที่ งาน/กิจกรรม ระยะเวลา งบประมาณ ผู้รับผิดชอบ
๑ รวบรวม เรียบเรียงประวัติศาสตร์ ตำนาน สังคมและวัฒนธรรม ภูมิปัญญาของชุมชน ๑ เดือน ๒๐,๐๐๐ บาท มูลนิธิทางอีศาน โดยนายปรีดา ข้าวบ่อ นายทองแถม นาจจำนง
๒. จัดประชุมเสวนานักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ตำนาน เรื่องเล่าร่วมกับชุมชน ๒วัน ๑ คืน ๑๑๕.๐๐๐ บาท อ.ดร.ธีรารัตน์ ลีลาเลิศสุระกุล วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์
๓ ร่างหลักสูตรมัคคุเทศน์ชุมชน ๑ เดือน ๑๕,๐๐๐บาท อ.ดร.สุชานาถ สิงห์หาปัด มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
๔ จัดอบรมมัคคุเทศน์ชุมชน ๓วัน ๒ คืน ๑๔๖.๕๐๐ บาท อ.ดร.ธีรารัตน์ ลีลาเลิศสุระกุล วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์
รวม ๒๙๖,๕๐๐บาท
งบประมาณ/รายละเอียดค่าใช้จ่าย
กิจกรรมที่ ๑ ค่าจ้างเหมาในการรวบรวม เรียบเรียงประวัติศาสตร์ ตำนาน สังคมและวัฒนธรรม ภูมิปัญญาของชุมชนและความเชื่อมโยงอดีตและปัจจุบัน จำนวน ๒๐,๐๐๐บาท
กิจกรรมที่ ๒ จัดประชุมเสวนานักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ตำนาน เรื่องเล่าร่วมกับชุมชน ๒วัน ๑ คืน ๑๑๕.๐๐๐ บาท
เชิญนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ๕ คน เชิญนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์นอกจังหวัดกาฬสินธุ์ ๕ คน ผู้รู้ในชุมชน๑๐ คนประชาชนทั่วไปในชุมชน ๓๐ คน
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก และยานพาหนะ จำนวน ๕๐ คนๆละ ๑,๕๐๐บาท เป็นเงิน ๗๕,๐๐๐ บาท
ค่าสถานที่จัดประชุมน้ำไฟเครื่องเสียง และอุปกรณ์ ๕,๐๐๐บาท
ค่าอาหารกลางวัน ๒ วันจำนวน ๕๐ คนๆละ ๘๐บาท ๘,๐๐๐บาท
ค่าอาหารว่าง จำนวน ๔ มื้อๆละ๒๕ บาท ๕,๐๐๐บาท
ค่าตอบแทนนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ๑๐ คนๆละ๒.๐๐๐บาท ๒๐,๐๐๐บาท
ค่าใช้สอยอื่น ๗,๐๐๐บาท
๑๑๕.๐๐๐ บาท หมายเหตุ ถัวจ่ายทุกรายการ
กิจกรรมที่ ๓ จ้างเหมาในการร่างหลักสูตรมัคคุเทศน์ชุมชน จำนวน ๑๕,๐๐๐บาท
กิจกรรมที่ ๔ จัดอบรมมัคคุเทศน์ชุมชน จำนวน ๓ วัน ๒ คืน ผู้เข้าอบรม เด็ก เยาวชน ผู้ที่สนใจ จำนวน ๕๐ คน
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พักและยานพาหนะ จำนวน จำนวน ๕๐ คนๆละ ๒,๐๐๐บาท เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
ค่าสถานที่จัดประชุมน้ำไฟเครื่องเสียง และอุปกรณ์ เป็นเงิน ๕,๐๐๐บาท
ค่าอาหารกลางวัน ๓ วันจำนวน ๕๐ คนๆละ ๘๐บาท เป็นเงิน ๑๒,๐๐๐บาท
ค่าอาหารว่าง จำนวน ๖ มื้อๆละ๒๕ บาท เป็นเงิน ๗,๕๐๐บาท
ค่าตอบแทนวิทยากรจำนวน ๕ คนๆละ๓๐๐๐บาท เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐บาท
ค่าใช้สอยอื่น เป็นเงิน ๗,๐๐๐บาท
๑๔๖.๕๐๐ บาท หมายเหตุ ถัวจ่ายทุกรายการ

รวม ๒๙๖,๕๐๐บาท
ผลผลิต ที่เกิดจากโครงการ
๑.ได้หนังสือที่เป็นประวัติศาสตร์ ตำนานเรื่องเล่า ภูมิปัญญา สภาพสังคมและวัฒนธรรม ความเชื่อมโยง แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๑ เล่ม
๒.มีเครือข่ายนักประวัติศาสตร์ชุมชน
๓.ได้หลักสูตรมัคคุเทศน์ชุมชน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
๔. มีมัคคุเทศน์ชุมชน ที่ผ่านการอบรม จำนวน ๕๐ คน
ผลลัพท์ ที่เกิดจากโครงการ
๑.คนในชุมชนมีข้อมูลประวัติศาสตร์ ตำนานเรื่องเล่าภูมิปัญญา สภาพสังคมและวัฒนธรรม ความเชื่อมโยง แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดกาฬสินธุ์ สินค้าโอท๊อป ที่จะบอกเล่าเรื่องราวแก่คนที่มาเที่ยวในชุมชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ส่งผลให้คนในชุมชนมีความภาคภูมิใจ ยิ่งขึ้น มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ชุมชนเพิ่มขึ้น
๒.คนในชุมชนจะมีความมั่นใจ ภาคภูมิใจ ในชุมชนส่งผลต่อการมีแนวคิดที่จะพัฒนาต่อยอด การทำสิ่งต่างๆเพื่อชุมชน
s.wongsuwan เมื่อ 15 ต.ค. 2562 22:22 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษการอนุรักษ์และการสร้างมูลค่าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ชุมชนบ้านโคก หมู่ 6 ตำบลเนินยาง อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ สู่ตลาดออนไลน์ (ปี 2563)การพัฒนาท้องถิ่นในประเทศประเทศไทย จำเป็นต้องมีการส่งเสริม สนับสนุนให้ชุมชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะทางด้านวัตถุ ทางด้านสังคม ทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านการดำรงชีวิตที่มั่นคง รวมถึงการส่งเสริมทางด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ต่างก็เป็นประเด็นที่มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนทั้งสิ้น การตื่นตัวในพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนมีมานานหลังจากที่แพร่ขยายในประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นการยืนยันถึงความสำคัญและความจำเป็นของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน อันจะนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุงหรือวางแผนนโยบายของการพัฒนาชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน การพัฒนาคุณภาพชีวิตจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งในส่วนบุคคล ครอบครัว จึงต้องมีแนวคิดเจตคติที่ดี รู้จักการบริหารตนเอง การเอื้ออาทรต่อบุคคลอื่น มีอาชีพและรายได้ที่พอเพียงต่อการดำรงชีวิต มีคุณธรรม ศีลธรรม จึงพยายามอย่างเต็มที่ในการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น เพื่อช่วยให้สมาชิกทุกคนในสังคมกินดีอยู่ดี มีความสุขสมบูรณ์ กระบวนการพัฒนาท้องถิ่นที่จะเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนได้เกิดกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เกิดความรัก ความผูกพันธ์ ความสามัคคีขึ้นมาในกลุ่ม ทั้งยังทำให้ชุมชนมีการนำสินค้ามาบริการจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนกัน เกิดทุนหมุนเวียนในชุมชน ซึ่งชุมชนก็จะได้รับประโยชน์แก่อย่างทั่วถึง สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าได้ เป็นการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของชุมชนในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากภูมิปัญญาของกลุ่มอาชีพต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพความเข้มแข็งมั่นคงต่อไป ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำเนินชีวิต แม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจทั้งในรับประเทศ หรือระดับโลกก็ตาม

จากการศึกษาข้อมูลของชุมชนบ้านโคก หมู่ที่6 ตำบลเนินยาง อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า ชุมชน บ้านโคก หมู่ที่ 6 ตำบลเนินยาง อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดำเนินการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ ปลูกผัก มีการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาอาชีพ หลากหลายกลุ่ม โดยคนในหมู่บ้านมีการร่วมกันเป็นสมาชิกกลุ่มกองทุนต่างๆ ได้แก่ กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มอาชีพแม่บ้าน กลุ่มเกษตรกร และได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบลคำม่วง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้บ้านโคก ยังมีกิจกรรมที่ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมปัญญาท้องถิ่น เช่น หมอธรรม หมอพื้นบ้าน งานจักรสาน ดนตรีพื้นบ้าน ฯลฯ ทั้งนี้ชุมชนหมู่บ้านโคก ยังมีครัวเรือนที่ดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันและยังได้ให้เป็นจุดแลกเปลี่ยนรู้ให้กับชุมชนซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของคนในหมู่บ้านที่จะมีการเรียนรู้ร่วมกัน ทางคณะทำงานโครงการจึงได้พิจารณาคัดเลือกชุมชนดังกล่าวที่จะสามารถพัฒนาได้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการอาสาประชารัฐ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีระบบการบริหารจัดการที่ดีตลอดจนการประชาสัมพันธ์ และการสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงได้ทำการศึกษาเข้าไปสำรวจชุมชน เก็บข้อมูลชุมชนถึงโอกาสและความเป็นไปได้ ที่จะจัดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการอนุรักษ์และสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาชุมชนควบคู่ไปด้วยกัน เป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้นำนักศึกษาเข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมโครงการในครั้งนี้ ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาออกไปสู่ตลาดแรงงาน ปลูกฝังให้มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาได้หลายภาษา และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และร่วมพัฒนาชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ คณาจารย์ต่างสาขาวิชา ตลอดจนนักศึกษาอย่างน้อย 3 สาขาวิชา 3 คณะ เพื่อให้คลอบคลุมสอดคล้องกับภูมิปัญญาของชุมชนที่มีความหลากหลาย แตกต่าง แต่ไม่แตกแยก เริ่มจากการศึกษาภูมิปัญญา นำองค์ความรู้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาชุมชนมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมการช่องทางการตลาดออนไลน์ให้แก่ชุมชน การบริหารจัดการ การจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย การจัดทำงบประมาณ การจัดสรรกำไรและผลประโยชน์ รวมไปถึงการปลูกจิตสำนึกในอนุรักษ์ภูมิปัญญาที่ดีงามให้คงอยู่กับชุมชนอย่างยั่งยืนตลอดไป
Theeraratlee444 เมื่อ 15 ต.ค. 2562 21:29 น.
พัฒนาศักยภาพชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ (ปี 2559)วัตถุประสงค์ของโครงการ ๑. เพื่อนำภูมิปัญญาทางศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดกาฬสินธุ์มาพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน ๒. เพื่อนำศิลปะดนตรีและการแสดงพื้นบ้านอีสานมาพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน ๓.เพื่อถ่ายทอดศิลปะดนตรีและการแสดงพื้นบ้านอีสานให้แก่เด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป และผู้สูงวัย กิจกรรมในโครงการ ประกอบด้วย การเรียนดนตรีและการแสดงพื้นบ้านอีสาน หลักสูตร ๕๐ ชั่วโมง เป้าหมายเชิงปริมาณ จัดกิจกรรมจำนวน ๘ ชุมชน มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน ชุมชนละ ๑๐๐ คน รวม ๘๐๐ คน วิทยากรด้านดนตรีและการแสดงพื้นบ้านอีสานจากวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ ครั้งละ ๑๕ คน เป้าหมายเชิงคุณภาพ เด็ก เยาวชน บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุของจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความรู้ความเข้าใจ และมีทักษะปฏิบัติทางด้านดนตรีและการแสดงพื้นบ้านอีสานที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ผลที่คาดว่าจะได้รับ เด็ก เยาวชน บุคคลทั่วไป ผู้สูงอายุของจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะปฏิบัติทางด้านดนตรีและการแสดงพื้นบ้านที่ส่งเสริมศักยภาพของชุมชนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์
drnanny8080 เมื่อ 15 ต.ค. 2562 19:05 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษโครงงานอาสาประชารัฐ: กิจกรรมเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและรายได้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น (ปี 2563)2.หลักการและเหตุผล
ภูมิปัญญาท้องถิ่นถือเป็นความภูมิใจในรากเหง้าแห่งปัญญา ความสามารถและการประยุกต์ใช้ทักษะของคนในท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยให้สมดุลกับสภาพแวดล้อมของชุมชน ที่มีความเด่นชัดในหลากหลายด้าน อย่างไรก็ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ฝังลึกอยู่ในแต่ละชุมชน ยังขาดการนำองค์ความรู้และแนวคิดในการจัดการสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพ มาช่วยในการบูรณาการทำให้ภูมิปัญญาดังกล่าวส่งผลดีต่อความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นในการยกระดับคุณภาพชีวิต ขับเคลื่อนความมั่นคง และความสุขให้กับคนในชุมชน ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการส่งเสริมเอกลักษณ์จำเพาะถิ่นฐาน ให้เป็นแบบอย่างของภูมิปัญญาท้องถิ่น เกิดกระบวนการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งนำมายังความภูมิใจของชุมชน ด้วย ในการจัดกิจกรรมด้านการเสริมสร้างและพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยมีการบูรณาการภูมิปัญญาและวิทยาการสมัยใหม่ของสถาบันอุดมศึกษากับภูมิปัญญาและทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อสร้างกระบวนการในการเสริมสร้างและพัฒนา ยกระดับขีดความสามารถในการประกอบการของกลุ่มชุมชนที่รวมตัวกันสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการให้มีศักยภาพ มีมูลค่าเพิ่ม สามารถยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดซึ่งเป็นการเสริมความมั่นคงในอาชีพและรายได้ การมีวินัยทางการเงินและศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นให้มีความมั่นคง เกิดผลที่ยั่งยืนในขณะเดียวกันนักศึกษาของที่เข้าร่วมโครงการจะเกิดการเรียนรู้ เข้าใจในวิถีชีวิต เอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาไทยและทรัพยากรอันมีค่า และเป็นการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยกับการปฏิบัติงานจริง เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์การทำงานตามองค์ความรู้ของแต่ละศาสตร์ โดยมีชุมชนเป็นฐานในการนำองค์ความรู้ทางวิชาชีพสู่การปฏิบัติ ( Community-based Learning Program : CBL) ผ่านโครงงานที่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของพื้นที่ของชุมชน (Area-based) ส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป
3. ประเด็นปัญหาหลักหรือความต้องการของชุมชนในด้านปัญหาคุณภาพชีวิต
มาตรฐานการดำรงชีวิตอันเหมาะสมของประชากรในสังคมคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยทำให้มนุษย์มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพในการทำงานเพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ดังสถานการณ์คุณภาพชีวิตของประชากรไทยในปัจจุบัน ซึ่ง 1 ใน 6 ประเด็นเร่งด่วน คือ ด้านการประกอบอาชีพ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หลัง พ.ศ. 2539 สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่ม เปลี่ยนแปลงไป เริ่มจากปัญหาด้านการเงินขาดสภาพคล่องของสถาบันการเงินต่าง ๆ อันมีผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังระดับชาติ ประชากรได้รับผลกระทบ จากนโยบายการปรับค่าเงินบาท การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศและการส่งออกเริ่มมีปัญหา โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนเงินตรา กิจการต่าง ๆ ต้องปรับตัวและหลาย กิจการต้องล้มเลิกไป อัตราการว่างงานสูงขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ประชาชนยากจนลง สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาประชากรของประเทศไทย คือ การเพิ่มขึ้นของประชากร อย่างรวดเร็ว และการเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจและ เทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นผลให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายมากขึ้น ตัวเมืองอุตสาหกรรมขยายเพิ่มขึ้น ผู้คนต้องเร่งรีบแข่งขัน ฯลฯ
กระบวนการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ และเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ประชาชนได้เกิดกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย มีการพึ่งพาอาศัยกันและกัน เกิดความสามัคคีขึ้นในหมู่คณะ และชุมชนยังสามารถนำสินค้ามาจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนกันจะเป็นทุนหมุนเวียนในชุมชน ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกันอันจะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาในระดับเศรษฐกิจรากหญ้า ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถกลุ่มอาชีพต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพความเข้มแข็งต่อชุมชน สามารถพึ่งตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ตลอดจนให้คนจนไม่มีอาชีพ ให้มีรายได้เสริม อันจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาชนให้อยู่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป
จากการศึกษาประเด็นปัญหาหลักและความต้องการของชุมชนบ้านคำคา ตำบลโนนศิลา อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า ชุมชนบ้านคำคา ตำบลโนนศิลา อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์แทบทุกหลังคาเรือนนั้นมีการน้อมนำแนว “ปรัชญาเศรษฐกกิจพอเพียง” มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของครัวเรือนและชุมชนเป็นรูปธรรมนั้น แต่ยังขาดการรวมกลุ่มในการพัฒนาอาชีพสร้างรายได้ให้กับชุมชน ขาดความต่อเนื่องและขาดองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ทางคณะทำงานโครงการจึงได้พิจารณาคัดเลือกชุมชนดังกล่าวที่จะสามารถพัฒนาได้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการอาสาประชารัฐ ซึ่งเป็นชุมชนหนึ่งที่สมาชิกชุมชนมีความเข้มแข็ง แต่ยังขาดระบบการบริหารจัดการตลอดจนการประชาสัมพันธ์ และการตลาดดิจิทัล จึงได้ทำการเข้าสำรวจชุมชน เก็บข้อมูล พร้อมนำข้อมูลของชุมชนร่วมกับการศึกษาถึงโอกาสและความเป็นไปได้ของการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านการประกอบอาชีพซึ่งสามารถสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนได้ และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้นำความรู้ที่ได้ศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจริงก่อนออกไปสู่ตลาดแรงงาน โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการหมู่บ้าน ในรูปแบบต่าง ๆ โดยได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ คณาจารย์ต่างสาขาวิชา ตลอดจนนักศึกษาอย่างน้อย 3 สาขาวิชาด้วยกัน เริ่มตั้งแต่การนำองค์ความรู้ด้านการผลิต การตลาด การบริหารจัดการ การจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย การจัดการสินค้าและวัตถุดิบ การจัดทำงบประมาณ การคิดต้นทุนผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยว การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการจัดสรรกำไรและผลประโยชน์ รวมไปถึงการลดต้นทุนเพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
