แบบการติดตามประเมินผลการดำเนินกิจกรรมของโครงการ (Process Evaluation)
กิจกรรม | ระยะเวลา | เป้าหมาย/วิธีการ | ผลการดำเนินงาน | ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ||
1. ขับเคลื่อนรูปแบบเกษตรกรรมยั่งยืนให้เกิด การขยายผลในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ชายแดนเพื่อนําไปสู้การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ | 1 พ.ย. 2566 |
|
|
|
|
|
|
2. พัฒนาฐานข้อมูลและแผนภาพอาหารทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อใช้บูรณาการทํางานระบบอาหารและโภชนาการ และสื่อสารสู่สาธารณะ | 1 พ.ย. 2566 |
|
|
|
|
|
|
1.2 ทีมนักวิชาการออกแบบหลักสูตรเกษตรกรรมยั่งยืนโดยใช้แหล่งเรียนรู้ จากเกษตรกร 10 แห่ง และออกแบบเครื่องมือประเมินความมั่นคงทางอาหาร ระดับครัวเรือน (นำไปใช้ประเมินกลุ่มเป้าหมาย 200 คน) | 1 พ.ย. 2566 |
|
|
|
|
|
|
2.1 ทีมนักวิชาการออกแบบเครื่องมือ จัดทำชุดแผนภาพอาหาร ใน 4 จังหวัด สงขลา ปัตตานี ยะลาและ นราธิวาส | 1 พ.ย. 2566 |
|
|
|
|
|
|
3. พัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อส่งเสริมบริโภคอาหารเพื่อสุข ภาวะ/ระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยกลไกกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) กลไกผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กลไกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
4. กิจกรรมการสื่อสารสาธารณะและการสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
5. การติดตามประเมินผลภายนอก | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
1.1 การประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความร่วมมือการยกระดับต้นแบบการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
1.3 สนส. และทีมวิชาการสร้างปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่งให้มีความพร้อมเป็นจุดถ่ายทอดการทำเกษตรกรรมยั่งยืน การเป็นทีมวิทยากร | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
2.2 เก็บข้อมูลตามแบบเครื่องมือ | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
3.1 ประชุมทีมคณะเศรษฐศาสตร์มอ. เพื่อวางแผนประเมินโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนากลุ่มจังหวักภาคใต้ชายแดน และแผนของอบจ. แผนปี 65และ66 เพื่อประเมินถึงความคุ้มค่าในมิติทางด้านเศรษฐกิจและสังคม | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
3.4 การประชุมกำหนดวาระนโยบายเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร นโยบายการแก้ปัญหาโภชนาการเด็ก ให้อยู่ในแผนของกลุ่มจังหวัดและอบจ. ปัตตานี | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
4.1 ประสานกับวิทยุมอ.88 หาดใหญ่ มอ.ปัตตานี เอามาออกแบบการพัฒนาประเด็นสื่อสาร ข้อเสนอเชิงนโยบายความมั่นคงทางอาหาร การทำเกษตรกรรมยั่งยืน ตลาดสีเขียวในชุมชน อาหารปลอดภัย นโยบายแก้ปัญหาด้านโภชนาการ เช่นเด็กเตี้ย เด็กผอม | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
5.1. ติดตามประเมินผลภายในโครงการ เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามตัวชี้วัดและให้ข้อเสนอแนะต่อผู้รับผิดชอบโครงการรวมทั้งช่วยประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เช่นค่าใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละกิจกรรม กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลประโยชน์ | 1 ธ.ค. 2566 |
|
|
|
|
|
|
6. นําเสนอระบบ/กลไกเฝ้าระวังอาหารปลอดภัย ให้กับผู้บริหารหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย | 1 ม.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
1.4 จัด workshop ให้เกษตรกร 200 คน ในพื้นที่แปลงเรียนรู้ของเกษตรกรต้นแบบ พร้อมกับประเมินความมั่นคงทางอาหาร ของกลุ่มเป้าหมาย 200 คน | 1 ม.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
3.2 ทีมนักวิชาการลงพื้นที่ประเมินโครงการ | 1 ม.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
6.1 การจัดประชุมนำเสนอรูปแบบของกลไกคณะทำงานอาหารปลอดภัยยะลา และนำเสนอรูปแบบให้กับผู้บริหารนครยะลา เพื่อให้เทศบาลนครยะลาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง | 1 ม.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
