การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดปัตตานี

- DSC09128-1.jpg
- DSC09115.jpg
- DSC09105.jpg
- DSC09098.jpg
- DSC09071.jpg
- DSC09045.jpg
- DSC09033.jpg
- DSC09001-1.jpg
- DSC08990.jpg
- DSC08995.jpg
- DSC08986-1.jpg
- DSC08979.jpg
- DSC08970.jpg
- DSC08963-1.jpg
- DSC08956.jpg
- DSC08902.jpg
- DSC08892.jpg
- DSC08871-1.jpg
- DSC08854-1.jpg
- DSC08829.jpg
- DSC08827.jpg
- DSC08819.jpg
- DSC08798-1.jpg
- DSC08796-1.jpg
- DSC08758.jpg
- DSC08719.jpg
- DSC08706.jpg
- DSC08700-1.jpg
- DSC08693-1.jpg
- DSC08683.jpg
- DSC08680-1.jpg
- DSC08676-1.jpg
- DSC08665-1.jpg
- DSC08648.jpg
- DSC08639-1.jpg
- DSC08634-1.jpg
- DSC08627-1.jpg
- DSC08618-1.jpg
- DSC08614-1.jpg
- DSC08607.jpg
- DSC08603-1.jpg
- DSC08601.jpg
- DSC08593-1.jpg
- DSC08582.jpg
- DSC08580.jpg
- DSC08577.jpg
- DSC08561.jpg
- DSC08574.jpg
- DSC08560.jpg
- DSC08558.jpg
- DSC08530.jpg
- DSC08516.jpg
- DSC08514.jpg
- DSC08503.jpg
- DSC08488.jpg
กำหนดการการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเพื่อการพัฒนาศักยภาพการเจริญเติบโตของเด็กด้วยโภชนาการกลุ่มเป้าหมายตัวแทนอสม. อำเภอมายอ,ปะนาเระ,สายบุรี,แม่ลาน ก่อนเข้าอบรมผู้เข้าร่วมจะตอบคำถามผ่านคุณ google form กิจกรรมพลังโภชนาการกับการเติบโตเต็มศักยภาพของเด็กการลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์ กิจกรรมพลังอสมกับการพัฒนาศักยภาพเด็ก กิจกรรมสมุดสีชมพูมีคุณค่ามากกว่าที่คิด กิจกรรมโภชนาการที่ดีอยู่ที่การจัดการอาหารที่ดี กิจกรรมเทคนิคการเป็นนักสื่อสารข้อมูลด้านโภชนาการการเฝ้าระวังทางโภชนาการกับผู้ดูแลเด็กในชุมชน
การประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน (อสม.) รุ่นที่ 2
ผศ ดร.ลักษณา ไชยมงคล และอาจารย์ศรีลา สะเตาะ
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ คณะวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ
ม.อ.ปัตตานี
วัตถุประสงค์
เพื่อให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโภชนาการเด็กอายุตั้งแต่ 0 ถึง 5 ปี โดยมีการจัดอบรมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานส่งเสริมสุขภาพเด็กในชุมชน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิตของมนุษย์
ปัจจัยทางชีววิทยา (Biology) พันธุเพศ อายุ เชื้อโรค
ปัจจัยทางพฤติกรรม (Behavior) การกินอาหาร ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ใช้สารเสพติค
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม (Environment) มลภาวะ สภาพอากาศ อันตรายจากการทำงาน
ปัจจัยทางการเมืองและนโยบาย (Politics and policy) นโยบายสาธารณสุข กฎหมายและระเบียบ
ข้อมูลสถานการณ์ด้านโภชนาการพื้นที่ชายแดนใต้ ปี 2565 โดยการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติและยูนิเซฟ พบว่า พื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส) มีปัญหาทุพโภชนาการติด 1 ใน 5 อันดับสูงสุดของประเทศ พบเด็กอายุ 1-5 ปี มีภาวะเตี้ยแคระแกร็นหรือมีส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์อายุ 20% สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศอยู่ที่ 13% ส่วนด้านค่าเฉลี่ยเชาวน์ปัญญา (IQ) ของเด็กนักเรียนไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ ซึ่งมีสาเหตุจากการ ขาดสารอาหาร อาจกระทบต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในระยะยาว รวมถึงส่งผลต่อความไม่มั่นคงของมนุษย์ และเศรษฐกิจประเทศ
สถานการณ์ปัจจุบันของโภชนาการเด็กวัย 0-5 ปี
สถานการณ์โภชนาการของเด็กวัย 0-5 ปีในปัจจุบันมีความซับซ้อนและน่าเป็นห่วงมากขึ้น โดยมีทั้งปัญหาภาวะ
ทุพโภชนาการ เช่น เด็กเตี้ย เด็กผอม และภาวะโภชนาการเกิน เช่น เด็กอ้วน ซึ่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญาของเด็ก
ปัญหาและความท้าทาย
เด็กเตี้ย: ปัญหาหลักเกิดจากการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะโปรตีนและวิตามิน
สาเหตุของภาวะเด็กเตี้ยมีหลากหลาย ตั้งแต่ปัจจัยทางพันธุกรรม ไปจนถึงโรคบางชนิด ได้แก่
พันธุกรรม: ความสูงของพ่อแม่มีผลต่อความสูงของลูกโดยตรง
ภาวะโภชนาการไม่ดี: การขาดสารอาหารสำคัญ เช่น โปรตีน แคลเซียม วิตามินดี ทำให้เด็กเจริญเติบโตช้า
โรคเรื้อรัง: โรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ทำงานผิดปกติ โรคทางพันธุกรรม อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต
ฮอร์โมนการเจริญเติบโต: การขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต ทำให้เด็กเตี้ยกว่าปกติ
ปัญหาสุขภาพอื่นๆ: เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ ก็อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้
เด็กอ้วน: สาเหตุหลักมาจากการบริโภคอาหารที่มีพลังงานสูง ไขมันสูง น้ำตาลสูง และขาดการออกกำลังกาย
สาเหตุที่ทำให้เด็กอ้วน
การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม: การบริโภคอาหารที่มีพลังงานสูง ไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารแปรรูปมากเกินไป
ขาดการออกกำลังกาย: การใช้ชีวิตแบบอยู่กับที่ เช่น การดูโทรทัศน์ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ นานเกินไป
ปัจจัยทางพันธุกรรม:
ปัจจัยทางสังคม: สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้านบ่อยครั้ง การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
เด็กผอม: อาจเกิดจากการเจ็บป่วยเรื้อรัง การดูดซึมอาหารไม่ดี หรือการได้รับอาหารไม่เพียงพอ
สาเหตุที่ทำให้เด็กผอม
การรับประทานอาหารไม่เพียงพอ: เด็กอาจกินน้อยเกินไป หรือเลือกกินอาหารบางชนิด
ปัญหาการดูดซึมอาหาร: โรคบางชนิด เช่น โรคซีลิแอค โรคโครห์น อาจทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี
โรคเรื้อรัง: โรคบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง อาจทำให้เด็กเบื่ออาหารและน้ำหนักลด
ภาวะเครียด: ความเครียดอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและน้ำหนักของเด็ก
การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เด็กเบื่ออาหารและน้ำหนักลด
ปัจจัยสำคัญในการเติบโตและพัฒนาการเด็กอายุตั้งแต่ 0 ถึง 5 ปี
การสร้างสมองในครรภ์มารดา: รากฐานแห่งสติปัญญา
การสร้างสมองของทารกในครรภ์เป็นกระบวนการที่น่าอัศจรรย์และซับซ้อน เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาที่ไข่ที่ปฏิสนธิได้ฝังตัวลงในผนังมดลูก เซลล์จำนวนมากจะเริ่มแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่างๆ รวมถึงสมอง ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย
1.1 กระบวนการสร้างสมองในครรภ์
สัปดาห์ที่ 3-8: เซลล์ประสาทเริ่มก่อตัวและเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย
สัปดาห์ที่ 9-12: สมองส่วนต่างๆ เริ่มพัฒนา เช่น สมองส่วนหน้าที่ควบคุมความคิดและอารมณ์
สัปดาห์ที่ 13-24: สมองเติบโตอย่างรวดเร็ว และเริ่มมีการสร้างเซลล์ประสาทใหม่จำนวนมาก
สัปดาห์ที่ 25-40: สมองพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตนอกครรภ์
การลงทุนโภชนาการเพื่อสร้างสมอง
กรดไขมันโอเมก้า 3: พบมากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ช่วยในการพัฒนาเซลล์สมองและปรับปรุงการทำงานของสมอง
โปรตีน: ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงสร้างสารสื่อประสาทที่สำคัญต่อการเรียนรู้และความจำ พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากนม
วิตามินบี: ช่วยในการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน และมีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบประสาท พบมากในธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียว และเนื้อสัตว์
ธาตุเหล็ก: ช่วยในการนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่แดง และผักใบเขียว
ไอโอดีน: จำเป็นต่อการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมอง พบมากในอาหารทะเลและเกลือเสริมไอโอดีน
สังกะสี: ช่วยในการเรียนรู้และความจำ พบมากในหอยนางรม เนื้อวัว และเมล็ดฟักทอง
อาหารบำรุงสมองให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยให้เด็กสูงขึ้น