Vongchavalitkul เมื่อ 15 ต.ค. 2562 10:52 น.
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลสร้างศักยภาพชุมชนสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืน (ปี 2561)มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 43(1) และ (13) แห่งพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 กำหนดให้คณะวิชาและหน่วยงานต่าง ๆ จัดทำแผนและกิจกรรมบริการวิชาการแก่สังคมอย่างเป็นระบบ โดยมีการบูรณาการในพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย งานด้านการจัดการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ในรูปแบบต่างๆ ตามความเชี่ยวชาญของแต่ละคณะวิชา การให้บริการทางวิชาการอาจให้เปล่าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรืออาจคิดค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสม โดยให้บริการทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หน่วยงานอิสระ หน่วยงานสาธารณะ ชุมชน และสังคมโดยกว้าง รูปแบบการให้บริการทางวิชาการมีความหลากหลาย การให้บริการทางวิชาการนอกจากเป็นการทำประโยชน์ให้สังคมแล้ว สถาบันยังได้รับประโยชน์ในด้านต่างๆ คือ เพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ของอาจารย์อันจะนำมาสู่การพัฒนาหลักสูตร มีการบูรณาการเพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านต่างๆ การนำไปสู่ประโยชน์สูงสุดจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีกระบวนการบริการทางวิชาการให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ได้แก่ การสำรวจความต้องการของชุมชน มีความร่วมมือด้านบริการวิชาการเพื่อการเรียนรู้และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน มีการประเมินประโยชน์หรือผลกระทบของการให้บริการทางวิชาการต่อสังคม มีการนำผลการประเมินไปพัฒนาระบบและกลไก หรือกิจกรรมการให้บริการทางวิชาการ มีการพัฒนาความรู้ที่ได้จากการให้บริการทางวิชาการและถ่ายทอดความรู้สู่บุคลากรภายในสถาบันและเผยแพร่สู่สาธารณชน สำนักวิจัยและบริการวิชาการจึงจัดทำโครงการ บริการวิชาการสร้างศักยภาพชุมชนสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืน ประจำปีการศึกษา 2561 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายชุมชน อันจะนำไปสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
s.wongsuwan เมื่อ 15 ต.ค. 2562 08:13 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกบ ปลา และเห็ด ของชุมชนบ้านสะพานหิน ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์สู่ตลาดออนไลน์ (ปี 2563)1.ความเป็นมา
ชุมชนบ้านสะพานหิน จัดตั้งเมื่อปี 2512 โดยชาวบ้านอพยพมาจากบ้านทุ่งมน หมู่ที่ 7 ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อความสะดวกในการประกอบอาชีพ จึงย้ายมาตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้หัวไร่ปลายนา ซึ่งมีผู้ก่อสร้างคือ นายเคน อรรถประจง นายนิคม โพธิ์รัตน์โส, นายซ้อน วรสาร, นายคำมน แสนราช, นายคำ ตาสาโรจน์, นายสุ อรรถป ระจง, นายเส็ง โพธิ์รัตน์โส, นายเพ็ง ใจเมตตา ได้เลือกทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำและบริเวณบ้านมีหินที่มีลักษณะเป็นแผ่นแบนยาวตลอดแนวคล้ายขัว (สะพาน) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า? ขัวหิน? จึงตั้งชื่อบ้านตามลักษณะของหินว่า ? บ้านสะพานหิน? โดยได้เลือกนายเคน อรรถประจง เป็นผู้ใหญ่บ้าน มีจำนวนครัวเรือน 32 ครัวเรือน ต่อมาอำเภอคำม่วง ได้แบ่งเขตการปกครองเพิ่มอีก 1 ตำบล คือตำบลนาบอน บ้านสะพานหินจึงแยกมาอยู่ในเขตการปกครองของตำบลนาบอน ปัจจุบันบ้านสะพานหินมีครัวเรือน 115 ครัวเรือน มีนายถวัลย์ สาระวัน เป็นผู้ใหญ่บ้านจำนวนครัวเรือนรวมทั้งสิ้น ๑๒๐ ครัวเรือน จานวนประชากรรวมทั้งสิ้น ๔๔๙ คน แยกเป็น ชาย ๒๔๓ คน หญิง ๒๐๖ คน การประกอบอาชีพ และการมีรายได้ อาชีพหลัก คือ ทำนา อาชีพรอง คือ ทำไร่ ทำสวน (อ้อย ยูคาลิปตัส และยางพารา) อาชีพเสริม ได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ (เลี้ยงปลา-กบในบ่อซีเมนต์และบ่อพลาสติก) การทอผ้า การแปรรูปกะลามะพร้าว งานหัตถกรรมประดิษฐ์ และการปลูกพืชผักสวนครัว เป็นต้น
ประชากรมีรายได้เฉลี่ย ๔๗,๔๖๔.๑๔ บาทต่อคนต่อปี
บ้านสะพานหินนับถือศาสนาพุทธ มีวัตประจำหมู่บ้าน คือ วัดเทพรังสีศิลาราม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยถือปฎิบัติตามเพณีสิบสองเดือน (ฮีตสิบสอง ครองสิบสี่) อย่างเคร่งครัด มีการดารงชีวิตแบบระบบเครือญาติ มีความสมัครสมานสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูล แบ่งปัน เอื้ออาทรต่อกัน ถือว่าเป็นทุนทางสังคมที่ได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น บ้านสะพานหินเป็นหมู่บ้านที่ดารงชีวิตโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพื้นฐาน และมีการใช้ภูมิปัญญาของชุมชนในดารงไว้ซึ่งประเพณีและวิถีถิ่น มีการจัดเก็บและบันทึกภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้ที่หอศิลป์ในโรงเรียนสะพานหิน เพื่อให้เด็กเยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ และมีปราชญ์ชาวบ้าน ด้านต่างๆ เช่น
๑. พระสมพร กิตติสาโร วัดเทรังสีศิลาราม เป็นปราชญ์ด้านการปั้นมังกรจากขี้เลื้อย
๒. นายบุญเพ็ง ผ่านโพธิ์คา บ้านเลขที่ ๓ เป็นปราชญ์ด้านหมอยาพื้นบ้าน (ยาสมุนไพร)
๓. นางเพลินจิตร สาระวัน บ้านเลขที่ ๗๕ เป็นปราชญ์ด้านการแปรรูปอาหาร /ขนม
๔. นางวิเศษ เทศารินทร์ บ้านเลขที่ ๑๘ เป็นปราชญ์ด้านทอผ้าลายน้าไหล
๕. นายประวัติ องคะศาสตร์ บ้านเลขที่ ๕๑ เป็นปราชญ์ด้านงานจักสาน
๖. นายสมาน องคะศาสตร์ บ้านเลขที่ ๓๓ เป็นปราชญ์ด้านการทาโซฟา โต๊ะ ตู้
๗.นายถวัลย์ สาระวัน บ้านเลขที่ ๗๕ เป็นปราชญ์ด้านช่างไม้
๘.นางฉลวย โสภีพันธ์ บ้านเลขที่ ๑๑๓ เป็นปราชญ์ด้านการพืชสมุนไพร
๙. นางอำนวย คิสาลัง บ้านเลขที่ ๙๘ เป็นปราชญ์ด้านการเพาะพันธุ์กบ
ชุมขนบ้านสะพานหิน เป็นหมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง มีศูนย์เรียนรู้และฐานการเรียนรู้ภายในหมู่บ้าน ๖ ฐานการเรียนรู้ และมีครัวเรือนรับรองสาหรับรองรับคณะผู้มาศึกษาดูงานและเรียนรู้กิจกรรมด้านเศรษฐกิจพอเพียง จานวน ๓๐ ครัวเรือน โดยในช่วงปีงบประมาณ ๒๕๕๓ – ๒๕๕๔ มีคณะศึกษาดูงานมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพักค้างในหมู่บ้านกว่า ๖๐ คณะ
๑. ฐานบุคคลต้นแบบ นางฉลวย โสภีพันธุ์ (พี่แอ็ด) บุคคลต้นแบบที่นาวิถีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจาวันแบบเต็มตัว เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและครอบครัวที่เข้มแข็ง มีกิจกรรมเรียนรู้ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น การปลูกพืชผักสวนครัวบริเวณบ้านเพื่อลดรายจ่าย การเพาะพันธุ์พืชสมุนไพรและใช้บาบัดโรคประจาตัว การทาบ่อก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์เพื่อลดค่าใช้จ่าย การใช้จักรยานปั่นน้าแทนการใช้ไฟฟ้า การเผาถ่านด้วยเตาอิวาเต๊ะ และน้าส้มควันไม้ การเลี้ยงกบ ฯลฯ และอีกหลากหลายกิจกรรม ซึ่งทั้งหมดพาให้ครอบครัวก้าวข้ามเส้นความยากจนมาแล้ว
๒. ฐานเรียนรู้การเลี้ยงกบ-ปลา มีจุดเรียนรู้หลายจุด แต่ที่เด่นที่สุด คือ บ่อเลี้ยงกบ-ปลา ของนางอานวย คิสาลัง บุคคลต้นแบบอีกคนที่เลือกลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ด้วยการเลี้ยงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์กบ เพื่อเพาะลูกกบไว้จาหน่าย โดยเลี้ยงไว้ตลอดทั้งปี ช่วงกบเว้นการว่างไข่ ก็จะนาปลาดุกมาเพาะเลี้ยงเสริม ซึ่งถือว่าใช้บ่อเลี้ยงได้คุ้มมาก
๓. ฐานบ่อก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ ในบ้านสะพานหินมีบ่อก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ จานวน ๓ จุด คือ บ้านนางฉลวย โสภีพันธุ์ ครัวเรือนต้นแบบ บ่อก๊าซโรงเรียนบ้านสะพานหิน ได้จัดทำไว้สาหรับประกอบอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน และฐานเรียนรู้ของ นายราตรี นาราช (พ่อนาย)
๔. ฐานเรียนรู้การอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น (หอศิลป์) เป็นแหล่งรวบรวมอุปกรณ์เครื่องใช้ และเครื่องมือการเกษตรสมัยเก่า โดยชาวบ้านร่วมกับโรงเรียนสะพานหิน ได้ร่วมกันเก็บรวบรวมมาจัดแสดงไว้ที่โรงเรียนเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน และผู้สนใจ
๕. ฐานเรียนรู้การประหยัดพลังงาน เป็นฐานการเรียนรู้เพื่อการประหยัดพลังงาน และใช้เศษวัตถุที่ไม่มีประโยชน์นามาเพิ่มมูลค่า นอกจากจะประหยัด ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้แล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น การผลิตถ่านอัดแท่ง การใช้ขี้เลื้อยเป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม โดยมีวิทยากรตัวน้อยบรรยายสรุปอย่างน่าฟัง นอกจากนี้ยังมีฐานพลังงานทางเลือก คือ กังหันลม และแผงโซล่าเซลล์
๖. ฐานแปลงผักรวมและการจัดการน้า เป็นฐานที่มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร (หนองสาธารณะ) ที่มีอยู่ในหมู่บ้านชุมชนให้เกิดประโยชน์ โดยการจัดสรรที่ดินให้ทุกครอบครัวได้มีการจับจองเพื่อปลูกผักสวนครัวในบริเวณรอบหนองสาธารณะ เพื่อบริโภคในครัวเรือน และใช้ประโยชน์ร่วมกันของคนในหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีการบริหารจัดการน้ำ โดยจัดทาท่อส่งน้าจากหนองน้ามาพักในท่อบริเวณแปลงผัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้าน
จุดเด่นของชุมขนบ้านสะพานหินเป็นหมู่บ้านต้นแบบในการดารงวิถีชีวิตแบบพอเพียง มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีนักจัดการความรู้ชุมชน และวิทยากรชุมชน ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ มีระบบการบริหารจัดการหมู่บ้านที่เข้มแข็ง ด้วยการกระจายอานาจลงสู่ระดับคุ้ม กระบวนการจัดทาแผนชุมชน ความเข้มแข็งของภาคประชาชน มีต้นทุนทางสังคมสูงในด้านความสามัคคี การบริหารจัดการทุนในชุมชนเพื่อการพัฒนาชุมชน ได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็นเป็นสุข” จังหวัดกาฬสินธุ์ ปี ๒๕๕๐ เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ กรมการพัฒนาชุมชน ปี ๒๕๕๒ หมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือด ระดับภาค ของกระทรวงสาธารณสุข ประจาปี ๒๕๕๔ จุดด้อยของหมู่บ้าน (ข้อมูล จปฐ. ปี ๕๔) ไม่มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน กลุ่มอาชีพไม่ได้ดำเนินกิจกรรมของกลุ่มต่อเนื่อง และไม่มีผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน ถ้าหากได้รับการสนับสนุนและพัฒนาด้านการผลิตสินค้า OTOP จะสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนได้