2.3 ออกแบบโปรแกรมระบบฐานข้อมูลแผนภาพอาหาร และบันทึกข้อมูล | 1 ก.พ. 2567 |
|
|
|
|
|
|
3.3 นักวิชาการนำผลการประเมินคืนให้กับส่วนราชการที่ดำเนินโครงการ พร้อมกับworkshop การยกระดับการทำแผนงานโครงการที่ตอบความคุ้มค่าในมิติเศรษฐกิจและสังคม | 1 มี.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
1.6 เดือน ก.ค.ประเมินความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน เกษตรกร 200 คน (ประเมินหลังการเข้าร่วมกิจกรรม) | 1 พ.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
2.4 มีการประชุมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 จังหวัดให้เกิดการนำโปรแกรมระบบฐานข้อมูลแผนภาพอาหารไปใช่ออกแบบโครงการที่เกี่ยวกับความมั่นคงอาหาร หรือตลาด หรือการเชื่อมเครือข่าย หรือการจัดการความรู้ | 1 พ.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
4.2 จัดเวทีนโยบายในพื้นที่(คลายๆ Thai pbs) | 1 พ.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
7. การพัฒนาชุดความรู้ แนวทางปฏิบัติ และคู่มือ Model เกษตรกรรมยั่งยืนใน สวนยางพารา ขยายผลกับการยางแห่งประเทศไทยสามจังหวัดภาคใต้ชายแดน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | 1 มิ.ย. 2567 |
|
|
|
|
|
|
7.1 นักวิชาการลงพื้นที่ ประเมินแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่ง ถอดบทเรียนการเป็นแหล่งเรียนรู้ และจัดทำ model แหล่งเรียนรู้ฯ จัดทำเป็นแนวทางปฏิบัติการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในสวนยางพารา | 1 มิ.ย. 2567 |
|
|
|
|
|
|
7.2 จัดประชุมแลกเปลี่ยนการทำเกษตรกรรมยั่งยืน ในรูปแบบการจัดประชุมวิชาการ หรือการจัดสมัชชาเรื่องสวนยางยั่งยืน ทั้ง onsite และ online | 1 ส.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
1.5 ระบบติดตามสนับสนุนให้คำปรึกษาการทำเกษตรกรรมยั่งยืน (กลุ่มไลน์) ให้กับแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่ง และแกนนำเกษตรกร 200 คน | 1 ต.ค. 2567 |
|
|
|
|
|
|
จัดทำสารคดี รูปแบบเกษตรผสมผสาน กรณีศึกษา ทศพล รุ่งเรืองใบหยก | 13 พ.ย. 2567 | 13 พ.ย. 2567 |
|
ถ่ายทำสารคดี....สัมภาษณ์ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยสาขาเบตงนายสะอุเซ็ง สาแม ประเด็นการให้การสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่และเกษตรกรต้นแบบ ถ่ายทำสารคดี ...สัมภาษณ์เกษตรกรต้นแบบคุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก ถ่ายทำสารคดี... สัมภาษณ์ร้านต้าเหยินซึ่งใช้วัตถุดิบบางส่วนจากเกษตรกรต้นแบบและเกษตรกรในพื้นที่ |
|
ถ่ายทำสารคดี... การยางแห่งประเทศไทยสาขาเบตง ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยสาขาเบตง นายสะอุเซ็ง สาแมง ถ่ายทำสารคดี... ร้านต้าเหยิน (กิตติ) เป็นร้านอาหารจีนเก่าแก่ของเบตง สืบทอดรสชาติอาหารจากรุ่นสู่รุ่น โดยยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ไม่ว่าใครที่มาเยือนเมืองเบตงจะต้องเข้ามาลิ้มชิมรสอาหารจีนขึ้นชื่อของเบตงที่ร้านนี้ อาทิเช่น ไก่สับเบตง เคาหยก ปลาจีนนึ่งบ๊วย แกงจืดลูกชิ้นแคะ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งร้านสาขาดั้งเดิมตั้งอยู่ที่ 253 ถ.สุขยางค์ ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ย่านการค้า บริเวณใกล้กับหอนาฬิกาเบตง ร้านต้าเหยินใช้วัดวัตถุดิบส่วนใหญ่จากเกษตรกรในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นไก่เบตงไก่ 9 ชั่งปลาทับทิม ถั่วงู หรือแม้กระทั่งน้ำผลไม้เสาวรสใบบัวบกน้ำลูกเดือยน้ำตะไคร้ก็ล้วนใช้ผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่เพื่อการส่งเสริมเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยไก่เบตง ปลาส่วนหนึ่งจะนำมาจากสวนของคุณทศพลที่เป็นเกษตรกรต้นแบบ เพราะเชื่อเชื่อถือได้ว่าปลอดสารแน่นอนการนำอาหารมาผลิตให้กับผู้บริโภคทางร้านต้าเหยินมองถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญเพราะฉะนั้นเกษตรกรที่ร้านต้าเหยินเลือกนำวัตถุดิบมาใช้นั้นก็จะต้องเป็นเกษตรกรที่ไม่ใช้สารเคมีในผลผลิต การเกษตรผสมผสาน: ทางรอดของเกษตรกรสวนยาง ความท้าทายของการทำสวนยางเชิงเดี่ยว