การดำเนินงานขับเคลื่อนและยกระดับระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในจังหวัดยะลา

กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี19 พฤศจิกายน 2567
19
พฤศจิกายน 2567รายงานจากพื้นที่ โดย Yadaporn Yimkaew
circle
กิจกรรมที่ปฎิบัติรายละเอียดของการทำกิจกรรมที่ได้ปฎิบัติจริง

กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพจี๋ คีรี

circle
ผลที่เกิดขึ้นจริงผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome) / ผลสรุปที่สำคัญของกิจกรรม

กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบระบบเกษตรหลากหลายแบบแยกแปลงสวนคุณมานพ จี๋คีรี ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จำนวน60ท่าน โดย ดร.ไชยยะ คงมณี รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

หัวข้อหลัก: การเพิ่มผลผลิตและการจัดการสวนปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ประเด็นสำคัญที่กล่าวถึง: ความหลากหลายของการทำเกษตร: ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมัน แต่ยังมีผู้ที่ทำอาชีพอื่นๆ เช่น เลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการทำมาหากินของชุมชน ปัญหาและอุปสรรค: เกษตรกรหลายรายเผชิญกับปัญหาเรื่องภัยแล้ง ดินเสื่อมโทรม น้ำท่วม และการเลือกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
การเพิ่มผลผลิต: มีการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเพิ่มผลผลิต เช่น การเลือกพันธุ์ปาล์มที่เหมาะสม การใส่ปุ๋ย การจัดการน้ำ และการป้องกันกำจัดศัตรูพืช การทำเกษตรยั่งยืน: ผู้เข้าร่วมให้ความสนใจในการทำเกษตรแบบยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การลดการใช้สารเคมี และการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ควรเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ความรู้และเทคโนโลยีในการจัดการสวนปาล์ม รวมถึงการใส่ปุ๋ยและการจัดการน้ำอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการทำบัญชีฟาร์มและการสร้างรายได้เสริมจากกิจกรรมอื่นๆ เช่น การเลี้ยงสัตว์ การปลูกพืชร่วม เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการเงิน ผู้อำนวยการยังกล่าวถึงความสำคัญของการเป็น Smart Farmer ที่ใช้ความรู้และเทคโนโลยีในการทำเกษตร และการเข้าร่วมโครงการรับรองมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน การสร้างรายได้เสริม: มีการแนะนำวิธีการสร้างรายได้เสริมจากการทำเกษตร เช่น การเลี้ยงสัตว์ การแปรรูปผลผลิต และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร คุณมานพ จี๋คีรี เกษตรกรดีเด่นตัวแทนจังหวัดนราธิวาส เรื่องของการจัดการสวนปาล์มที่สำคัญมี 3 ประเด็นหลัก ก็คือ เรื่องปุ๋ย เรื่องของการจัดการผลผลิต และการจัดการแรงงานในส่วนปาล์ม ความสำคัญของปุ๋ย: ปุ๋ยเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตของปาล์มน้ำมัน การเลือกใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมและการใส่ปุ๋ยอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ต้นปาล์มแข็งแรง ผลผลิตสูง และมีคุณภาพดี ชนิดของปุ๋ย: ปุ๋ยเคมี: ให้ธาตุอาหารหลักแก่พืช ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ปุ๋ยอินทรีย์: ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มจุลินทรีย์ในดิน และค่อยๆ ปล่อยธาตุอาหารให้พืชใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้กับต้นปาล์ม ปุ๋ยหมัก: ผลิตจากวัสดุอินทรีย์ เช่น ขี้ไก่ ขี้วัว ใบไม้ หญ้าแห้ง ผสมกันหมักให้สลายตัวจนได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ ปุ๋ยคอก: ได้จากมูลสัตว์ เช่น ขี้วัว ขี้ควาย มูลไก่ มีธาตุอาหารค่อนข้างครบ ปุ๋ยพืชสด: ใช้พืชปุ๋ย เช่น ปอเทือง โสน ฝังกลบลงดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุและไนโตรเจนให้กับดิน ปุ๋ยชีวภาพ: ผลิตจากจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยและป้องกันโรคพืช การใส่ปุ๋ย: ปริมาณ: ขึ้นอยู่กับอายุของต้นปาล์ม สภาพดิน และผลผลิตที่ต้องการ ช่วงเวลา: ควรใส่ปุ๋ยในช่วงที่ต้นปาล์มต้องการธาตุอาหารมากที่สุด เช่น ช่วงก่อนออกดอกและช่วงติดผล การวิเคราะห์ดิน: การวิเคราะห์ดินก่อนการใส่ปุ๋ยจะช่วยให้ทราบถึงความต้องการธาตุอาหารของดินและสามารถปรับปรุงสูตรปุ๋ยให้เหมาะสมได้ การจัดการผลผลิตในสวนปาล์ม การเก็บเกี่ยว: ควรเก็บเกี่ยวผลปาล์มในระยะที่สุกแก่พอดี เพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มที่มีคุณภาพสูง การขนส่ง: หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ควรขนส่งผลปาล์มไปยังโรงงานสกัดน้ำมันโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเสื่อมเสียของผลผลิต การแปรรูป: ผลปาล์มจะถูกนำไปสกัดน้ำมัน และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น อาหารสัตว์ ปุ๋ยหมัก การจัดการแรงงานในสวนปาล์ม การจ้างแรงงาน: อาจจ้างแรงงานประจำ หรือแรงงานตามฤดูกาล ขึ้นอยู่กับขนาดของสวนปาล์มและปริมาณงาน การฝึกอบรม: ควรมีการฝึกอบรมให้ความรู้แก่แรงงานเกี่ยวกับเทคนิคการทำงานที่ถูกต้อง เช่น การเก็บเกี่ยว การตัดแต่งกิ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความเสียหายต่อต้นปาล์ม ความปลอดภัย: ควรมีมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน เช่น การสวมใส่เครื่องป้องกันอันตราย การตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการสวนปาล์ม: สภาพดิน: ประเภทของดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดิน สภาพอากาศ: ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ ข้อเสนอแนะ: 1. การปูใบในสวนปาล์มเป็นวิธีการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากการตัดแต่งทางใบปาล์มให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการนำมาปูคลุมพื้นดินในสวนปาล์ม ซึ่งวิธีการนี้มีข้อดีหลายประการและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ประโยชน์ของการปูใบในสวนปาล์ม เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน: ใบปาล์มที่ย่อยสลายจะกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และมีปริมาณธาตุอาหารเพิ่มขึ้น ลดการชะล้างหน้าดิน: ใบปาล์มที่ปูคลุมดินจะช่วยลดแรงกระแทกของฝน ช่วยลดการชะล้างหน้าดินและการสูญเสียธาตุอาหาร รักษาความชื้นในดิน: ใบปาล์มจะช่วยลดการระเหยของน้ำจากดิน ทำให้ดินมีความชื้นคงที่ เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของรากพืช ลดการเกิดวัชพืช: ใบปาล์มที่ปูคลุมดินจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของวัชพืช ลดต้นทุนในการกำจัดวัชพืช ปรับปรุงสภาพแวดล้อม: การปูใบปาล์มจะช่วยลดความร้อนของดิน ช่วยปรับอุณหภูมิในสวนให้เหมาะสม และยังช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรวมของสวนปาล์ม วิธีการปูใบในสวนปาล์ม เตรียมใบปาล์ม: ตัดแต่งทางใบปาล์มที่ไม่ต้องการแล้วนำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ หรือท่อนสั้นๆ เพื่อให้ย่อยสลายได้เร็วขึ้น ปูใบปาล์ม: นำใบปาล์มที่เตรียมไว้มาปูคลุมพื้นดินในสวนปาล์มให้ทั่วถึง โดยความหนาของใบปาล์มที่ปูควรประมาณ 5-10 เซนติเมตร บำรุงรักษา: หลังจากปูใบปาล์มแล้ว ควรมีการเติมใบปาล์มลงไปเป็นระยะๆ เพื่อรักษาความหนาของชั้นใบปาล์มให้คงที่ ข้อควรระวัง ความสะอาด: ควรเลือกใบปาล์มที่สะอาด ไม่ปนเปื้อนสารเคมีหรือโรคแมลง ความหนา: การปูใบปาล์มหนาเกินไปอาจทำให้เกิดสภาวะขาดอากาศในดินได้ ความถี่: ควรมีการเติมใบปาล์มลงไปเป็นระยะๆ เพื่อรักษาความหนาของชั้นใบปาล์มให้คงที่ 2. การใช้เทคโนโลยี: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการสวนปาล์ม เช่น ระบบการให้น้ำแบบอัตโนมัติ เครื่องจักรกลการเกษตร จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 3. การรวมกลุ่มของเกษตรกร: การรวมกลุ่มของเกษตรกรจะช่วยให้เกษตรกรมีอำนาจในการต่อรอง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น 4. การพัฒนาสายพันธุ์: การพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันให้มีผลผลิตสูง ทนทานต่อโรคและแมลง จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ความสำคัญของความรู้และเทคโนโลยี: เกษตรกรควรตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต

เป้าหมายของการประชุม: 1. ส่งเสริมให้เกษตรกรมีองค์ความรู้และทักษะในการจัดการสวนปาล์มน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ 2. สนับสนุนให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรแบบยั่งยืน 3. ให้ข้อมูล รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ในการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร 4. พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน ข้อเสนอแนะ: การจัดอบรม: ควรจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้จริง การสนับสนุนด้านเงินทุน: ควรมีมาตรการสนับสนุนด้านเงินทุนให้แก่เกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบการผลิต การสร้างเครือข่าย: ควรสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สรุปโดยรวม: การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการทำสวนปาล์มน้ำมัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและพัฒนาภาคการเกษตรให้มีความยั่งยืน