งานบริหาร โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้
บรรลุตามเป้าหมาย
นายประเวศ หมีดเส็น รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารการพัฒนาสุขภาพจังหวัดชายแดนใต้ ได้ดำเนินการประชุมตามวาระการประชุมดังนี้
ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องประธานแจ้งเพื่อทราบ
ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องเพื่อทราบ
ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเพื่อพิจารณา
ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องประธานแจ้งเพื่อทราบ
1.1 โครงการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นถือเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเฉพาะทางสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากพื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ เนื่องจากประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นิยมใช้ภาษามลายูท้องถิ่นในการสื่อสาร มีประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเชื่อที่แตกต่างจากประชากรที่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นประชากรส่วนน้อยในพื้นที่แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งความห่วงใยและความใส่ใจในทั้งสองศาสนาเพราะประชากรทั้งสองศาสนามีการดำเนินชีวิตที่เชื่อมโยงและสอดคล้องกับหลักการทางศาสนาอย่างเคร่งครัด ซึ่งถือเป็นจุดแข็งหลักของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือเรียกว่าพื้นที่พหุวัฒนธรรมดังนั้น การนำเอาจุดแข็งที่สำคัญของพื้นที่พหุวัฒนธรรมมาบูรณาการเข้าสู่การขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพของประชาชนถือเป็นเป้าหมายในการดำเนินงานการจัดบริการที่ใส่ใจในทุกบริบทของวัฒนธรรมเป็นหลักการสำคัญในการดำเนินงานดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่
วัตถุประสงค์ของโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อต้องการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้สอดคล้องกับพื้นที่พหุวัฒนธรรม ตลอดจนเพิ่มศักยภาพแก่บุคลากรสาธารณสุขในหลักการและวิถีทางศาสนาต่อการให้บริการสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่ และให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับบริการสุขภาพที่ถูกต้องตามหลักการทางศาสนา
ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องเพื่อทราบ
2.1 ชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณโครงการพัฒนาระบบบริหารสุขภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในส่วนของการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของโครงการนั้นในบางโรงพยาบาลนำร่องยังคงดำเนินการ ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์และยังคงมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกับวัตถุประสงค์หลักของโครงการ จึงจำเป็นต้องมีการชี้แจงรายละเอียดในส่วนของการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของโครงการให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันอีกครั้ง เพื่อให้ การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ได้ชี้แจงเรื่องงบประมาณที่จะเบิกจ่ายและโอนให้กับโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลไม่สามารถนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้กับโครงการศาสนธรรมได้ เพราะโครงการศาสนธรรมเป็นเพียงต้นทางในการดำเนินงานซึ่งจะต้องดำเนินงานผ่านมาแล้วจึงจะเริ่มดำเนินงานในโครงการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
ในการวางแผนดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้แต่ละโรงพยาบาลนำเอาคู่มือการจัดบริการสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ สจรส. มาประยุกต์และปรับใช้ให้เข้ากับบริบทในพื้นที่ของโรงพยาบาลนั้นๆซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นกลางทางของกระบวนการดำเนินงาน โดยแต่ละโรงพยาบาลจะต้องจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีแนวทางที่เป็นรูปธรรม โดยโรงพยาบาลต้องคัดเลือกปัญหาที่จะต้องดำเนินการแก้ไขให้เกิดเป็นรูปธรรมอาทิ ประเด็นปัญหาแม่และเด็ก ประเด็นอาหารและโภชนาการ ระบบการบริการทันตสุขภาพเป็นต้นโดยเป้าหมายในการดำเนินงานเพื่อต้องการเชื่อมโยงการแก้ปัญหาสุขภาพ ในด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูให้เกิดประสิทธิภาพ
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้แต่ละโรงพยาบาลได้นำส่งแผนปฏิบัติการดำเนินงานมาแล้ว พบว่า ยังมีบางส่วนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ดังนั้น ผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นตัวแทนจาก 5 โรงพยาบาลนำร่อง จึงเสนอประเด็นปัญหาที่จะดำเนินการแก้ไข ดังนี้
โรงพยาบาลสตูล จะดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาแม่และเด็ก ซึ่งในแผนปฏิบัติการยังมีแผนการดำเนินงานที่ไม่ครบประเด็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลัก
โรงพยาบาลธารโต จะดำเนินการเกี่ยวกับปัญหามะเร็งปากมดลูก หากแต่ว่าเป็นประเด็นปัญหาที่มีขอบเขตไม่กว้างพอ ทำให้ไม่สามารถสรุปผลการดำเนินงานให้เชื่อมโยงไปสู่ปัญหาอื่นได้ อีกทั้งในแผนปฏิบัติการของโรงพยาบาลยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในส่วนของเป้าหมายระหว่างโครงการศาสนธรรมกับโครงการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงต้องหาประเด็นหลักว่าจะดำเนินการแก้ไขประเด็นปัญหาใดแล้วจึงเชื่อมโยงไปสู่ประเด็นปัญหาอื่นๆ
โรงพยาบาลรือเสาะ จะดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ซึ่งทางโรงพยาบาลได้วางแผนการดำเนินงาน โดยจัดอบรมแกนนำเจ้าหน้าที่บุคลากรเพื่อที่จะให้ความรู้กับชุมชนต่อไป ตลอดจนสร้างนวัตกรรมในการดูแลป้องกันปัญหาร่วมกันกับชุมชน ทั้งไทยพุทธและมุสลิม
โรงพยาบาลเทพา จะดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาโรคติดต่อและเรื่องความเชื่อในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ตามหลักการทางศาสนาโดยโรงพยาบาลจะต้องหาวิธีในการแก้ไขปัญหาด้วยการหาวิธีกลางเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตและการดูแลสุขภาพให้ประชากรทั้งสองศาสนาเกิดความเข้าใจตรงกัน
โรงพยาบาลยะหริ่ง จัดทำแผนปฏิบัติการได้ดีแต่ยังบางส่วนที่ต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งโรงพยาบาลยะหริ่งจะดำเนินการในประเด็นการบูรณาการเพื่อสร้างเกราะกำบังด้านสุขภาพของประชาชนและสร้างฐานเรื่องการบริการสุขภาพเพื่อขยายเครือข่ายลงไปสู่ครัวเรือนและชุมชนเป็นการสร้างมาตรฐานด้านการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรม
ทั้งนี้โรงพยาบาลส่วนใหญ่ยังคงดำเนินแผนปฏิบัติการได้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของงบประมาณและโครงการหลัก จึงให้ผู้รับผิดชอบโครงการฯ ของโรงพยาบาลทั้ง 5 แห่ง นำแผนปฏิบัติการไปแก้ใหม่และส่งกลับมายังผู้รับผิดชอบงานฯ ของ ศบ.สต. ภายในวันที่ 31 มกราคม 2561
ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเพื่อพิจารณา
3.1 แนวทางการบริหารจัดการงบประมาณโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์บริหารการพัฒนาสุขภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.สต.) จะดำเนินการโอนงบประมาณไปยังบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นชื่อบัญชี "โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้" โดยผู้รับผิดชอบโครงการฯ แต่ละโรงพยาบาลจะต้องส่งหลักฐานการจ่ายเงินมายัง ศบ.สต. ทุกครั้ง โดยใช้หลักฐานแนบ ประกอบด้วย บิลเงินสด หรือ ใบเสร็จรับเงิน หรือใบสำคัญรับเงินพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนโดยทาง ศบ.สต. จะทำการโอนงบประมาณไปยังแต่ละโรงพยาบาลโดยแบ่งเป็น 3 งวด หลังจากที่ได้รับโอนมาจาก สจรส.ม.อ. ดังนี้
งวดที่ 1 สจรส.ม.อ. จะโอนเงินให้กับโครงการย่อยเมื่อลงนามในข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สจรส.ม.อ. จะโอนเงินให้กับโครงการย่อยเมื่อโครงการย่อยนำส่งผลงานงวดที่ 1 ที่ประกอบด้วยรายงานความก้าวหน้ากิจกรรมงวดที่ 1 และรายงานการเงินงวดที่ 1
งวดที่ 3 สจรส.ม.อ. จะโอนเงินให้กับโครงการย่อยเมื่อโครงการย่อยนำส่งผลงานงวดที่ 2 และประกอบด้วยรายงานการดำเนินกิจกรรมฉบับสมบูรณ์ และรายงานการเงินงวดที่ 2 และ 3 (รายงานปิดโครงการ)
3.2 ประเภทหมวดรายจ่ายและกรอบอัตราค่าใช้จ่าย มีดังนี้
3.2.1 ค่าตอบแทนวิทยากร กำหนดอัตราการเบิกจ่ายไม่เกิน 1,000 - 1,500 บาทต่อวัน พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาบัตรที่ราชการออกให้
3.2.2 ค่าตอบแทนการช่วยงาน (ชั่วคราว) อัตราเบิกจ่ายได้ไม่เกิน 500 บาทต่อวัน พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาบัตรที่ราชการออกให้ ในส่วนของค่าที่พักเบิกจ่ายค่าที่พักตามจริง ไม่เกิน 1,500 ต่อห้อง โดยพักรวมกัน 2 คน หลักฐานประกอบการเบิกจ่าย ได้แก่ ใบเสร็จรับเงินและ ใบแสดงรายละเอียดการเข้าพัก (Folio)
3.3.3 ค่าพาหนะเดินทางรถสาธารณะรับจ้าง (รถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์ รถสองแถว รถตู้โดยสาร) เบิกจ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อเที่ยว ใช้ใบสำคัญรับเงินพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน ในกรณีที่เป็นพาหนะส่วนตัว (รถยนต์) เหมาจ่ายกิโลเมตรละ 4 บาท ใช้ใบสำคัญรับเงินพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน
3.2.4 กรณีค่าเช่ารถ (รถตู้) ไม่เกินวันละ 1,800 – 2,000 บาท ใช้ใบสำคัญรับเงิน พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ค่าน้ำมัน เบิกจ่ายตามจริง โดยใช้ใบเสร็จรับเงิน
3.2.5 ค่าอาหารมื้อหลัก 80 – 100 บาท/คน/มื้อ ค่าอาหารว่าง 30 – 50 บาท/คน/มื้อ
3.2.6 ค่าวัสดุและค่าถ่ายเอกสารเบิกจ่ายตามจริง พร้อมแนบบิลเงินสด หรือใบสำคัญรับเงินสำหรับกรณีการยืมเงินทดรองจ่ายกำหนดการเบิกเงินล่วงหน้าก่อนทำกิจกรรมจริงไม่เกิน 5–10 วัน
เมื่อจัดกิจกรรมแล้วเสร็จให้หักล้างเงินยืมทดรองจ่าย และนำเงินคงเหลือจากการจัดกิจกรรมโอนกลับเข้าบัญชีโครงการ ลักษณะการยืมเงินทดรองจ่ายโครงการย่อยควรยืมเงินแต่ละกิจกรรม ไม่ควรเบิกจ่ายงบประมาณทั้งหมดในครั้งเดียว ควรเบิกจ่ายตามกิจกรรมที่ดำเนินการจริง และไม่ควรเบิกจ่ายผ่านบัตรเอทีเอ็ม เมื่อมีการเบิกจ่าย ทุกครั้ง ควรมีการบันทึกการเบิกจ่ายงบประมาณ ผ่านเว็บไซต์ ศวสต. http://hsmi2.psu.ac.th/scac (แผนงานศูนย์วิชาการสร้างเสริมสุขภาพภาคใต้) โดยการบันทึกการเบิกจ่ายงบประมาณจะแบ่งเป็นรายกิจกรรมตามที่โครงการย่อยได้ดำเนินกิจกรรมนั้น หมวดการเงินแบ่งออกเป็น 6 หมวด ได้แก่ ค่าตอบแทน เช่น ค่าตอบแทนวิทยากร ค่าตอบแทนการประสานงานค่าจ้าง เช่น ค่าจ้างทำผลิตสื่อ ค่าใช้สอย เช่น ค่าเดินทาง ค่าน้ำมันรถยนต์ ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าถ่ายเอกสาร ค่าเช่าห้องประชุม ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าสาธารณูปโภค ได้แก่ ค่าไปรษณีย์ อื่น ๆ
ทั้งนี้ ผู้รับผิดชอบโครงการฯ ในโรงพยาบาลจะต้องดำเนินการเปิดบัญชี ในชื่อ "โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในพื้นที่พหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้" พร้อมทั้งส่งสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารมายังผู้รับผิดชอบงานโครงการฯ ของ ศบ.สต. ภายในวันที่ 31 มกราคม 2561 และมีการนัดหมายประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการบันทึกข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์งานสร้างสุขอีกครั้ง ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 ณ อาคารศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ (LRC) ชั้น 14 สถาบันการจัดการระบบสุขภาพภาคใต้มหาวิทยาลัยสงขลานคริทร์ (สจรส. ม.อ.)
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- นายประเวศ หมีดเส็น ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
- นางนอซีด๊ะ เจะสอเหาะ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ รพ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
- นายอาหมัด จาลงค์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ รพ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
- นายธีรพจน์ บัวสุวรรณ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รพ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
- นายอับโดเล๊าะ มะดงแซ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ รพ.ธารโต จ.ยะลา
- นายมะยือรี หะแว นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รพ.ธารโต จ.ยะลา
- นางสาวโรสมีนี ยูนุห์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสจ.นราธิวาส
- นางสาวนูรฮายาตี นิมะชา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
- นางสาวหทัยรัตน์ ชัยดวง หัวหน้าพยาบาล รพ.เทพา จ.สงขลา
- นางคงขวัญ วิทยาศิริกุล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สตูล
- นางณัฏฐิกา ตันติวิวัฒน์กุล นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ รพ.สตูล
- นางสาวซูรีนา สาและ นักวิชาการสาธารณสุข สสจ.ยะลา
- นางสาวนาวีราห์ ลาเต๊ะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข สสจ.ยะลา
- นางสาวซูรีดา ดือราแม เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี รพ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
- นายอดินันท์ บากอสิดิ นักวิชาการสาธารณสุข รพ.เทพา จ.สงขลา
- นายนิมิต แสงเกตุ นักวิชาการสาธารณสุข สสจ.สงขลา
- นางสาวซูอารี มอซู เจ้าหน้าที่ สจรส.มอ.
- นายสุทธิพงศ์ อุสาหะพงษ์สิน เจ้าหน้าที่ สจรส.มอ.
- นายพัสสน หนูบวช นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ศบ.สต
- นางสาววราภรณ์เส็นสมมาตร นักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานเขตสุขภาพที่ 12
- นายธีรพงศ์ งามพร้อมวงษ์ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ศบ.สต
- นางสาวกรกช ศรีผ่อง นักวิชาการสาธารณสุข ศบ.สต.
- นายชาคริต หมีดเส็น นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ศบ.สต.
- นางมณฑิรา ชูแก้ว เจ้าพนักงานธุรการ ศบ.สต.
-
-
-