ปลาที่มีไขมันดี: เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน กรดไขมันโอเมก้า 3 จำเป็นต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาท
ถั่วต่างๆ: เช่น ถั่วอัลมอนด์ วอลนัท เม็ดเจีย อุดมไปด้วยวิตามินอี โปรตีน และไขมันดี
ผักใบเขียว: เช่น ผักคะน้า บรอกโคลี กะหล่ำปลี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินเค โฟเลต และวิตามินซี ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์สมอง
ผลไม้: อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของสมองและเพิ่มความจำ
นม: อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม โอเมก้า 3 วิตามินดีและแร่ธาตุต่างๆ
ไข่: เป็นแหล่งอาหารที่ดี มีโคลีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาท
โภชนาการเด็กวัย 0-5 ปี ที่ดี เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายของเด็กกำลังเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว การได้รับโภชนาการที่ครบถ้วนและเพียงพอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ของเด็ก
พัฒนาการสมอง: สารอาหารต่างๆ เช่น โปรตีน ไขมัน และวิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์สมองและการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์
การเจริญเติบโต: โปรตีน แคลเซียม และวิตามินดี ช่วยในการสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ
ระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เด็กแข็งแรงและป่วยน้อยลง
พัฒนาการทางด้านอื่นๆ: โภชนาการที่ดีมีผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ สังคม และการเรียนรู้
ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะโภชนาการกับ IQ: อาหารบำรุงสมอง สร้างอนาคต
อาหารคือเชื้อเพลิงของร่างกาย รวมถึงสมองของเราด้วย การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอในช่วงวัยเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสมองและสติปัญญา การศึกษาหลายชิ้นพบว่า ภาวะโภชนาการที่ดีมีส่วนสำคัญในการเพิ่มระดับ IQ และส่งผลต่อพัฒนาการด้านอื่นๆของเด็ก เช่น การเรียนรู้ ความจำ และสมาธิ
วิธีส่งเสริมโภชนาการที่ดีสำหรับเด็ก
ให้เด็กทานอาหารหลากหลาย: เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน
เน้นอาหารธรรมชาติ: เลือกทานอาหารสดใหม่และปรุงสุกใหม่
จำกัดอาหารแปรรูป: อาหารแปรรูปมักมีโซเดียม น้ำตาล และไขมันสูง
เป็นแบบอย่างที่ดี: ผู้ปกครองควรทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นตัวอย่าง
สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน: ทำให้การทานอาหารเป็นเรื่องสนุกสนาน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อปัญหาโภชนาการในวัยเด็ก
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ: ครอบครัวที่มีรายได้น้อยอาจเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพได้ยาก
ปัจจัยทางสังคม: วัฒนธรรมการกิน การเลี้ยงดู ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการของผู้ปกครอง
ปัจจัยทางสุขภาพ: โรคเรื้อรังในเด็ก หรือภาวะทุพโภชนาการในมารดา
ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม: การเข้าถึงน้ำสะอาด อาหารปลอดภัย และการบริการสาธารณสุข
ผลกระทบของภาวะโภชนาการไม่ดีต่อพัฒนาการของสมอง
การเจริญเติบโตของสมองช้า: เด็กที่ขาดสารอาหารสำคัญ สมองจะเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ
ความสามารถในการเรียนรู้ลดลง: เด็กที่ขาดสารอาหารอาจมีปัญหาในการจดจำ ความเข้าใจ และการแก้ปัญหา
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง: เด็กอาจมีปัญหาสมาธิ อารมณ์แปรปรวน และก้าวร้าว
ภาวะขาดสารอาหารอาจส่งต่อรุ่นสู่รุ่น
ภาวะทุพโภชนาการในมารดา: หากมารดาขาดสารอาหารขณะตั้งครรภ์ ลูกอาจมีน้ำหนักน้อย เกิดก่อนกำหนด หรือมีพัฒนาการทางร่างกายและสมองล่าช้า ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
