ข้อมูลพื้นฐาน
สถานประกอบการที่มีศักยภาพในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนไม่น้อยกว่า 5 กิจการ ได้แก่ บริษัท บีดี คอมพิวเตอร์ จำกัด บริษัท กอ เอ็ดดุเคชั่น จำกัด ร้านไทยเฮงสังฆภัณฑ์ บริษัท เจ ทรัพย์ แพค จำกัด และ โรงงานน้ำแข็ง เฝ้าไร่ข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
1) บริษัท บีดีคอมพิวเตอร์ จำกัด จ.อุดรธานี จำหน่าย ซ่อมคอมพิวเตอร์
2) บ.กอ เอ็ดดุเคชั่น จำกัด จ.อุดรธานี โรงเรียนสอนพิเศษเด็ก
3) ร้านไทยเฮงสังฆภัณฑ์ จ.อุดรธานี ร้านจำหน่ายสังฆภัณฑ์
4) บริษัท เจ ทรัพย์ แพค จำกัด จ.หนองคาย ผลิตภาชนะบรรจุน้ำบริโภค
5) โรงงานน้ำแข็ง เผ้าไร่ จ.หนองคาย จำหน่ายน้ำแข็งบริโภคข้อมูลประเด็นปัญหา
1) บริษัท บีดีคอมพิวเตอร์ จำกัด จำหน่าย ซ่อมคอมพิวเตอร์ มีค่าใช้จ่ายรั่วไหลด้านการขาย และการตลาด
2) บ.กอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด โรงเรียนสอนพิเศษเด็ก มีปัญหาด้านประสิทธิภาพการบริหารหลักสูตร
3) ร้านไทยเฮงสังฆภัณฑ์ ร้านจำหน่ายสังฆภัณฑ์ มีปัญหาด้านประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า
4) บริษัท เจ ทรัพย์ แพค จำกัด ผลิตภาชนะบรรจุน้ำบริโภค มีปัญหาด้านการบริหารการผลิต
5) โรงงานน้ำแข็ง เฝ้าไร่ จำหน่ายน้ำแข็งบริโภค มีปัญหาด้านการบริหารค่าใช้จ่ายข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
1) บริษัท บีดีคอมพิวเตอร์ จำกัด จำหน่าย ซ่อมคอมพิวเตอร์ ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านการขาย และการตลาด
2) บ.กอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด โรงเรียนสอนพิเศษเด็ก ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารหลักสูตร
3) ร้านไทยเฮงสังฆภัณฑ์ ร้านจำหน่ายสังฆภัณฑ์ ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า
4) บริษัท เจ ทรัพย์ แพค จำกัด ผลิตภาชนะบรรจุน้ำบริโภค ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการผลิต
5) โรงงานน้ำแข็ง เฝ้าไร่ จำหน่ายน้ำแข็งบริโภค ต้องการบริหารค่าใช้จ่ายการพัฒนาศักยภาพสถานประกอบการโดยใช้เทคโนโลยีระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (ERP) ในด้านการผลิตManufacturing Resource Planning (MRP) และด้านการตลาด Customer Resource Management (CRM)“โครงการจ้างที่ปรึกษาเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสู่อุตสาหกรรม 4.0 การพัฒนาศักยภาพสถานประกอบการโดยใช้เทคโนโลยีระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (ERP) ในด้านการผลิต Manufacturing Resource Planning (MRP) และด้านการตลาด Customer Resource Management (CRM)ภายใต้โครงการเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0” ซึ่งรายละเอียดทางด้านราคานั้น คณะที่ปรึกษาได้จัดทำแยกไว้ต่างหาก โดยข้อเสนอทางด้านเทคนิคนี้จะกล่าวถึงความเป็นมาของโครงการ วัตถุประสงค์ ขอบเขตของโครงการ แผนงานและวิธีการศึกษาโดยละเอียด ผลงานของหน่วยงาน ตลอดจนบุคลากรและการบริหารงานโครงการ โดยมีเนื้อหากล่าวตามลำดับต่อไปนี้
การพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นผลมาจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่งที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ประเทศต่าง ๆ มีการกำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับบริบทต่าง ๆ ของโลกที่เปลี่ยนไป
ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้กำหนดกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะ 20 ปีข้างหน้า หรือกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) โดยในเบื้องต้นได้กำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศไทยว่า “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ที่เป็น 5 ปีแรกของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สู่การปฏิบัติ โดยการมุ่งเน้นการพัฒนาที่จะเป็นการวางพื้นฐานที่สามารถสานต่อการพัฒนาในระยะต่อไป เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์กับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญา และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก” โดยได้จัดทำแผนที่นำทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในการเพิ่มขีดความสามารถ และศักยภาพการแข่งขันในระดับนานาชาติ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน รวมถึงการพัฒนาสังคมไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นการพัฒนาจากประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูง
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ของรัฐบาล และยุทธศาสตร์กับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งนี้เพื่อจะทำให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการประกอบกิจการ และวางรากฐานของการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไปสู่ Industry 4.0 ต่อไป