แบบรายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์
รายงานฉบับสมบูรณ์
“ การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา ”
จังหวัดยะลา
หัวหน้าโครงการ
อ.ดร.เพ็ญ สุขมาก
ชื่อโครงการ การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา
ที่อยู่ จังหวัดยะลา จังหวัด ยะลา
รหัสโครงการ 66-00459 เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ตุลาคม 2567
กิตติกรรมประกาศ
"การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา จังหวัดยะลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน จังหวัดยะลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา
บทคัดย่อ
โครงการ " การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา " ดำเนินการในพื้นที่ จังหวัดยะลา รหัสโครงการ 66-00459 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 พฤศจิกายน 2566 - 31 ตุลาคม 2567 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 0.00 บาท จาก เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 0 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
วัตถุประสงค์โครงการ
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
ผลลัพธ์ที่ได้
การประเมินผล
ปัญหาและอุปสรรค
ข้อเสนอแนะ
เอกสารประกอบอื่นๆ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
- พื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่ของภาคใต้ เน้นการทำเกษตรเชิงเดี่ยวได้แก่ ยางพาราและปาล์มนํ้ามัน จำนวนถึง 18,691,482 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 85.94 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด ในขณะที่การปลูกพืชอาหาร เช่น ข้าวนาปี และนาปรังมีเพียง 883,326 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4.06 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด ส่วนพื้นที่เกษตรอินทรีย์คิดเป็นร้อยละ 3.07 สำหรับผลผลิตต่อไร่ของพืชหลักเกือบทุกชนิดตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยของภาคใต้และประเทศ ปี 2563 จำนวนปศุสัตว์ในภาพรวมมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ส่วนปริมาณสัตว์นํ้า ณ ท่าเทียบเรือประมงปัตตานี มีจำนวน 84,762 ล้านตัน หดตัวจากปีก่อนร้อยละ 15.5 ด้านการปรับใช้ระบบเกษตรผสมผสานหรือพืชร่วมยางอยู่ในระดับการปรับใช้ไม่เกินระดับ 4 นั้นคือ เกษตรกรเพิ่งเริ่มต้นมีความสนใจ ทดลอง และกำลังปรับใช้ระบบเกษตรผสมผสานหรือพืชร่วมยาง แต่ข้อจำกัดที่สำคัญของการปรับใช้ระบบเกษตร คือ ความเพียงพอของแหล่งนํ้า การระบาดของโรคและศัตรูพืช/สัตว์ และขาดความรู้ทักษะทางการเกษตร และข้อจำกัดอื่น ๆ เช่น ที่ตั้งไม่เหมาะสม ดินเสื่อมโทรม ขาดพันธุ์พืช/พันธุ์สัตว์ที่เหมาะสม ที่ดินขนาดเล็ก ขาดแคลนเงินทุน ขาดตลาดรองรับ ขาดแคลนแรงงาน และนโยบายสนับสนุนไม่แน่นอน
- ภาคใต้ประสบปัญหาความยากจนรุนแรงที่สุด โดยมีสัดส่วนคนจนสูงสุดที่ร้อยละ 10.94 ซึ่งจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสยังเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุด 10 อันดับแรกของประเทศไทย ในปี 2564 จังหวัดปัตตานีมีสัดส่วนคนจนติดในอันดับสูงสุด 10 อันดับแรกมาตั้งแต่ปี 2549 และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 รวมระยะเวลา 16 ปีติดต่อกัน โดยพบว่าภาคเกษตรกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีปัญหาความยากจนสูงที่สุด โดยสัดส่วนแรงงานยากจนในภาคเกษตรกรรมปี 2564 สูงถึงร้อยละ 11.43 สำหรับการว่างงานโดยปี 2558-2562 อัตราการว่างงานกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สถานการณ์ความยากจนของประชากรยังอยู่ในระดับสูงมาก เนื่องมาจากผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกตํ่า โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มนํ้ามัน โดยพบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนรวมมูลค่า 139,173 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.82 ของประเทศและร้อยละ 9.44 ของภาคใต้ โดยในปี 2562 มูลค่าผลิตภัณฑ์รวมมวลภาคการเกษตรมีสัดส่วนร้อยละ 29.00
- สถานการณ์เชิงลบด้านโภชนาการของเด็กในชายแดนภาคใต้ยังมีหลายด้านที่ควรเร่งแก้ปัญหา คือ พื้นที่ชายแดนใต้นับเป็นกลุ่มที่มีปัญหาทุพโภชนาการมากที่สุดในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในระยะยาว ผลสำรวจพบว่า ประมาณร้อยละ 23 ของเด็กที่มีอายุตํ่ากว่า 5 ปีในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กำลังเผชิญกับภาวะเตี้ยแคระแกร็น (มีส่วนสูงตํ่ากว่าเกณฑ์อายุ) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ร้อยละ 13 เกือบสองเท่า โดยจังหวัดนราธิวาสมีเด็กอายุตํ่ากว่า 5 ปีที่มีภาวะผอมแห้งสูงสุดใน 17 จังหวัดที่ทำการสำรวจแบบเจาะลึก โดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศที่ไม่ถึงร้อยละ 8 ขณะเดียวกัน ภาวะผอมแห้งของเด็กอายุตํ่ากว่า 5 ปีในจังหวัดปัตตานีก็เป็นที่น่ากังวลเช่นกัน โดยอยู่ที่ร้อยละ 10
ต้นทุน องค์ความรู้ ผลงานที่ผ่านมาของสถาบันนโยบายสาธารณะ
ระยะที่ 1 ตัวอย่างเกษตรผสมผสานในสวนยางพาราของอำเภอควนเนียง 12 ราย และแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์บ้านเชิงแส อำเภอกระแสสินธุ์ ในรูปแบบเกษตร 1 ไร่ 1 แสน การยกระดับตลาดเกษตร ม.อ. เป็นอุทยานอาหารปลอดภัย โดยพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เกิดข้อมูลสุขภาวะเด็ก 6-14 ปี นำไปสู่แผนบูรณาการความมั่นคงทางอาหาร อาหารปลอดภัย และโภชนาการสมวัยตำบลชะแล้ และตำบลควนรู และเกิดยุทธศาสตร์ระบบอาหารจังหวัดสงขลา
ระยะที่ 2 รูปแบบเกษตรผสมผสานในสวนยาง 10 แบบ องค์ความรู้การทำ 1 ไร่ 1 แสนในพื้นที่ทำนา เกิดรูปแบบการเชื่อมโยงผลผลิตระหว่างเกษตรกรตลาดเกษตร ม.อ.ไปสู่ร้านอาหาร และผู้บริโภค การขยายผลและตำบลบูรณาการความมั่นคงทางอาหาร อาหารปลอดภัย และโภชนาการสมวัยไปสู่ตำบลรัตภูมิ เชิงแส และเทศบาลสิงหนคร การผลักดันยุทธศาสตร์ระบบอาหารสู่แผนปฏิบัติราชการจังหวัดสงขลา ได้แก่ โครงการแก้ปัญหาโภชนาการ โดย วพบ.สงขลา และสถาบันนโยบายสาธารณะ
ระยะที่ 3 รูปแบบเกษตรผสมผสานไปส่งเสริมเกษตรกรใน 5 อำเภอของจังหวัดสงขลา จำนวน 44 แปลง และประเมินมูลค่าด้านเศรษฐศาสตร์จำนวน 20 แปลงคัดเลือกเป็นแหล่งเรียนรู้จำนวน 8 แปลง จัดทำคู่มือ หลักสูตรการทำสวนยางยั่งยืน ยกระดับชุมชนบ้านคูวาเป็นรูปแบบ 1 ไร่หลายแสน โดยมีแหล่งเรียนรู้ย่อยของชุมชนจำนวน 10 แห่ง การขยายผลรูปแบบตลาดอาหารปลอดภัยไปสู่ห้างสรรพสินค้า ตลาดเอกชน และตลาดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนอาหารและโภชนาการจำนวน 79 แห่งเพื่อใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับตำบล การบูรณาการแผนยุทธศาสตร์จังหวัดสงขลาเข้าสู่แผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จังหวัดสงขลา
ระยะที่ 4 แหล่งเรียนรู้จำนวน 8 แปลงของจังหวัดสงขลา ขยายผลรูปแบบเกษตรผสมผสาน 4 รูปแบบ คือ 1) ระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลง 2) ระบบเกษตรหลากหลายแบบร่วมยาง 3) ระบบเกษตรผสมผสาน 4) ระบบวนเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสงขลาขยายผล 1 ไร่หลายแสนอย่างต่อเนื่องโดยใช้รูปแบบบ้านคูวา ส่วนสามจังหวัดภาคใต้ชายแดนไม่สามารถขยายผลได้เพราะเป็นนาร้าง โรงพยาบาลจำนวน 8 แห่งของจังหวัดสงขลาเกิดการเชื่อมโยงผลผลิตอาหารชุมชน การเกิดพื้นที่ตลาดอาหารปลอดภัยในตลาดจะบังติกอ เทศบาลเมืองปัตตานี เกิดแผนงานระบบอาหารและโภชนาการรวมทั้งโครงการส่งเสริมโภชนาการ จำนวน 11โครงการโดยใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นเทศบาลนครยะลา เกิดแผนระบบอาหารจังหวัดนราธิวาส
ระยะที่ 5 ได้รูปแบบเกษตรกรรมในสวนยางพาราจำนวน 3 รูปแบบที่เหมาะสมกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 1) ระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลง (ยางพารา ทุเรียน ปาล์มนํ้ามัน สละ กล้วย เป็นต้น) 2) ระบบการปลูกพืชร่วมยาง (ยางพาราร่วมกับผักกูด ผักเหรียง ไม้เศรษฐกิจ กาแฟ) 3) ระบบเกษตรผสมผสาน (ยางพารา ไม้ผล ไม้เศรษฐกิจ ผักกินใบแพะ วัว หมู เป็ด ไก่ ปลา) ถอดบทเรียนและประเมินมูลค่าด้านเศรษฐศาสตร์จำนวน 16 ราย ได้ Best practice จำนวน 5 ราย ซึ่งมีศักยภาพพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ เกิดการเชื่อมโยงผลผลิต (Matching Model) อาหารชุมชนไปยัง รพ. 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลบางกลํ่า และโรงพยาบาลควนเนียง ในจังหวัดสงขลา และโรงเรียน 3 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านดอนรัก โรงเรียนบ้านปะกาจินอ ในจังหวัดปัตตานี โรงเรียนบ้านแขยง จังหวัดนราธิวาส และร้านอาหาร 1 แห่ง คือ โรงแรม CS ปัตตานี จ.ปัตตานี และการสื่อสารเรื่องอาหารปลอดภัยจังหวัดปัตตานี โดยแนวคิดเรื่อง ความสะอาดเป็นส่วนนึงของความศรัทธา แนวคิดอาหารฮาลาล ตอยยีบัน(การนำสิ่งดีๆสู่ชีวิต ความบารอกัตในชีวิต) เผยแพร่สู่สาธารณะ 10 ช่องทาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 17 แห่งของจังหวัดยะลา มีโครงการระบบอาหารและโภชนาการปีงบประมาณ 2565 จำนวน 14 โครงการ ปีงบประมาณ 2566 จำนวน 16 โครงการโครงการเกี่ยวกับฟัน ปีงบประมาณ 2565 จำนวน 2 โครงการ และปีงบประมาณ 2566 จำนวน 2 โครงการ เกิดตำบลต้นแบบการจัดการระบบอาหารอย่างครบวงจรให้กับกลุ่มเปราะบาง ในระดับ อปท. (COVID-19) จังหวัดปัตตานี 5 แห่ง จังหวัดยะลา 1 แห่ง และระดับ รพ.สต.ในจังหวัดนราธิวาส 6 แห่ง แผนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดชายแดนใต้ ปีงบประมาณ 2566- 2567 มีการดำเนินงานเรื่องระบบอาหารและโภชนาการที่ครบวงจร ปีพ.ศ. 2566 มีโครงการสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรื่อนยากจน 3 จังหวัด จำนวน 1 โครงการ ปีพ.ศ. 2567 จำนวน 5 โครงการ คือ 1) โครงการยกระดับไม้ผลที่มีประสิทธิภาพในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน งบ 20 ล้าน กิจกรรมสำคัญ ขยายผลทักษะการผลิตไม้ผลตามมาตรฐาน GAP การผลิตไม้ผลตามอัตลักษณ์ 2) พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูป งบ 2.4 ล้านบาท 3) ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์นํ้าเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร งบ 10 ล้านบาท 4) ยกระดับการเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้เศรษฐกิจฐานราก เพื่อความมั่นคง มั่นคั่ง งบ 49 ล้านบาท 5) โครงการยกระดับการแก้ไขปัญหาความยากจนและเสริมสร้างสุขภาวะครัวเรือนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 งบ 10.2 ล้านบาท
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- 1.พัฒนายกระดับต้นแบบการทําเกษตรกรรมยั่งยืนใน พื้นที่เป้าหมายและขับเคลื่อนให้เกิดการขยายผล (Model for Scaling up)
- 2.ขับเคลื่อนและยกระดับ โมเดล (good practice) ใน การกระจาย เชื่อมโยง ผลผลิต อาหารเพื่อสุข ภาวะให้กับ ประชาชนใน ชุมชน ผ่าน กลไกต่างๆ ไปสู่การขยาย ผล (Model for Scaling up)
- 3.พัฒนา ต้นแบบการ ส่งเสริมความ รอบรู้ด้านอาหารเพื่อสุข ภาวะ (ความ มั่นคงอาหาร/ อาหาร ปลอดภัย/ โภชนาการ) ให้กับ ประชาชนใน พื้นที่เพื่อปรับ พฤติกรรม การบริโภค และร่วมพลัง เป็นพลเมือง อาหาร
- 4.พัฒนา ระบบ/กลไก เฝhาระวัง ผลผลิต ปลอดภัย เทศบาลนคร ยะลา จ.ยะลา
- 5.พัฒนา ต้นแบบ ระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ ตลอดห่วงโซ่ ที่แก้ปัญหา ภาวะ โภชนาการใน กลุ่มเด็กเล็ก เด็กนักเรียน และกลุ่ม เปราะบาง
- 6.พัฒนาและ ขับเคลื่อน นโยบาย สาธารณะ เพื่อส่งเสริม บริโภค อาหารเพื่อสุข ภาวะ/ระบบ อาหารที่ ยั่งยืน
- 7.พัฒนาฐาน ข้อมูลและ แผนภาพ เพื่อใช้ขับ เคลื่อนและ บูรณาการทํา งานระบบ อาหารตลอด ห่วงโซ่
กิจกรรม/การดำเนินงาน
- 1. ขับเคลื่อนรูปแบบเกษตรกรรมยั่งยืนให้เกิด การขยายผลในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ชายแดนเพื่อนําไปสู้การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ
- 2. พัฒนาฐานข้อมูลและแผนภาพอาหารทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อใช้บูรณาการทํางานระบบอาหารและโภชนาการ และสื่อสารสู่สาธารณะ
- 1.2 ทีมนักวิชาการออกแบบหลักสูตรเกษตรกรรมยั่งยืนโดยใช้แหล่งเรียนรู้ จากเกษตรกร 10 แห่ง และออกแบบเครื่องมือประเมินความมั่นคงทางอาหาร ระดับครัวเรือน (นำไปใช้ประเมินกลุ่มเป้าหมาย 200 คน)
- 2.1 ทีมนักวิชาการออกแบบเครื่องมือ จัดทำชุดแผนภาพอาหาร ใน 4 จังหวัด สงขลา ปัตตานี ยะลาและ นราธิวาส
- 3. พัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อส่งเสริมบริโภคอาหารเพื่อสุข ภาวะ/ระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยกลไกกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) กลไกผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กลไกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
- 4. กิจกรรมการสื่อสารสาธารณะและการสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย
- 5. การติดตามประเมินผลภายนอก
- 1.1 การประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความร่วมมือการยกระดับต้นแบบการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
- 1.3 สนส. และทีมวิชาการสร้างปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่งให้มีความพร้อมเป็นจุดถ่ายทอดการทำเกษตรกรรมยั่งยืน การเป็นทีมวิทยากร
- 2.2 เก็บข้อมูลตามแบบเครื่องมือ
- 3.1 ประชุมทีมคณะเศรษฐศาสตร์มอ. เพื่อวางแผนประเมินโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนากลุ่มจังหวักภาคใต้ชายแดน และแผนของอบจ. แผนปี 65และ66 เพื่อประเมินถึงความคุ้มค่าในมิติทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
- 3.4 การประชุมกำหนดวาระนโยบายเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร นโยบายการแก้ปัญหาโภชนาการเด็ก ให้อยู่ในแผนของกลุ่มจังหวัดและอบจ. ปัตตานี
- 4.1 ประสานกับวิทยุมอ.88 หาดใหญ่ มอ.ปัตตานี เอามาออกแบบการพัฒนาประเด็นสื่อสาร ข้อเสนอเชิงนโยบายความมั่นคงทางอาหาร การทำเกษตรกรรมยั่งยืน ตลาดสีเขียวในชุมชน อาหารปลอดภัย นโยบายแก้ปัญหาด้านโภชนาการ เช่นเด็กเตี้ย เด็กผอม
- 5.1. ติดตามประเมินผลภายในโครงการ เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามตัวชี้วัดและให้ข้อเสนอแนะต่อผู้รับผิดชอบโครงการรวมทั้งช่วยประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เช่นค่าใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละกิจกรรม กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลประโยชน์
- 6. นําเสนอระบบ/กลไกเฝ้าระวังอาหารปลอดภัย ให้กับผู้บริหารหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย
- 1.4 จัด workshop ให้เกษตรกร 200 คน ในพื้นที่แปลงเรียนรู้ของเกษตรกรต้นแบบ พร้อมกับประเมินความมั่นคงทางอาหาร ของกลุ่มเป้าหมาย 200 คน
- 3.2 ทีมนักวิชาการลงพื้นที่ประเมินโครงการ
- 6.1 การจัดประชุมนำเสนอรูปแบบของกลไกคณะทำงานอาหารปลอดภัยยะลา และนำเสนอรูปแบบให้กับผู้บริหารนครยะลา เพื่อให้เทศบาลนครยะลาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
- 2.3 ออกแบบโปรแกรมระบบฐานข้อมูลแผนภาพอาหาร และบันทึกข้อมูล
- 3.3 นักวิชาการนำผลการประเมินคืนให้กับส่วนราชการที่ดำเนินโครงการ พร้อมกับworkshop การยกระดับการทำแผนงานโครงการที่ตอบความคุ้มค่าในมิติเศรษฐกิจและสังคม
- 1.6 เดือน ก.ค.ประเมินความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน เกษตรกร 200 คน (ประเมินหลังการเข้าร่วมกิจกรรม)
- 2.4 มีการประชุมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 จังหวัดให้เกิดการนำโปรแกรมระบบฐานข้อมูลแผนภาพอาหารไปใช่ออกแบบโครงการที่เกี่ยวกับความมั่นคงอาหาร หรือตลาด หรือการเชื่อมเครือข่าย หรือการจัดการความรู้
- 4.2 จัดเวทีนโยบายในพื้นที่(คลายๆ Thai pbs)
- 7. การพัฒนาชุดความรู้ แนวทางปฏิบัติ และคู่มือ Model เกษตรกรรมยั่งยืนใน สวนยางพารา ขยายผลกับการยางแห่งประเทศไทยสามจังหวัดภาคใต้ชายแดน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- 7.1 นักวิชาการลงพื้นที่ ประเมินแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่ง ถอดบทเรียนการเป็นแหล่งเรียนรู้ และจัดทำ model แหล่งเรียนรู้ฯ จัดทำเป็นแนวทางปฏิบัติการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในสวนยางพารา
- 7.2 จัดประชุมแลกเปลี่ยนการทำเกษตรกรรมยั่งยืน ในรูปแบบการจัดประชุมวิชาการ หรือการจัดสมัชชาเรื่องสวนยางยั่งยืน ทั้ง onsite และ online
- 1.5 ระบบติดตามสนับสนุนให้คำปรึกษาการทำเกษตรกรรมยั่งยืน (กลุ่มไลน์) ให้กับแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่ง และแกนนำเกษตรกร 200 คน
- จัดทำสารคดี รูปแบบเกษตรผสมผสาน กรณีศึกษา ทศพล รุ่งเรืองใบหยก
- โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
- โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
- โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
- กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
กิจกรรมของโครงการ ผลผลิต* ผลผลิตที่ตั้งไว้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง
1. แลกเปลี่ยนเรียนรู้แปลงต้นแบบเกษตรกรรมยั่งยืน อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
วันที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 13:00 น.กิจกรรมที่ทำ
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
สวนคุณเจริญ
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
แลกเปลี่ยนความรู้ในการปลูกพืชสวนผสม
สวนคุณเจริญ
บทสัมภาษณ์คุณเจริญ เวชวัฒนาเศรษฐ “ครูถั่ว” คนกล้าคืนถิ่น และ ผู้แทนคนกรีดยาง ตัวแทนใน คกก.นโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ประสานความร่วมมือร่วมสร้างเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงพัฒนาคนรุ่นใหม่ สร้าง SME ที่พึ่งตนเองได้ด้วยวิถีเกษตรเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
การปลูกยาง เบตง เทคนิค วิธีการ
การปลูกยางในเบตงมีความสำคัญและมีลักษณะเฉพาะที่ควรพิจารณา ดังนี้:
การเลือกพันธุ์: พันธุ์ยางที่ใช้ในเบตงมักจะเป็นพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและดินในพื้นที่ เช่น พันธุ์ไทยแท้และพันธุ์จากมาเลเซีย
เทคนิคการปลูก: การปลูกยางต้องใช้เทคนิคที่เหมาะสม เช่น การเตรียมดิน การปลูกในระยะที่เหมาะสม และการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง การปลูกยางแถวเดียวควบคู่ไปกับการปูลไม้ป่า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิต โดยมีข้อแนะนำดังนี้:
1. การปลูกแถวเดียวสามารถทำให้ได้ประมาณ 20 ต้นต่อพื้นที่ที่กำหนด
2. ควรปลูกให้ห่างกันประมาณ 2 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต
3. การจัดการพื้นที่ปลูกให้มีการแบ่งช่องจะช่วยเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้ได้มากขึ้น
