เกษตรอินทรีย์/เกษตรปลอดภัยเพื่อสุขภาพ ชุมพร
ประสานความร่วมมือ ออกแบบกิจกรรม
สถานการณ์สุขภาวะของจังหวัดชุมพร ในสี่มิติด้านสุขภาพ:อันเนื่องจากภาวะเจ็บ ป่วย ตาย ใน 3 ลำดับแรกคือโรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง และโรคเรื้อรัง สาเหตุการเจ็บป่วยและตายเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย และภาวะคุกคามสุขภาพจากปัจจัยเสี่ยงด้านอาชีพและสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ: ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพและรายได้หลักจากภาคเกษตรและประมง เมื่อเกิดภาวะราคาผลผลิตตกต่ำทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน กระทบการดำรงชีพของคนในพื้นที่ ขณะเดียวกันผลผลิตไม้ผลโดยเฉพาะทุเรียนและมังคุด จำนวน 207,837 ไร่ จะมีผลผลิตรวม 289,354 ตัน ส่งออกปีกว่าละ 6,000 ล้านบาท แต่ต้องแลกกับการใช้สารเคมียังมากมายซึ่งกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างยิ่งโดยเฉพาะผู้ผลิตคือเกษตรกร อีกทั้งต่อผู้บริโภคในประเทศ ส่วนการท่องเที่ยวชุมชนเริ่มมีบทบาทและรายได้เสริมต่อหลายชุมชนในพื้นที่ชุมพร ด้านสังคม: จากกระแสการพัฒนาโลกาภิวัฒน์เพิ่มปัญหาทางสังคมมากขึ้น ความซับซ้อนก็มีเพิ่มขึ้นทั้งปัญหาเด็กเยาวชน ยาเสพติด โดยเฉพาะปัญหาแม่วัยใสจังหวัดชุมพรมีปัญหาลำดับต้นๆ ของภาคใต้ การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุของชุมพรซึ่งจำนวนผู้สูงอายุ 95,401 คน (18.72% ซึ่งมีอัตรามากกว่าเกณฑ์ค่ากลางของระดับประเทศ 16.05%) ด้านทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม: ด้วยเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญของภาคใต้จึงเป็นพื้นทีแดงของการใช้สารเคมีเกษตรอย่างรุนแรง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งท่าเรือน้ำลึก รถไฟรางคู่ ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ SEC เป็นต้น
1) ทุนและศักยภาพพื้นที่ ซึ่งเป็นต่อยอดพื้นที่ดำเนินงานผลิตและบริโภคผักผลไม้ปลอดสาร อาหารปลอดภัย
-มติสมัชชาสุขภาพว่าด้วยเกษตรสุขภาวะ และวาระ จังหวัดชุมพร ลด ละเลิกสารเคมีเกษตร /มีเป้าหมายเกษตรอินทรีย์วิถีชุมพร 8000 ไร่
-มีการทำเกษตรยั่งยืน 29,457 ไร่ 1500 คร.(1% ของพื้นที่ทำเกษตร 2,945,771) ค่าเฉลี่ย 0.41%
-เป็นประเด็นร่วมภาคใต้-มั่นคงทางอาหาร + สมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนชุมพร
2) การเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว 3 ลำดับแรก ยางพารา 12.98 ล้านไร่ ปาล์มน้ำมัน 3.75 ล้านไร่ ทุเรียน 0.3 ล้านไร่ (ใช้สารเคมีมากสุด) ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วย 6,075 ราย (ปี 61) ในกลุ่มประชากรที่มีอายุ 15-59 ปี
3)ความเสี่ยงด้านอาชีพของเกษตรกรชุมพร/ภาคใต้ มีการนำเข้าและใช้สารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร 3 ลำดับแรก สารกำจัดแมลง 15.23 ล้านบาท สารกำจัดวัชพืช 12.53 ล้านบาท สารกำจัดโรคพืช 1.79 ล้านบาท (สารเคมีอันตราย คลอไพริฟอส พาราควอต อะบาแบ๊กติน จังหวัดชุมพรใช้สูงสุด)
4)จังหวัดชุมพรมีสถิติอัตราการป่วยต่อประชาการแสนคน ปี 2558 : 19.49 ปี 2559: 24.72 ปี 2560:25.51 ปี 2561: 26.16 มีอัตราการเพิ่มขึ้นทุกปี และจำแนกตามปัญหาความไม่ปลอดภัยในอาชีพ สูงสุดคือ ปัญหาสารเคมีเกษตร 64 % เสี่ยงจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืช 40.99 % และจากผลการประเมินความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย (ร้อยละ) ด้วย Reactive paper ในชุมพรเทียบเคียบกับ ศคร.11 ตั้งแต่ปี 59 ศคร.11 : 27% ชุมพร 34% ปี 60 ศคร.11 : 25% ชุมพร 40% ปี 61 ศคร.11 : 23% ชุมพร 38% (ข้อมูลจาก สสจ.ชุมพร)
5)แนวโน้มภาวะหนี้สินครัวเรือนมีการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยค่าเฉลี่ยหนี้สินครัวเรือน 175,000 บาทต่อครัวเรือน
6)โอกาสหรือปัจจัยเอื้อ คือวาระการพัฒนาจังหวัดชุพร ว่าด้วยการลดลดเลิกสารเคมีเกษตร และการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์วิถีชุมพร และการแบนสารเคมี
3)แนวทางและกระบวนการ
ผลลัพธ์ที่ควรเกิดขึ้น
1)เกิดสุขภาวะทางสังคมทั้ง 4 ด้าน ด้านสุขภาพ (ผู้ผลิตปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย) ด้านเศรษฐกิจ (ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ มีเงินออม) ด้านสังคม (ชุมชนอุดมสุข) ด้านทรัพยากร (ระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพและฐานการผลิตอาหาร)
2)ชุมชนท้องถิ่น มีอธิปไตยทางอาหาร มีหลักประกันในชีวิต และเกิดความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค ระหว่างชุมชนกับผู้ประกอบการหรือเอกชน และระหว่างชุมชนกับหน่วยงานภาคียุทธศาสตร์
ผลลัพธ์ระยะสั้น 12 เดือน : เพิ่มพื้นที่ผลิตและบริโภคพืชผักผลไม้ปลอดสาร/อาหารปลอดภัย อย่างน้อย 10 % (2,945 ไร่) จากพื้นที่เกษตรยั่งยืนที่มีอยู่
1)เกิดการผลิตและบริโภคพืชผักผลไม้ที่ปลอดภัย
-มีการผลิตและบริโภคพืชผักผลไม้ที่ปลอดภัย
-มีครัวเรือนต้นแบบและแหล่งเรียนรู้เกษตรสุขภาพ
-เกิดความร่วมมือกับภาคีอย่างน้อยหนึ่งกิจกรรม
2)เกิดการปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อเกษตรสุขภาพ
- มีการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร (ขั้นต้นระบบ PGS – GAP-ฯ )
-มีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย อย่างน้อย 5 รายการต่อพื้นที่
-มีการแลกเปลี่ยนพันธุกรรมและปัจจัยการผลิต
-มีแผนจัดการระบบอาหารในชุมชน
3)เกิดการจัดการเชื่อมโยงตลาดอาหารปลอดภัย
-มีผู้ประกอบการภาคเกษตรและชมรมผู้ประกอบการ (เกษตรกรมืออาชีพ : ทำน้อยได้มาก)
-มีการจัดการตลาดระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคหลากหลายรูปแบบ เช่น ตลาดสีเขียวในท้องถิ่น ตลาดออนไลท์ ตลาดโรงพยาบาล/โรงเรียน/โรงแรม
()