การเลี้ยงดู: มารดาที่ขาดสารอาหารอาจไม่มีพลังงานเพียงพอในการดูแลลูกอย่างเต็มที่ หรืออาจขาดความรู้เกี่ยวกับโภชนาการที่ถูกต้อง ทำให้ลูกได้รับอาหารไม่เพียงพอ
วัฏจักรของความยากจน: ครอบครัวที่ขาดแคลนอาหารมักจะมีรายได้น้อย ทำให้ลูกหลานมีโอกาสเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพได้ยาก ส่งผลให้เกิดภาวะขาดสารอาหารต่อเนื่องไปหลายชั่วอายุคน
ผลกระทบต่อพันธุกรรม: ภาวะขาดสารอาหารในระยะยาวอาจส่งผลต่อการแสดงออกของยีนบางชนิด ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย
You are what you eat "คุณคือสิ่งที่คุณกิน" หมายถึง องค์ประกอบทั้งหมดในร่างกายของคนเรา คือ อาหารที่เรารับประทานเข้าไป
อาหารคือส่วนประกอบหลักของร่างกาย: อาหารที่เรากินทุกวันจะถูกย่อยสลายและนำไปสร้างเป็นส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายใน รวมถึงเซลล์สมองด้วย
อาหารมีผลต่อสุขภาพ: สิ่งที่เรากินเข้าไปมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นจะช่วยให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง ป้องกันโรคต่างๆ และมีอายุยืนยาว ในขณะที่อาหารขยะหรืออาหารที่ขาดสารอาหารอาจนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
จิตใจที่ได้รับผลกระทบ: อาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาจส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเราได้ ทำให้รู้สึกหงุดหงิด อ่อนเพลีย หรือขาดสมาธิ
กิจกรรมที่ 2 พลังอสม.กับการพัฒนาศักยภาพเด็ก โดยอาจารย์ศรีลา
-รูปแบบกิจกรรมเกมบอลพูดได้สื่อรักจากใจ
กำหนดโจทย์ หากมีเด็กน้อยในพื้นที่ของเรามีภาวะขาดสารอาหารตัวเตี้ยผอมในฐานะที่เราเป็นอสมและสมาชิกในชุมชนเราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเด็กคนนี้ให้มีโอกาสเติบโตได้เต็มศักยภาพจากโจทย์ข้างต้นแบ่งเป็น10กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่1.แนะนำให้เด็กดื่มนมในปริมาณที่เหมาะสม,ให้ความรู้เรื่องโภชนาการเช่นเสริมไอโอดีนนมไข่แก่พ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้เลี้ยงดูเด็ก,แนะนำทานอาหารให้ครบ 5 หมู่,แนะนำให้มีการกินกอดเล่นเล่าในครอบครัว,จัดให้มีการประเมินชั่งน้ำหนักว่าส่วนสูง,จัดให้มีการซักถามการรับประทานอาหารทานอาหารประเภทไหนบ้าง,จัดให้มีการติดตามโภชนาการเด็ก,ประสานเจ้าหน้าที่รพ. สต.จัดอบรมผู้ปกครองเด็ก 0-5 ปี
กลุ่มที่2.หากพบเด็กขาดสารอาหารแนะนำอาหารหรือหากมีเด็กที่เรียนหนังสือให้ดื่มนมที่โรงเรียนให้เป็นประจำทาน,อาหารประเภทถั่วเช่นถั่วเขียวต้มน้ำเต้าหู้ปลาผักผลไม้,ส่งเสริมให้เด็กในอนาคตด้วยการแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ทานยาเม็ดเสริมไอโอดีนและธาตุเหล็กและทานธาตุเหล็กจนถึงอายุบุตร 6 เดือนเมื่อบุตรคลอดออกมาแล้วติดตามการให้วัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ติดตามการประเมินโภชนาการทุก 3 เดือน,ติดตามให้ประเมินพัฒนาการตามอายุที่กำหนดแนะนำการเคลือบฟลูออไรด์เมื่อฟันซี่แรกขึ้น,ติดตามการรับประทานยาน้ำเสริมธาตุเหล็กในเด็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป,แนะนำเรื่องการไม่ส่งเสริมให้เด็กติดจอ,ไม่ขู่เด็กว่าหากทำตัวไม่ดีหมอจะฉีดยา,ส่งเสริมให้เล่านิทานเกี่ยวกับการสอนใจหรือศาสนา,จัดกิจกรรมกิน กอด เล่น เล่า นอนเฝ้าดูฟัน
กลุ่มที่3.ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเด็ก 0-5 ปีทุก 3 เดือนอย่างต่อเนื่อง,แนะนำเรื่องโภชนาการการกินอาหารให้กับผู้ดูแลเด็ก,ประเมินการเจริญเติบโตของเด็กในวัยเรียน,ส่งเสริมให้เด็กกินนมเป็นประจำ,ประเมินการเจริญเติบโตด้วยการจุดกราฟโภชนาการ,แนะนำการกินอาหารเสริมไอโอดีนเช่นปลาทะเลเกลือเสริมไอโอดีน,จัดโครงการส่งเสริมโภชนาการจากนมไข่กลุ่มเด็กเตี้ยผอมระยะเวลา 3 เดือน,ติดตามการทานยาเสริมธาตุเหล็กทุกครั้งที่ชั่งน้ำหนัก,อบรมให้ความรู้ผู้ปกครองเรื่องโภชนาการที่ดี
กลุ่มที่4.ส่งเสริมให้กินอาหารครบ 5 หมู่,แนะนำให้ออกกำลังกายให้กินนมทุกวัน,หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสหวานน้ำอัดลม,เน้นความสะอาดปรุงสุก,งดอาหารขยะเช่นขนมซองช็อกโกแลตลูกอมเฟรนฟรายลูกชิ้นไส้กรอก,เน้นกิจกรรมนอกบ้านจัดจำกัดเวลาในการใช้เทคโนโลยี,ส่งเสริมภาวะทางอารมณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจ,ผู้ปกครองเป็นต้องเป็นตัวอย่างแบบอย่างที่ดี,ส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้,เล่นกับลูกสร้างความผูกพัน,ติดตามการเจริญเติบโตเด็กอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามเกณฑ์,ติดตามการฉีดวัคซีนให้ครบ
กลุ่มที่ 5.แนะนำผู้ดูแลเด็กเรื่องโภชนาการอาหาร,ติดตามการทานยาเสริมธาตุเหล็ก,แนะนำตรวจสุขภาพช่องปากของเด็ก,อบรมผู้ปกครองเรื่องกิจกรรมเสริมพัฒนาการของเด็กตามวัย,จัดเวลาให้กับเด็กมากขึ้นภายในครอบครัว,อสม.พบผู้ปกครองเป็นประจำ
กลุ่มที่ 6.แนะนำให้ผู้ดูแลเด็กเลือกอาหารที่มีประโยชน์,ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงปีละ 4 ครั้งในเด็กอายุ 0-5 ปี,แนะนำผู้ปกครองเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน,แนะนำการออกกำลังกายจัดการกับอารมณ์เด็ก,แนะนำให้แม่เด็กไปฉีดวัคซีน,แนะนำให้ฝากครรภ์ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์,กระตุ้นพัฒนาการโดยการเล่นกับลูกเล่านิทานการกอด,ลดขนมขยะขนมน้ำอัดลมน้ำหวาน,ตรวจสุขภาพช่องปากตามกำหนด,อบรมให้ความรู้กับผู้ปกครองเรื่องพัฒนาการของเด็กตามวัย,ติดตามพัฒนาการของเด็ก,ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีน
กลุ่มที่ 7.ชั่งน้ำหนักว่าส่วนสูงรอบศีรษะ,ประเมินพัฒนาการของเด็ก,สอบถามเรื่องอาหารการกินในแต่ละวัน,ประเมินกิจกรรมเด็กและการเคลื่อนไหวของเด็ก,แนะนำให้ฉีดวัคซีนตามช่วงอายุ,แนะนำผู้ปกครองให้เด็กกินผัก,ส่งเสริมการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่,ทำโครงการโภชนาการเด็กเช่นแจกไข่และนม,แจ้งผู้ปกครองกรณีเด็กน้ำหนักน้อยให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล,อบรมผู้ปกครองเกี่ยวกับโภชนาการเด็กและวัคซีนเด็ก
กลุ่มที่ 8.ชั่งน้ำหนักว่าส่วนสูงประเมินโภชนาการเทียบอายุกับน้ำหนักส่วนสูง,แนะนำให้กินไข่ปลา,สนับสนุนให้มีกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายอารมณ์สังคมสติปัญญา,แนะนำให้กินอาหารครบ 5 หมู่,ประเมินซ้ำให้อยู่ตามเกณฑ์,ส่งเสริมกิจกรรมการกินก่อนเล่นเล่า,เสริมไอโอดีนแนะนำกินอาหารทะเล,แนะนำเมนูอาหารกับผู้ปกครอง,แสดงกราฟและอธิบายภาวะโภชนาการเด็กให้กับผู้ปกครองทราบ
กลุ่มที่ 9.แนะนำให้กินอาหารให้ครบ 5 หมู่,แนะนำให้กินอาหารที่เสริมที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตออกกำลังกาย,แนะนำให้ผู้ปกครองนำเด็กมาฉีดวัคซีนให้ตามเวลาที่กำหนด,ส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายจิตใจสังคม,หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง,หลีกเลี่ยงน้ำหวานน้ำอัดลมลดอาหารหวานมันเค็ม,กำหนดเวลาดูโทรศัพท์เด็กและผู้ปกครอง,หลีกเลี่ยงขนมขบเคี้ยว
กลุ่มที่ 10.ให้ความรู้ดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์,วัดส่วนสูงชั่งน้ำหนักวัดรอบศีรษะ,ให้ความรู้เรื่องการดื่มนมแม่อย่างเดียวจนถึง 6 เดือน,ส่งเสริมให้ความรู้ด้านโภชนาการพัฒนาการตามวัยของเด็กเช่นกินก่อนเล่นเล่า,สอนวิธีการเพิ่มส่วนสูงผ่านการออกกำลังกายเช่นกระโดดเชือกดื่มนมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
กิจกรรมที่3.สมุดสีชมพูมีคุณค่ามากกว่าที่คิด -แนะนำการใช้สมุดสีชมพูโดยอาจารย์ลักษณาอาจารย์สีลาวิธีการชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงที่ถูกต้องการดูแลโภชนาการอาหารฝึกปฏิบัติในการวัดส่วนสูงทดลองให้อสมทุกคนทำการ plot graph
ความสำคัญของสมุดสีชมพู
บันทึกประวัติสุขภาพ: เป็นการบันทึกข้อมูลสุขภาพตั้งแต่การตั้งครรภ์ การคลอด การเจริญเติบโตของเด็ก การฉีดวัคซีน และการเจ็บป่วยต่างๆ
ติดตามพัฒนาการ: ช่วยให้แพทย์และผู้ปกครองสามารถติดตามพัฒนาการของเด็กได้อย่างใกล้ชิด
วางแผนการดูแลสุขภาพ: ข้อมูลในสมุดสีชมพูจะช่วยให้แพทย์วางแผนการดูแลสุขภาพของเด็กได้อย่างเหมาะสม
เป็นหลักฐานทางกฎหมาย: สมุดสีชมพูสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันอายุและสุขภาพของเด็กได้
ข้อมูลสำคัญในสมุดสีชมพู
ข้อมูลส่วนตัวของแม่และเด็ก: ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่
ประวัติการตั้งครรภ์: การตรวจครรภ์ การเจาะเลือด ผลอัลตร้าซาวด์
การคลอด: วันที่คลอด น้ำหนักแรกเกิด ความยาว
การเจริญเติบโต: การวัดน้ำหนัก ส่วนสูง รอบศีรษะ
การฉีดวัคซีน: บันทึกประวัติการฉีดวัคซีนต่างๆ
การเจ็บป่วย: บันทึกประวัติการเจ็บป่วยและการรักษา
คำแนะนำของแพทย์: บันทึกคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลเด็ก
ประโยชน์ของสมุดสีชมพู
ช่วยให้คุณแม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย: ในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด
ช่วยให้คุณแม่เข้าใจพัฒนาการของลูก: ทราบว่าลูกน้อยควรมีพัฒนาการในด้านต่างๆ อย่างไร
ช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกได้อย่างถูกต้อง: ตามคำแนะนำของแพทย์
ป็นหลักฐานสำคัญในการขอรับบริการทางการแพทย์: เช่น สวัสดิการการเบิกค่ารักษาพยาบาล
ความรู้พื้นฐานที่ อสม. ควรมี
กายวิภาคและสรีรวิทยาของมนุษย์: ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของร่างกายมนุษย์ ช่วยให้อสม. เข้าใจกระบวนการเกิดโรคและการป้องกันโรคได้ดียิ่งขึ้น
โภชนาการ: โภชนการในวัยเด็ก ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์ วิธีการปรุงอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และการวางแผนอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดี
สุขอนามัยส่วนบุคคลและสิ่งแวดล้อม: ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล การรักษาความสะอาดของบ้านและชุมชน เพื่อป้องกันโรคติดต่อต่างๆ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น: ความรู้และทักษะในการปฐมพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน เช่น การห้ามเลือด การปั๊มหัวใจ
การส่งเสริมสุขภาพ: ความรู้เกี่ยวกับวิธีการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย การพักผ่อน การลดความเครียด
โรคติดต่อและไม่ติดต่อ: ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อและไม่ติดต่อที่พบบ่อยในชุมชน วิธีการป้องกันและควบคุมโรค
ยาและเวชภัณฑ์: ความรู้เกี่ยวกับยาทั่วไปที่ใช้ในครัวเรือน วิธีการใช้ยา และผลข้างเคียงของยา
การบันทึกข้อมูลสุขภาพ: ความรู้เกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลสุขภาพของประชาชนในชุมชน
การสื่อสาร: ทักษะการสื่อสารเพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในชุมชน
การประเมินการเจริญเติบโตของเด็ก: กุญแจสำคัญในการติดตามพัฒนาการ
การประเมินการเจริญเติบโตของเด็กเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้พ่อและแม่เด็ก และแพทย์ทราบว่าลูกกำลังเติบโตตามเกณฑ์หรือไม่ หากพบความผิดปกติก็จะสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ติดตามการเจริญเติบโต: ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ทราบว่าลูกน้อยกำลังเติบโตตามวัยหรือไม่
ตรวจพบปัญหาสุขภาพ: หากเด็กมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้า อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะขาดสารอาหาร โรคเรื้อรัง หรือฮอร์โมนผิดปกติ
ประเมินภาวะโภชนาการ: เมื่อนำข้อมูลส่วนสูงไปเปรียบเทียบกับน้ำหนัก จะช่วยประเมินภาวะโภชนาการของเด็กได้
วางแผนการดูแลสุขภาพ: ข้อมูลส่วนสูงจะช่วยให้แพทย์วางแผนการดูแลสุขภาพของเด็กได้อย่างเหมาะสม
การประเมินการเจริญเติบโตของเด็กจะพิจารณาจากตัวชี้วัดหลักดังนี้
น้ำหนัก: น้ำหนักเป็นตัวบ่งบอกถึงปริมาณมวลกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกาย
ส่วนสูง: ส่วนสูงบ่งบอกถึงการเจริญเติบโตของกระดูก
เส้นรอบศีรษะ: ในเด็กเล็ก การวัดเส้นรอบศีรษะจะช่วยประเมินการเจริญเติบโตของสมอง
ดัชนีมวลกาย (BMI): เป็นตัวบ่งชี้ภาวะโภชนาการ โดยเปรียบเทียบน้ำหนักกับส่วนสูง
การชั่งน้ำหนักเพื่อติดตามการเจริญเติบโตของเด็ก
การชั่งน้ำหนักลูกน้อยเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้สามารถติดตามการเจริญเติบโตของลูกน้อยว่าเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งการเตรียมเครื่องชั่งน้ำหนักให้พร้อมใช้งานจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก เพื่อให้ได้ผลการชั่งน้ำหนักที่ถูกต้องและแม่นยำ