4. การปลูกในระยะห่างที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาการแข่งขันระหว่างต้นไม้
5. การปลูกยางแถวเดียวเสริมไม้ป่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มผลผลิตและการจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
การปลูกยางแซมไม้ป่าเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ โดยมีข้อแนะนำ:
1. การปลูกยางควรทำในระยะห่างที่เหมาะสมกับไม้ป่า เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันในเรื่องของแสงและสารอาหาร
2. การปลูกแถวเดียวระหว่างต้นยางและไม้ป่าสามารถช่วยให้พื้นที่มีการใช้ประโยชน์สูงสุด
3. การจัดการพื้นที่ปลูกให้มีการแบ่งช่องจะช่วยเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้ได้มากขึ้น
4. การปลูกไม้ป่าร่วมกับยางสามารถช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของดินและลดการกัดเซาะ
5. การปลูกยางแซมไม้ป่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
การปลูกยาง 40 ต้นต่อไร่เป็นวิธีที่สามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้อแนะนำดังนี้:
1. ควรปลูกให้ห่างกันประมาณ 2 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต
2. การจัดการพื้นที่ปลูกให้มีการแบ่งช่องจะช่วยเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้ได้มากขึ้น
3. การปลูกในระยะห่างที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาการแข่งขันระหว่างต้นไม้
4. การปลูกในรูปแบบนี้สามารถทำให้ได้ประมาณ 40 ต้นต่อไร่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น
5. การปลูกยางในจำนวนที่เหมาะสมจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคการกรีด: ใช้มีดกรีดที่มีความคมและกรีดในมุมที่เหมาะสม โดยควรกรีดให้ลึกพอสมควรเพื่อให้ยางไหลออกมาได้ดี
การดูแลรักษาต้นยาง: หลังการกรีดควรดูแลรักษาต้นยางให้ดี เช่น การให้ปุ๋ยและน้ำ เพื่อให้ต้นยางมีสุขภาพดีและสามารถผลิตยางได้ต่อเนื่อง การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตยางและคุณภาพของยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล้ายางพันธุ์ไทยแท้: มีคุณสมบัติความเหมาะสมกับสภาพอากาศ มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศและดินในประเทศไทยได้ดี ให้ผลผลิตยางที่มีคุณภาพสูงและมีปริมาณมากเมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ
ข้อเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ที่เจริญกับพื้นที่ที่ไม่เจริญมีความสำคัญอย่างไร:
โอการในการพัฒนาเศรษฐกิจ: พื้นที่ที่เจริญมักมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า เช่น การเข้าถึงตลาด การลงทุน และการสร้างงาน
การศึกษาและการเข้าถึงบริการ: พื้นที่ที่เจริญมักมีการศึกษาและบริการสาธารณะที่ดีกว่า เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และบริการสาธารณะอื่นๆ
คุณภาพชีวิต: การเปรียบเทียบช่วยให้เห็นความแตกต่างในคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ดี สาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อมที่ดี
การวางแผนและนโยบาย: ข้อมูลจากการเปรียบเทียบสามารถใช้ในการวางแผนพัฒนาพื้นที่ที่ไม่เจริญให้มีการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน การวิเคราะห์ความแตกต่างนี้ช่วยให้เข้าใจถึงปัญหาและโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
คุณเจริญได้มีโอกาสศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชการที่ 9 เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
1. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ฟุ่มเฟือย
2. การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและการพึ่งพาตนเอง
3. การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
4. การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะในชุมชน
5. เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้ผู้คนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน
0
0
2. การลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้แปลงเกษตรต้นแบบ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
วันที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
สวนคุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก
บทสัมภาษณ์ คุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก เกษตรกรรุ่นใหม่ผู้เปลี่ยนผ่านจากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก เป็นต้นแบบเกษตรกรชาวสวนยางเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบยั่งยืน อายุ 39 ปี เป็นเลขานุการของสหกรณ์ ต.ตาเนาะแมเราะ เลขานุการของเครือข่ายเบตง และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาชุมชนและการเกษตรในพื้นที่
จุดเด่นหลักของการเกษตรในพื้นที่เบตง คือ การปลูกยางและการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่ทำให้พื้นที่นี้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ เหมาะสม เช่น น้ำ ลำธารและภูมิอากาศที่เอื้อต่อการเกษตร นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนผ่านความรู้จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่มีทักษะและความรู้ในการผลิตที่สูงขึ้น
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ ที่สวนคุณทศพล มีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพอาหารและการผลิตที่ยั่งยืน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นและการสร้างความรู้ใหม่ในด้านการเกษตร เช่น การปลูกยางและการทำปศุสัตว์ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการทำฟาร์มที่หลากหลาย เช่น การเลี้ยงปลาและการปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความหลากหลายและลดความเสี่ยงในการผลิต
การทำฟาร์มของทศพล มีความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยทศพลเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่รับไม้ต่อจากรุ่นพ่อ ซึ่งมีการเปลี่ยนผ่านความรู้และทรัพยากรอย่างครบถ้วน ฟาร์มนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 50 ไร่ แบ่งเป็นสวนยาง 20 ไร่ และยังมีการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น ทุเรียนและมังคุด รวมถึงการเลี้ยงปลาและปศุสัตว์เพื่อสร้างความหลากหลายในการผลิต
บ่อปลาเลี้ยงปลา มีการเลี้ยงปลาหลายชนิด เช่น ปลาดุก ปลาจีนและปลาพวงชมพู ปลาคู่เมืองยะลาแต่เป็นปลาขี้ตกใจ โดยปลาพวงชมพูเป็นที่นิยมเนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีคอลลาเจนมาก ซึ่งทำให้สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ทอดหรือนึ่ง ปัจจุบันตลาดรับซื้อปลาพวงชมพูอยู่ที่ประมาณ 3,000-3,500 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับคุณภาพและขนาดของปลา ส่วนราคารับซื้อปลาจีนในตลาดปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 260 บาทต่อกิโลกรัม บ่อปลามีการจัดการน้ำที่เหมาะสมเพื่อให้ปลามีการเจริญเติบโตที่ดี นอกจากนี้คุณทศพลยังมีการเลี้ยงไก่ในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับฟาร์มของเขา โดยการเลี้ยงไก่ไข่เป็นส่วนหนึ่งของการทำเกษตรกรรมที่มีความยั่งยืนและสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว
การขึ้นทะเบียน GI (Geographical Indication) ของเกษตรผสมผสาน เป็นกระบวนการที่ช่วยรับรองผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเฉพาะจากพื้นที่หนึ่ง ๆ โดยเฉพาะในกรณีของผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ปลาพวงชมพู การขึ้นทะเบียน GI จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการรณรงค์เพื่อส่งเสริมการขึ้นทะเบียน GI สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในพื้นที่
ค่าอาหารไก่และอาหารปลาที่สูงขึ้น เป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญในปัจจุบัน เมื่อค่าอาหารไก่มีราคาแพงขึ้น ค่าอาหารปลาก็มีราคาสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตและต้นทุนของเกษตรกรทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและขอเพิ่มราคาเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของค่าอาหารนี้ทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้ความอดทนและการบริหารจัดการที่ดีขึ้นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด
สรุปจุดเด่นของเกษตรกรรุ่นใหม่
ฐานทรัพยากรที่ดี: เกษตรกรรุ่นใหม่มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ดี เช่น สภาพความชื้นและคุณภาพของดินที่เหมาะสมสำหรับการเกษตร
การบริหารจัดการที่ดี: เกษตรกรรุ่นใหม่มีความสามารถในการบริหารจัดการที่ดี ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้เทคโนโลยี: มีแนวโน้มที่จะใช้เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ในการพัฒนาการเกษตรและการตลาด โดยรวมแล้ว เกษตรกรรุ่นใหม่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและการเกษตรให้มีความยั่งยืนและตอบโจทย์ตลาดได้
0
0
3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้แปลงต้นแบบเกษตรกรรมยั่งยืน อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
วันที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลา 11:30 น.กิจกรรมที่ทำ
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
สวนมังคุดในสายหมอก นายสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
