สถาบันนโยบายสาธารณะ (สนส. ม.อ.)

การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา

แลกเปลี่ยนเรียนรู้แปลงต้นแบบเกษตรกรรมยั่งยืน อำเภอเบตง จังหวัดยะลา10 สิงหาคม 2567
10
สิงหาคม 2567รายงานจากพื้นที่ โดย Yadaporn Yimkaew
  • 1723435079005.jpg
  • 1723435074475.jpg
  • 1723435063682.jpg
  • 1723435057049.jpg
  • 1723435045600.jpg
  • 1723435041969.jpg
  • 1723435029702.jpg
  • 1723434995119.jpg
  • 1723434988243.jpg
  • 1723434984356.jpg
  • 1723434979616.jpg
  • 1723434972868.jpg
  • 1723434967195.jpg
  • 1723434963855.jpg
  • 1723434937349.jpg
  • 1723434928255.jpg
  • 1723434945029.jpg
  • 1723434909773.jpg
  • 1723434899470.jpg
  • 1723434892367.jpg
  • 1723434883911.jpg
  • 1723434859346.jpg
circle
กิจกรรมที่ปฎิบัติรายละเอียดของการทำกิจกรรมที่ได้ปฎิบัติจริง

โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ สวนคุณเจริญ

circle
ผลที่เกิดขึ้นจริงผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome) / ผลสรุปที่สำคัญของกิจกรรม

แลกเปลี่ยนความรู้ในการปลูกพืชสวนผสม

สวนคุณเจริญ บทสัมภาษณ์คุณเจริญ เวชวัฒนาเศรษฐ “ครูถั่ว” คนกล้าคืนถิ่น และ ผู้แทนคนกรีดยาง ตัวแทนใน คกก.นโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ประสานความร่วมมือร่วมสร้างเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงพัฒนาคนรุ่นใหม่ สร้าง SME ที่พึ่งตนเองได้ด้วยวิถีเกษตรเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

การปลูกยาง เบตง เทคนิค วิธีการ
การปลูกยางในเบตงมีความสำคัญและมีลักษณะเฉพาะที่ควรพิจารณา ดังนี้: การเลือกพันธุ์: พันธุ์ยางที่ใช้ในเบตงมักจะเป็นพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและดินในพื้นที่ เช่น พันธุ์ไทยแท้และพันธุ์จากมาเลเซีย เทคนิคการปลูก: การปลูกยางต้องใช้เทคนิคที่เหมาะสม เช่น การเตรียมดิน การปลูกในระยะที่เหมาะสม และการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง การปลูกยางแถวเดียวควบคู่ไปกับการปูลไม้ป่า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิต โดยมีข้อแนะนำดังนี้:
1. การปลูกแถวเดียวสามารถทำให้ได้ประมาณ 20 ต้นต่อพื้นที่ที่กำหนด 2. ควรปลูกให้ห่างกันประมาณ 2 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต 3. การจัดการพื้นที่ปลูกให้มีการแบ่งช่องจะช่วยเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้ได้มากขึ้น 4. การปลูกในระยะห่างที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาการแข่งขันระหว่างต้นไม้ 5. การปลูกยางแถวเดียวเสริมไม้ป่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มผลผลิตและการจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ การปลูกยางแซมไม้ป่าเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ โดยมีข้อแนะนำ: 1. การปลูกยางควรทำในระยะห่างที่เหมาะสมกับไม้ป่า เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันในเรื่องของแสงและสารอาหาร 2. การปลูกแถวเดียวระหว่างต้นยางและไม้ป่าสามารถช่วยให้พื้นที่มีการใช้ประโยชน์สูงสุด 3. การจัดการพื้นที่ปลูกให้มีการแบ่งช่องจะช่วยเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้ได้มากขึ้น 4. การปลูกไม้ป่าร่วมกับยางสามารถช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของดินและลดการกัดเซาะ 5. การปลูกยางแซมไม้ป่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างยั่งยืน การปลูกยาง 40 ต้นต่อไร่เป็นวิธีที่สามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้อแนะนำดังนี้: 1. ควรปลูกให้ห่างกันประมาณ 2 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต 2. การจัดการพื้นที่ปลูกให้มีการแบ่งช่องจะช่วยเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้ได้มากขึ้น 3. การปลูกในระยะห่างที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาการแข่งขันระหว่างต้นไม้ 4. การปลูกในรูปแบบนี้สามารถทำให้ได้ประมาณ 40 ต้นต่อไร่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น 5. การปลูกยางในจำนวนที่เหมาะสมจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ


เทคนิคการกรีด: ใช้มีดกรีดที่มีความคมและกรีดในมุมที่เหมาะสม โดยควรกรีดให้ลึกพอสมควรเพื่อให้ยางไหลออกมาได้ดี การดูแลรักษาต้นยาง: หลังการกรีดควรดูแลรักษาต้นยางให้ดี เช่น การให้ปุ๋ยและน้ำ เพื่อให้ต้นยางมีสุขภาพดีและสามารถผลิตยางได้ต่อเนื่อง การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตยางและคุณภาพของยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้ายางพันธุ์ไทยแท้: มีคุณสมบัติความเหมาะสมกับสภาพอากาศ มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศและดินในประเทศไทยได้ดี ให้ผลผลิตยางที่มีคุณภาพสูงและมีปริมาณมากเมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ ข้อเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ที่เจริญกับพื้นที่ที่ไม่เจริญมีความสำคัญอย่างไร: โอการในการพัฒนาเศรษฐกิจ: พื้นที่ที่เจริญมักมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า เช่น การเข้าถึงตลาด การลงทุน และการสร้างงาน การศึกษาและการเข้าถึงบริการ: พื้นที่ที่เจริญมักมีการศึกษาและบริการสาธารณะที่ดีกว่า เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และบริการสาธารณะอื่นๆ คุณภาพชีวิต: การเปรียบเทียบช่วยให้เห็นความแตกต่างในคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ดี สาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อมที่ดี การวางแผนและนโยบาย: ข้อมูลจากการเปรียบเทียบสามารถใช้ในการวางแผนพัฒนาพื้นที่ที่ไม่เจริญให้มีการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน การวิเคราะห์ความแตกต่างนี้ช่วยให้เข้าใจถึงปัญหาและโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น คุณเจริญได้มีโอกาสศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชการที่ 9 เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีหลักการสำคัญดังนี้: 1. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ฟุ่มเฟือย 2. การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและการพึ่งพาตนเอง 3. การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม 4. การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะในชุมชน 5. เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้ผู้คนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน