การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา
-
1732071764191.jpg
-
1732071666043.jpg
-
1732071665957.jpg
-
1732071662783.jpg
-
1732070477928.jpg
-
1732070477120.jpg
-
1732070480358.jpg
-
1732070481849.jpg
-
1732070481114.jpg
-
1732070482663.jpg
-
1732070483404.jpg
-
1732070484511.jpg
-
1732070485178.jpg
-
1732070486875.jpg
-
1732070486103.jpg
-
1732070487870.jpg
-
1732070488559.jpg
-
1732070489252.jpg
-
1732070490816.jpg
-
1732070490068.jpg
-
1732070491873.jpg
-
1732070492510.jpg
-
1732070493819.jpg
-
1732070493232.jpg
-
1732070494434.jpg
-
1732070495784.jpg
-
1732070495159.jpg
-
1732070496513.jpg
-
1732070497831.jpg
-
1732070497229.jpg
-
1732070498587.jpg
-
1732070499919.jpg
-
1732070499278.jpg
-
1732070475884.jpg
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพ จี๋คีรี ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จำนวน60ท่าน โดย ดร.ไชยยะ คงมณี รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
หัวข้อหลัก: การเพิ่มผลผลิตและการจัดการสวนปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน
ประเด็นสำคัญที่กล่าวถึง:
ความหลากหลายของการทำเกษตร: ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมัน แต่ยังมีผู้ที่ทำอาชีพอื่นๆ เช่น เลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการทำมาหากินของชุมชน
ปัญหาและอุปสรรค: เกษตรกรหลายรายเผชิญกับปัญหาเรื่องภัยแล้ง ดินเสื่อมโทรม น้ำท่วม และการเลือกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
การเพิ่มผลผลิต: มีการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเพิ่มผลผลิต เช่น การเลือกพันธุ์ปาล์มที่เหมาะสม การใส่ปุ๋ย การจัดการน้ำ และการป้องกันกำจัดศัตรูพืช
การทำเกษตรยั่งยืน: ผู้เข้าร่วมให้ความสนใจในการทำเกษตรแบบยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การลดการใช้สารเคมี และการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ควรเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ความรู้และเทคโนโลยีในการจัดการสวนปาล์ม รวมถึงการใส่ปุ๋ยและการจัดการน้ำอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการทำบัญชีฟาร์มและการสร้างรายได้เสริมจากกิจกรรมอื่นๆ เช่น การเลี้ยงสัตว์ การปลูกพืชร่วม เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผู้อำนวยการยังกล่าวถึงความสำคัญของการเป็น Smart Farmer ที่ใช้ความรู้และเทคโนโลยีในการทำเกษตร และการเข้าร่วมโครงการรับรองมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน
การสร้างรายได้เสริม: มีการแนะนำวิธีการสร้างรายได้เสริมจากการทำเกษตร เช่น การเลี้ยงสัตว์ การแปรรูปผลผลิต และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
คุณมานพ จี๋คีรี เกษตรกรดีเด่นตัวแทนจังหวัดนราธิวาส
เรื่องของการจัดการสวนปาล์มที่สำคัญมี 3 ประเด็นหลัก ก็คือ เรื่องปุ๋ย เรื่องของการจัดการผลผลิต และการจัดการแรงงานในส่วนปาล์ม
ความสำคัญของปุ๋ย: ปุ๋ยเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตของปาล์มน้ำมัน การเลือกใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมและการใส่ปุ๋ยอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ต้นปาล์มแข็งแรง ผลผลิตสูง และมีคุณภาพดี
ชนิดของปุ๋ย:
ปุ๋ยเคมี: ให้ธาตุอาหารหลักแก่พืช ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม
ปุ๋ยอินทรีย์: ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มจุลินทรีย์ในดิน และค่อยๆ ปล่อยธาตุอาหารให้พืชใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้กับต้นปาล์ม
ปุ๋ยหมัก: ผลิตจากวัสดุอินทรีย์ เช่น ขี้ไก่ ขี้วัว ใบไม้ หญ้าแห้ง ผสมกันหมักให้สลายตัวจนได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ
ปุ๋ยคอก: ได้จากมูลสัตว์ เช่น ขี้วัว ขี้ควาย มูลไก่ มีธาตุอาหารค่อนข้างครบ
ปุ๋ยพืชสด: ใช้พืชปุ๋ย เช่น ปอเทือง โสน ฝังกลบลงดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุและไนโตรเจนให้กับดิน
ปุ๋ยชีวภาพ: ผลิตจากจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยและป้องกันโรคพืช
การใส่ปุ๋ย:
ปริมาณ: ขึ้นอยู่กับอายุของต้นปาล์ม สภาพดิน และผลผลิตที่ต้องการ
ช่วงเวลา: ควรใส่ปุ๋ยในช่วงที่ต้นปาล์มต้องการธาตุอาหารมากที่สุด เช่น ช่วงก่อนออกดอกและช่วงติดผล
การวิเคราะห์ดิน: การวิเคราะห์ดินก่อนการใส่ปุ๋ยจะช่วยให้ทราบถึงความต้องการธาตุอาหารของดินและสามารถปรับปรุงสูตรปุ๋ยให้เหมาะสมได้
การจัดการผลผลิตในสวนปาล์ม
การเก็บเกี่ยว: ควรเก็บเกี่ยวผลปาล์มในระยะที่สุกแก่พอดี เพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มที่มีคุณภาพสูง