พื้นที่เรียบเสมอ เลือกพื้นที่ที่เรียบเสมอและแข็งแรง เช่น พื้นกระเบื้องหรือพื้นไม้
ตั้งศูนย์เครื่องชั่ง ทำตามคู่มือก่อนใช้งานทุกครั้ง
ชั่งวัตถุมาตรฐาน: ชั่งวัตถุที่มีน้ำหนักแน่นอน เช่น น้ำหนักมาตรฐาน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่ง
การวัดส่วนสูงเด็ก
ช่วยให้ทราบว่าเด็กกำลังเจริญเติบโตตามเกณฑ์หรือไม่ หากพบความผิดปกติ อสม.ก็จะสามารถให้คำแนะนำหรือเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยมีวิธีการดังนี้
เตรียมเด็ก: ให้เด็กยืนชิดผนังโดยหลังตรง ส้นเท้าชิดผนัง ปลายเท้าทั้งสองชี้ไปข้างหน้า และมองตรงไปข้างหน้า
ทำเครื่องหมาย: ให้ผู้ใหญ่ทำเครื่องหมายที่จุดสูงสุดของศีรษะเด็กบนผนัง
วัดระยะห่าง: ใช้ไม้บรรทัดวัดระยะห่างจากพื้นถึงเครื่องหมายที่ทำไว้ นั่นคือส่วนสูงของเด็ก
ประโยชน์ของกราฟแสดงน้ำหนักตามส่วนสูง
ติดตามการเจริญเติบโต: ช่วยให้ทราบว่ากำลังเติบโตตามเกณฑ์หรือไม่
ตรวจพบปัญหาสุขภาพ: หากเด็กมีน้ำหนักหรือส่วนสูงที่อยู่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าเกณฑ์ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะขาดสารอาหาร โรคเรื้อรัง หรือฮอร์โมนผิดปกติ
ประเมินภาวะโภชนาการ: ช่วยประเมินว่าเด็กมีน้ำหนักเกิน น้ำหนักน้อย หรือมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
วางแผนการดูแลสุขภาพ: ข้อมูลจากกราฟจะช่วยให้แพทย์วางแผนการดูแลสุขภาพของเด็กได้อย่างเหมาะสม
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็ก
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็กเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินพฤติกรรมการกินของเด็กในแต่ละวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ว่าเด็กได้รับสารอาหารครบถ้วนหรือไม่ และมีพฤติกรรมการกินที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กสามารถปรับปรุงพฤติกรรมการกินของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็ก: เครื่องมือสำคัญในการติดตามพัฒนาการทางโภชนาการ
แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็กเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินพฤติกรรมการกินของเด็กในแต่ละวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ว่าเด็กได้รับสารอาหารครบถ้วนหรือไม่ และมีพฤติกรรมการกินที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กสามารถปรับปรุงพฤติกรรมการกินของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างแบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็ก
แบบประเมินจะประกอบด้วยคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของเด็ก เช่น
ความถี่ในการรับประทานอาหาร: กินอาหารหลักกี่มื้อต่อวัน กินอาหารว่างกี่ครั้ง
ชนิดของอาหารที่รับประทาน: กินอาหารอะไรบ้างในแต่ละมื้อ
ปริมาณอาหารที่รับประทาน: กินอาหารแต่ละชนิดมากน้อยเพียงใด
พฤติกรรมการกิน: เลือกกิน เลือกไม่กิน กินจุกจิก ดื่มน้ำหวาน
สิ่งแวดล้อมในการกิน: กินอาหารพร้อมครอบครัวหรือไม่ มีการดูโทรทัศน์ขณะกินอาหารหรือไม่
กิจกรรมที่4.โภชนาการดีอยู่ที่การจัดการอาหารที่ดีโดยอาจารย์ลักษณาอาจารย์สีลาฝึกปฏิบัติการจัดเมนูอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับเด็กโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มกลุ่มที่ 1 วางแผนเมนูอาหาร 5 วันสำหรับเด็ก 6 เดือนถึง 1 ปีกลุ่มที่ 2 วางแผนอาหาร 5 วันสำหรับเด็ก 1-5 ปี กลุ่มที่1.เมนูอาหารเด็ก6 เดือนถึง 1 ปี วันที่ 1 มื้อเช้าข้าวต้ม-มื้อเที่ยงข้าวสวยบดไข่แดงสุกมะละกอสุก-มื้อเย็นแกงเลียงใส่ฟักทองแครอทบด วันที่ 2 มื้อเช้าข้าวไข่แดงสุก-มื้อเที่ยงไข่ตุ๋นใส่ฟักทองใส่ผักใบเขียวกล้วยน้ำว้า -มื้อเย็นต้มจืดไก่สับใส่ตำลึง วันที่ 3 มื้อเช้าฮีแกซีแงข้าวบด-มื้อเที่ยงกล้วยบดผัดไข่ใส่แครอทข้าวบด-มื้อเย็นไข่ตุ๋นใส่ผักตับ วันที่ 4 มื้อเช้าข้าวต้มปลา-มื้อเที่ยงต้มจืดไก่สับมะละกอ-มื้อเย็นต้มฟักทองบดข้าวต้ม วันที่ 5 มื้อเช้าข้าวต้มปลา-มื้อเที่ยงข้าวบดตับไก่ฟักทองตำลึงน้ำส้ม-มื้อเย็นข้าวบดใส่เครื่องในตับบดใส่ไข่ กลุ่มที่ 2 เมนูอาหารเด็ก 1 ปีถึง 5 ปี วันที่ 1 ไข่แดงต้มปลาต้มแกงจืดไก่-มื้อเที่ยงข้าวผัดไข่ปลาทอด-มื้อเย็นแกงเลียงตำลึงข้าวสวยไข่ต้มมะละกอ วันที่ 2 มื้อเช้าข้าวสวยไข่ต้มไข่เจียวปลาทอดนมข้าวกุ้งสับ-มื้อเที่ยงแกงจืดปลาบดตำลึงข้าวผัดมะระผัดไข่-มื้อเย็นนมขนมปังข้าวไข่เจียวข้าวผัดมะระใส่กุ้งผลไม้ตามฤดูกาล วันที่ 3 มื้อเช้าแกงกะทิปลาไข่ดาวปลาทอดข้าวต้มข้าวยำก๋วยเตี๋ยวข้าวสวยมะละกอสุก-มื้อเที่ยงแกงจืดผักโขมปลาทอดกล้วยนม-มื้อเย็นข้าวสวยต้มหมึกผลไม้ วันที่ 4 มื้อเช้าข้าวยำสมุนไพรข้าวผัดข้าวสวย-มื้อเที่ยงก๋วยเตี๋ยวไข่เจียวข้าวต้มฟักทองมื้อ-เย็นข้าวผัดกุ้งแกงจืดลูกชิ้นผลไม้ตามฤดูกาล วันที่ 5 มื้อเช้าข้าวต้มข้าวยำข้าวไข่เจียว-มื้อเที่ยงข้าวมันไก่ปลาทอดผลไม้ตามฤดูกาล-มื้อเย็นข้าวสวยแกงจืดวุ้นเส้นไข่ดาวนมผลไม้ตามฤดูกาล กลุ่มที่ 3 เมนูอาหารเด็ก 6 เดือนถึง 1 ปี วันที่ 1 มื้อเช้าข้าวต้มบดละเอียดนมแม่-มื้อเที่ยงข้าวบดละเอียดผสมไข่ต้มผสมแครอทเนื้อบด-มื้อเย็นนมข้าวผัดผงนิ่มมะม่วงสุกต้มจืด วันที่ 2 มื้อเช้าข้าวสวยหุงนิ่มบดหยาบ-มื้อเที่ยงข้าวต้มข้าวบดฟักทอง-มื้อเย็นข้าวหุงนิ่มผักต้มบดไข่แดงฟักทองบดผลไม้สุกชิ้นพอคำ วันที่ 3 มื้อเช้านมกล้วย-มื้อเที่ยงข้าวบดไข่ตำลึงกล้วยน้ำว้า-มื้อเย็นข้าวสวยหุงนิ่มบดหยาบซุปข้าวโพดส้มแกงจืดข้าวผัด วันที่ 4 มื้อเช้ากล้วยบดนมแม่-มื้อเที่ยงข้าวบดไข่แดงแกงจืดไก่บด-มื้อเย็นข้าวซอยหุงนิ่มใบตำลึงผักสุกกล้วยนมแม่ วันที่ 5 ผลไม้สุกบดละเอียดนมแม่-มื้อเที่ยงไก่ปลาต้มนมแม่ข้าวบดหยาบไข่เนื้อปลา-มื้อเย็นข้าวเนื้อสัตว์ไข่ต้มแกงจืดผักผลไม้นมแม่ กลุ่มที่ 4 เมนูอาหารเด็ก 1-5 ปี วันที่ 1 มื้อเช้าข้าวไข่ดาวนมโจ๊กไก่ใส่ไข่นม-มื้อเที่ยงแกงจืดเต้าหู้ซุปผักไข่ไก่สับไข่ข้าวผัดกุ้ง-มื้อเย็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กอัญชันปีกไก่ตุ๋นแกงจืดเต้าหู้ วันที่ 2 มื้อเช้านมข้าวต้มไก่ไข่ลวกนมสดขนมปัง-มื้อเที่ยงผัดหมี่ไข่ดาวนมผักผัดผักรวมกุ้งไก่หมึก-มื้อเย็นข้าวหมกไก่ทอดต้มซุปผัดผักรวมนมแกงจืดนม 1 กล่อง วันที่ 3 มื้อเช้าไข่ตุ๋นนมข้าวต้มกุ้งกล้วยน้ำว้านมจืด-มื้อเที่ยงข้าวแกงจืดไข่ใบตำลึงมะละกอสุกยำไข่ดาวผลไม้เกี๊ยวกุ้ง-มื้อเย็นข้าวผัดกุ้งไข่ดาวปลาทูทอดผักลวกปลานึ่งข้าวโพดต้ม วันที่ 4 มื้อเช้าโจ๊กไข่นมเกี๊ยวน้ำกล้วยน้ำว้าข้าวต้มกุ้งขนมปังไข่ดาว-มื้อเที่ยงข้าวปลาต้มส้มราดหน้ารวมมิตรทะเลส้มข้าวผัดทะเล-มื้อเย็นผัดผักรวมใส่ตับซุปไข่มักกะโรนีข้าวเหนียวไก่หยองนม วันที่ 5 มื้อเช้าข้าวต้มยำไข่เค็มผัดผักรวมปลากระพงทอดขมิ้นมะละกอนมจืดโรตี-มื้อเที่ยงผัดผักบุ้งน้ำส้มปั่นผัดซีอิ้วแกงจืดฟักอกไก่-มื้อเย็นข้าวปลาทูแกะผักต้มแกงจืดสับผักรวมมิตรมะละกอ กลุ่มที่ 5 เมนูอาหารเด็ก 1-5 ปี วันที่ 1 มื้อเช้าข้าวต้มไข่ปลากุ้ง-มื้อเที่ยงเต้าหู้ทรงเครื่องข้าวผัดไข่ดาวผลไม้ปั่น-มื้อเย็นผัดฟักทองใส่ไข่แกงจืดยัดไส้เนื้อบดนมถั่วเหลือง วันที่ 2 มื้อเช้าแกงจืดไข่ผักวุ้นเส้นนมจืดไข่ต้ม-มื้อเที่ยงข้าวผัดรวมมิตรส้มแตงโม-มื้อเย็นข้าวบดใส่แครอทข้าวไข่ต้มผักหั่นเล็กๆนม วันที่ 3 มื่อเช้าเข้าบทใส่ปลาทูทอดหั่นผักเล็กๆไข่ต้มข้าวยำไข่ต้ม-มื้อเที่ยงแกงจืดไข่น้ำไก่สับห่อไข่แกงจืดตำลึงไข่ไก่ก๋วยเตี๋ยวน้ำกล้วยน้ำว้ามะละกอ-มื้อเย็นฟักทองนึ่งแครอทผัดไข่ข้าวแกงจืด วันที่ 4 มื้อเต้าหู้ทรงเครื่องข้าวต้มไก่-มื้อเที่ยงก๋วยเตี๋ยวผัดแกงจืดผักรวมกล้วยน้ำว้ามะละกอ-มื้อเย็นต้มจืดไข่ผักรวมข้าวผัดไข่ข้าวไข่ทอดมะม่วงสุกน้ำส้มคั้นเต้าหู้ วันที่ 5 มื้อเช้าไข่เจียวหมูสับขนมปังชุบไข่ตุ๋นทรงเครื่องฟักทองต้ม-มื้อเที่ยงแกงจืดหมูสับผักรวมกล้วยน้ำว้า-มื้อเย็นข้าวเหนียวไก่ทอดมะละกอสุกนม กลุ่มที่ 6 เมนูอาหารเด็ก 6-12 เดือน วันที่ 1 เด็ก 6 เดือน มื้อเช้านมแม่-มื้อเที่ยงข้าวบดละเอียดนมแม่-มื้อเย็นนมแม่ วันที่ 2 เด็ก 7 เดือน มื้อเช้านมแม่-มื้อเที่ยงข้าวบดละเอียดไข่ตับ-มื้อเย็นนมแม่ วันที่ 3 เด็ก 8 เ