2. ขั้นดำเนินการ
2.1 ทำความเข้าใจกับชุมชนบ้านสะพานหิน และศึกษาบริบทชุมชน ตลอดจนวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของชุมชนบ้านสะพานหิน
1-31 มกราคม 2563
(จำนวน 1 วัน)
2.2 อบรมเชิงปฏิบัติการการน้อมนำศาสตร์พระชาสู่การปฏิบัติจริง และร่วมกิจกรรมกับบุคลากรและคณะทำงานสังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ 1-31 มกราคม 2563
(จำนวน 3 วัน)
2.3 อบรมเชิงปฏิบัติการการทำผลิตภัณฑ์จากปลา เช่น ปลาส้ม ปลาทอดกระเทียม ฯลฯ 15-31 มกราคม 2563
(จำนวน 2 วัน)
2.4 อบรมเชิงปฏิบัติการการทำผลิตภัณฑ์จากกบ เช่น ป่นกบ กบทอดกระเทียม ฯลฯ 1-15 กุมภาพันธ์ 2563
(จำนวน 2 วัน)
2.5 อบรมเชิงปฏิบัติการการทำผลิตภัณฑ์จากเห็ด เช่น ป่นเห็ด ฯลฯ 15-28 กุมภาพันธ์ 2563
(จำนวน 2 วัน)
2.6 อบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างโรงเรือนเห็ดด้วยดิน 1-15
มีนาคม 2563
(จำนวน 3 วัน)
2.7 อบรมเชิงปฏิบัติการการบรรจุหีบห่อ และแนวทางการตลาดในโลกออนไลน์ 15-31 มีนาคม 2563
(จำนวน 2 วัน)
2.8 อบรมเชิงปฏิบัติการการวางแนวทางการตลาดในโลกออนไลน์ 1-30 เมษายน 2563
(จำนวน 3 วัน)
chommanat2511 เมื่อ 11 ต.ค. 2562 17:12 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโครงการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจชุมชนโดยจัดการการขยะเชิงพานิชย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ปี 2563)องค์การบริหารส่วนตำบลยางตลาด มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินโครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยแบบรีไซเคิลในเขตพื้นที่ตำบลยางตลาด ประจำปี ๒๕62 เพื่อแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้าน สถานศึกษา สถานที่ราชการ เป็นต้น การดำเนินงานเพื่อจัดการขยะมูลฝอยที่ผ่านมา ถึงแม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะสามารถให้บริการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยได้มากขึ้น แต่ปัญหาขยะยังมียังคงมีปริมาณที่ไม่ลดลง รวมถึงยังมีปัญหาเกี่ยวกำจัดขยะมูลฝอย ที่มีสถานที่ทิ้งขยะอยู่ในระยะทางที่ไกลมากส่งผลให้เกิดปัญหาในการเก็บขยะไม่ทัน เกิดปัญหาขยะล้นหมู่บ้านทำให้การทิ้งขยะไม่ถูกสุขลักษณะอยู่มาก ถึงแม้จะมีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อถังขยะและรถขยะเพื่อให้บริการประชาชน แต่ยังมีหลายหมู่บ้านที่ยังไม่มีการควบคุมปริมาณการเพิ่มของขยะได้ และยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่มีระบบการควบคุมปริมาณขยะได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถกำจัดขยะมูลฝอยได้ถูกสุขลักษณะ ทั้งนี้เนื่องจากการการดำเนินการกำจัดขยะที่ผ่านมามักไม่ได้คำนึงถึงการเตรียมพร้อมที่จะดำเนินงาน การดูแลรักษาระบบอย่างต่อเนื่องทำให้มีข้อจำกัดทางด้านบุคลากรและการบริหารจัดการที่ชัดเจน นอกจากนี้การดำเนินงานที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มีลักษณะต่างคนต่างทำ ทำให้มีการกำจัดมูลฝอยที่ไม่ถูกสุขลักษณะตามขนาดต่าง ๆ กันกระจายทั่วไป เป็นเหตุให้ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาให้บริการ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลยางตลาด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการจัดการขยะมูลฝอย อยู่ไม่น้อย
จากการศึกษาความเป็นไปได้ของการบริหารจัดการขยะในหลายๆ พื้นที่ ได้ข้อสรุปว่า หากมีการบริหารจัดการขยะในรูปแบบศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยหมู่บ้าน / ชุมชน ที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นแนวทางหนึ่งในแก้ไขการจัดการขยะมูลฝอยจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นได้ โดยเป็นการมุ่งเน้นให้แต่ละชุมชนได้ตระหนักถึงปัญญาขยะและวิธีการบริหารจัดการกับขยะด้วยตัวเอง โดยมีศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยระดับตำบลให้คำปรึกษาและจัดทำกิจกรรมร่วมเพื่อการกำจัดขยะและลดปริมาณขยะให้เกิดประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยร่วมกันต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน/ชุมชน ทั้ง ๑๗ หมู่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบลยางตลาด โรงพยาบาลยางตลาด โรงเรียนในเขตบริการทั้ง ๓ แห่ง ตลอดจนศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยระดับตำบล ดังนั้นจำเป็นต้องกำหนดแนวทางและทิศทางในการดำเนินงานและการจัดสรรงบประมาณโดยใช้รูปแบบศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยระดับตำบล ร่วมกันเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในโอกาสต่อไป และเป็นการแก้ไขปัญหาผลกระทบอันเนื่องจากการจัดการขยะในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ และถูกหลักสุขาภิบาล สามารถช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของชุมชนต่างๆ และยังประหยัดงบประมาณ บุคลากร พื้นที่ในการทำจัดขยะมูลฝอย ทั้งนี้เพื่อคุณภาพชีวิตและ สุขอนามัยของประชาชน
แนวทางของการจัดการขยะมูลฝอยโดยรูปแบบศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยระดับตำบล ควรพิจารณารูปแบบของการจัดการขยะมูลฝอยอย่างครบวงจร เพื่อดำเนินการจัดการในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ โดยเริ่มจากการสำรวจข้อมูลปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดต่างๆ และการคาดการณ์ในอนาคต ตลอดจนสัดส่วนหรือลักษณะองค์ประกอบของขยะมูลฝอยทางด้านกายภาพ และนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนและออกแบบระบบการจัดการขยะมูลฝอย ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดแยกการเก็บรวบรวม การขนส่ง การนำไปใช้ประโยชน์และการกำจัด โดยคำนึงถึงความเหมาะสม และการมาตรการลดปริมาณขยะมูลฝอย โดยจัดให้มีการรณรงค์และนำระบบการนำวัสดุกลับคืนมาใช้ให้มากขึ้น
chommanat2511 เมื่อ 11 ต.ค. 2562 17:11 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามโครงการรณรงค์ขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ร่วมกับเครือข่ายขยายแนวคิด โครงการปิดทองหลังพระ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ปี 2559)รายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์
โครงการรณรงค์ขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่