การขนส่ง: หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ควรขนส่งผลปาล์มไปยังโรงงานสกัดน้ำมันโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเสื่อมเสียของผลผลิต
การแปรรูป: ผลปาล์มจะถูกนำไปสกัดน้ำมัน และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น อาหารสัตว์ ปุ๋ยหมัก
การจัดการแรงงานในสวนปาล์ม
การจ้างแรงงาน: อาจจ้างแรงงานประจำ หรือแรงงานตามฤดูกาล ขึ้นอยู่กับขนาดของสวนปาล์มและปริมาณงาน
การฝึกอบรม: ควรมีการฝึกอบรมให้ความรู้แก่แรงงานเกี่ยวกับเทคนิคการทำงานที่ถูกต้อง เช่น การเก็บเกี่ยว การตัดแต่งกิ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความเสียหายต่อต้นปาล์ม
ความปลอดภัย: ควรมีมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน เช่น การสวมใส่เครื่องป้องกันอันตราย การตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการสวนปาล์ม:
สภาพดิน: ประเภทของดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดิน
สภาพอากาศ: ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ
ข้อเสนอแนะ:
1. การปูใบในสวนปาล์มเป็นวิธีการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากการตัดแต่งทางใบปาล์มให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการนำมาปูคลุมพื้นดินในสวนปาล์ม ซึ่งวิธีการนี้มีข้อดีหลายประการและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน
ประโยชน์ของการปูใบในสวนปาล์ม
เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน: ใบปาล์มที่ย่อยสลายจะกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และมีปริมาณธาตุอาหารเพิ่มขึ้น
ลดการชะล้างหน้าดิน: ใบปาล์มที่ปูคลุมดินจะช่วยลดแรงกระแทกของฝน ช่วยลดการชะล้างหน้าดินและการสูญเสียธาตุอาหาร
รักษาความชื้นในดิน: ใบปาล์มจะช่วยลดการระเหยของน้ำจากดิน ทำให้ดินมีความชื้นคงที่ เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของรากพืช
ลดการเกิดวัชพืช: ใบปาล์มที่ปูคลุมดินจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของวัชพืช ลดต้นทุนในการกำจัดวัชพืช
ปรับปรุงสภาพแวดล้อม: การปูใบปาล์มจะช่วยลดความร้อนของดิน ช่วยปรับอุณหภูมิในสวนให้เหมาะสม และยังช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรวมของสวนปาล์ม
วิธีการปูใบในสวนปาล์ม
เตรียมใบปาล์ม: ตัดแต่งทางใบปาล์มที่ไม่ต้องการแล้วนำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ หรือท่อนสั้นๆ เพื่อให้ย่อยสลายได้เร็วขึ้น
ปูใบปาล์ม: นำใบปาล์มที่เตรียมไว้มาปูคลุมพื้นดินในสวนปาล์มให้ทั่วถึง โดยความหนาของใบปาล์มที่ปูควรประมาณ 5-10 เซนติเมตร
บำรุงรักษา: หลังจากปูใบปาล์มแล้ว ควรมีการเติมใบปาล์มลงไปเป็นระยะๆ เพื่อรักษาความหนาของชั้นใบปาล์มให้คงที่
ข้อควรระวัง
ความสะอาด: ควรเลือกใบปาล์มที่สะอาด ไม่ปนเปื้อนสารเคมีหรือโรคแมลง
ความหนา: การปูใบปาล์มหนาเกินไปอาจทำให้เกิดสภาวะขาดอากาศในดินได้
ความถี่: ควรมีการเติมใบปาล์มลงไปเป็นระยะๆ เพื่อรักษาความหนาของชั้นใบปาล์มให้คงที่
2. การใช้เทคโนโลยี: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการสวนปาล์ม เช่น ระบบการให้น้ำแบบอัตโนมัติ เครื่องจักรกลการเกษตร จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
3. การรวมกลุ่มของเกษตรกร: การรวมกลุ่มของเกษตรกรจะช่วยให้เกษตรกรมีอำนาจในการต่อรอง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
4. การพัฒนาสายพันธุ์: การพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันให้มีผลผลิตสูง ทนทานต่อโรคและแมลง จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร
ความสำคัญของความรู้และเทคโนโลยี: เกษตรกรควรตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต
เป้าหมายของการประชุม: 1. ส่งเสริมให้เกษตรกรมีองค์ความรู้และทักษะในการจัดการสวนปาล์มน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ 2. สนับสนุนให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรแบบยั่งยืน 3. ให้ข้อมูล รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ในการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร 4. พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน ข้อเสนอแนะ: การจัดอบรม: ควรจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้จริง การสนับสนุนด้านเงินทุน: ควรมีมาตรการสนับสนุนด้านเงินทุนให้แก่เกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบการผลิต การสร้างเครือข่าย: ควรสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สรุปโดยรวม: การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการทำสวนปาล์มน้ำมัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและพัฒนาภาคการเกษตรให้มีความยั่งยืน