โครงการพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงไหมอัจฉริยะเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมห่วงโซ่ธุรกิจผ้าไหมแพรวา ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
โครงการพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงไหมอัจฉริยะเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมห่วงโซ่ธุรกิจผ้าไหมแพรวา ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ | โครงการพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงไหมอัจฉริยะเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมห่วงโซ่ธุรกิจผ้าไหมแพรวา ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ |
สถาบันอุดมศึกษาหลัก | มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน |
หน่วยงานหลัก | คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะบัญชี วิทยาลัยการบินและคมนาคม |
หน่วยงานร่วม | 1. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พัฒนาการชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ พัฒนาการชุมชนอำเภอคำม่วง |
ชื่อชุมชน | ตำบลนาบอน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ |
ชื่อผู้รับผิดชอบ | ดร.สุรชัย ทองแก้ว คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ผศ.จิโรจน์ จริตควร คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ อาจารย์ชัยสรรค์ รังคะภูติ คณะบัญชี ดร.วนายุทธ์ แสนเงิน คณะวิศวกรรมศาสตร์ อาจารย์เสมา พัฒน์ฉิม คณะวิศวกรรมศาสตร์ อาจารย์ วีรภัทร เกศะรักษ์ วิทยาลัยการบินและคมนาคม |
ที่อยู่ผู้รับผิดชอบ | มหาวิทยาลัยศรีปทุม 2410/2 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม. 10900 |
ชื่อผู้ร่วมโครงการ/สาขา | นาย การันต์ เศรษฐี สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ น.ส. ณัฐมล กอเซ็ม สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ นาย ชนกันต์ อิ่มใจ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ นาย กิตติ นนทะสันต์ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ นาย สุรศักดิ์ แสงกลม สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า นาย พชนนท์ หว่างพัฒน์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า นางสาว อารีรัตน์ ปริตวา สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า นางสาว ปานทอง อินทะดก สาขาการบัญชี นางสาว ศิชา นามสง่า สาขาการบัญชี |
การติดต่อ | 0651969951 |
ปี พ.ศ. | 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 6 มกราคม 2563 - 30 เมษายน 2563 |
งบประมาณ | 500,000.00 บาท |
พื้นที่ดำเนินงาน
จังหวัด | อำเภอ | ตำบล | ลักษณะพื้นที่ | |
---|---|---|---|---|
กาฬสินธุ์ | place directions |
รายละเอียดชุมชน
ข้อมูลพื้นฐาน
ตำบลนาบอน มีที่ตั้งอยู่ใกล้กับเทือกเขาภูพาน อย่างห่างจากอำเภอคำม่วงไปทางทิศตะวันออก ประมาณ ๗ กิโลเมตร อยู่ห่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ ๘๕ กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่ราบสูงเชิงเขา มีลำห้วยปอ ล้ำห้วยสมอทบ และลำห้วยแก้งไหลผ่าน มีเนื้อที่ทั้งหมด ๙๗ ตารางกิโลเมตร สภาพดินเป็นดินร่วนปนทราย มีพื้นที่เป็นป่าเขา มีภูเขาอยู่รอบพื้นที่บริเวณทางทิศเหนือ และทิศตะวันออกของตำบล จำนวน ๗ ลูก มีเนื้อที่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ไร่ ประกอบด้วย ภูพรานยอด ภูปอ ภูผักหวาน ภูโป่ง ภูหินปูน ภูตุ่น และ ภูถ้ำพระ ซึ่งเป็นป่าที่ยังมีสภาพที่อุดมสมบูรณ์ มีอาหารป่าให้ชาวบ้านสามารถนำมาเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัว และสร้างรายได้ให้กับชุมชนหมุนเวียนตลอดปี เช่น หน่อไม้ ผักหวาน ดอกกระเจียว เห็ด และหอยหอม เป็นต้น ด้านทิศตะวันออกของตำบลมีแนวเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติภูพาน
ทิศเหนือ จดตำบลดินจี่
ทิศใต้ จดตำบลโพน ตำบลเนินยาง
ทิศตะวันออก จดตำบลดินจี่ อำเภอคำม่วง และตำบลแซงบาดาล อำเภอสมเด็จ
ทิศตะวันตก จดตำบลโพน ตำบลทุ่งคลอง
ข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
มีหมู่บ้านในเขตปกครอง จำนวน 11 หมู่บ้าน ประกอบด้วยหมู่ 1 บ้านนาบอน นายอ่อนสา ภูแดนไกร ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 2 บ้านนาบอน นายผาศักดิ์ คำออน ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 3 บ้านสะพานหิน นายสมบัติ อรรถประจง ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 4 บ้านคำสมบูรณ์ นายอมร จำปารา ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 5 บ้านคำเมย นายชูวิทย์ สุรันนา ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 6 บ้านหัวนาคำ นายวิชัย ภูล้ำผา ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 7 บ้านโนนศรีสวัสดิ์ ส.ต.สุปัน สุรัญณา ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 8 บ้านทุ่งมน นายสมบูรณ์ สุพรรณธนา ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 9 บ้านบะเอียด นายสุระพล คาดีวี ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 10 บ้านนาอุดม นายจรัญ โคตรรักษา ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 11 บ้านนาเจริญ นายบุญจัน จันทวิสา กำนันตำบลนาบอน
กลุ่มอาชีพ
- กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านนาบอน หมู่ 2 ได้แก่ ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา ผ้าทอ
พื้นบ้านอื่นๆ
- กลุ่มแปรรูปสมุนไพรบ้านนาบอน หมู่ 2 ได้แก่ ขิงผง กระชายผง มะตูมผง ลูกยอผง
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรฟื้นฟูเศรษฐกิจบ้านนาเจริญ หมู่ 11 ได้แก่ เทียนหอมสมุนไพร แซมพู ครีมนวด
พิมเสน
- กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทอผ้าไหมแพรวาบ้านโนนศรีสวัสดิ์
- กลุ่มวิสาหกิจเพาะเห็ดบ้านคำเมย หมู่ 5
- กลุ่มสตรีทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านนาบอน หมู่ 1
- กลุ่มเตาอั่งโล่บ้านนาบอน หมู่ 2 และบ้านคำสมบูรณ์ หมู่ 4
- กลุ่มผักปลอดสารบ้านสะพานหิน หมู่ 3
- กลุ่มจักสานบ้านสะพานหิน หมู่ 3
- กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านสะพานหิน หมู่ 3
- กลุ่มแปรรูปกระเป๋าและเนตคลุมผมบ้านสะพานหิน หมู่ 3
ข้อมูลประเด็นปัญหา
ประเด็นปัญหาหลัก1. ความยั่งยืนของกระบวนการพัฒนาและส่งเสริมชุมชนเพื่อเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้
2. มีความเหลื่อมล้ำของคุณภาพชีวิตประชาชนทั้งในด้านอาชีพ ด้านรายได้ และการเข้าถึงการพัฒนาองค์ความรู้
3. ขาดองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและงบประมาณในการพัฒนาห่วงโซ่ธุรกิจ ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์
ประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้อง
1. ไม่มีงบประมาณในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี
2. การใช้สารเคมีในภาคการเกษตร การทำเกษตรเชิงเดี่ยว
3. ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในพื้นที่
4. ไม่มีสื่อและงบประมาณในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว
5. ขาดการสร้างกลในการพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมห่วงโซ่ธุรกิจผ้าไหมแพรวา
6. ขาดการนำระบบบัญชีที่ดีเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ
ข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
1. การพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน2. การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน โดยพัฒนาผ่านการประกอบอาชีพ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพทางการเกษตร และยังมีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตจำนวนมาก รวมถึงการพัฒนาให้มีการปลูกพืชโดยใช้วิถีทางเกษตรอินทรีย์ หรือใช้ระบบ smart farming
3. การพัฒนาและการยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มองค์กรในชุมชน
4. การสร้างอาชีพของชุมชน โดยการนำผลิตภัณฑ์ของชุมชน มายกระดับในด้านต่างๆ เช่น การออกแบบ design การตลาด การสื่อสารสร้างแบรนด์ ฯลฯ
ประเด็นปัญหาหลัก
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
องค์ความรู้หรือนวัตกรรมที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน
- การเรียนการสอนเน้นการลงมือปฏิบัติ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากพื้นที่จริง
- การเรียนการสอนเน้นกิจกรรมกลุ่ม Group Discussion และ Work Shop โดยใช้โจทย์ปัญหาจริงจากชุมชน