ร่วมกับเครือข่ายขยายแนวโครงการปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ

มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ผู้รับผิดชอบโครงการ นายสันติภาพ ผิวศิลา และคณะ

องค์กรรับทุน สาขา ปรัชญาศาสนา และวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

โครงการรณรงค์ขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่
ร่วมกับเครือข่ายขยายแนวโครงการปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ ปีที่ 2
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
รหัสโครงการ 58-00-001
สัญญาเลขที่ 58-00-001
เจ้าของโครงการ
ผู้รับผิดชอบโครงการ นายสันติภาพ ผิวศิลา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
คณะทำงานโครงการ
นางสาวอรอุมา แสงสุวรรณ รองประธาน
นายพันศักดิ์ พันธ์เลิศ เลขา
นางสาวอมรพรรณ แคนลาด ผู้ช่วยเลขา
นายเมทิวัฒน์ ภูกองไชย เหรัญญิก
นางสาวสุภาวดี ศรีมาตย์ ผู้ช่วยเหรัญญิก
นายพลวัฒน์ แดงรัตน์ ประชาสัมพันธ์
นางสาวศิริยากร ไชยศรี กรรมการ

ที่ปรึกษาโครงการ ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์

คำนำ

รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อ ใช้ประกอบในการรายงานผลการดำเนินงานโครงการขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ดำเนินโครงการขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ร่วมกับเครือข่ายขยายแนวคิดโครงการปิดทองหลังพระ มหาวิทยาลัยราชภัชมหาสารคาม รหัสโครงการ 58-00-001

คณะทำงานโครงการฯ

เมษายน 2559

กิตติกรรมประกาศ

โครงการขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามสำเร็จได้ด้วยความอนุเคราะห์ของบุคคลหลายท่าน ซึ่งไม่อาจจำนำมากล่าวได้หมด ซึ่งผู้มีพระคุณท่านแรก คือ อ.ดร.ชมนาถ แปลงมาลย์ อาจารย์ผู้ที่นำโครงการมาเสนอให้กับนักศึกษา ลำดับที่สองขอขอบคุณ คณะผู้ใหญ่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามที่ให้โอกาส สนับสนุนอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ขอขอบคุณผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่ให้ความร่วมมือ และขอขอบคุณอาจารย์ และ เพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ สาขาปรัชญาศาสนาและวัฒนธรรมทุกคนที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ

ขอขอบคุณทีมพี่เลี้ยงโครงการที่เสียสละเวลามาให้คำแนะนำและช่วยเหลือโดยตลอดมา
ขอขอบคุณ โครงการปิดทองหลังพระและสำนักงาน สสส. ที่ได้จัดโครงการที่ดี ที่มีประโยชน์ต่อนักศึกษาผู้ที่ซึ่งเป็นเยาวชน สังคมและประเทศชาติ

บทสรุปย่อการดำเนินงาน

โครงการขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ร่วมกับเครือข่ายขยายแนวคิดโครงการปิดทองหลังพระ มหาวิทยาลัยราชภัชมหาสารคาม มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลัก ดังนี้ เพื่อสร้างอาชีพใหม่ให้กลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือโดยการเลี้ยงไก่ไข่, เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือ โดยการเลี้ยงไก่ไข่, เพื่อที่จะให้ไข่ไก่เข้าสู้ตลาดสีเขียวของกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือ, เพื่อสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกร กับกลุ่มแกนนำของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ในการขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็ง โดยมีกลุ่มแกนนำนักศึกษาจาก สาขา ปรัชญาศาสนาและวัฒนธรรม คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานโครงการในครั้งนี้

โครงการในครั้งนี้ ได้จัดการดำเนินงานโครงการที่ ชุมชนบ้านส่องเหนือ ต.ตลาด อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม โดยมีขั้นตอนการดำเนินการที่สำคัญ ดังตารางต่อไปนี้

ระยะเวลา กิจกรรม สถานที่ดำเนินกิจกรรม ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน

มีนาคม 2559

1. การประชุมเสวนาเพื่อสร้างความเข้าใจและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคณะนักศึกษา ผู้นำชุมชน แกนนำในชุมชน และประชาชนในหมู่บ้าน ศูนย์อุทัยทิศชุมชนบ้านส่อง และศาลากลางหมู่บ้านชุมชนบ้านส่องเหนือ 4 มีนาคม 2559
2. การอบรมเชิงปฏิบัติการ ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องเหนือ 11-12 มีนาคม 2559
3. การจัดตั้งกองทุนอาหารไก่ ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องเหนือ 18 มีนาคม 2559
4. การปรับปรุงสถานที่เพื่อใช้เป็นโรงเรือนกลุ่มเลี้ยงไก่ไข่ ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องเหนือ 25-26 มีนาคม 2559
5. การติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน โรงเรือนไก่ไข่ชุมชนบ้านส่องเหนือและชุมชนบ้านส่องเหนือ 30 มีนาคม 2559
6. เวทีสรุปผลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้

การเลี้ยงไก่ไข่แบบพึ่งพาตนเองตาม แนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องและศาลากลางหมู่บ้าน 16 มีนาคม 59 / 20 มีนาคม 59 / 28 มีนาคม 59

จาการดำเนินงานตามกิจกรรมตามตารางในข้างต้นทำให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่ไว้ตั้งไว้ และเกิดผลมากกว่าวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ดังนี้ ร้อยละร้อยของสมาชิกกลลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องเหนือมีอาชีพใหม่เกิดขึ้น คืออาชีพการเลี้ยงไก่ไข่, ร้อยละร้อยของสมาชิกกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเลี้ยงไก่ไข่,มีไก่ไข่ที่ได้จากการเลี้ยงของชาวส่องเหนือเข้าจำหน่ายในตลาดสีเขียวของกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือประมาณเดือนล่ะ 1,200 ฟอง, มีไข่ไก่ให้นักเรียนในโรงเรียนในเขตชุมชนบ้านส่องได้รับประทาน เพื่อเพิ่มสารอาหารให้แก่เด็กประมาณเดือนละ 600 ฟอง, มีไก่ไข่จำหน่ายในหมู่บ้านประมาณเดือนละ600 ฟอง, เยาวชนในชุมชนบ้านส่องเหนือประมาณ 20 คนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยการหันมาดูแลไก่ไข่,ได้เครือข่ายและความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกร กับกลุ่มแกนนำของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม

คำสำคัญ ชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจชุมชน ส่องเหนือ

ความเป็นมา

จากที่ได้สอบถามกลุ่มตัวแทนปราชญ์ชาวบ้าน แกนนำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ทำให้เรารู้ถึงสภาพของปัญหาที่มีในชุมชนในส่วนลึก ทำให้ทราบสาเหตุว่าที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างนั้น ก็เพราะว่าความเจริญก้าวหน้าของสังคมเมืองได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในชุมชน เช่น การดำรงชีวิตประจำวัน การทำมาหากิน การทำการเกษตร ที่นาเปลี่ยนมือเป็นของนายทุน จากเดิมทีชาวบ้านก็จะมีที่นาเป็นของตัวเอง สามารถทำให้ประกอบอาชีพเกษตรได้อย่างเต็มที่ แต่ปัจจุบันก็ผันตัวไปเป็นลูกจ้างของนายจ้าง ก็เกิดปัญหาหลาย ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องมีอาชีพที่ไม่แน่นอน ปัญหาการขาดแคลนแหล่งอาหาร ที่ขาดแคลนแหล่งอาหารก็เพราะว่าชาวบ้านไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ถึงมีก็มีน้อย พอมีน้อยก็ไม่สามารถจัดการกับที่ดินของตนได้ ทั้งๆที่ที่ดินตรงนั้นก็สามารถที่จะปรับทำการเกษตรอย่างอื่นได้ เช่น การเพราะเห็ด ปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น เมื่อขาดแคลนแหล่งอาหารชาวบ้านก็ต้องจำเป็นที่จะต้องซื้ออาหาร หรือวัตถุดิบการทำอาหาร อันเป็นเหตุให้เกิดปัญหาสูญเสียเงินทองโดยมิใช่เหตุจึงก่อให้เกิดปัญหาเรื่องหนี้สินตามมา
ทางชาวบ้านและคณะผู้จัดทำจึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า จะเลือกปัญหาที่ต้องการแก้ไขร่วมกันคือ การแก้ไขปัญหาในมิติด้านการเกษตร ในมิติเกษตรนี้ชาวบ้านได้เสนอว่าอยากจะเรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ ชาวบ้านได้ให้เหตุผลว่าการเลี้ยงไก่ไข่จะช่วยแก้ปัญหาได้ในหลายด้าน การเลี้ยงไก่ไข่จะช่วยให้ชาวบ้านมีแหล่งอาหารที่มั่นคง มีอาชีพที่มั่นคง และยังเป็นการสร้างรายได้ลดรายจ่ายได้ ที่สำคัญคือได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
จากผลการสำรวจวิเคราะห์ปัญหา และผลการทำประชาคมระหว่างกลุ่มนักศึกษากับชาวบ้าน มีความเห็นตรงกันว่า จะแก้ไขปัญหาในการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารในระดับครัวเรือนและระดับชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนได้เข้าถึงอาหารปลอดภัยและเป็นธรรม และสร้างทางเลือกการบริโภคอาหารให้แก่คนในชุมชน รวมทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามและกลุ่มเกษตรชุมชนบ้านส่องเหนือ ในการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้การเลี้ยงไก่ไข่ในชุมชนบ้านส่องเหนือ

วัตถุประสงค์

- เพื่อสร้างอาชีพใหม่ให้กลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือโดยการเลี้ยงไก่ไข่
- เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือ โดยการเลี้ยงไก่ไข่
- เพื่อที่จะให้ไข่ไก่เข้าสู้ตลาดสีเขียวของกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือ
- เพื่อสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกร กับกลุ่มแกนนำของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ในการขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็ง

กลุ่มเป้าหมาย

- สมาชิกกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือ
- เยาวชนชุมชนบ้านส่องเหนือ
- ชาวบ้านผู้ที่มีความสนใจในการเลี้ยงไก่ไข่ (ชุมชนบ้านส่องเหนือ)

กลวิธีและกิจกรรม

ในการดำเนินงานโครงการขับเคลื่อนพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นั้นได้น้อมนำเอาหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” ตามแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอน โดยให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา ที่มาของปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ที่อยู่ภายใต้ของบริบทชุมชนนั้นอย่างแท้จริง จากที่ได้ใช้หลักการเข้าใจ และเข้าถึง โดยการลงสำรวจข้อมูลเบื้องต้น สอบถามปัญหาและสำรวจความต้องการของชุมชน จึงได้ข้อสรุปที่ได้ดำเนินกิจกรรรมในขั้นพัฒนา ดังกิจกรรมดังต่อไปนี้

ผลการดำเนินงาน

1. การประชุมเสวนาเพื่อสร้างความเข้าใจและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคณะนักศึกษา ผู้นำชุมชน แกนนำในชุมชน และประชาชนในหมู่บ้าน ศูนย์อุทัยทิศชุมชนบ้านส่อง และศาลากลางหมู่บ้านชุมชนบ้านส่องเหนือ ผู้นำชุมชน แกนนำชุมชน และชาวบ้านชุมชนส่องเหนือ - เกิดความร่วมมือและความเข้าใจในทิศทางเดี่ยวกันระหว่าง คณะอาจารย์ นักศึกษา และผู้นำ แกนนำ ประชาชนในพื้นที่
- ได้แนวทางและวิธีการทำงานร่วมกันเพื่อดำเนินกิจกรรมตามที่ได้ข้อตกลงกัน
2. การอบรมเชิงปฏิบัติการ
- วิธีการเลี้ยงไก่ไข่
- การผลิตอาหารไก่ไข่จากวัตถุดิบในหมู่บ้าน
- การป้องกันโรคติดต่อและการดูแลรักษาไก่ไข่ ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องเหนือ ผู้นำชุมชน แกนนำชุมชน และชาวบ้านชุมชนส่องเหนือ -ได้รับความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงไก่ไข่
- รับทราบแนวทางในการที่จะผลิตอาหารสำหรับเลี้ยงไก่ไข่ และวิธีการดูแลให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อ
3. การจัดตั้งกองทุนอาหารไก่ ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องเหนือ ผู้นำชุมชน แกนนำชุมชน และชาวบ้านชุมชนส่องเหนือ
- เกิดกองทุนอาหารสำหรับเลี้ยงไก่ไข่
- เกิดความร่วมมือกันระหว่างคนในชุมชน
4. การปรับปรุงสถานที่เพื่อใช้เป็นโรงเรือนกลุ่มเลี้ยงไก่ไข่ ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องเหนือ ผู้นำชุมชน แกนนำชุมชน และชาวบ้านชุมชนส่องเหนือ -โรงเรือนสำหรับพร้อมที่จะเลี้ยงไก่ไข่สองโรง ขนาดความกว้าง 3 x 6 ตารางเมตร และ 5 x 7 เมตร
- เกิดความสมัคสมานสามัคคีกันของคนในชุมชน
- ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์บางส่วน ที่จะใช้ในการสร้างโรงเรือนจากชาวบ้าน และห้างร้านต่างๆ
5. การติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน โรงเรือนไก่ไข่ชุมชนบ้านส่องเหนือและชุมชนบ้านส่องเหนือ ผู้นำชุมชน แกนนำชุมชน และชาวบ้านชุมชนส่องเหนือ -ได้รับรู้ถึงการมีส่วนร่วมของเยาวชนและชาวบ้าน ในการดูแลไก่ไข่
- ได้รับรู้ถึงผลผลิตที่ได้จาการเลี้ยงไก่ไข่
- ได้รับรู้ถึงการจัดการกับผลผลิต
- ได้รับรู้ถึงผลการดำเนินงานว่าได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางไว้ร่วมกันก่อนหน้านี้
6. เวทีสรุปผลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การเลี้ยงไก่ไข่แบบพึ่งพาตนเองตาม แนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง ศูนย์เกษตรปลอดสารพิษชุมชนบ้านส่องและศาลากลางหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน แกนนำชุมชน และชาวบ้านชุมชนส่องเหนือ -ได้เห็นถึงความมีส่วนร่วมที่ชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือมาตั้งแต่ต้นจนจบ
- ได้ส่งต่อโครงการเลี้ยงไก่ไข่ ให้กับกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนืออย่างเป็นทางการ
- ได้เห็นถึงการที่ชาวบ้านมีความสนใจที่เรียนรู้และนำเอาอาชีพเลี้ยงไก่ไข่เข้าไปเป็นอาชีพเสริมของครอบครัว
- ได้รับรู้ถึงการที่ชาวบ้านจะนำผลจากกิจกรรมที่ได้ไปต่อยอดให้เกิดกิจกรรมอื่นๆต่อไป เช่น การนำผลกำไรที่ได้ไปสร้างโรงเรือนเพาะเห็ด,เลี้ยงปลาในบ่อปูน เป็นต้น

ผลสรุปสำคัญโดยภาพรวม

ผลสัมฤทธิ์ในภาพรวมของการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการที่ชุมชนบ้านส่องเหนือ ภายใต้โครงการขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม การดำเนินโครงการขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือและประชาชนชุมชนบ้านส่องเหนือ ผู้ซึ่งใช้ประโยชน์จากการดำเนินโครงการการเลี้ยงไก่ไข่นั้น ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยภาพรวมใน 4 ด้านดังนี้

1. ด้านเศรษฐกิจ

1.1. รายได้ของกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษชุมชนส่องเหนือ

การดำเนินการการลี้ยงไก่ไข่ ตามแผนพัฒนาชุมชนด้านการเกษตร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลผลิตทางด้านอาหาร ซึ่งส่งผลให้รายได้ของกลุ่มเกษตรปลอดสารและชาวบ้านเพิ่มขึ้น เช่น กิจกรรมการมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมในชุมชน กิจกรรมการเพิ่มสัตว์เลี้ยงในด้านการเกษตร การจัดตั้งกองทุนอาหารไก่ กิจกรรมกองทุนเพื่อการจัดการทรัพยากร กิจกรรมการจัดการกับต้นทุนทางทรัพยากรมีอยู่ในชุมชนเพื่อการจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในชุมชน กิจกรรมการพัฒนาชุมชนส่องเหนือให้เป็นแหล่งศึกษาดูงานทางด้านการเกษตร เป็นต้น จากการประเมินผลการดำเนินงานของชุมชนพบว่า ชาวชุมชนส่องเหนือเป็นพื้นที่เป้าหมายของหลายของชุมชน ซึ่งมีกิจกรรมที่หลากหลาย และปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เป็นแหล่งรวมการเกษตรที่ค่อนข้างที่จะครบวงจร ซึ่งมีผลโดยตรงให้ชุมชนมีเครือข่ายด้านการเกษตร ,ผลผลิตทางด้านการเกษตร และรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นต้น

1.2. ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรการเกษตร

แผนพัฒนาชุมชนส่องเหนือได้จากการระดมความคิดของผู้มีส่วนได้เสียในชุมชน และการจัดการโดยชุมชนมีส่วนร่วม สามารถเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนดินให้เป็นผืนดินทางด้านการเกษตรที่มีความสมบูรณ์เพิ่มขึ้น เหตุปัจจัยดังกล่าวข้างต้นเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรด้านการเกษตรในพื้นที่เป้าหมายโครงการ ฯ

1.3. โอกาสในการพัฒนาหรือขยายโอกาสด้านอาชีพของคนในชุมชน

การดำเนินโครงการฯ นอกเหนือจากการสร้างรายได้จากการทำการเกษตรแล้ว กิจกรรมต่อเนื่องอื่นๆที่ได้จากการดำเนินงานล้วนแล้วแต่สามารถสร้างรายได้แก่ กลุ่มเกษตรฯ และคนในชุมชน อันได้แก่ การรวบรวมผลผลิตที่ได้ออกจำหน่ายสู่ท้องตลาด และยังสามารถแปรรูปผลผลิตที่ได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิต การกระจายการตลาดสินค้าชุมชน การทำเครื่องมือการทำการเกษตรแบบพื้นบ้าน รวมทั้งการส่งเสริมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ได้อีกด้วย

2.ด้านสังคม

2.1. สร้างความสามัคคีในชุมชน

ความร่วมมือเป็นผลต่อเนื่องจากการสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกิดทัศนคติที่ดี และเห็นความสำคัญในการร่วมกันจัดการทรัพยากรของชุมชน จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาความร่วมมือในแบบบูรณาการของการทำงาน ทั้งระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกับหน่วยงานหรือองค์กรทั้งรัฐหรือชุมชน ระหว่างชาวเกษตรกรด้วยกัน และระหว่างชุมชนใกล้เคียง ภายใต้หลักคิดว่าทรัพยากรเป็นของทุกคน ฉะนั้นการนำมาใช้และการคงความหลากหลายของทรัพยากรจะต้องอาศัยคนในชุมชนช่วยกัน ทุกคนต้องมีความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และคิดไปในแนวทางเดียวกัน ปฏิบัติตามกฎกติกาที่กำหนดร่วมกันให้ได้ พร้อมๆกับการประสานงานกับเครือข่ายต่างๆอย่างต่อเนื่อง

2.2. เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

การดำเนินการโครงการ ฯ ทำให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลซึ่งกันและกัน นักศึกษาผู้ดำเนินงานสามารถให้ข้อมูลกับชุมชนเพื่อประกอบการดำเนินงานในกิจกรรมต่างๆ วัฒนธรรม ประเพณีและค่านิยมท้องถิ่นของชุมชน การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสมาชิกกลุ่มเกษตรปลอดสารพิษฯในชุมชนด้วยกันเอง ความรู้ความชำนาญ ประสบการณ์ของทั้งสองฝ่าย มีพลังสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ในกระบวนการระดมความคิดเห็น การกำหนดเป้าหมายชุมชน การจัดทำแผนชุมชน การปฏิบัติงานตามแผนชุมชน การติดตามประเมินผลความก้าวหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน สิ่งเหล่านี้จะเกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนในทุกเวทีของชุมชน

2.3. ลดความขัดแย้งทางสังคม

การปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานระดับพื้นที่ ระหว่างชาวบ้านด้วยกันเอง สามารถสร้างความสนิทสนมให้เกิดขึ้น เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อขัดแย้ง สามารถตกลงทำความเข้าใจได้โดยง่าย สำหรับชาวบ้านด้วยกันเองเมื่อได้ปฏิบัติงานร่วมกัน ทุกคนมีภาระหน้าที่ร่วมกันในการบริหารจัดการทรัพยากรของชุมชน การปฏิบัติตามกฎกติกาของชุมชนที่ออกร่วมกัน การจัดสรรหรือแบ่งพื้นที่การใช้ประโยชน์ร่วมกัน สามารถลดความขัดแย้งทางสังคมได้

2.4. เพิ่มบทบาททางสังคมให้แก่ทุกเพศวัย

ในการเข้ามาร่วมบริหารจัดการทรัพยากรภายใต้การดำเนินโครงการฯ ได้เปิดโอกาสให้กับทุกๆคนอย่างเท่าเทียมกันในการเข้ามามีบทบาทในแสดงความคิดเห็น การเสนอแนะ และการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม

3.ด้านสิ่งแวดล้อม

พื้นที่ฐานการผลิตมีทรัพยากรเพิ่มขึ้น

การกำหนดขอบเขตพื้นที่บริหารจัดการภายใต้แผนชุมชนตามโครงการฯ ทำให้ชุมชนส่องเหนือมีพื้นที่ฐานการผลิตทางด้านการเกษตรของชุมชนเพิ่มขึ้น และทำให้การเกษตรของชาวชุมชนส่องเหนือครบวงจรเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากชาวเกษตรกรสามารถนำผลกำไรไปต่อยอดทำสิ่งอื่นได้

4.ด้านโภชนาการ
จากการดำเนินโครงการ เกษตรกรชาวชุมชุนส่องเหนือสามารถเพิ่มแหล่งอาหารให้กับชมชนได้อย่างชัดเจน คือผลผลิตที่ได้จากการเลี้ยงไก่ไข่นั้น สามารถช่วยเพิ่มโปรตีนให้กับเด็กหรือแม้กระแต่ผู้ใหญ่ที่ขาดโปรตีนได้

การประเมินผลโครงการ

ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลที่ได้รับ หมายเหตุ

ร้อยละผู้เข้าอบรมมีความรู้และสามารถปฏิบัติได้ ร้อยละ 80 ร้อยละ 85

มีไก่ไข่เกิดขึ้นต่อเดือน

ย่างน้อย 5,100 ฟอง ผลิตไก่ไก่ได้ประมาณ 2,640 ฟองต่อเดือน เนื่องจากว่าทางทีมผู้รับผิดชอบโครงการได้ลดจำนวนแม่ไก่ลง จาก 175 ตัว ลดลงเหลือ 100ตัว ด้วยเหตุผลเพราะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องขอบเขตและกฎเกณฑ์ของการใช้งบประมาณ ปัจจุบัน (วันที่ 30 เมษายน 2559) ผลิตไข่ไก่ได้ วันละ 86 วัน =2,580 ฟองต่อเดือน
เกิดกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่ 1 กลุ่ม 2 กลุ่ม เนื่องด้วยการจำกัดของพื้นที่ และทรัพยากรที่มีอยู่

เป็นผลดีคือก่อให้เกิดการเรียนรู้ในการเปรียบเทียบในการบริหารจัดการ และการเลี้ยงและดูแลไก่ไข่

สมาชิกมีรายได้มากขึ้น เป้าหมายขั้นต้นจำนวน 40 คน และชาวเกษตรกรที่ได้เห็นความสำเร็จจาก 40 คนนี้ก็จะตามมาศึกษาและนำไปต่อยอดในครอบครัวได้เอง 100 คน 70 ครัวเรือน
ไข่ไก่เข้าเป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งในตลาดสีเขียว และตลาดทั่วไป มีไข่ไก่ของชาวชุมชนส่องเหนือขายในตลาดอย่างน้อย 2 แห่ง มีไข่ไก่เข้าจำหน่ายในตลาดสีเขียวของชาวชุมชนบ้านส่อง,มีไข่ไก่จำหน่ายให้คนในหมู่บ้านในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด และยังมีไก่ไข่ให้กับทางโรงเรียนในหมู่บ้านเพื่อเพิ่มโปรตีนให้กับแด็ก ณ ปัจจุบันนี้ (วันที่ 30 เมษายน 2559) ไข่ไก่ยังไม่สามารถเข้าถึงตลาดสีเขียวของชาวชุมชนบ้านส่องได้ เนื่องจากว่าชาวบ้านในหมู่บ้าน และชาวบ้านในเขตใกล้เคียงเข้ามาสั่งซื้อไข่ไก่ถึงโรงเรือน ทำให้แม่ไก่ยังไม่สามารถผลิตไข่ได้ทันต่อความต้องการของชาวบ้าน


ปัญหาและอุปสรรคและข้อเสนอแนะ

ปัญหา

- ไม่ได้รับงบประมาณเพื่อการดำเนินการต่อเนื่อง

ข้อเสนอแนะ

- ท้องถิ่นควรมีการสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
ฮามีด๊ะ หวันนุรัตน์ เมื่อ 12 ก.ย. 2562 05:32 น.
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่แผนยุทธศาสตรระบบอาหารจังหวัดนครศรีธรรมราช (ปี 2561)การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระบบอาหารจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งให้จัดตั้งคณะทำงานบูรณาการระบบอาหารในจังหวัด เพื่อดำเนินการใน 3 ด้าน คือ การสร้างความมั่นคงทางอาหาร การจัดการระบบอาหารปลอดภัย และการดำเนินงานส่งเสริมภาวะโภชนาการสมวัยในทุกกลุ่มวัย จนเกิดเป็นยุทธศาสตร์ระบบอาหารจังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ.2562 - 2566 พร้อมแผนปฏิบัติการ 3 ด้าน คือ ความมั่นคงทางอาหาร อาหารปลอดภัย และโภชนาการสมวัย ที่จะขับเคลื่อนโดยคณะทำงานให้เกิดผลสำเร็จตามวิสัยทัศน์ และพันธกิจของยุทธศาสตร์ฯ
wanna เมื่อ 11 ก.ย. 2562 23:51 น.
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่แผนยุทธศาสตร์ระบบอาหารจังหวัดสงขลา (ปี 2559)สถาบันการจัดการระบบสุขภาพ ร่วมกับจังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระบบอาหาร ในปี พ.ศ.2559 โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนายกฤษฎา บุญราช และได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการทุกท่านจนแผนยุทธศาสตร์ระบบอาหารจังหวัดสงขลาบรรจุในแผนยุทธศาสตร์จังหวัดสงขลา และมีโครงการต่างๆได้แก่ โครงการบ้านเอื้อบุญ-อุ่นรัก อ.บางกล่ำ ดำเนินงานโดยโรงพยาบาลหาดใหญ่ งบประมาณปี พ.ศ. 2560 เน้นการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ โครงการบูรณาการระบบอาหารในสถานศึกษาของจังหวัดสงขลา ดำเนินงานโดยสถาบันการจัดการระบบสุขภาพ งบประมาณปี 2562 (3,850,000 บาท) เน้นกลุ่มเป้าหมายโรงเรียนมัธยมจำนวน 80 แห่ง โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระบบอาหารภาคใต้ สถาบันการจัดการระบบสุขภาพ (อยู่ระหว่างการพิจารณา) การขับเคลื่อนแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จังหวัดสงขลา 2560 – 2564 ทั้ง 3 โครงการมุ่งพัฒนาระบบเกษตรในโรงเรียน การจัดการอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ ระบบเกษตรของชุมชนที่เชื่อมโยงกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียน
ฮามีด๊ะ หวันนุรัตน์ เมื่อ 11 ก.ย. 2562 23:51 น.
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวอินทรีย์ จ.พัทลุง (ปี 2559)- ผลจากพื้นที่การปลูกข้าวและจำนวนผลผลิตต่อไร่จากนาข้าวในจังหวัดพัทลุงลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากการปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวเป็นสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมทั้งราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนการผลิตมีราคาที่สูงขึ้น เกิดความกังวลในอนาคตจะผลิตข้าวไม่พอเลี้ยงคนในจังหวัดพัทลุง การทำนาในปัจจุบันจึงเน้นปริมาณของผลผลิตเพื่อขายให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจึงมีการนำสารเคมีมาใช้เพื่อเร่งและเพิ่มปริมาณผลผลิตให้มากขึ้น
- หน่วยงานภาครัฐในจังหวัดพัทลุงได้มีโครงการส่งเสริมการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยทักษิณจึงได้ทำการศึกษาข้อมูล กลุ่มทำนาอินทรีย์และเครือข่ายนาอินทรีย์ในจังหวัดพัทลุง จำนวนโรงสี แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ รวมไปถึงองค์ความรู้ที่มีประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์

ผลที่เกิดขึ้น
1. การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ข้าวอินทรีย์จังหวัดพัทลุง พ.ศ.2562 - 2566 เป็นแผนระดับจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันพื้นที่นาทั้งจังหวัดให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอินทรีย์ (มาตรฐาน Organic Thailand จำนวน 2,600 กว่าไร่ และมาตรฐาน IFOAM โดยดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และกลุ่มองค์กรชาวนาในจังหวัดพัทลุง