สวนมังคุดในสายหมอก นายสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์
บทสัมภาษณ์คุณสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์ เลขานุการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดทุเรียนอินทรีย์ อ.เบตง
เริ่มทำเกษตรตั้งแต่ปี 2554 หลังจากที่เขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ประมาณปีครึ่ง และต้องกลับมาดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคความดัน ไม่มีใครดูแล เขาจึงตัดสินใจผันตัวกลับมาทำเกษตรในช่วงเวลานั้น ทำเกษตรเกี่ยวกับผลไม้หลักๆ ได้แก่: มังคุด ทุเรียน ลองกอง
ในช่วงเริ่มต้นทำเกษตร คุณสุขสันต์เผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ทั้งผลผลิตไม่สวยและไม่ตรงตามมาตรฐาน ทำให้ขายได้ในราคาต่ำ การดูแลผลไม้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ราคาผลไม้ในตลาดต่ำ ทำให้ขาดรายได้ จึงแก้ปัญหาโดยรวมกลุ่มมังคุดแปลงใหญ่น้ำทิพย์ กับเกษตรกรคนอื่นๆ เพื่อศึกษาและพัฒนาคุณภาพของมังคุด เรียนรู้วิธีการปลูกและดูแลที่มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงวิธีการดูแลผลไม้ให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงขึ้น การรวมกลุ่มนี้ช่วยให้เขาได้รับความรู้และเทคนิคใหม่ๆ ผลผลิตจึงมีคุณภาพดีขึ้น อีกทั้งศึกษาและเรียนรู้จากการไปเยี่ยมชมแปลงเกษตรที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่อื่นๆ เช่น ชุมพร การเรียนรู้จากแหล่งเหล่านี้ช่วยให้สามารถปรับปรุงวิธีการทำเกษตรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันคุณสุขสรรค์มีพื้นที่ปลูกมังคุดอินทรีย์ จำนวนทั้งหมด 8 ไร่ รวมจำนวนต้นทั้งหมด 155 ต้น อ.เบตง มีการใช้สารเคมีน้อยมากจึงทำให้เกิดแนวความคิดการรวมกลุ่มทำมังคุดอินทรีย์ขึ้นเพื่อที่จะยกระดับคุณภาพ และราคาของมังคุดในพื้นที่ อ.เบตง ให้มีราคาสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งลักษณะเด่นของมังคุดอินทรีย์เบตง คือ ลูกใหญ่ ผิวมันวาว รสชาติหวานติดเปรี้ยวนิดๆ
เทคนิคการปลูก
ปัจจุบันในวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดทุเรียนอินทรีย์ ได้มีการให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี โดยจะเน้นใช้สารชีวภัณฑ์แทนปุ๋ยเคมีตั้งแต่เริ่มปลูก คือ มีการใช้ปุ๋ยคอกใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก มีการใช้สารชีวภัณฑ์แทนปุ๋ยเคมี เพื่อให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นเป็นที่มีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งประกอบด้วย 1.จุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตร (สูตรหัวเชื้อ) 2. ฮอร์โมนไข่ 1 ลิตร (เป็นฮอร์โมนไข่ที่หมักแล้ว) 3.นมหมัก 1 ลิตร (เป็นนมที่หมักแล้ว) และ 4.แคลเซี่ยมโบรอน 1 ลิตร (แคลเซียมโบรอนที่ทำเรียบร้อยแล้ว) บวกกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
การดูแลรักษา
เทคนิคการ Top ใบ ช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดีขึ้น โดยการตัดใบที่ไม่จำเป็นออก ทำให้พืชสามารถใช้พลังงานในการสร้างผลผลิตได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและแมลงศัตรูพืช เนื่องจากการตัดใบที่มีปัญหาจะช่วยลดแหล่งที่อยู่อาศัยของศัตรูพืช
การฉีดยาต้นทุเรียน จะต้องฉีดรอบต้น เพื่อให้แน่ใจว่าสารเคมีหรือปุ๋ยสามารถเข้าถึงทุกส่วนของต้นได้อย่างทั่วถึง ซึ่งมีข้อดีหลาย
กลยุทธ์ทางการตลาด
สินค้าจากกลุ่มได้รับรองมาตรฐาน GIP แล้วจำนวน 20 ราย และก็ยังรอให้ทางกรมวิชาการเกษตรมาตรวจแปลงปลูกเพื่อเข้าสู่มาตรฐาน GIP เพิ่มเติมอีก 19 ราย ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการบริโภค สำหรับการทำการตลาดนั้นอีกประการหนึ่ง การให้ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของผลไม้ เช่น การเน้นเรื่องสุขภาพและคุณค่าทางโภชนาการ กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้เขาสามารถสร้างความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนมาก สมาชิกจะส่งให้พ่อค้ากลาง และทางพ่อค้ากลางจะส่งต่อไปยังผู้บริโภคที่มาเลเซีย สิงคโปร์อีกทอดหนึ่ง ทางกลุ่มยังมีการทำมังคุดลูกดำบรรจุกล่องเพื่อจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท ผ่านช่องทางการจำหน่ายทางโครงการประชารัฐของรัฐบาล รวมทั้งผ่านทางธนาคาร ธกส. เป็นผู้ที่จัดหาช่องทางการตลาดให้ รวมทั้งการเตรียมทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์ในฤดูการเก็บเกี่ยวเดือนตุลาคม
การคาดการณ์ราคา: การเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตมากเกินไปในตลาดในช่วงเวลาเดียวกัน คุณสุขสรรค์จึงจัดทำบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวและการผลิต เช่น วันที่เก็บเกี่ยวและปริมาณผลผลิต ออกดอกบานวันไหนเก็บเกี่ยวได้วันไหนบวกลบไม่เกิน 10วัน ต้องใช้แรงงานกี่คน ในช่วงใด และสร้างตารางคาดการณ์การเก็บเกี่ยวที่ระบุวันและช่วงเวลาที่ผลผลิตจะออก เพื่อช่วยในการวางแผนการตลาด ศึกษาความต้องการของตลาดในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์ว่าราคาในอนาคตจะเป็นอย่างไร เมื่อเราสามารถคาดการณ์ได้ ก็สามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น กลยุทธ์การเก็บเกี่ยว คือ การเลื่อนเวลาการเก็บเกี่ยวเพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงขึ้นและราคาดีขึ้น
มุมมองการเป็นเกษตรกรของคุณสุขสรรค์ เกษตรกรต้องเปลี่ยนบทบาท ต้องเป็นผู้บริหาร ไม่ใช้แรงงานของตนอย่างเดียว ต้องสามารถการบริหารจัดการต้นทุนได้ เช่น การจ้างแรงงาน และการวางแผนเพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ เกษตรกรจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการทำงานด้วยตนเองมาเป็นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น ซึ่งการใช้เทคโนโลยีที่มีคุณภาพอาจต้องมีการลงทุนสูง แต่สามารถช่วยให้เกษตรกรประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เช่น การใช้ปั๊มแรงดันสูงช่วยลดเวลาที่ใช้ในการฉีดพ่น ทำให้เกษตรกรสามารถทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง
0
0
4. จัดทำสารคดี รูปแบบเกษตรผสมผสาน กรณีศึกษา ทศพล รุ่งเรืองใบหยก
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14:30 น.กิจกรรมที่ทำ
ถ่ายทำสารคดี....
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ถ่ายทำสารคดี...
0
0
5. กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี
*กำลังเพิ่มข้อมูล......
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี
ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จำนวน60ท่าน
*กำลังเพิ่มข้อมูล........
0
0
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ สถานการณ์ เป้าหมาย ผลผลิต อธิบาย
1
1.พัฒนายกระดับต้นแบบการทําเกษตรกรรมยั่งยืนใน พื้นที่เป้าหมายและขับเคลื่อนให้เกิดการขยายผล (Model for Scaling up)
ตัวชี้วัด : 1. มีต้นแบบที่ยกระดับการทําเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่จํานวน 10 แห่งพร้อมถอดบทเรียนกระบวนการทํางานเป็นเอกสาร สําหรับนําไปใช้เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการขยายผล (Modelfor Scaling up) ในพื้นที่เป้าหมาย
2. มีชุดความรู้/แนวทางปฏิบัติ/คู่มือ ในการยกระดับการทําเกษตรกรรมยั่งยืนอย่างน้อย 1 เรื่องคือ Model เกษตรกรรมยั่งยืนในสวนยางพารากรณีสามจังหวัดภาคใต้ชายแดน พร้อมทั้งนําไปใช้ขับเคลื่อนการดําเนินงาน และเผยแพร่สู่สาธารณะ
2
2.ขับเคลื่อนและยกระดับ โมเดล (good practice) ใน การกระจาย เชื่อมโยง ผลผลิต อาหารเพื่อสุข ภาวะให้กับ ประชาชนใน ชุมชน ผ่าน กลไกต่างๆ ไปสู่การขยาย ผล (Model for Scaling up)
ตัวชี้วัด : 1. เกิดรูปแบบการกระจายเชื่อมโยงผลผลิตอาหารที่เพิ่มการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาวะของประชาชนในพื้นที่ Model forScaling up (โมเดลที่พร้อมขยายผล) อย่างน้อย 1 กรณีเช่น กลไกหน่วยงาน สหกรณ์การเกษตร ตลาดสีเขียวในชุมชนทั้งในรูปแบบออนไลน์และ onsiteพร้อมทั้งถอดบทเรียนกระบวนการทํางานเป็นเอกสาร และนําบทเรียนกระบวนการทํางานไปใช้
เสนอต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย
2. มีชุดความรู้/แนวทางปฏิบัติ/คู่มือ ในการกระจาย เชื่อมโยงผลผลิตอาหารที่เพิ่มการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาวะอย่างน้อย 1 เรื่อง คือ Modelตลาดอาหารปลอดภัยในระดับโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา พร้อมทั้งนําไปขับเคลื่อนการดําเนินงานและใช้เผยแพร่สู่สาธารณะ
3
3.พัฒนา ต้นแบบการ ส่งเสริมความ รอบรู้ด้านอาหารเพื่อสุข ภาวะ (ความ มั่นคงอาหาร/ อาหาร ปลอดภัย/ โภชนาการ) ให้กับ ประชาชนใน พื้นที่เพื่อปรับ พฤติกรรม การบริโภค และร่วมพลัง เป็นพลเมือง อาหาร
ตัวชี้วัด : มีต้นแบบการส่งเสริมความรอบรู้ด้านอาหารเพื่อสุขภาวะ (ความมั่นคงอาหาร/อาหารปลอดภัย/โภชนาการ) ในพื้นที่ตําบลสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และมีรายงานติดตามผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายที่เกิดขึ้นจากการสร้างความรอบรู้ด่านอาหารเพื่อสุขภาวะ โดยนําผลไปปรับปรุงการดําเนินงานและจัดทําแผนยุทธศาสตร์ท้องถิ่น พร้อม
ทั้งเผยแพร่ความรู้ด้านอาหารเพื่อสุขภาวะสู่สาธารณะ
4
4.พัฒนา ระบบ/กลไก เฝhาระวัง ผลผลิต ปลอดภัย เทศบาลนคร ยะลา จ.ยะลา
ตัวชี้วัด : ร่วมกับเครือข่ายพัฒนาระบบ/กลไกเฝ้าระวังการจัดการผลผลิตปลอดภัยอย่างน้อย 1 กรณี คือระบบเฝ้าระวังอาหารปลอดภัยเทศบาลนครยะลา จ. ยะลา พร้อมทั้งติดตามประเมินผลระบบ/กลไกเฝ้าระวังฯ โดยระบบ/กลไกเฝ้าระวังฯถูกนําไปใช้เสนอต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย
5
5.พัฒนา ต้นแบบ ระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ ตลอดห่วงโซ่ ที่แก้ปัญหา ภาวะ โภชนาการใน กลุ่มเด็กเล็ก เด็กนักเรียน และกลุ่ม เปราะบาง
ตัวชี้วัด : มีต้นแบบระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในชุมชนอย่างน้อย 6 แห่ง (ใหม่) ได้แก่ ตําบลยะหริ่ง ตําบลปานาแระตําบลสะดาแวะ ตําบลนํ้าดํา ตําบลนาเกตุ ตําบลดอนรัก ที่่แก้ปัญหาภาวะโภชนาการในกลุ่มเด็กเล็กนักเรียน และกลุ่มเปราะบาง โดยมีรายงานการติดตามผลการเชื่อมโยงระบบอาหารตั้งแต่การผลิต (ต้นทาง) การกระจาย/การจําหน่าย(กลางทาง) และการบริโภค
(ปลายทาง) พร้อมนําไปใช้สื่อสารสู่สาธารณะ เพื่อให้เกิดการขยายผล
6
6.พัฒนาและ ขับเคลื่อน นโยบาย สาธารณะ เพื่อส่งเสริม บริโภค อาหารเพื่อสุข ภาวะ/ระบบ อาหารที่ ยั่งยืน
ตัวชี้วัด : 1. มีข้อเสนอนโยบายสาธารณะที่ส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ โดยผ่านกลไกงบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส)อย่างน้อย 1 เรื่อง คือประเด็นความมั่นคงทางอาหาร พร้อมทั้งนํามาใช้สื่อสารสู่สาธารณะเพื่อให้เกิดกระแสสังคมในการขับเคลื่อนนโยบาย และผลักดันต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย
2. มีข้อเสนอนโยบายสาธารณะด้านอาหารปลอดภัยในระดับจังหวัดปัตตานี พร้อมทั้งนํามาใช้สื่อสารสู่สาธารณะเพื่อให้เกิดกระแสสังคมในการขับเคลื่อนนโยบาย และผลักดันต่อผู้บริหารหน่วยงานเพื่อพิจารณาการกําหนดเป็นนโยบาย
3. มีข้อเสนอนโยบายสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาภาวะโภชนาการในกลุ่มเด็กเล็ก เด็กนักเรียนอย่างน้อย 1 เรื่อง คือนโยบายแก้ปัญหาเด็กเตี้ยเด็กผอมจังหวัดปัตตานีพร้อมทั้งนํามาใช้สื่อสารสูสาธารณะเพื่อให้เกิดกระแสสังคมในการขับเคลื่อนนโยบาย และผลักดันต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาการกําหนดเป็นนโยบาย
7
7.พัฒนาฐาน ข้อมูลและ แผนภาพ เพื่อใช้ขับ เคลื่อนและ บูรณาการทํา งานระบบ อาหารตลอด ห่วงโซ่
ตัวชี้วัด : เกิด Mapping ที่แสดงให้เห็นต้นทุนการทํางานและการเชื่อมโยงระบบอาหารตลอดห่วงโซ่ จํานวน 4จังหวัด ได้แก่ สงขลาปัตตานี ยะลา และนราธิวาส (ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ความรู้ พื้นที่ดําเนินงาน ภาคีเครือข่าการขับเคลื่อนนโยบายการเชื่อมโยงระหว่างการผลิต การกระจาย/ตลาดการบริโภค) เพื่อใช้บูรณาการทํางานและสื่อสารสู่สาธารณะ
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
บทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา จังหวัด ยะลา
รหัสโครงการ 66-00459
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
................................
( อ.ดร.เพ็ญ สุขมาก )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......
“ การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา ”
จังหวัดยะลาหัวหน้าโครงการ
อ.ดร.เพ็ญ สุขมาก
ชื่อโครงการ การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา
ที่อยู่ จังหวัดยะลา จังหวัด ยะลา
รหัสโครงการ 66-00459 เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 ตุลาคม 2567
กิตติกรรมประกาศ
"การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา จังหวัดยะลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน จังหวัดยะลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา
บทคัดย่อ
โครงการ " การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา " ดำเนินการในพื้นที่ จังหวัดยะลา รหัสโครงการ 66-00459 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 พฤศจิกายน 2566 - 31 ตุลาคม 2567 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 0.00 บาท จาก เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 0 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ | |
บทคัดย่อ | |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล | |
วัตถุประสงค์โครงการ | |
กิจกรรม/การดำเนินงาน | |
กลุ่มเป้าหมาย | |
ผลลัพธ์ที่ได้ | |
การประเมินผล | |
ปัญหาและอุปสรรค | |
ข้อเสนอแนะ | |
เอกสารประกอบอื่นๆ |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
- พื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่ของภาคใต้ เน้นการทำเกษตรเชิงเดี่ยวได้แก่ ยางพาราและปาล์มนํ้ามัน จำนวนถึง 18,691,482 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 85.94 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด ในขณะที่การปลูกพืชอาหาร เช่น ข้าวนาปี และนาปรังมีเพียง 883,326 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4.06 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด ส่วนพื้นที่เกษตรอินทรีย์คิดเป็นร้อยละ 3.07 สำหรับผลผลิตต่อไร่ของพืชหลักเกือบทุกชนิดตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยของภาคใต้และประเทศ ปี 2563 จำนวนปศุสัตว์ในภาพรวมมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ส่วนปริมาณสัตว์นํ้า ณ ท่าเทียบเรือประมงปัตตานี มีจำนวน 84,762 ล้านตัน หดตัวจากปีก่อนร้อยละ 15.5 ด้านการปรับใช้ระบบเกษตรผสมผสานหรือพืชร่วมยางอยู่ในระดับการปรับใช้ไม่เกินระดับ 4 นั้นคือ เกษตรกรเพิ่งเริ่มต้นมีความสนใจ ทดลอง และกำลังปรับใช้ระบบเกษตรผสมผสานหรือพืชร่วมยาง แต่ข้อจำกัดที่สำคัญของการปรับใช้ระบบเกษตร คือ ความเพียงพอของแหล่งนํ้า การระบาดของโรคและศัตรูพืช/สัตว์ และขาดความรู้ทักษะทางการเกษตร และข้อจำกัดอื่น ๆ เช่น ที่ตั้งไม่เหมาะสม ดินเสื่อมโทรม ขาดพันธุ์พืช/พันธุ์สัตว์ที่เหมาะสม ที่ดินขนาดเล็ก ขาดแคลนเงินทุน ขาดตลาดรองรับ ขาดแคลนแรงงาน และนโยบายสนับสนุนไม่แน่นอน
- ภาคใต้ประสบปัญหาความยากจนรุนแรงที่สุด โดยมีสัดส่วนคนจนสูงสุดที่ร้อยละ 10.94 ซึ่งจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสยังเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุด 10 อันดับแรกของประเทศไทย ในปี 2564 จังหวัดปัตตานีมีสัดส่วนคนจนติดในอันดับสูงสุด 10 อันดับแรกมาตั้งแต่ปี 2549 และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 รวมระยะเวลา 16 ปีติดต่อกัน โดยพบว่าภาคเกษตรกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีปัญหาความยากจนสูงที่สุด โดยสัดส่วนแรงงานยากจนในภาคเกษตรกรรมปี 2564 สูงถึงร้อยละ 11.43 สำหรับการว่างงานโดยปี 2558-2562 อัตราการว่างงานกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สถานการณ์ความยากจนของประชากรยังอยู่ในระดับสูงมาก เนื่องมาจากผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกตํ่า โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มนํ้ามัน โดยพบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนรวมมูลค่า 139,173 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.82 ของประเทศและร้อยละ 9.44 ของภาคใต้ โดยในปี 2562 มูลค่าผลิตภัณฑ์รวมมวลภาคการเกษตรมีสัดส่วนร้อยละ 29.00
- สถานการณ์เชิงลบด้านโภชนาการของเด็กในชายแดนภาคใต้ยังมีหลายด้านที่ควรเร่งแก้ปัญหา คือ พื้นที่ชายแดนใต้นับเป็นกลุ่มที่มีปัญหาทุพโภชนาการมากที่สุดในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในระยะยาว ผลสำรวจพบว่า ประมาณร้อยละ 23 ของเด็กที่มีอายุตํ่ากว่า 5 ปีในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กำลังเผชิญกับภาวะเตี้ยแคระแกร็น (มีส่วนสูงตํ่ากว่าเกณฑ์อายุ) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ร้อยละ 13 เกือบสองเท่า โดยจังหวัดนราธิวาสมีเด็กอายุตํ่ากว่า 5 ปีที่มีภาวะผอมแห้งสูงสุดใน 17 จังหวัดที่ทำการสำรวจแบบเจาะลึก โดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศที่ไม่ถึงร้อยละ 8 ขณะเดียวกัน ภาวะผอมแห้งของเด็กอายุตํ่ากว่า 5 ปีในจังหวัดปัตตานีก็เป็นที่น่ากังวลเช่นกัน โดยอยู่ที่ร้อยละ 10
ต้นทุน องค์ความรู้ ผลงานที่ผ่านมาของสถาบันนโยบายสาธารณะ ระยะที่ 1 ตัวอย่างเกษตรผสมผสานในสวนยางพาราของอำเภอควนเนียง 12 ราย และแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์บ้านเชิงแส อำเภอกระแสสินธุ์ ในรูปแบบเกษตร 1 ไร่ 1 แสน การยกระดับตลาดเกษตร ม.อ. เป็นอุทยานอาหารปลอดภัย โดยพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เกิดข้อมูลสุขภาวะเด็ก 6-14 ปี นำไปสู่แผนบูรณาการความมั่นคงทางอาหาร อาหารปลอดภัย และโภชนาการสมวัยตำบลชะแล้ และตำบลควนรู และเกิดยุทธศาสตร์ระบบอาหารจังหวัดสงขลา ระยะที่ 2 รูปแบบเกษตรผสมผสานในสวนยาง 10 แบบ องค์ความรู้การทำ 1 ไร่ 1 แสนในพื้นที่ทำนา เกิดรูปแบบการเชื่อมโยงผลผลิตระหว่างเกษตรกรตลาดเกษตร ม.อ.ไปสู่ร้านอาหาร และผู้บริโภค การขยายผลและตำบลบูรณาการความมั่นคงทางอาหาร อาหารปลอดภัย และโภชนาการสมวัยไปสู่ตำบลรัตภูมิ เชิงแส และเทศบาลสิงหนคร การผลักดันยุทธศาสตร์ระบบอาหารสู่แผนปฏิบัติราชการจังหวัดสงขลา ได้แก่ โครงการแก้ปัญหาโภชนาการ โดย วพบ.สงขลา และสถาบันนโยบายสาธารณะ
ระยะที่ 3 รูปแบบเกษตรผสมผสานไปส่งเสริมเกษตรกรใน 5 อำเภอของจังหวัดสงขลา จำนวน 44 แปลง และประเมินมูลค่าด้านเศรษฐศาสตร์จำนวน 20 แปลงคัดเลือกเป็นแหล่งเรียนรู้จำนวน 8 แปลง จัดทำคู่มือ หลักสูตรการทำสวนยางยั่งยืน ยกระดับชุมชนบ้านคูวาเป็นรูปแบบ 1 ไร่หลายแสน โดยมีแหล่งเรียนรู้ย่อยของชุมชนจำนวน 10 แห่ง การขยายผลรูปแบบตลาดอาหารปลอดภัยไปสู่ห้างสรรพสินค้า ตลาดเอกชน และตลาดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำแผนอาหารและโภชนาการจำนวน 79 แห่งเพื่อใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับตำบล การบูรณาการแผนยุทธศาสตร์จังหวัดสงขลาเข้าสู่แผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จังหวัดสงขลา ระยะที่ 4 แหล่งเรียนรู้จำนวน 8 แปลงของจังหวัดสงขลา ขยายผลรูปแบบเกษตรผสมผสาน 4 รูปแบบ คือ 1) ระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลง 2) ระบบเกษตรหลากหลายแบบร่วมยาง 3) ระบบเกษตรผสมผสาน 4) ระบบวนเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสงขลาขยายผล 1 ไร่หลายแสนอย่างต่อเนื่องโดยใช้รูปแบบบ้านคูวา ส่วนสามจังหวัดภาคใต้ชายแดนไม่สามารถขยายผลได้เพราะเป็นนาร้าง โรงพยาบาลจำนวน 8 แห่งของจังหวัดสงขลาเกิดการเชื่อมโยงผลผลิตอาหารชุมชน การเกิดพื้นที่ตลาดอาหารปลอดภัยในตลาดจะบังติกอ เทศบาลเมืองปัตตานี เกิดแผนงานระบบอาหารและโภชนาการรวมทั้งโครงการส่งเสริมโภชนาการ จำนวน 11โครงการโดยใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นเทศบาลนครยะลา เกิดแผนระบบอาหารจังหวัดนราธิวาส ระยะที่ 5 ได้รูปแบบเกษตรกรรมในสวนยางพาราจำนวน 3 รูปแบบที่เหมาะสมกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 1) ระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลง (ยางพารา ทุเรียน ปาล์มนํ้ามัน สละ กล้วย เป็นต้น) 2) ระบบการปลูกพืชร่วมยาง (ยางพาราร่วมกับผักกูด ผักเหรียง ไม้เศรษฐกิจ กาแฟ) 3) ระบบเกษตรผสมผสาน (ยางพารา ไม้ผล ไม้เศรษฐกิจ ผักกินใบแพะ วัว หมู เป็ด ไก่ ปลา) ถอดบทเรียนและประเมินมูลค่าด้านเศรษฐศาสตร์จำนวน 16 ราย ได้ Best practice จำนวน 5 ราย ซึ่งมีศักยภาพพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ เกิดการเชื่อมโยงผลผลิต (Matching Model) อาหารชุมชนไปยัง รพ. 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลบางกลํ่า และโรงพยาบาลควนเนียง ในจังหวัดสงขลา และโรงเรียน 3 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านดอนรัก โรงเรียนบ้านปะกาจินอ ในจังหวัดปัตตานี โรงเรียนบ้านแขยง จังหวัดนราธิวาส และร้านอาหาร 1 แห่ง คือ โรงแรม CS ปัตตานี จ.ปัตตานี และการสื่อสารเรื่องอาหารปลอดภัยจังหวัดปัตตานี โดยแนวคิดเรื่อง ความสะอาดเป็นส่วนนึงของความศรัทธา แนวคิดอาหารฮาลาล ตอยยีบัน(การนำสิ่งดีๆสู่ชีวิต ความบารอกัตในชีวิต) เผยแพร่สู่สาธารณะ 10 ช่องทาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 17 แห่งของจังหวัดยะลา มีโครงการระบบอาหารและโภชนาการปีงบประมาณ 2565 จำนวน 14 โครงการ ปีงบประมาณ 2566 จำนวน 16 โครงการโครงการเกี่ยวกับฟัน ปีงบประมาณ 2565 จำนวน 2 โครงการ และปีงบประมาณ 2566 จำนวน 2 โครงการ เกิดตำบลต้นแบบการจัดการระบบอาหารอย่างครบวงจรให้กับกลุ่มเปราะบาง ในระดับ อปท. (COVID-19) จังหวัดปัตตานี 5 แห่ง จังหวัดยะลา 1 แห่ง และระดับ รพ.สต.ในจังหวัดนราธิวาส 6 แห่ง แผนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดชายแดนใต้ ปีงบประมาณ 2566- 2567 มีการดำเนินงานเรื่องระบบอาหารและโภชนาการที่ครบวงจร ปีพ.ศ. 2566 มีโครงการสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรื่อนยากจน 3 จังหวัด จำนวน 1 โครงการ ปีพ.ศ. 2567 จำนวน 5 โครงการ คือ 1) โครงการยกระดับไม้ผลที่มีประสิทธิภาพในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน งบ 20 ล้าน กิจกรรมสำคัญ ขยายผลทักษะการผลิตไม้ผลตามมาตรฐาน GAP การผลิตไม้ผลตามอัตลักษณ์ 2) พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูป งบ 2.4 ล้านบาท 3) ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์นํ้าเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร งบ 10 ล้านบาท 4) ยกระดับการเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้เศรษฐกิจฐานราก เพื่อความมั่นคง มั่นคั่ง งบ 49 ล้านบาท 5) โครงการยกระดับการแก้ไขปัญหาความยากจนและเสริมสร้างสุขภาวะครัวเรือนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 งบ 10.2 ล้านบาท
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- 1.พัฒนายกระดับต้นแบบการทําเกษตรกรรมยั่งยืนใน พื้นที่เป้าหมายและขับเคลื่อนให้เกิดการขยายผล (Model for Scaling up)
- 2.ขับเคลื่อนและยกระดับ โมเดล (good practice) ใน การกระจาย เชื่อมโยง ผลผลิต อาหารเพื่อสุข ภาวะให้กับ ประชาชนใน ชุมชน ผ่าน กลไกต่างๆ ไปสู่การขยาย ผล (Model for Scaling up)
- 3.พัฒนา ต้นแบบการ ส่งเสริมความ รอบรู้ด้านอาหารเพื่อสุข ภาวะ (ความ มั่นคงอาหาร/ อาหาร ปลอดภัย/ โภชนาการ) ให้กับ ประชาชนใน พื้นที่เพื่อปรับ พฤติกรรม การบริโภค และร่วมพลัง เป็นพลเมือง อาหาร
- 4.พัฒนา ระบบ/กลไก เฝhาระวัง ผลผลิต ปลอดภัย เทศบาลนคร ยะลา จ.ยะลา
- 5.พัฒนา ต้นแบบ ระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ ตลอดห่วงโซ่ ที่แก้ปัญหา ภาวะ โภชนาการใน กลุ่มเด็กเล็ก เด็กนักเรียน และกลุ่ม เปราะบาง
- 6.พัฒนาและ ขับเคลื่อน นโยบาย สาธารณะ เพื่อส่งเสริม บริโภค อาหารเพื่อสุข ภาวะ/ระบบ อาหารที่ ยั่งยืน
- 7.พัฒนาฐาน ข้อมูลและ แผนภาพ เพื่อใช้ขับ เคลื่อนและ บูรณาการทํา งานระบบ อาหารตลอด ห่วงโซ่
กิจกรรม/การดำเนินงาน
- 1. ขับเคลื่อนรูปแบบเกษตรกรรมยั่งยืนให้เกิด การขยายผลในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ชายแดนเพื่อนําไปสู้การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ
- 2. พัฒนาฐานข้อมูลและแผนภาพอาหารทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อใช้บูรณาการทํางานระบบอาหารและโภชนาการ และสื่อสารสู่สาธารณะ
- 1.2 ทีมนักวิชาการออกแบบหลักสูตรเกษตรกรรมยั่งยืนโดยใช้แหล่งเรียนรู้ จากเกษตรกร 10 แห่ง และออกแบบเครื่องมือประเมินความมั่นคงทางอาหาร ระดับครัวเรือน (นำไปใช้ประเมินกลุ่มเป้าหมาย 200 คน)
- 2.1 ทีมนักวิชาการออกแบบเครื่องมือ จัดทำชุดแผนภาพอาหาร ใน 4 จังหวัด สงขลา ปัตตานี ยะลาและ นราธิวาส
- 3. พัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อส่งเสริมบริโภคอาหารเพื่อสุข ภาวะ/ระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยกลไกกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) กลไกผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กลไกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
- 4. กิจกรรมการสื่อสารสาธารณะและการสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย
- 5. การติดตามประเมินผลภายนอก
- 1.1 การประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความร่วมมือการยกระดับต้นแบบการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
- 1.3 สนส. และทีมวิชาการสร้างปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่งให้มีความพร้อมเป็นจุดถ่ายทอดการทำเกษตรกรรมยั่งยืน การเป็นทีมวิทยากร
- 2.2 เก็บข้อมูลตามแบบเครื่องมือ
- 3.1 ประชุมทีมคณะเศรษฐศาสตร์มอ. เพื่อวางแผนประเมินโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนากลุ่มจังหวักภาคใต้ชายแดน และแผนของอบจ. แผนปี 65และ66 เพื่อประเมินถึงความคุ้มค่าในมิติทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
- 3.4 การประชุมกำหนดวาระนโยบายเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร นโยบายการแก้ปัญหาโภชนาการเด็ก ให้อยู่ในแผนของกลุ่มจังหวัดและอบจ. ปัตตานี
- 4.1 ประสานกับวิทยุมอ.88 หาดใหญ่ มอ.ปัตตานี เอามาออกแบบการพัฒนาประเด็นสื่อสาร ข้อเสนอเชิงนโยบายความมั่นคงทางอาหาร การทำเกษตรกรรมยั่งยืน ตลาดสีเขียวในชุมชน อาหารปลอดภัย นโยบายแก้ปัญหาด้านโภชนาการ เช่นเด็กเตี้ย เด็กผอม
- 5.1. ติดตามประเมินผลภายในโครงการ เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามตัวชี้วัดและให้ข้อเสนอแนะต่อผู้รับผิดชอบโครงการรวมทั้งช่วยประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เช่นค่าใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละกิจกรรม กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลประโยชน์
- 6. นําเสนอระบบ/กลไกเฝ้าระวังอาหารปลอดภัย ให้กับผู้บริหารหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย
- 1.4 จัด workshop ให้เกษตรกร 200 คน ในพื้นที่แปลงเรียนรู้ของเกษตรกรต้นแบบ พร้อมกับประเมินความมั่นคงทางอาหาร ของกลุ่มเป้าหมาย 200 คน
- 3.2 ทีมนักวิชาการลงพื้นที่ประเมินโครงการ
- 6.1 การจัดประชุมนำเสนอรูปแบบของกลไกคณะทำงานอาหารปลอดภัยยะลา และนำเสนอรูปแบบให้กับผู้บริหารนครยะลา เพื่อให้เทศบาลนครยะลาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
- 2.3 ออกแบบโปรแกรมระบบฐานข้อมูลแผนภาพอาหาร และบันทึกข้อมูล
- 3.3 นักวิชาการนำผลการประเมินคืนให้กับส่วนราชการที่ดำเนินโครงการ พร้อมกับworkshop การยกระดับการทำแผนงานโครงการที่ตอบความคุ้มค่าในมิติเศรษฐกิจและสังคม
- 1.6 เดือน ก.ค.ประเมินความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน เกษตรกร 200 คน (ประเมินหลังการเข้าร่วมกิจกรรม)
- 2.4 มีการประชุมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 จังหวัดให้เกิดการนำโปรแกรมระบบฐานข้อมูลแผนภาพอาหารไปใช่ออกแบบโครงการที่เกี่ยวกับความมั่นคงอาหาร หรือตลาด หรือการเชื่อมเครือข่าย หรือการจัดการความรู้
- 4.2 จัดเวทีนโยบายในพื้นที่(คลายๆ Thai pbs)
- 7. การพัฒนาชุดความรู้ แนวทางปฏิบัติ และคู่มือ Model เกษตรกรรมยั่งยืนใน สวนยางพารา ขยายผลกับการยางแห่งประเทศไทยสามจังหวัดภาคใต้ชายแดน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- 7.1 นักวิชาการลงพื้นที่ ประเมินแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่ง ถอดบทเรียนการเป็นแหล่งเรียนรู้ และจัดทำ model แหล่งเรียนรู้ฯ จัดทำเป็นแนวทางปฏิบัติการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในสวนยางพารา
- 7.2 จัดประชุมแลกเปลี่ยนการทำเกษตรกรรมยั่งยืน ในรูปแบบการจัดประชุมวิชาการ หรือการจัดสมัชชาเรื่องสวนยางยั่งยืน ทั้ง onsite และ online
- 1.5 ระบบติดตามสนับสนุนให้คำปรึกษาการทำเกษตรกรรมยั่งยืน (กลุ่มไลน์) ให้กับแหล่งเรียนรู้ทั้ง 10 แห่ง และแกนนำเกษตรกร 200 คน
- จัดทำสารคดี รูปแบบเกษตรผสมผสาน กรณีศึกษา ทศพล รุ่งเรืองใบหยก
- โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
- โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
- โครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
- กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้ |
---|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
---|---|---|
ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง | |
1. แลกเปลี่ยนเรียนรู้แปลงต้นแบบเกษตรกรรมยั่งยืน อำเภอเบตง จังหวัดยะลา |
||
วันที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 13:00 น.กิจกรรมที่ทำโครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ สวนคุณเจริญ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแลกเปลี่ยนความรู้ในการปลูกพืชสวนผสม สวนคุณเจริญ บทสัมภาษณ์คุณเจริญ เวชวัฒนาเศรษฐ “ครูถั่ว” คนกล้าคืนถิ่น และ ผู้แทนคนกรีดยาง ตัวแทนใน คกก.นโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ประสานความร่วมมือร่วมสร้างเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงพัฒนาคนรุ่นใหม่ สร้าง SME ที่พึ่งตนเองได้ด้วยวิถีเกษตรเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การปลูกยาง เบตง เทคนิค วิธีการ เทคนิคการกรีด: ใช้มีดกรีดที่มีความคมและกรีดในมุมที่เหมาะสม โดยควรกรีดให้ลึกพอสมควรเพื่อให้ยางไหลออกมาได้ดี การดูแลรักษาต้นยาง: หลังการกรีดควรดูแลรักษาต้นยางให้ดี เช่น การให้ปุ๋ยและน้ำ เพื่อให้ต้นยางมีสุขภาพดีและสามารถผลิตยางได้ต่อเนื่อง การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตยางและคุณภาพของยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้ายางพันธุ์ไทยแท้: มีคุณสมบัติความเหมาะสมกับสภาพอากาศ มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศและดินในประเทศไทยได้ดี ให้ผลผลิตยางที่มีคุณภาพสูงและมีปริมาณมากเมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ ข้อเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ที่เจริญกับพื้นที่ที่ไม่เจริญมีความสำคัญอย่างไร: โอการในการพัฒนาเศรษฐกิจ: พื้นที่ที่เจริญมักมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า เช่น การเข้าถึงตลาด การลงทุน และการสร้างงาน การศึกษาและการเข้าถึงบริการ: พื้นที่ที่เจริญมักมีการศึกษาและบริการสาธารณะที่ดีกว่า เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และบริการสาธารณะอื่นๆ คุณภาพชีวิต: การเปรียบเทียบช่วยให้เห็นความแตกต่างในคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ดี สาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อมที่ดี การวางแผนและนโยบาย: ข้อมูลจากการเปรียบเทียบสามารถใช้ในการวางแผนพัฒนาพื้นที่ที่ไม่เจริญให้มีการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน การวิเคราะห์ความแตกต่างนี้ช่วยให้เข้าใจถึงปัญหาและโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น คุณเจริญได้มีโอกาสศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชการที่ 9 เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีหลักการสำคัญดังนี้: 1. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ฟุ่มเฟือย 2. การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและการพึ่งพาตนเอง 3. การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม 4. การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะในชุมชน 5. เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้ผู้คนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน
|
0 | 0 |
2. การลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้แปลงเกษตรต้นแบบ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา |
||
วันที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำโครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ สวนคุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก บทสัมภาษณ์ คุณทศพล รุ่งเรืองใบหยก เกษตรกรรุ่นใหม่ผู้เปลี่ยนผ่านจากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก เป็นต้นแบบเกษตรกรชาวสวนยางเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบยั่งยืน อายุ 39 ปี เป็นเลขานุการของสหกรณ์ ต.ตาเนาะแมเราะ เลขานุการของเครือข่ายเบตง และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาชุมชนและการเกษตรในพื้นที่ จุดเด่นหลักของการเกษตรในพื้นที่เบตง คือ การปลูกยางและการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่ทำให้พื้นที่นี้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ เหมาะสม เช่น น้ำ ลำธารและภูมิอากาศที่เอื้อต่อการเกษตร นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนผ่านความรู้จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่มีทักษะและความรู้ในการผลิตที่สูงขึ้น
|
0 | 0 |
3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้แปลงต้นแบบเกษตรกรรมยั่งยืน อำเภอเบตง จังหวัดยะลา |
||
วันที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลา 11:30 น.กิจกรรมที่ทำโครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่ สวนมังคุดในสายหมอก นายสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโครงการขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาพตลอดห่วงโซ่
สวนมังคุดในสายหมอก นายสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์
บทสัมภาษณ์คุณสุขสรรค์ วุฒิพิทักษ์ศักดิ์ เลขานุการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดทุเรียนอินทรีย์ อ.เบตง
เริ่มทำเกษตรตั้งแต่ปี 2554 หลังจากที่เขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ประมาณปีครึ่ง และต้องกลับมาดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคความดัน ไม่มีใครดูแล เขาจึงตัดสินใจผันตัวกลับมาทำเกษตรในช่วงเวลานั้น ทำเกษตรเกี่ยวกับผลไม้หลักๆ ได้แก่: มังคุด ทุเรียน ลองกอง
ในช่วงเริ่มต้นทำเกษตร คุณสุขสันต์เผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ทั้งผลผลิตไม่สวยและไม่ตรงตามมาตรฐาน ทำให้ขายได้ในราคาต่ำ การดูแลผลไม้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ราคาผลไม้ในตลาดต่ำ ทำให้ขาดรายได้ จึงแก้ปัญหาโดยรวมกลุ่มมังคุดแปลงใหญ่น้ำทิพย์ กับเกษตรกรคนอื่นๆ เพื่อศึกษาและพัฒนาคุณภาพของมังคุด เรียนรู้วิธีการปลูกและดูแลที่มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงวิธีการดูแลผลไม้ให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงขึ้น การรวมกลุ่มนี้ช่วยให้เขาได้รับความรู้และเทคนิคใหม่ๆ ผลผลิตจึงมีคุณภาพดีขึ้น อีกทั้งศึกษาและเรียนรู้จากการไปเยี่ยมชมแปลงเกษตรที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่อื่นๆ เช่น ชุมพร การเรียนรู้จากแหล่งเหล่านี้ช่วยให้สามารถปรับปรุงวิธีการทำเกษตรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันคุณสุขสรรค์มีพื้นที่ปลูกมังคุดอินทรีย์ จำนวนทั้งหมด 8 ไร่ รวมจำนวนต้นทั้งหมด 155 ต้น อ.เบตง มีการใช้สารเคมีน้อยมากจึงทำให้เกิดแนวความคิดการรวมกลุ่มทำมังคุดอินทรีย์ขึ้นเพื่อที่จะยกระดับคุณภาพ และราคาของมังคุดในพื้นที่ อ.เบตง ให้มีราคาสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งลักษณะเด่นของมังคุดอินทรีย์เบตง คือ ลูกใหญ่ ผิวมันวาว รสชาติหวานติดเปรี้ยวนิดๆ
เทคนิคการปลูก
ปัจจุบันในวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดทุเรียนอินทรีย์ ได้มีการให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี โดยจะเน้นใช้สารชีวภัณฑ์แทนปุ๋ยเคมีตั้งแต่เริ่มปลูก คือ มีการใช้ปุ๋ยคอกใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก มีการใช้สารชีวภัณฑ์แทนปุ๋ยเคมี เพื่อให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นเป็นที่มีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งประกอบด้วย 1.จุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตร (สูตรหัวเชื้อ) 2. ฮอร์โมนไข่ 1 ลิตร (เป็นฮอร์โมนไข่ที่หมักแล้ว) 3.นมหมัก 1 ลิตร (เป็นนมที่หมักแล้ว) และ 4.แคลเซี่ยมโบรอน 1 ลิตร (แคลเซียมโบรอนที่ทำเรียบร้อยแล้ว) บวกกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
|
0 | 0 |
4. จัดทำสารคดี รูปแบบเกษตรผสมผสาน กรณีศึกษา ทศพล รุ่งเรืองใบหยก |
||
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14:30 น.กิจกรรมที่ทำถ่ายทำสารคดี.... ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นถ่ายทำสารคดี...
|
0 | 0 |
5. กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี |
||
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำกิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี *กำลังเพิ่มข้อมูล...... ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จำนวน60ท่าน *กำลังเพิ่มข้อมูล........
|
0 | 0 |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ | สถานการณ์ | เป้าหมาย | ผลผลิต | อธิบาย | |
---|---|---|---|---|---|
1 | 1.พัฒนายกระดับต้นแบบการทําเกษตรกรรมยั่งยืนใน พื้นที่เป้าหมายและขับเคลื่อนให้เกิดการขยายผล (Model for Scaling up) ตัวชี้วัด : 1. มีต้นแบบที่ยกระดับการทําเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่จํานวน 10 แห่งพร้อมถอดบทเรียนกระบวนการทํางานเป็นเอกสาร สําหรับนําไปใช้เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการขยายผล (Modelfor Scaling up) ในพื้นที่เป้าหมาย 2. มีชุดความรู้/แนวทางปฏิบัติ/คู่มือ ในการยกระดับการทําเกษตรกรรมยั่งยืนอย่างน้อย 1 เรื่องคือ Model เกษตรกรรมยั่งยืนในสวนยางพารากรณีสามจังหวัดภาคใต้ชายแดน พร้อมทั้งนําไปใช้ขับเคลื่อนการดําเนินงาน และเผยแพร่สู่สาธารณะ |
||||
2 | 2.ขับเคลื่อนและยกระดับ โมเดล (good practice) ใน การกระจาย เชื่อมโยง ผลผลิต อาหารเพื่อสุข ภาวะให้กับ ประชาชนใน ชุมชน ผ่าน กลไกต่างๆ ไปสู่การขยาย ผล (Model for Scaling up) ตัวชี้วัด : 1. เกิดรูปแบบการกระจายเชื่อมโยงผลผลิตอาหารที่เพิ่มการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาวะของประชาชนในพื้นที่ Model forScaling up (โมเดลที่พร้อมขยายผล) อย่างน้อย 1 กรณีเช่น กลไกหน่วยงาน สหกรณ์การเกษตร ตลาดสีเขียวในชุมชนทั้งในรูปแบบออนไลน์และ onsiteพร้อมทั้งถอดบทเรียนกระบวนการทํางานเป็นเอกสาร และนําบทเรียนกระบวนการทํางานไปใช้ เสนอต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย 2. มีชุดความรู้/แนวทางปฏิบัติ/คู่มือ ในการกระจาย เชื่อมโยงผลผลิตอาหารที่เพิ่มการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาวะอย่างน้อย 1 เรื่อง คือ Modelตลาดอาหารปลอดภัยในระดับโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา พร้อมทั้งนําไปขับเคลื่อนการดําเนินงานและใช้เผยแพร่สู่สาธารณะ |
||||
3 | 3.พัฒนา ต้นแบบการ ส่งเสริมความ รอบรู้ด้านอาหารเพื่อสุข ภาวะ (ความ มั่นคงอาหาร/ อาหาร ปลอดภัย/ โภชนาการ) ให้กับ ประชาชนใน พื้นที่เพื่อปรับ พฤติกรรม การบริโภค และร่วมพลัง เป็นพลเมือง อาหาร ตัวชี้วัด : มีต้นแบบการส่งเสริมความรอบรู้ด้านอาหารเพื่อสุขภาวะ (ความมั่นคงอาหาร/อาหารปลอดภัย/โภชนาการ) ในพื้นที่ตําบลสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และมีรายงานติดตามผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายที่เกิดขึ้นจากการสร้างความรอบรู้ด่านอาหารเพื่อสุขภาวะ โดยนําผลไปปรับปรุงการดําเนินงานและจัดทําแผนยุทธศาสตร์ท้องถิ่น พร้อม ทั้งเผยแพร่ความรู้ด้านอาหารเพื่อสุขภาวะสู่สาธารณะ |
||||
4 | 4.พัฒนา ระบบ/กลไก เฝhาระวัง ผลผลิต ปลอดภัย เทศบาลนคร ยะลา จ.ยะลา ตัวชี้วัด : ร่วมกับเครือข่ายพัฒนาระบบ/กลไกเฝ้าระวังการจัดการผลผลิตปลอดภัยอย่างน้อย 1 กรณี คือระบบเฝ้าระวังอาหารปลอดภัยเทศบาลนครยะลา จ. ยะลา พร้อมทั้งติดตามประเมินผลระบบ/กลไกเฝ้าระวังฯ โดยระบบ/กลไกเฝ้าระวังฯถูกนําไปใช้เสนอต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย |
||||
5 | 5.พัฒนา ต้นแบบ ระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ ตลอดห่วงโซ่ ที่แก้ปัญหา ภาวะ โภชนาการใน กลุ่มเด็กเล็ก เด็กนักเรียน และกลุ่ม เปราะบาง ตัวชี้วัด : มีต้นแบบระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในชุมชนอย่างน้อย 6 แห่ง (ใหม่) ได้แก่ ตําบลยะหริ่ง ตําบลปานาแระตําบลสะดาแวะ ตําบลนํ้าดํา ตําบลนาเกตุ ตําบลดอนรัก ที่่แก้ปัญหาภาวะโภชนาการในกลุ่มเด็กเล็กนักเรียน และกลุ่มเปราะบาง โดยมีรายงานการติดตามผลการเชื่อมโยงระบบอาหารตั้งแต่การผลิต (ต้นทาง) การกระจาย/การจําหน่าย(กลางทาง) และการบริโภค (ปลายทาง) พร้อมนําไปใช้สื่อสารสู่สาธารณะ เพื่อให้เกิดการขยายผล |
||||
6 | 6.พัฒนาและ ขับเคลื่อน นโยบาย สาธารณะ เพื่อส่งเสริม บริโภค อาหารเพื่อสุข ภาวะ/ระบบ อาหารที่ ยั่งยืน ตัวชี้วัด : 1. มีข้อเสนอนโยบายสาธารณะที่ส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ โดยผ่านกลไกงบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส)อย่างน้อย 1 เรื่อง คือประเด็นความมั่นคงทางอาหาร พร้อมทั้งนํามาใช้สื่อสารสู่สาธารณะเพื่อให้เกิดกระแสสังคมในการขับเคลื่อนนโยบาย และผลักดันต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากําหนดเป็นนโยบาย 2. มีข้อเสนอนโยบายสาธารณะด้านอาหารปลอดภัยในระดับจังหวัดปัตตานี พร้อมทั้งนํามาใช้สื่อสารสู่สาธารณะเพื่อให้เกิดกระแสสังคมในการขับเคลื่อนนโยบาย และผลักดันต่อผู้บริหารหน่วยงานเพื่อพิจารณาการกําหนดเป็นนโยบาย 3. มีข้อเสนอนโยบายสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาภาวะโภชนาการในกลุ่มเด็กเล็ก เด็กนักเรียนอย่างน้อย 1 เรื่อง คือนโยบายแก้ปัญหาเด็กเตี้ยเด็กผอมจังหวัดปัตตานีพร้อมทั้งนํามาใช้สื่อสารสูสาธารณะเพื่อให้เกิดกระแสสังคมในการขับเคลื่อนนโยบาย และผลักดันต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาการกําหนดเป็นนโยบาย |
||||
7 | 7.พัฒนาฐาน ข้อมูลและ แผนภาพ เพื่อใช้ขับ เคลื่อนและ บูรณาการทํา งานระบบ อาหารตลอด ห่วงโซ่ ตัวชี้วัด : เกิด Mapping ที่แสดงให้เห็นต้นทุนการทํางานและการเชื่อมโยงระบบอาหารตลอดห่วงโซ่ จํานวน 4จังหวัด ได้แก่ สงขลาปัตตานี ยะลา และนราธิวาส (ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ความรู้ พื้นที่ดําเนินงาน ภาคีเครือข่าการขับเคลื่อนนโยบายการเชื่อมโยงระหว่างการผลิต การกระจาย/ตลาดการบริโภค) เพื่อใช้บูรณาการทํางานและสื่อสารสู่สาธารณะ |
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
บทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค | สาเหตุ | ข้อเสนอแนะ |
---|---|---|
การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา จังหวัด ยะลา
รหัสโครงการ 66-00459
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
( อ.ดร.เพ็ญ สุขมาก )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......