- การเรียนการสอนเน้นผลลัพธ์เป็นชิ้นงาน (Project Based) ที่สามารถนำไปแก้ปัญหาในชุมชนได้จริง (Problem Based)
- การประเมินและวัดผล (Learning Outcome) จะดำเนินการร่วมกันระหว่างทีมคณาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกจากภาคอุตสาหกรรม
- การศึกษาภาคปฏิบัติร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชนและชุมชนตัวอย่างที่พร้อมขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรม 4.0
- การบูรณาการองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการบัญชี ด้านวิศวกรรม และ ด้านเทคโนโลยีการบิน เข้าด้วยกันเพื่อสร้างนวัตกรรมสู่ชุมชน
รายละเอียดโครงการ/หลักการและเหตุผล
ในการแข่งขัน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาภาคการผลิตและบริการให้สามารถแข่งขันได้ เกิดความยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิต และมีรายได้ที่ดีขึ้น รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
(พ.ศ. 2560-2564) ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน มีแนวทางเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงธุรกิจของภาคบริการ และพันธกิจกระทรวงมหาดไทย ข้อ 4. เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตลอดจนภารกิจอำนาจหน้าที่ของกรมการพัฒนาชุมชน ในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ รวมทั้งเสริมสร้างความสามารถและความเข้มแข็งของชุมชน
จากวิสัยทัศน์และแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ อุดมศึกษาจึงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ชาติ ดังที่กำหนดไว้ในแผนอุดมศึกษาระยะยาว 20 ปี พ.ศ. 2561 - 2580 โดยการดำเนินงาน ผ่านกระบวนการการจัดการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและการสร้างองค์ความรู้ที่สอดคล้อง กับความต้องการของภาคสังคม ชุมชน และท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศให้สามารถ ลดความเหลื่อมล้ำทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจของคนไทยได้อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน ประกอบกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้มีนโยบายด้าน การอุดมศึกษาให้สร้างและพัฒนาคนไทยเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) ขับเคลื่อนหลักสูตรอุดมศึกษายุคใหม่ให้เข้ากับอาชีพแห่งอนาคต สร้างบัณฑิตสู่โลกใบใหม่ แห่งศตวรรษที่ 21 และขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะแห่งอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการใช้ศักยภาพ ของสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้วยการบูรณาการนโยบายเศรษฐกิจ บีซีจี โมเดล (BCG Model) เพื่อการปรับเปลี่ยนประเทศด้วยปัญญาจากฐานรากและเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่น
การจัดการเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ประเทศไทย 4.0 ด้วยการเน้นการเพิ่มมูลค่า (Value Added) ของสินค้าและบริการ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้นเมื่อภาคอุตสาหกรรมมีทิศทางขับเคลื่อนไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 กิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงอาชีพใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการพัฒนาสู่ยุค “ดิจิทัล 4.0” สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) และแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2579)
แผนภาพที่ 1 ตัวเลขที่ผู้ประกอบการต้องรู้เพื่อใช้ในการต่อยอดทางธุรกิจ
แหล่งที่มา https://www.marketingoops.com/news/ecommerce/e-commerce-shapes-logistics/
จากภาพพบว่าภาพรวมของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท ซึ่งมูลค่า E-Retail เป็นของธุรกิจในไทย 1% จากการคาดการณ์ในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 8.6% แสดงให้เห็นว่าธุรกิจ E-Retail ยังมีโอกาสขยายการเติบโตได้อีก
รัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งเน้นสร้างรายได้และความเจริญความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ที่เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับประเทศคือ คณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) เป็นผู้ขับเคลื่อน และมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้รับผิดชอบหลักส่งเสริมการดำเนินงาน OTOP จนถึงปัจจุบัน โดยร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ สนับสนุนส่งเสริม ยกระดับผลิตภัณฑ์ และพัฒนาช่องทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อให้ขายได้ มุ่งปรับตัวสู่การค้าแบบสากล ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคนในชุมชนส่วนใหญ่ไม่สามารถแข่งขันได้ต้องออกไปขายสินค้าตามที่ต่าง ๆ ไม่มีความสุข รายได้ไปตกอยู่แก่ผู้ประกอบการคนเดียว หรือบางกลุ่มเล็กไม่กระจายถึงประชาชนกลุ่มใหญ่ในชุมชนอย่างแท้จริง ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ไม่ประสบผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร รายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นกระแสหลักของประเทศ ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในกลุ่มทุนเอกชน เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ห้างร้านใหญ่ๆ กรุ๊ปทัวร์ ไม่ลงไปถึงฐานรากเช่นเดียวกัน
ดังนั้นจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผ่านยุคการผลักดันขายสินค้า OTOP(ผ้าไหมแพรวา) ออกจากชุมชนเพียงด้านเดียวสู่การเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ตามความต้องการ (Demand Driven Local Economy) โดยการขายสินค้า(ผ้าไหมแพรวา) ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนโดยใช้เสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์แปลงเป็นรายได้ ทั้งนี้ครอบครัวและลูกหลานยังอยู่ร่วมกัน ไม่ต้องแข่งขันนำผลิตภัณฑ์ออกไปขายนอกชุมชนเป็นชุมชนท่องเที่ยวที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ชวนกันคิด ชวนกันทำ ผลิตสินค้าและบริการ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระดับชุมชน ที่มีเสน่ห์ดึงดูด และมีคุณค่าเพียงพอให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนและใช้จ่ายเงินในทุกกิจกรรมของชุมชน ซึ่งรายได้จะกระจายอยู่กับคนในชุมชน ทุกคนมีความสุข เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน (Strength with in) และเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
จากความสำคัญข้างต้นหลักคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะบัญชีและ วิทยาการบินและคมนาคม มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้มุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตในศตวรรษที่ 21 ที่มีคุณภาพและสร้างนวัตกรรม องค์ความรู้ใหม่ ด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษากับการปฏิบัติงานจริง ลดระยะเวลา เรียนในชั้นเรียนให้น้อยลง มุ่งเน้นการปฏิบัติงานจริงมากขึ้น เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์ การทำงานตรงตามสาขาวิชาและองค์ความรู้ที่เรียน โดยมีชุมชนเป็นฐานในการนำองค์ความรู้ทางวิชาชีพ ในสาขาที่เรียนสู่การปฏิบัติ (Community-based Learning Program: CBL) ผ่านโครงงานที่ตอบสนอง ต่อปัญหาและความต้องการเชิงพื้นที่ของชุมชน (Area-based) และมุ่งเน้นผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาด้าน ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาคุณภาพชีวิต โดยได้ตระหนักถึงความสําคัญของการพัฒนาตัวเองและพัฒนาสังคมควบคู่กัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบ และเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไปตามนโยบายประเทศไทย 4.0
คำสำคัญเพื่อการค้นหา
ประเมินคุณค่าโครงการ
คุณค่าที่เกิดขึ้น | ผลที่เกิดขึ้น | ||
---|---|---|---|
1 | เกิดความรู้ หรือ นวัตกรรมชุมชน | ||
2 | เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เอื้อต่อสุขภาพ | ||
3 | การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ (กายภาพ สังคม และเศรษฐกิจ) | ||
4 | การพัฒนานโยบายสาธารณะที่เอื้อต่อสุขภาวะ | ||
5 | เกิดกระบวนการชุมชน | ||
6 | มิติสุขภาวะปัญญา / สุขภาวะทางจิตวิญญาณ |
ภาพถ่าย
วีดิโอ
ไฟล์เอกสาร
โครงการขยายผล
project version release 2022-02-13. ช่วยเหลือ