การทำสวนยางเชิงเดี่ยวในปัจจุบันเผชิญกับความท้าทายหลายประการ หลักๆ คือการเกิดโรคใบยางร่วงและราคายางที่ตกต่ำ ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรเฉพาะยางได้ จึงมีการนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ โดยการทำเกษตรผสมผสาน เช่น การเลี้ยงไก่ไข่และไก่เนื้อร่วมกับการปลูกยาง เพื่อสร้างรายได้ที่หลากหลายและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงการเลี้ยงไก่ที่มีความแตกต่างกันในขนาดและรสชาติ และเน้นความสำคัญของการทำเกษตรผสมผสานที่ถูกต้อง ซึ่งชาวบ้านบางคนอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวทางนี้ โดยคิดว่าต้องปลูกพืชแล้วรอผลเท่านั้น ในขณะที่จริง ๆ แล้วต้องมีการจัดการที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีซึ่งทำให้เกษตรกรต้องพิจารณาแนวทางการทำเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อสร้างความหลากหลายในการผลิตและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผลผลิตเพียงอย่างเดียว การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้
เกษตรกรสวนยางควรนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ โดยการทำเกษตรผสมผสาน ซึ่งเป็นการทำการเกษตรหลากหลายรูปแบบร่วมกันในพื้นที่เดียว เช่น การเลี้ยงไก่ไข่ ไก่เนื้อ และเลี้ยงปลาน้ำจืด เป็นต้น
หลักการสำคัญของการเกษตรผสมผสาน
การหมุนเวียนพืช: ปลูกพืชชนิดต่างๆ สลับกันไปในแต่ละปี เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและลดการระบาดของโรคและแมลง
การปลูกพืชคลุมดิน: ปลูกพืชคลุมดินเพื่อป้องกันการกัดเซาะดิน รักษาความชื้น และเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน
การใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก: นำมูลสัตว์และเศษพืชมาหมักเพื่อใช้เป็นปุ๋ย ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์และลดการใช้ปุ๋ยเคมี
การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ: สร้างระบบชลประทานที่เหมาะสมและเก็บกักน้ำฝน
การเลี้ยงสัตว์: เลี้ยงสัตว์ที่สามารถใช้ประโยชน์จากเศษพืชและมูลสัตว์ได้ เช่น ไก่ ปลา กบ เป็ด หมู
การควบคุมศัตรูพืชและโรคพืช: ใช้ศัตรูธรรมชาติในการควบคุมศัตรูพืชและโรคพืช ลดการใช้สารเคมี
ดังนั้น การทำเกษตรผสมผสานไม่ใช่เพียงแค่ปลูกพืชแล้วทิ้งไว้เพื่อรอผลผลิต แต่ต้องมีการวางแผนและประมาณตนเองว่าสามารถทำเกษตรในรูปแบบใดได้ดีที่สุด ซึ่งการปลูกพืชเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงต้องมีการเลี้ยงสัตว์และทำประมงด้วย โดยยึดหลักเศรษฐกิจและช่องทางการตลาดเป็นหลัก
การเลี้ยงไก่ไข่ ไก่เนื้อ และไก่เก้าชั่ง
การเลี้ยงไก่ไข่เพื่อเก็บไข่ขาย ไก่เนื้อสำหรับการบริโภค และไก่เก้าชั่งจะมีขนาดใหญ่กว่าไก่เบตงเล็กน้อย รสชาติคล้ายคลึงกัน สามารถใช้ในการบริโภคหรือขายให้กับร้านอาหารได้ นอกจากนี้การเลี้ยงไก่แบบไม่ขังกรงเป็นแนวทางที่ช่วยให้ไก่มีความเป็นธรรมชาติและสุขภาพดี โดยสามารถปล่อยให้ไก่เดินหากินตามธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้ไก่ได้ออกกำลังกายและลดความเครียด และยังสามารถใช้พืชต่างๆ ในสวนเป็นอาหารเสริมให้กับไก่ เช่น ใบมันและใบกล้วย ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการให้อาหารได้อีกด้วย
การเลี้ยงปลาจีน
อาหารปลาจีนสามารถใช้พืชต่างๆ เป็นส่วนประกอบในการเลี้ยงปลาได้ เช่น ใบมันและใบกล้วย ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการให้อาหารปลา นอกจากนี้ยังมีการใช้พืชอื่นๆ เช่น หญ้าเนเปียร์และใบสําปะหลังในการเลี้ยงปลา โดยเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การเลี้ยงปลานิลสายน้ำไหล
เป็นปลาที่สามารถเลี้ยงได้ในระบบที่ไม่ต้องใช้อาหารเสริมมากนัก โดยสามารถใช้ใบมันและพืชอื่นๆ เป็นอาหาร ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงได้ นอกจากนี้ การเลี้ยงปลานิลในลักษณะนี้อาจทำให้ปลาโตช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเชื่อมโยง คือ หัวใจหลักของการขับเคลื่อน ประโยชน์ของเกษตรผสมผสาน การพึ่งพาตนเอง: เกษตรกรสามารถมีรายได้หมุนเวียนจากการขายผักสวนครัว การจับปลา และการขายไข่ไก่ ซึ่งช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในสวน เช่น พืชต่างๆ เป็นอาหารเสริมสำหรับปลาและไก่ ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้อีกด้วย ความยั่งยืน ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี: การหมุนเวียนพืชและการใช้ปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์ ช่วยลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ดินและน้ำ: การปลูกพืชคลุมดินและการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันการกัดเซาะและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ: การปลูกพืชหลายชนิดและการเลี้ยงสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ช่วยสร้างระบบนิเวศที่สมดุลและมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง การลดต้นทุน: ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในการลดต้นทุน เช่น การใช้พืชในพื้นที่เป็นอาหารสัตว์ คุณภาพอาหาร: เน้นการเลี้ยงสัตว์และปลาด้วยอาหารธรรมชาติ ถึงแม้จะโตช้าแต่ให้คุณค่าทางอาหารสูง โครงการฝึกอบรมและการขยายเครือข่ายชุมชนของ กยท. สรุป : การเกษตรผสมผสานคืออนาคตของการผลิตอาหารที่ยั่งยืน การเกษตรผสมผสานเป็นวิธีการทำเกษตรที่รวมเอาหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุลและยั่งยืน การเกษตรผสมผสานไม่เพียงแต่ช่วยให้เกษตรกรอยู่รอด แต่ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้ตราบใดที่ยังมีความรักและความหลงใหลในการทำเกษตรแบบนี้อยู่ |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส | 10 ส.ค. 2567 | 10 ส.ค. 2567 |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ สวนคุณเจริญ |
|
แลกเปลี่ยนความรู้ในการปลูกพืชสวนผสม สวนคุณเจริญ บทสัมภาษณ์คุณเจริญ เวชวัฒนาเศรษฐ “ครูถั่ว” คนกล้าคืนถิ่น และ ผู้แทนคนกรีดยาง ตัวแทนใน คกก.นโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ประสานความร่วมมือร่วมสร้างเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงพัฒนาคนรุ่นใหม่ สร้าง SME ที่พึ่งตนเองได้ด้วยวิถีเกษตรเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การปลูกยาง เบตง เทคนิค วิธีการ เทคนิคการกรีด: ใช้มีดกรีดที่มีความคมและกรีดในมุมที่เหมาะสม โดยควรกรีดให้ลึกพอสมควรเพื่อให้ยางไหลออกมาได้ดี การดูแลรักษาต้นยาง: หลังการกรีดควรดูแลรักษาต้นยางให้ดี เช่น การให้ปุ๋ยและน้ำ เพื่อให้ต้นยางมีสุขภาพดีและสามารถผลิตยางได้ต่อเนื่อง การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตยางและคุณภาพของยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้ายางพันธุ์ไทยแท้: มีคุณสมบัติความเหมาะสมกับสภาพอากาศ มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศและดินในประเทศไทยได้ดี ให้ผลผลิตยางที่มีคุณภาพสูงและมีปริมาณมากเมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ ข้อเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ที่เจริญกับพื้นที่ที่ไม่เจริญมีความสำคัญอย่างไร: โอการในการพัฒนาเศรษฐกิจ: พื้นที่ที่เจริญมักมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า เช่น การเข้าถึงตลาด การลงทุน และการสร้างงาน การศึกษาและการเข้าถึงบริการ: พื้นที่ที่เจริญมักมีการศึกษาและบริการสาธารณะที่ดีกว่า เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และบริการสาธารณะอื่นๆ คุณภาพชีวิต: การเปรียบเทียบช่วยให้เห็นความแตกต่างในคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ดี สาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อมที่ดี การวางแผนและนโยบาย: ข้อมูลจากการเปรียบเทียบสามารถใช้ในการวางแผนพัฒนาพื้นที่ที่ไม่เจริญให้มีการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน การวิเคราะห์ความแตกต่างนี้ช่วยให้เข้าใจถึงปัญหาและโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น คุณเจริญได้มีโอกาสศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชการที่ 9 เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีหลักการสำคัญดังนี้: 1. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ฟุ่มเฟือย 2. การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและการพึ่งพาตนเอง 3. การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม 4. การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะในชุมชน 5. เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้ผู้คนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ | 11 ส.