ข้อมูลพื้นฐาน
คุณพรปวีณ์ หงส์ประสิทธ์ (คุณวาส) อายุ 55 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 331/ 26 หมู่บ้านเสริมสุข ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41330 และได้แต่งงานกับสามีซึ่งมีภูมิลำเนาบ้านเกิดอยู่ที่ อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเนื้อที่การปลูกพืชดาวอินคาในปัจจุบันอยู่ 15ไร่ ปลูกไร่ละ 500 ต้น ร่วม 7500 ต้นโดยยประมาณ ซึ่งยังมีการปลูกพืชสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น ฟักข้าว มะขาม ขมิ้น ไพล พืชสวรครัวอีกหลายชนิด แต่ก่อนนั้นผู้ประกอบการได้มีการปลูกมันสำปะหลังเพื่อการค้า แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และตัวผู้ประกอบการเองก็มีสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และมีเพื่อนบ้านแนะนำสมุนไพรเพื่อสุขภาพให้รับประทานคือ ดาวอินคา จากนั้นผู้ประกอบการได้ทำการปลูกดาวอินคาเพื่อไว้ใช้สอยในส่วนของตัวเอง ต่อมาจึงทำการศึกษาในส่วนของพืชชนิดนี้มากขึ้น จึงทำให้ทราบว่า ดาวดินคาเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมาย จึงได้หันมาทำเป็นการค้าแบบจริงจัง จนถึงปัจจุบันนี้ข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
- มีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตัวเอง
- สินค้าผลิตจากธรรมชาติ
- มีการใช้เงินทุนในการดำเนินกิจการที่ต่ำ
- ทางผู้ประกอบการมีแหล่งเงินทุนเป็นของตัวเอง
- มีลูกค้าประจำที่ใช้สินค้าดังกล่าวอยู่แล้วจำนวนหนึ่งข้อมูลประเด็นปัญหา
- ยังไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ชัดเจน/ไม่มีการโฆษนา
- ตัวผลิตภัณฑ์มีลักษณะทั่วไปและมีขนาดเดียว
- ฉลากและชื่อแบรนด์ดูไม่ทันสมัยดูไม่ได้มาตราฐาน
- ตัวผลิตภัณฑ์ไม่มีความหลากหลายให้ผู้บริโภค
- ยังไม่มี อย. รับประกันคุณภพของสินค้า
- แพคเก็จจิ้งไม่ดึงดูดไม่น่าสนใจ ทำให้ตัวสินค้าดูมีราคาถูก
- มีคู่แข่งทางการตลาดมากในตลาดคล้ายกัน
- เป็นสินค้าใหม่ยังไม่ฐานลูกค้าเป็นของตัวเอง และสินค้ายังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควรข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
แนวางแก้ไขแพคเก็จจิ้ง ไม่ดึงดูด ไม่น่าสนใจ ทำให้ตัวสินค้าดูมีราคาถูก ไม่มี อย. รับประกันคุณภาพของสินค้า ตามมาด้วยตัวผลิตภัณฑ์ไม่มีความหลากหลายให้ผู้บริโภค รวมทั้งฉลากกับชื่อแบรนด์ดูไม่ทันสมัย ดูไม่ได้มาตราฐาน และยังไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ชัดเจน1. ขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายดาวดินคา
2. แนวคิดและการพัฒนาตราสินค้า
3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์
4. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกขององค์กร (SWOT Analysis)
5. วิเคราะห์สภาพทางการแข่งขันทางธุรกิจ (5 Force Model )ปัจจุบันเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาท เฉพาะตลาดในประทศ มีมูลค่าถึง 1.2 แสนล้านบาท ตลาดส่งออกไปต่างประเทศมีมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท กสอ. จะผลักดันให้เครื่องสำอางไทยส่งออกไปต่างประเทศติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ใน 3-5 ปีข้างหน้า ขยายตัวต่อเนื่องปีละ 10% เป้าหมายสำคัญ คือ กลุ่มประเทศ AEC ที่มีประชากร 600 ล้านคน มีประชากรในวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่มีกำลังซื้อสูงถึง 300 ล้านคน ซึ่งตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยกลุ่มสกินแคร์ มีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาท เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขาว 48% บำรุงผิวทั่วไป 43% ผลิตภัณฑ์บำรุงแบบให้คุณประโยชน์เฉพาะ 9% กลุ่มสกินแคร์ มีการแข่งขันสูงมาก เพราะปัจจุบันมีการเปิดแบรนด์ใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก มีการผลิตออกจำหน่ายหลายยี่ห้อ มีการทำตลาดแบบ E-Commerce จึงทำให้มูลค่าตลาดขยายตัวอย่างรวดเร็วปัจจัยหนุนที่สำคัญของประเทศไทย คือ ความอุดมสมบูรณ์ด้านวัตถุดิบสมุนไพรที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพ ปัจจุบันภาครัฐได้ให้การสนับสนุน มีการส่งเสริมการจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ และการแก้ไข พ.ร.บ. เครื่องสำอางบางส่วนที่ยังเป็นอุปสรรคต่อผู้ผลิต หัวใจสำคัญ คือ ท่านผู้ประกอบการจะต้องมีการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องสำอาง อาทิเช่น ASEAN GMP มาตรฐานฮาลาล EU Cosmetic Regulation และ Gulf standard ซึ่งจะส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือ เป็นผลดีต่อการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ว่าเศรษฐกิจการเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถยับยั้งความต้องการของมนุษย์ที่อยากหล่ออยากสวยได้ เรื่องของความสวยงามเป็นเรื่องที่ผู้คนยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อให้ความสวยอยู่กับตัวให้นานที่สุด และทุกวันนี้นอกจากผู้บริโภคจะใส่ในในเรื่องความสวยความงามแล้วและเราต้องยอมรับว่า ผู้บริโภคนั้นยังได้มีความพิถีพิถันในเรื่องการเลือกสิ่งต่างๆให้ตัวเองมากขึ้น สมุนไพรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารเสริมถ้ามีส่วนผสมของสมุนไพรอยู่นั้น ก็เป็นที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินในซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าเป็นสมุนไพร 100% ยิ่งทำให้ตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นเป็นที่น่าซื้อหายิ่งขึ้น สมุนไพรที่เรายินชื่อกันคุ้นหูที่มีอยู่ในเครื่องสำอางนั้นก็มีอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไพร ขมิ้น ธนาคา มะขาม เป็นต้น แต่เชื่อว่าหลายคนคงไม่ค่อยคุ้นหูหรืออาจจะไม่รู้จักกับ ดาวอินคา สมุนไพรที่เป็นพืชชนิดหนึงที่สามารถนำทุกส่วนของลำต้นมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆใด้ หนึ่งในนั้น ก็คือการสกัดนำมันจากเมล็ดถั่วดาวอินคา มาใช้ในการรักษา ดูแลผิวพรรณ ให้ผิวมีสุขภาพที่ดีได้ และส่วนต่างๆของลำต้น ใบ เปลือก เมล็ด นั้นยังมีสรรพคุณในการช่วยดูแลสุขถาพได้อีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้มีการปลูกอย่างแพร่หลายในหลายภาคของประเทศไทย คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพราะถั่วดาวอินคาเป็นพืชที่ให้ผลเร็วมาก ใช้ระยะเวลาปลูกประมาณ 4-6 เดือนก็สามารถให้ผลผลิตได้แล้ว และสามารถให้ผลผลิตได้เป็นระยะเวลายาวนานถึง 15-50 ปี จากการปลูกเพียงครั้งเดียว (ที่มา:สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561,จาก www.thaicosmeticcluster.com/tag/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม)
โดยผู้ประกอบการ คุณพรปวีณ์ หงส์ประสิทธ์ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนหลายคนที่ได้หันมาประกอบธุรกิจในด้านดูแลความสวยความงามเช่นกัน คือการผลิตสบู่สมุนไพรดาวอินคา แต่ทางกลุ่มผู้จัดทำโครงการได้มองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการประกอบกิจการของผู้ประกอบการครั้งนี้ทั้งนี้คือ แพคเก็จจิ้ง ไม่ดึงดูด ไม่น่าสนใจ ทำให้ตัวสินค้าดูมีราคาถูก ไม่มี อย. รับประกันคุณภาพของสินค้า ตามมาด้วยตัวผลิตภัณฑ์ไม่มีความหลากหลายให้ผู้บริโภค รวมทั้งฉลากกับชื่อแบรนด์ดูไม่ทันสมัย ดูไม่ได้มาตราฐาน และยังไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ชัดเจน
ดังนั้นทางกลุ่มผู้จัดทำโครงการจึงมองเห็นปัญหาและหาแนวทางในการแก้ไขโดยการทำการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ สภาพทางการแข่งขัน ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ จำนวนผู้แข่งกัน วิธีการขอจดทะบียนองค์การอาหารและยารวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ การแตกไลล์ผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้นที่มีนอกเหนือจากสบู่ เช่น สบู่เหลวดาวอินคา สคับดาวอิคา โลชั่นบำรุงผิวกายดาวอินดา ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทางผู้คณะจัดทำโครงการได้นำสมุนไพรไทยมาเป็นส่วนผสมเพิ่มเติมด้วยเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้า รวมไปถึงการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบธุระกิจดังกล่าวนี้ด้วย
นำเข้าสู่ระบบโดย
udonthani_ru เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 14:16 น.