สถาบันนโยบายสาธารณะ (สนส. ม.อ.)

โครงงานการพัฒนาน้ำหมักชีวภาพทดแทนกรดฟอร์มิก : กรณีศึกษาสวนยางพารา นายสมพร เขียววารี ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย

โครงงานการพัฒนาน้ำหมักชีวภาพทดแทนกรดฟอร์มิก : กรณีศึกษาสวนยางพารา นายสมพร เขียววารี ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย

ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ โครงงานการพัฒนาน้ำหมักชีวภาพทดแทนกรดฟอร์มิก : กรณีศึกษาสวนยางพารา นายสมพร เขียววารี ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย
สถาบันอุดมศึกษาหลัก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
หน่วยงานหลัก คณะวิทยาการจัดการ
หน่วยงานร่วม สาขาการจัดการทั่วไป
ชื่อชุมชน สวนยางพารา นายสมพร เขียววารี ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย
ชื่อผู้รับผิดชอบ ผศ.ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล
ที่อยู่ผู้รับผิดชอบ 64 ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุรธานี 41000
ชื่อผู้ร่วมโครงการ/สาขา ณิชการต์ กองพล
ลัดดาวัลย์ จันทะผล
ปวีณา ชาปัญญา
สมพร เขียววารี
การติดต่อ 0894221212
ปี พ.ศ. 2561
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 มกราคม 2562 - 30 เมษายน 2562
งบประมาณ 0.00 บาท

พื้นที่ดำเนินงาน

จังหวัดอำเภอตำบลชื่องานในพื้นที่ลักษณะพื้นที่
หนองคาย รัตนะวาปี place directions

รายละเอียดชุมชน

ข้อมูลพื้นฐาน
อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการปลูกยางพาราจำนวนมาก เกษตรกรทำการผลิตผลผลิตยางพาราในลักษณะของยางก้อนถ้วย โดยใช้กรดฟอร์มิกในการจับตัวยาง ซึ่ง ฟอร์มิกหรือเรียกว่ากรดกำมะถัน เป็นกรดแก่ มีกลิ่นเหม็น แสบจมูก เป็นกรดอนินทรีย์ที่สลายตัวช้า ยางก้อนถ้วยที่ผลิตได้จากกรดชนิดนี้ เนื้อจะแข็งกระด้าง ขาดความยืดหยุ่น ก้อนยางมี สีคล้ำ หากตั้งทิ้งไว้ผิวหน้าจะเหนียวเยิ้มจากการที่เกลือซัลเฟตดูดความชื้นจากอากาศ ไอของกรดส่งผลกระทบต่อหน้ายางเกิดสีดำคล้ำ นอกจากนี้กรดฟอร์มิกยังก่อมลพิษต่อสุขภาพผู้ใช้งาน พื้นที่สวนยางและจุดรวบรวมยาง รวมถึงปัญหาน้ำยางหกลงบนถนน เหม็นตามถนนจนสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ใช้รถใช้ถนนและชุมชน อีกทั้งประเด็นที่น่าสนใจเมื่อราคายางพาราตกต่ำ ความต้องการจะลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และมีแนวคิดในการแปรรูปผลผลิตจากยางพารา
ข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
ปัญหาราคายางตกต่ำ ผลผลิตล้นตลาด ไม่สามารถกำหนดราคาของผลผลิตได้ สวนยางของนายสมพร เขียววารี บ้านโนนดู่ ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการใช้กรดเคมีในการทำยางก้อนถ้วยทำให้หน้ายางตาย อายุการผลิตน้ำสั้นลง มีอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากการสัมผัสผิวหนังโดยตรง ทำให้ผิวหนังมีอาการไหม้ปวดแสบปวดร้อน เกิดผดผื่นคัน หลุดลอก จากการสูดดมไอระเหยจะทำให้ระคายเคือง มีกลิ่นเหม็นฉุน ติดตามร่างกายและเสื้อผ้า รู้สึกแสบร้อน ตามจมูก ลำคอหายใจถี่
ปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประชาสัมพันธ์ให้หันมาใช้สารชีวภาพมากขึ้น การศึกษาเกี่ยวกับน้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้ทดแทนกรดเคมีที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และสามารถหาวัตถุดิบที่มีภายในพื้นที่ได้ หรือสามารถนำวัตถุดิบที่เหลือใช้มาทำได้ เพื่อเป็นการรักษาหน้ายางและสุขภาพของชาวสวน รวมถึงกากใยจากการทำน้ำหมักชีวภาพยังสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ จะเป็นลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง
ข้อมูลประเด็นปัญหา
สวนยางของนายสมพร เขียววารี บ้านโนนดู่ ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย พบว่าปัญหาหลักของสวนยาง คือ คนงานและเจ้าของสวนมีอาการแพ้กรดฟอร์มิก และผลผลิตล้นตลาด
ข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
พัฒนาน้ำหมักชีวภาพ โดยนำวัสดุที่เหลือใช้จากผลไม้เช่นกล้วยสัปปะรด น้ำซาวข้าว เศษผักต่าง ๆ และกากน้ำตาล นำมาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมี แก้ไขปัญหากรดฟอร์มิกก่อมลพิษต่อสุขภาพผู้ใช้งาน วิธีการทำน้ำหมักชีวภาพอย่างถูกวิธี หันมาใช้สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัว มาทดลองและประยุกต์ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น