ค. 2567 | 11 ส.ค. 2567 |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ สวนคุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก บทสัมภาษณ์ คุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก เกษตรกรรุ่นใหม่ผู้เปลี่ยนผ่านจากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก เป็นต้นแบบเกษตรกรชาวสวนยางเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบยั่งยืน อายุ 39 ปี เป็นเลขานุการของสหกรณ์ ต.ตาเนาะแมเราะ เลขานุการของเครือข่ายเบตง และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาชุมชนและการเกษตรในพื้นที่ จุดเด่นหลักของการเกษตรในพื้นที่เบตง คือ การปลูกยางและการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่ทำให้พื้นที่นี้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ เหมาะสม เช่น น้ำ ลำธารและภูมิอากาศที่เอื้อต่อการเกษตร นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนผ่านความรู้จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่มีทักษะและความรู้ในการผลิตที่สูงขึ้น |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ | 11 ส.ค. 2567 | 11 ส.ค. 2567 |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ สวนมังคุดในสายหมอก นายสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์ |
|
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
สวนมังคุดในสายหมอก นายสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์
บทสัมภาษณ์คุณสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์ เลขานุการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดทุเรียนอินทรีย์ อ.เบตง
เริ่มทำเกษตรตั้งแต่ปี 2554 หลังจากที่เขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ประมาณปีครึ่ง และต้องกลับมาดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคความดัน ไม่มีใครดูแล เขาจึงตัดสินใจผันตัวกลับมาทำเกษตรในช่วงเวลานั้น ทำเกษตรเกี่ยวกับผลไม้หลักๆ ได้แก่: มังคุด ทุเรียน ลองกอง
ในช่วงเริ่มต้นทำเกษตร คุณสุขสันต์เผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ทั้งผลผลิตไม่สวยและไม่ตรงตามมาตรฐาน ทำให้ขายได้ในราคาต่ำ การดูแลผลไม้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ราคาผลไม้ในตลาดต่ำ ทำให้ขาดรายได้ จึงแก้ปัญหาโดยรวมกลุ่มมังคุดแปลงใหญ่น้ำทิพย์ กับเกษตรกรคนอื่นๆ เพื่อศึกษาและพัฒนาคุณภาพของมังคุด เรียนรู้วิธีการปลูกและดูแลที่มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงวิธีการดูแลผลไม้ให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงขึ้น การรวมกลุ่มนี้ช่วยให้เขาได้รับความรู้และเทคนิคใหม่ๆ ผลผลิตจึงมีคุณภาพดีขึ้น อีกทั้งศึกษาและเรียนรู้จากการไปเยี่ยมชมแปลงเกษตรที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่อื่นๆ เช่น ชุมพร การเรียนรู้จากแหล่งเหล่านี้ช่วยให้สามารถปรับปรุงวิธีการทำเกษตรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันคุณสุขสรรค์มีพื้นที่ปลูกมังคุดอินทรีย์ จำนวนทั้งหมด 8 ไร่ รวมจำนวนต้นทั้งหมด 155 ต้น อ.เบตง มีการใช้สารเคมีน้อยมากจึงทำให้เกิดแนวความคิดการรวมกลุ่มทำมังคุดอินทรีย์ขึ้นเพื่อที่จะยกระดับคุณภาพ และราคาของมังคุดในพื้นที่ อ.เบตง ให้มีราคาสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งลักษณะเด่นของมังคุดอินทรีย์เบตง คือ ลูกใหญ่ ผิวมันวาว รสชาติหวานติดเปรี้ยวนิดๆ
เทคนิคการปลูก
ปัจจุบันในวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดทุเรียนอินทรีย์ ได้มีการให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี โดยจะเน้นใช้สารชีวภัณฑ์แทนปุ๋ยเคมีตั้งแต่เริ่มปลูก คือ มีการใช้ปุ๋ยคอกใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก มีการใช้สารชีวภัณฑ์แทนปุ๋ยเคมี เพื่อให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นเป็นที่มีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งประกอบด้วย 1.จุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตร (สูตรหัวเชื้อ) 2. ฮอร์โมนไข่ 1 ลิตร (เป็นฮอร์โมนไข่ที่หมักแล้ว) 3.นมหมัก 1 ลิตร (เป็นนมที่หมักแล้ว) และ 4.แคลเซี่ยมโบรอน 1 ลิตร (แคลเซียมโบรอนที่ทำเรียบร้อยแล้ว) บวกกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง |
|
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี | 19 ต.ค. 2567 | 19 พ.ย. 2567 |
|
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี |
|
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพ จี๋คีรี ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จำนวน60ท่าน โดย ดร.ไชยยะ คงมณี รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หัวข้อหลัก: การเพิ่มผลผลิตและการจัดการสวนปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน
ประเด็นสำคัญที่กล่าวถึง:
ความหลากหลายของการทำเกษตร: ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมัน แต่ยังมีผู้ที่ทำอาชีพอื่นๆ เช่น เลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการทำมาหากินของชุมชน
ปัญหาและอุปสรรค: เกษตรกรหลายรายเผชิญกับปัญหาเรื่องภัยแล้ง ดินเสื่อมโทรม น้ำท่วม และการเลือกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เป้าหมายของการประชุม: 1. ส่งเสริมให้เกษตรกรมีองค์ความรู้และทักษะในการจัดการสวนปาล์มน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ 2. สนับสนุนให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรแบบยั่งยืน 3. ให้ข้อมูล รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ในการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร 4. พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน ข้อเสนอแนะ: การจัดอบรม: ควรจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้จริง การสนับสนุนด้านเงินทุน: ควรมีมาตรการสนับสนุนด้านเงินทุนให้แก่เกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบการผลิต การสร้างเครือข่าย: ควรสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สรุปโดยรวม: การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการทำสวนปาล์มน้ำมัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและพัฒนาภาคการเกษตรให้มีความยั่งยืน |
|
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก | 21 พ.ย. 2567 | 21 พ.ย. 2567 |
|
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก |
|
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก
โดย ดร.ไชยยะ คงมณี รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
บทสัมภาษณ์ คุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก เกษตรกรรุ่นใหม่ผู้เปลี่ยนผ่านจากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก เป็นต้นแบบเกษตรกรชาวสวนยางเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบยั่งยืน อายุ 39 ปี เป็นเลขานุการของสหกรณ์ ต.ตาเนาะแมเราะ เลขานุการของเครือข่ายเบตง และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
เกษตรผสมผสานเบตง ยะลา
เกษตรผสมผสานในเบตง กำลังเป็นที่สนใจและได้รับการส่งเสริมอย่างมาก เนื่องจากเป็นรูปแบบการทำเกษตรที่สอดคล้องกับธรรมชาติและมีความยั่งยืน สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย
จุดเด่นของเกษตรผสมผสานในเบตง:
1. ความหลากหลายของพืชผล: มีการปลูกพืชผัก ผลไม้หลากหลายชนิด เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง รวมถึงพืชผักสวนครัวต่างๆ
2. การเลี้ยงสัตว์: นอกจากการปลูกพืชแล้ว ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ เป็ด ปลา เพื่อเพิ่มความหลากหลายของรายได้
3. การใช้ประโยชน์จากพื้นที่อย่างคุ้มค่า: การปลูกพืชหลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ และลดการใช้สารเคมี
4. การสร้างระบบนิเวศ: เกษตรผสมผสานช่วยสร้างระบบนิเวศที่สมดุล ทำให้มีแมลงผสมเกสรและสัตว์มีประโยชน์อื่นๆ ช่วยในการควบคุมศัตรูพืช
5. การสร้างรายได้: สามารถสร้างรายได้จากการขายผลผลิตทางการเกษตรทั้งในรูปแบบสดและแปรรูป
6. การส่งเสริมการท่องเที่ยว: สวนเกษตรผสมผสานสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมและเรียนรู้วิถีชีวิตของเกษตรกร
ปัจจัยที่สนับสนุนความสำเร็จ
สภาพภูมิอากาศและดิน: |
|