ข้อมูลพื้นฐาน
ปัจจุบันจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นแหล่งพื้นที่ในการเพาะปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนกที่สำคัญและมีศักยภาพทั้งในการพัฒนาและการส่งออกของประเทศ โดยในพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ปีนี้ มีเกษตรกรหันมาปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนกมากขึ้น รวมเป็นพื้นที่ขณะนี้กว่า 1,000 ไร่ ส่งออกมะม่วงพันธุ์มหาชนกไปต่างประเทศมูลค่ากว่า 30 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเกษตรกรส่งผลผลิตผ่านบริษัทเอกชนที่เข้ามารับซื้อเพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และประเทศแถบยุโรป คิดเป็นปริมาณร้อยละ 90 ส่งออกยังต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจำหน่ายในพื้นที่และนำมาแปรรูปหลากหลาย เช่น แยมมะม่วง น้ำปั่นมะม่วง มะม่วงกวน เป็นต้น (วิภาดา รัตนโรจนา, 2558)
มะม่วงพันธุ์มหาชนกเป็นมะม่วงที่เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ซันเซทกับพันธุ์หนังกลางวัน ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นของมะม่วงพันธุ์มหาชนกนี้เหมาะต่อการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศ เนื่องจากมีเปลือกหนามีสีเปลือกของผลเหลืองสวยงามสามารถวางจำหน่ายได้เป็นเวลานาน เมื่อสุกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติหวานอมเปรี้ยว (เปรมปรี ณ สงขลา และรวี เสรฐภักดี, 2542) นอกจากนี้ในเนื้อมะม่วงพันธุ์มหาชนกในระยะผลสุกจะมีปริมาณสารแคโรทีนอยด์มากถึง 8.2 กรัมต่อ 100 กรัมของเนื้อมะม่วง และยังพบปริมาณแอนโทไซยานินเท่ากับ 0.23 มิลลิกรัมต่อกรัมน้ำหนักสด ทั้งนี้ยังมีปริมาณร้อยละการยับยั้งอนุมูลอิสระในเนื้อมะม่วงระยะผลสุกมีค่าเท่ากับร้อยละ 20.32 (นวลอนงค์ ปุเรนเต, 2555)
อย่างไรก็ตามมะม่วงพันธุ์มหาชนก (เป็นผลไม้ที่ต้องเก็บเกี่ยวตามฤดูกาลซึ่งผลผลิตในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมออกพร้อมกันจึงทำให้เกิดปัญหาการล้นตลาด เกษตรกรจำหน่ายออกไปไม่ทัน รวมไปถึงราคาจำหน่ายตกต่ำอีกด้วย ซึ่งจากเดิมเกษตรกรจำหน่ายได้ในราคา 60-70 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงต้นฤดู (เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน) ลดลงเป็น 20-25 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผลที่ไม่ได้ขนาดตามมาตรฐานการส่งออกก็จำหน่ายได้ราคาต่ำเช่นกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้มะม่วงมีราคาตกต่ำ ยิ่งไปกว่านั้นในฤดูมรสุมมีฝนฟ้าและลมแรงยังทำให้มะม่วงดิบหล่นเสียหาย ดังนั้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับมะม่วงพันธุ์มหาชกที่จำหน่ายได้ในราคาต่ำและเพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ จึงมีแนวคิดที่จะนำมะม่วงพันธุ์มหาชกทั้งระยะดิบและสุกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากมะม่วงมหาชนกให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
ข้อมูลประเด็นปัญหา
ข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
ปัจจุบันจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นแหล่งพื้นที่ในการเพาะปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนกที่สำคัญและมีศักยภาพทั้งในการพัฒนาและการส่งออกของประเทศ โดยในพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ปีนี้ มีเกษตรกรหันมาปลูกมะม่วงพันธุ์มหาชนกมากขึ้น รวมเป็นพื้นที่ขณะนี้กว่า 1,000 ไร่ ส่งออกมะม่วงพันธุ์มหาชนกไปต่างประเทศมูลค่ากว่า 30 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเกษตรกรส่งผลผลิตผ่านบริษัทเอกชนที่เข้ามารับซื้อเพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และประเทศแถบยุโรป คิดเป็นปริมาณร้อยละ 90 ส่งออกยังต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจำหน่ายในพื้นที่และนำมาแปรรูปหลากหลาย เช่น แยมมะม่วง น้ำปั่นมะม่วง มะม่วงกวน เป็นต้น (วิภาดา รัตนโรจนา, 2558)
มะม่วงพันธุ์มหาชนกเป็นมะม่วงที่เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ซันเซทกับพันธุ์หนังกลางวัน ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นของมะม่วงพันธุ์มหาชนกนี้เหมาะต่อการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศ เนื่องจากมีเปลือกหนามีสีเปลือกของผลเหลืองสวยงามสามารถวางจำหน่ายได้เป็นเวลานาน เมื่อสุกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติหวานอมเปรี้ยว (เปรมปรี ณ สงขลา และรวี เสรฐภักดี, 2542) นอกจากนี้ในเนื้อมะม่วงพันธุ์มหาชนกในระยะผลสุกจะมีปริมาณสารแคโรทีนอยด์มากถึง 8.2 กรัมต่อ 100 กรัมของเนื้อมะม่วง และยังพบปริมาณแอนโทไซยานินเท่ากับ 0.23 มิลลิกรัมต่อกรัมน้ำหนักสด ทั้งนี้ยังมีปริมาณร้อยละการยับยั้งอนุมูลอิสระในเนื้อมะม่วงระยะผลสุกมีค่าเท่ากับร้อยละ 20.32 (นวลอนงค์ ปุเรนเต, 2555)
อย่างไรก็ตามมะม่วงพันธุ์มหาชนก (เป็นผลไม้ที่ต้องเก็บเกี่ยวตามฤดูกาลซึ่งผลผลิตในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมออกพร้อมกันจึงทำให้เกิดปัญหาการล้นตลาด เกษตรกรจำหน่ายออกไปไม่ทัน รวมไปถึงราคาจำหน่ายตกต่ำอีกด้วย ซึ่งจากเดิมเกษตรกรจำหน่ายได้ในราคา 60-70 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงต้นฤดู (เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน) ลดลงเป็น 20-25 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผลที่ไม่ได้ขนาดตามมาตรฐานการส่งออกก็จำหน่ายได้ราคาต่ำเช่นกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้มะม่วงมีราคาตกต่ำ ยิ่งไปกว่านั้นในฤดูมรสุมมีฝนฟ้าและลมแรงยังทำให้มะม่วงดิบหล่นเสียหาย ดังนั้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับมะม่วงพันธุ์มหาชกที่จำหน่ายได้ในราคาต่ำและเพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ จึงมีแนวคิดที่จะนำมะม่วงพันธุ์มหาชกทั้งระยะดิบและสุกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากมะม่วงมหาชนกให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง
นำเข้าสู่ระบบโดย
Thanyakon เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562 10:16 น.