ข้อมูลพื้นฐาน
ข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
ข้อมูลประเด็นปัญหา
ข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
1. องค์ความรู้ทางด้าน สาธารณสุขศาสตร์
2. องค์ความรู้ทางด้าน เศรษฐกิจชุมชน
3. องค์ความรู้ทางด้าน สิ่งแวดล้อม
4. องค์ความรู้ทางด้าน สังคม
5. องค์ความรู้ทางด้าน การบริหารจัดการชุมชนสังคมไทยในปัจจุบันมีความแตกแยกทางความคิดอย่างกว้างขวางในสังคมไทยที่ยืดเยื้อมานานสะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่าไม่มีความคิดเห็นของฝ่ายใดที่ถูกหรือผิดไปเสียทั้งหมด ท่ามกลางสภาวะความขัดแย้งในปัจจุบันที่แต่ละฝ่ายยังคงยืดมั่นอยู่ในจุดยืนของตนเอง สิ่งที่ต้องริเริ่มดำเนินการโดยเร็วคือ การสร้างบรรยายการแห่งการปกครองที่ดีดังนั้น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) จึงให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูพื้นฐานด้านความมั่นคงที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติของผู้มีความเห็นต่างทางความคิดและอุดมการณ์บนพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมาหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการผลักดันการปฏิรูปประเทศให้บรรลุผลสำเร็จ จำเป็นที่จะต้องการสร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ ตั้งแต่ระดับฐานรากให้มั่นคงคือ ระดับชุมชนเพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศอย่างผาสุข และขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน/หมู่บ้านของตนเองโดยปราศจากความขัดแย้งต่อไป
การขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติ ต้องอาศัยกลุ่มบุคคลแต่ละภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโดยเฉพาะระดับที่เล็กที่สุดของประเทศคือ คณะบุคคลตามกฎหมายที่เรียกว่า “คณะกรรมการหมู่บ้าน” หรือ กม. โดยกำเนิดขึ้นตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 มาตรา 28 ตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการหมู่บ้าน 6 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านอำนวยการ 2.ด้านการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย 3.ด้านแผนพัฒนาหมู่บ้าน 4.ด้านส่งเสริมเศรษฐกิจ 5.ด้านสังคม สิ่งแวดล้อมสาธารณสุข และ 6.ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นกำลังหลักให้กับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐต่างๆในการสอดส่องดูแลและประสานความสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ และความเข้าใจ ที่ถูกต้องในระดับชุมชน/หมู่บ้านผ่านกิจกรรมการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาร่วมกันโดยทุกคนมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการร่วมรับผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป
ดังนั้น มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองพัฒนาศักยภาพชุมชนและทุนมนุษย์ เห็นถึงความสำคัญของการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลด้านการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในระดับชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานการพัฒนาทางความคิดที่สำคัญที่สุดของประเทศ จึงจัดทำโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชุมชนด้วยสันติวิธี ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยมุ่งส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชุมชน และลดปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนของตนเอง ตลอดจนเป็นการสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของประชาชน อีกทั้งเพื่อเป็นการต่อยอดโครงการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ (งบประมาณ พ.ศ. 2560) ที่มีการรวบรวมประเด็นปัญหา กรณีศึกษาของชุมชน และนำมาใช้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาและการสร้างความสัมพันธ์อันดี ทั้งนี้ การดำเนินโครงการจะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และสร้างทัศนคติเชิงบวกในการอยู่ร่วมกัน การทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อระดมสมองในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในด้านต่างๆ โดยอาศัยคณะกรรมหมู่บ้านในเขตพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ตาก นครสวรรค์ และอุทัยธานี มาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนกิจกรรมร่วมกันภายในชุมชน และดำเนินกิจกรรมร่วมกันชุมชนในการต่อยอดองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชุมชนด้านต่างๆ และสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แนวทางการแก้ไขปัญหาและนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนด้วยแนวทางสันติวิธีต่อไป
นำเข้าสู่ระบบโดย
jantana8628 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 13:20 น.