ประเด็นปัญหาหลัก

ประเด็นที่เกี่ยวข้อง

องค์ความรู้หรือนวัตกรรมที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน

1. การศึกษาวิธีการพัฒนาน้ำหมักชีวภาพทดแทนกรดฟอร์มิก
2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
3. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
4. แผนการทดลองน้ำหมักชีวภาพ

รายละเอียดโครงการ/หลักการและเหตุผล

ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของไทย ปัจจุบันไทยมีเนื้อที่ปลูกยางพารากว่า 23 ล้านไร่ (ครอบคลุมกว่า 60 จังหวัด) และสามารถผลิตยางธรรมชาติได้ 4.9 ล้านตันต่อปี ผลผลิตดังกล่าวได้สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศกว่าปีละ 1.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ส่งออกยางพาราสูงเป็นอันดับ1 ของโลก ในปี 2561 ไทยส่งออกยางพารามูลค่ากว่า 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จีนถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ที่ไทยส่งออกยางพาราไปกว่าปีละ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 42.59 ของการส่งออกยางพาราทั้งหมดของไทย โดยจีนเป็นตลาดที่นำเข้ายางพาราอันดับหนึ่งของโลก รับซื้อยางพารากว่าปีละ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ จีนจึงเป็นตลาดหลักที่ไทยน่าจะรักษาศักยภาพการแข่งขันในสินค้ายางพารามากที่สุด การบรรลุข้อตกลงระหว่างอาเซียนกับจีนในการกำหนดกฎถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-จีน ให้มีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (product specific rules หรือ PSRs) ครอบคลุมสินค้ากว่าสองพันรายการหรือครึ่งหนึ่งของรายการสินค้าทั้งหมดเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เป็นการพัฒนากฎถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ให้มีความสอดคล้องกับรูปแบบการค้าระหว่างประเทศและกระบวนการผลิตของสินค้าในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกรณีของสินค้ายางพาราซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญ (ประชาชาติธุรกิจ,2562 : ออนไลน์)
ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วย 20 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ บึงกาฬ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร และอำนาจเจริญ มีพื้นที่ปลูกยางรวมทั้งสิ้น 2,987,907 ไร่ โดยเป็นพื้นที่อายุยางมากกว่า 6 ปี 1,016,946 ไร่ ปัจจุบันเกษตรกรร้อยละ 65 ผลิตยางก้อนถ้วยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตยางแท่ง เนื่องจากในหลายท้องที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำที่จะนำมาใช้ในกระบวนการผลิต อีกทั้งกระบวนการผลิตยางก้อนถ้วยมีขั้นตอนในการผลิตที่ง่ายกว่าการผลิตยางแผ่นดิบ รวมถึงมีต้นทุนกลางผลิตที่ต่ำ และใช้แรงงานน้อย ยางก้อนถ้วยในภาคอีสานมีคุณภาพดีที่สุดเกษตรกรส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเกษตรกรสวนยางขนาดเล็ก คือ มีพื้นที่ระหว่าง 1-25 ไร่ อีกทั้ง เป็นพื้นที่ปลูกยางใหม่ และเป็นการผลิตยางแบบใช้แรงงานครอบครัว ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องการเงินทุนสำหรับการจัดซื้อเครื่องจักรในการผลิตยางแผ่นดิบ รวมถึงการขาดทุนหมุนเวียนในการเก็บผลผลิตยางแผ่น เพื่อรอจำหน่าย ทำให้ยางก้อนถ้วย สามารถตอบโจทย์ให้เกษตรกรได้ เพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ใช้แรงงานน้อยกว่า และประหยัดเวลามากกว่า (สำนักงานตลาดกลางยางพาราหนองคาย,2562 : ออนไลน์)
อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการปลูกยางพาราจำนวนมาก เกษตรกรทำการผลิตผลผลิตยางพาราในลักษณะของยางก้อนถ้วย โดยใช้กรดฟอร์มิกในการจับตัวยาง ซึ่ง ฟอร์มิกหรือเรียกว่ากรดกำมะถัน เป็นกรดแก่ มีกลิ่นเหม็น แสบจมูก เป็นกรดอนินทรีย์ที่สลายตัวช้า ยางก้อนถ้วยที่ผลิตได้จากกรดชนิดนี้ เนื้อจะแข็งกระด้าง ขาดความยืดหยุ่น ก้อนยางมี สีคล้ำ หากตั้งทิ้งไว้ผิวหน้าจะเหนียวเยิ้มจากการที่เกลือซัลเฟตดูดความชื้นจากอากาศ ไอของกรดส่งผลกระทบต่อหน้ายางเกิดสีดำคล้ำ นอกจากนี้กรดฟอร์มิกยังก่อมลพิษต่อสุขภาพผู้ใช้งาน พื้นที่สวนยางและจุดรวบรวมยาง รวมถึงปัญหาน้ำยางหกลงบนถนน เหม็นตามถนนจนสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ใช้รถใช้ถนนและชุมชน อีกทั้งประเด็นที่น่าสนใจเมื่อราคายางพาราตกต่ำ ความต้องการจะลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และมีแนวคิดในการแปรรูปผลผลิตจากยางพารา
จากการที่ปัญหาราคายางตกต่ำ ผลผลิตล้นตลาด ไม่สามารถกำหนดราคาของผลผลิตได้ สวนยางของนายสมพร เขียววารี บ้านโนนดู่ ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการใช้กรดเคมีในการทำยางก้อนถ้วยทำให้หน้ายางตาย อายุการผลิตน้ำสั้นลง มีอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากการสัมผัสผิวหนังโดยตรง ทำให้ผิวหนังมีอาการไหม้ปวดแสบปวดร้อน เกิดผดผื่นคัน หลุดลอก จากการสูดดมไอระเหยจะทำให้ระคายเคือง มีกลิ่นเหม็นฉุน ติดตามร่างกายและเสื้อผ้า รู้สึกแสบร้อน ตามจมูก ลำคอหายใจถี่
ปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประชาสัมพันธ์ให้หันมาใช้สารชีวภาพมากขึ้น การศึกษาเกี่ยวกับน้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้ทดแทนกรดเคมีที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และสามารถหาวัตถุดิบที่มีภายในพื้นที่ได้ หรือสามารถนำวัตถุดิบที่เหลือใช้มาทำได้ เพื่อเป็นการรักษาหน้ายางและสุขภาพของชาวสวน รวมถึงกากใยจากการทำน้ำหมักชีวภาพยังสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ จะเป็นลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง
จากการที่ผู้ศึกษาลงพื้นที่ สวนยางของนายสมพร เขียววารี บ้านโนนดู่ ตำบลนาทับไฮ อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย พบว่าปัญหาหลักของสวนยาง คือ คนงานและเจ้าของสวนมีอาการแพ้กรดฟอร์มิก และผลผลิตล้นตลาด จึงสนใจที่จะพัฒนาน้ำหมักชีวภาพ โดยนำวัสดุที่เหลือใช้จากผลไม้เช่นกล้วยสัปปะรด น้ำซาวข้าว เศษผักต่าง ๆ และกากน้ำตาล นำมาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมี แก้ไขปัญหากรดฟอร์มิกก่อมลพิษต่อสุขภาพผู้ใช้งาน วิธีการทำน้ำหมักชีวภาพอย่างถูกวิธี หันมาใช้สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัว มาทดลองและประยุกต์ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น

คำสำคัญเพื่อการค้นหา

  • กรดฟอร์มิก
  • น้ำหมักชีวภาพ

ประเมินคุณค่าโครงการ

คุณค่าที่เกิดขึ้นผลที่เกิดขึ้น
1 เกิดความรู้ หรือ นวัตกรรมชุมชน find_in_page
2 เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เอื้อต่อสุขภาพ
3 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ (กายภาพ สังคม และเศรษฐกิจ)
4 การพัฒนานโยบายสาธารณะที่เอื้อต่อสุขภาวะ
5 เกิดกระบวนการชุมชน
6 มิติสุขภาวะปัญญา / สุขภาวะทางจิตวิญญาณ

ภาพถ่าย

วีดิโอ

ไฟล์เอกสาร

โครงการขยายผล

นำเข้าสู่ระบบโดย udonthani_ru udonthani_ru เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 14:33 น.