โครงการภูเก็ตเมืองต้นแบบในการส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะเพื่อเพิ่มกิจกรรมทางกาย (งานบริหารกลาง)
นโยบายสาธารณะและพื้นที่สุขภาวะเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกาย “ACTIVE PEOPLE ACTIVE ENVIRONMENT”
ในงานสร้างสุขภาคใต้ วันที่ 9-10 สิงหาคม 2566
ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
กล่าวต้อนรับและเปิดงานการประชุม และชี้แจงวัตถุประสงค์การประชุม
โดย... ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ
รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นำเสนอความก้าวหน้ามติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ประเด็น การส่งเสริมให้คนไทยทุกช่วงวัยมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น 9 มติ และสถานการณ์กิจกรรมทางกาย โดย...ดร.สุวภาคย์ เบญจธนวัฒน์ อาจารย์ สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนการส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่เป็นรูปธรรมในพื้นที่ (ประเด็นละ 10 นาที)
- การขับเคลื่อนงานส่งเสริมกิจกรรมทางกายผ่านกองทุนสุขภาพตำบลสู่คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) จ.พัทลุง โดย คุณสมนึก นุ่นด้วง พี่เลี้ยง สปสช.เขต 12
- กองทุนสุขภาพตำบลรูปธรรมความสำเร็จขับเคลื่อนงานส่งเสริมกิจกรรมทางกายในระดับพื้นที่เทศบาลตำบลนาท่อม จ.พัทลุง โดย คุณถาวร คงศรี พี่เลี้ยง สปสช.เขต 12
- บทเรียนการจัดการความปลอดภัยกีฬามวลชน โดย ดร.นพ.วรสิทธิ์ ศรศรีวิชัย เลขาธิการมูลนิธิสุขภาพภาคใต้ /อาจารย์สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- บทเรียนการจัดงานวิ่งท่าข้ามเทรล จ.สงขลา โดย ดร.สินธพ อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
- พื้นที่สุขภาวะเมืองภูเก็ต (ท้องถิ่น/มหาวิทยาลัย) และพื้นที่สุขภาวะเอกชนสวนสมุนไพรที่พังงา โดย คุณธนวัฒน์ วงศ์ลักษณพันธ์ รักษาการหัวหน้างานงานบริการวิชาการ วิจัย และประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสงขลานนครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต และคุณณัฐวิช วิเศษสินธุ สถาปนิกโครงการภูเก็ตเมืองต้นแบบในการส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะเพื่อเพิ่มกิจกรรมทางกาย
- นวัตกรรมการเรียนการสอนกับการส่งเสริมกิจกรรมกาย โดย อาจารย์อะหมัด หลีขาหรี รองผู้อำนวยการโรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์ อ.นาทวี จ.สงขลา
- มุมมองสื่อจากประสบการณ์ถอดบทเรียนชุมชนกับการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในประเทศไทย โดย คุณถนอม ขุนเพ็ชร์ สื่อ/นักเขียนอิสระ
ผู้ดำเนินการประชุม : ดร.สุวภาคย์ เบญจธนวัฒน์ อาจารย์ สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ระดมความคิดเห็นแต่ละกลุ่ม (แบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม) คุย 9 มติ ว่าใครทำอะไรอย่างไรต่อ
หัวข้อ: Roadmap แผนและโครงการ PA เพื่อการขับเคลื่อนในพื้นที่/องค์กร โดย... Stakeholders ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน แลกเปลี่ยนเรียนรู้/นำเสนอ Roadmap แผนและโครงการ PA แต่ละมติ
ผู้ดำเนินการประชุม: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ ดร.สุวภาคย์ เบญจธนวัฒน์ และคณะทำงาน โดย Stakeholders ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน
สรุปการประชุม
โดย... ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ
รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ดำเนินการระดมสมองเพื่อระบุแนวทาง / กิจกรรม และผู้รับผิดชอบในแต่ละมติตามแผนกิจกรรมทางกาย ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2567-2569) (ความคิดกลุ่ม)
Active society มีมติ 2 ข้อ คือ
1.การรับรู้กิจกรรมทางกาย
2.การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ซึ่งใน 2 มตินี้มีการดำเนินการไปแล้ว ซึ่งมีการรับรู้ในส่วนของตัวบุคคลและองค์กร แต่อาจจะยังไม่เต็มที่เท่าที่ควร ส่วนในด้านของการสื่อสาร ซึ่งต้องมีการขยับขับเคลื่อนต่อไป ในส่วนของหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบ ที่เกี่ยวข้อง โรงเรียน ควรมีนโยบายหรือหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ในเรื่องกิจกรรมทางกาย รวมไปถึง อปท. อบต. อบจ. เทศบาล ควรมีนโยบายและการรณรงค์ แบบแผน 3 ปี สนส. สปสช. มีงบประมาณทั้งในเรื่องของส่วนกลาง กองทุนสุขภาพ ควรเข้ามาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง รพ.สต. ก็ควรมีระบบของฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับทุกหน่วยงาน การยกระดับของปีที่ 2-3 ให้เป็นในเรื่องของการติดตามการยกระดับ และการทำอย่างต่อเนื่องและรวมไปถึงการถอดบทเรียนระหว่างทางด้วย และประเด็นของการสื่อสาร องค์กรสื่อในมติสมัชชาสุขภาพ พูดถึงประเด็นกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกฯ ซึ่งควรมีองค์กรที่เกี่ยวข้องมากกว่านั้น และควรสร้างกิจกรรมทางกาย ให้เป็นกระแสสร้างความต่อเนื่อง โดยอาจจะสร้างจาก influencer ผู้ที่มีอิทธิพลต่อความคิด อิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อเป็นไอเดียในการรณรงค์ในเรื่องกิจกรรมทางกาย เพื่อการสร้างสื่อและขยับการสร้างกระแส ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและยังคงกระแสไว้ได้อย่างต่อเนื่อง จะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพActive environment
มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ซึ่งในสิ่งที่ควรทำต่อ คือ ในเรื่องของพื้นที่ในการอกกำลังกาย สวนสาธารณะ สวนสาธารณะประโยชน์ทั่วไป ที่เป็นพื้นที่ที่สามารถใช้และสร้างกิจกรรมทางกายได้ แต่ยังขาดระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ไฟฟ้า แสงสว่าง และเครื่อง AED ในสถานที่ทำกิจกรรมทางกาย ซึ่งเป็นประเด็นแรกๆ ที่ควรทำและดำเนินการ มีการดำเนินการไปแล้วในปีที่1 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมี อปท. ตำรวจ และสาธารณสุข และในส่วนเรื่องของสัญลักษณ์ของ environment ยังมีสัญลักษณ์ที่ไม่ชัดเจน จำเป็นจะต้องมีสัญลักษณ์แบ่งให้ชัดเจน เช่น สัญลักษณ์แบ่งเลนการขี่จักรยาน /วิ่งช้า/วิ่งเร็ว พื้นที่สาธารณะส่วนใหญ่ไม่เอื้อให้ทุกกลุ่มวัยในการทำกิจกรรมทางกาย ซึ่งควรจะต้องเป็นพื้นที่สามารถทำกิจกรรมทางกายได้ทุกกลุ่มวัย และสามารถทำกิจกรรมครอบครัวได้ จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบพื้นที่นั้นๆ ให้เอื้อต่อการทำกิจกรรมทางกายได้ทุกกลุ่มวัย และในส่วนพื้นที่ที่มีบริเวณจำกัด อาจจะใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์และทำกิจกรรมทางกายได้ อาจจะมีการออกแบบให้เหมาะสมในกลุ่มวัยต่างๆ การสร้างพื้นที่ทำกิจกรรมทางกายเหล่านี้ ควรคำนึงถึงสาธารณูปโภค ที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย เช่น ห้องน้ำ โทรศัพท์ และควรมีการจัดผังเมืองที่ระบุถึงพื้นที่ที่เอื้อต่อการทำกิจกรรมทางกายได้ ด้านข้อกฎหมาย ในการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน ในบางพื้นที่ยังติดขัดในข้อกฎหมายในการใช้พื้นที่ร่วมกัน ซึ่งจริงๆ แล้ว ในพื้นที่สาธารณะ สามารถใช้ร่วมกันได้ ภายในโรงเรียน อาจมีการจัดการพื้นที่ให้สามารถมีพื้นที่ ในการทำกิจกรรมทางกายได้ มีการจัดบริเวณสัดส่วนที่สามารถออกกำลังกายได้ ซึ่งจะต้องเสริมสร้างความคิดว่าการออกกำลังกายมีความสำคัญและควรทำอย่างต่อเนื่อง ข้อบังคับ- การใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน ในทุกๆองค์กรจำเป็นต้องมีระบบ ระเบียบ วิธีการ เพื่อมีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อใช้พื้นที่ให้เอื้อต่อการทำกิจกรรมทางกายร่วมกันได้
ควรมีการกระจายพื้นที่สาธารณะ ที่เอื้อต่อการทำกิจกรรมทางกาย อาจจะมีการสร้างพื้นที่เล็กๆ เช่น โรงเรียน อบต. ในบริเวณที่เป็นพื้นที่ว่างเพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะในการทำกิจกรรมทางกาย ทำให้เกิดความกระจายมากยิ่งขึ้น และครอบคลุมทุกกลุ่มวัย ควรมีการสร้างพื้นที่ให้มีความหลากหลายในการออกกำลังกาย เช่น แบ่งโซนประเภทการออกกำลังกาย
Active People
กิจกรรมที่เคยดำเนินไปแล้ว คือ การรณรงค์ส่งเสริมประชาสัมพันธ์ จากกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้ประชาชนเกิดความรับรู้ เข้าใจ และตระหนัก การมีส่วนร่วม เพื่อนำไปสู่การมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น สนับสนุนทำให้มีความรู้ เข้าใจ ความตระหนัก การจัดการความรู้ สร้างนวัตกรรม และการสื่อสารเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และการมีกิจกรรมทางกายของประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทของสังคม และมองรวมไปถึงเรื่องประชาสัมพันธ์ กระบวนการการจัดทำโครงการ ในปีที่1 มีกิจกรรม เช่น งานวิ่ง ปั่นจักรยาน ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบควรเป็นท้องถิ่น หรือโรงเรียน เพราะเป็นองค์กรที่ใกล้ชิดกับภาคประชาชนมากที่สุด ในปีที่2 มองถึงการพัฒนาพื้นที่สาธารณะให้มีลานกิจกรรมมากขึ้น จะได้มีกิจกรรมทางกายมากขึ้น หน่วยงานที่จะเข้ามาดูแลควรเป็นในส่วนท้องถิ่น และความมีการสร้างความตระหนักในการจัดการความรู้ ควรมีต้นแบบในการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย หรือจัดทำโครงการ ซึ่งผู้รับผิดชอบอาจจะเป็นภายในชุมชน หรือโรงเรียน โดยมีการเขียนโครงการเพื่อขอบประมาณต่างๆในการจัดทำโครงการ ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย ควรมีการจัดทำหลักสูตร ในปีที่2 โดยเน้นการเรียนรู้ที่ชุมชนเป็นฐาน หน่วยงานที่รับผิดชอบคือชุมชน ท้องถิ่น โรงเรียน และสถานประกอบการ ในปีที่3 มองถึงหลักสูตรในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ควรจัดทำเป็นสื่อท้องถิ่น ผู้รับผิดชอบควรเป็นภาคเอกชน และในปีที่2 จะมองถึงการมีฐานข้อมูลกิจกรรมทางกาย ผู้รับผิดชอบโครงการ จะเป็นมหาวิทยาลัย ชุมชน หรือรวมถึงท้องถิ่น ในวิจัยจะขยับในปีที่3 โดยจะมีสถานศึกษา และมหาวิทยาลัยเข้ามาดูแลActive system
มีการสร้างนโยบาย การส่งต่อนโยบาย และการทำข้อมูลสถานการณ์ ซึ่งมีการส่งต่อให้กับภาคีเครือข่าย โดยมีกระทรวงการกีฬาและการท่องเที่ยว ให้มีการจัดอบรมอาสาสมัครส่งเสริมกีฬาและการออกกำลังกาย จะทำให้กลไกเหล่านี้มีบทบาทในการทำกิจกรรมทางกายในพื้นที่ ด้านการวางแผนดำเนินการต่อในปีที่1-3 ในปีที่ 1 ดำเนินการโดยกองทุนมีการจัดประชาคม ส่วนในปีที่2 มีการยกระดับแผนกองทุนให้เป็นแผนของอำเภอ เป็นบทบาทของ พชอ. และการบูรณาการแผนรวมกันในระดับจังหวัดซึ่งตอนนี้มีจังหวัดพัทลุง ปัตตานี สตูล นำร่อง โดยนำเรื่องกิจกรรมทางกายเป็นอีกหนึ่งแผนงาน ถ้าหากทุกจังหวัดมีการทำแผนรวมทุนจัดทำกิจกรรมทางกาย สร้างนโยบายจะทำให้การขับเคลื่อนแผนงานกิจกรรมทางกายได้มากขึ้น
การส่งเสริม การสนับสนุน การให้ปฏิบัติในพื้นที่ ในปีที่1 จะมีผู้รับผิดชอบ สช. พชอ. พชต. ปีที่2 การส่งเสริม การสนับสนุน การให้ปฏิบัติในพื้นที่ จะมี พชอ. ในการขับเคลื่อน ส่วนในปีที่ 3 การส่งเสริม การสนับสนุน การให้ปฏิบัติในพื้นที่ สช. จังหวัด ขับเคลื่อนงานทั้งหมด และมีการพัฒนาข้อมูล และการจัดการข้อมูล ปีที่1 จะมีการจัดทำแผนและฐานข้อมูลในกิจกรรมทางกายในระบบ และในเว็บกองทุนตำบล เป็นบทบาทของกองทุนตำบล ปีที่2 แผนในระดับอำเภอบทบาทของ พชอ. ปีที่3 คาดว่ามีฐานข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น จะเป็นบทบาทของ พชอ. และกองทุนตำบล และมีการขอความร่วมมือ กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว รวมด้วยกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีแผนงานและนโยบาย โครงการ ในการส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น ในปีที่1 จะมีการผลักดันให้มีแผนกิจกรรมทางกาย ระดับครอบครัวและภาคีเครือข่าย โดยการส่งเสริมจาด พมจ. และเครือข่ายครอบครัวเข้มแข็ง ในส่วนปีที่2 มีการผลักดันให้เกิดโครงการสู่การปฏิบัติภายในระดับพื้นที่ จะเป็นในส่วนของศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน ปีที่ 3 คือการสร้างเครือข่าย Network ในระดับตำบล ระดับอำเภอ เป็นเครือข่ายศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน กลไกความร่วมมือ ในส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการสนับสนุนด้านงบประมาณ หลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นและพื้นที่ ให้มีแผนงานเกี่ยวกับกิจกรรมทางกาย และสอดคล้องกับแนวคิดนโยบายแผนเดียวของกระทรวงมหาดไทย และคิดว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. อบจ. ต้องมีการยกระดับแผนงานในระดับเทศบัญญัติ ที่นำไปสู่แผนงานในปีที่ 2 และมีการประเมิน ติดตาม เพื่อยกระดับโดยมีท้องถิ่น เครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาประเมินและติดตามผล ในเรื่องของมาตรการภาษี เป็นบทบาทหลักของสถาบันวิจัยสาธารณสุข มีเรื่องกระบวนการจัดการเรียนรู้ การเผยแพร่ การประชาสัมพันธ์ ในเรื่องกิจกรรมทางกาย ให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี ในปีที่2 จะนำผลงาน จากปีที่ 1 เข้าแผนทำนโยบาย ส่วนปีที่ 3 จะเป็นการปฏิบัติเพื่อสร้างความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างสถาบันวิจัยสาธารณสุข เพื่อส่งเรื่องนโยบายไปสู่กระทรวงการคลัง