ข้อมูลพื้นฐาน
ตำบลหัวงัว กำนันคนแรกชื่อนายสอน ภูต่างแดน แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 หมู่บ้าน ปี 2537 ตำบลหัวงัวแบ่งแยกเขตออกเป็น 2 ตำบล คือตำบลหนองอีเฒ่า ดังนั้นตำบลหัวงัวในปัจจุบันมีเขตการปกครอง 12 หมู่บ้าน ปัจจุบันโกศรี ภูวิภาค เป็นกำนันตำบลหัวงัวข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
ผลิตปลอกหมอนข้อมูลประเด็นปัญหา
ขาดความรู้ความเข้าใจการจัดทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุน ทำให้ประมาณการณ์รายได้หรือกำไรคลาดเคลื่อนข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
--ดำเนินการโดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ความเข้าใจและฝึกปฏิบัติจริงให้ชุมชนทราบเชิงประจักษ์ในการจัดทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนแก่ชุมชนจากสภาวะสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยกระแสวัตถุนิยม และความฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ จนทำให้คนไทยหลงเดินทางผิดไปตามกระแสนิยมจนกลายเป็นปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินที่ไม่มีวัน จบสิ้น อย่างไรก็ตามคนไทยยังมีทางออก ซึ่งการจะดำรงชีวิตให้อยู่รอดภายใต้สังคมในปัจจุบัน แนวทางหนึ่งที่ประชาชนไทยควรยึดถือคือการพึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาท ตามแนวปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมองเห็นถึงความสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง รู้จักความพอมีพอกิน พอมีพอใช้ คำนึงถึงหลักเหตุผลและการประมาณตนเอง พร้อมกับทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ประมาท โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินอันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต
การทำบัญชี คือ การจดบันทึก ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขปัจจัยในการดำรงชีวิตของตัวเอง และภายในครอบครัว ชุมชน รวมถึงประเทศ ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกจะเป็นตัวบ่งชี้อดีตปัจจุบันและอนาคตของชีวิตของตัวเอง สามารถนำข้อมูลอดีตมาบอกปัจจุบันและอนาคตได้ ข้อมูลที่ได้ ที่บันทึกไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนชีวิตและกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต ในครอบครัว
ดังที่กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่าการจัดทำบัญชีครัวเรือนมีความสำคัญกับชุมชน โดยคณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น มุ่งที่จะให้ความรู้กับชุมชนในเขตจังหวัดกาฬสินธิ์ จึงเลือกหมู่บ้านเสียว ตำบลหัวงัว อำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรจำนวนมาก ดังนั้น คณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น จึงได้เล็งเห็นความสำคัญที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน หมู่บ้านบ้านเสียวโดยไปให้ความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถ พึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ตามแนวปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง”