แบบรายงานผลการดำเนินโครงการประจำงวด 1

ชื่อโครงการ พัฒนาเครือข่ายสื่อสาธารณะ

รหัสโครงการ - เลขที่ข้อตกลง 60-ข-079

ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2560 ถึง 30 พฤษภาคม 2562

รายงานงวดที่ : 1 จากเดือน กันยายน 2560 ถึงเดือน มกราคม 2561

ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินโครงการ (แสดงผลการดำเนินงานรายกิจกรรมที่แสดงผลผลิตและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
กิจกรรมของโครงการ
ผลผลิต*
ผลผลิตที่ตั้งไว้ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง

1. ประชุมสร้างความเข้าใจคณะทำงาน กองบก. เครือข่าย " สื่อสร้างสุขภาคใต้" ครั้งที่ 1

วันที่ 22 กันยายน 2560 เวลา 09:00-16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

1.เพื่อต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนและรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานการดำเนินงานของเครือข่าย  2.วางแผนการร่วมมือ งานสร้างสุขภาคใต้  3.สร้างความเข้าใจ งานงวดที่ 1

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ผลผลิต คณะทำงานเข้าใจกระบวนการทำงานและ ขั้นตอนต่างๆ ในการ ขับเคลื่อนงานเข้าใจแผนการใช้ งบประมาณและการายงานผลการดำเนินงาน

ผลลัพธ์ คณะทำงานเข้าใจภารกิจความรับผิดชอบ ทำให้การขับเคลื่อน งานเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ 

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.แจ้งรายละเอียดการดำเนินงานในงวดที่ 1
2.การขยายเครือข่ายสื่อสร้างสุข 3.การออกแบบเพื่อการกำหนดจริยธรรมสื่อเพื่อสุขภาวะ 4.การออกแบบรูปแบบ การสื่สาร ประเด็นทางสุขภาวะ 5.การสนับสนุนงบประมาณ พื้นที่

กิจกรรมที่ทำจริง

ประชุมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อตกลงร่วมกันของเครือข่ายสื่อสร้างสุข  การเตรียมความพร้อมงานสร้างสุขภาคใต้ครั้งที่ 10 และใช้รายการวิทยุ กินอิ่ม  นอนอุ่น บนแผ่นดินใต้เพื่อการสื่อสารประเด็นทางสุขภาวะ

 

33 33

2. เวทีงานสมัชชาเพื่อนสื่อสาธารณะ ภาคใต้ ปี 2560 กับการสื่อสารประเด็นการขับเคลื่อนทางสังคม

วันที่ 18 ตุลาคม 2560 เวลา 09:00 - 16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

1.เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้ามประเด็นข้ามเครือข่าย  2. เพื่อการเปิดพื้นที่กลางการรับฟังความคิดเห็น ผ่านสื่อสาธารณะ

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

  1. การมีส่วนร่วมและเปลี่ยนกับผู้เข้าร่วม ในความจำเป็นและที่มาของการเข้ามาดำเนินการในเรื่องต่างๆ สาเหตุหลักๆมาจากความเดือดร้อนของประชาชน ความทุกบ์ยากจากการได้รับผลกระทบจากการทำร้ายสิ่งแวดล้แอม การต้องการพลังงานจากธรรมชาติ หรือแม้แต่เสียงสะท้อนจากสมาชิกที่อยู่จังหวัดชายแดนใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่
  2. การสื่อสารในระดับชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของปัญหาเองควรจะได้นำเรื่องราวที่เป็นความจริงนำเสนอผ่านช่องทางการสื่อสารสาธารณะ
  3. ได้ข้อเสนอของแต่ละประเด็นที่เป็นประโยชน์กับสังคมและคาดหวังกับกระบวนการสื่อสารในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
  4. ได้แนบตัวอย่างของข้อเสนอ ประเด็นความมั่งคงด้านอาหาร ต่อหน่วยงาน และองค์กรสื่อ ประเด็นการสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร จากเครือข่ายทั่วประเทศมีประเด็นเนื้อหาหรือประเด็นสถานการณ์สำคัญ ดังนี้
  5. ความปลอดภัยทางด้านอาหาร
  6. พื้นที่ผลิตอาหารลดลง  ระบบนิเวศถูกทำลาย
  7. นโยบายหรือกฎหมายที่ส่งผลกระทบกับความมั่นคงด้านอาหาร
  8. ระบบทุนนิยมที่ส่งผลกับความมั่งคงด้านอาหาร
  9. พันธุ์กรรมพื้นถิ่นถูกทำลาย
  10. การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศหรือภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบกับความมั่นคงด้านอาหาร
  11. อธิปไตยทางอาหารเป็นเรื่องทางพื้นฐานของสังคมเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของเกษตรกรที่เราต้องการ  ที่จะฟื้นการพึ่งพาตัวเองทำให้เห็นมุมมองของตนเอง

ยุทธศาสตร์/เป้าหมาย สิทธิการจัดการความมั่นคงทางอาหารของชุมชน ข้อเสนอต่อเครือข่าย มีแนวทางดังนี้ 1. สำรวจและรวบรวม/เก็บรักษาพันธุ์กรรมพื้นบ้าน จัดทำฐานข้อมูลทั้งพันธุ์พืช สัตว์ 2. ขึ้นทะเบียนจดสิทธิบัตรพันธุ์กรรมพืช  แยกเป็น 3 ประเภท พืชเฉพาะถิ่น/พืชทั่วไป/พืชป่า 3. สร้างเครื่องมือ/กระบวนการ/การสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร 4. พัฒนาศูนย์เรียนรู้ระดับชุมชน/วิถีการผลิตการแปรรูปของชุมชน 5. ฟื้นฟู วิถีและวัฒนธรรมการกินของชุมชน 6. ยกเลิกการใช้สารเคมีในเขตพื้นที่ เขา ป่า นา เล ให้เป็นพื้นที่ปลอดสารพิษ 7. ปรับวิถีการผลิตพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นเกษตรอินทรีย์

ข้อเสนอต่อรัฐบาล มีแนวทางดังนี้ 1. รัฐบาลต้องยุติกฎหมาย/นโยบายที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร 2. รัฐบาลต้องออกมาตรการ/กฎหมายเพื่อการคุ้มครองและปกป้องพื้นที่ผลิตอาหารที่ปลอดภัยของชุมชน 3. รัฐบาลต้องกำหนดเรื่องความมั่นคงด้านอาหารเป็นวาระแห่งชาติ (แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี)

ข้อเสนอต่อสื่อสาธารณะ ไทยพีบีเอส  มีแนวทางดังนี้ 1. สื่อสาธารณะต้องทำหน้าที่ในการสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักต่อความมั่นคงด้านอาหาร 2. สื่อสาธารณะต้องทำหน้าที่ให้ความรู้กับประชาชน ในเรื่องกฎหมาย/นโยบาย ที่ส่งผลต่อสังคม
3. สื่อสาธารณะต้องเจาะลึก/ต่อเนื่องในการนำเสนอสื่อเพื่อให้ประชาชนผู้รับสาร เพื่อการตัดสินใจอย่าง  ถูกต้อง 4. สื่อสาธารณะต้องทำหน้าที่สื่อสารเพื่อกระตุ้นระบบการผลิตต้นแบบดั้งเดิมกลับคืนสู่สังคม

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

ร่วมกิจกรรมการสื่อสารสื่อสาธารณะกับประเด็นสุขภาวะทางสังคม ประเด็นการสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร

กิจกรรมที่ทำจริง

  1. เป็นกิจกรรมรับฟังความคิดเห็น ขับเคลื่อนประเด็นทางสุขภาวะทางสังคม เช่นประเด็นสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร  ปะเด็นพลังงาน สันติสุขชายแดนใต้ และประเด็นความมั่นคงด้านอาหาร
    2.  เครือข่ายสื่อเข้าร่วมให้ความเห็นในเรื่องการสื่อสารทางสังคม ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นความมั่นคงทางอาหาร 3.  การแบ่งกลุ่มย่อยตามประเด็นต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปและข้อเสนอต่อสื่อสาธารณะ ที่จะต้องให้ความมีส่วนร่วมในฐานะของสื่อสาธารณะและทำประโยชน์ต่อสังคม

 

200 170

3. เวทีสมัชชา "ขับเคลื่อนเมืองนคร สู่นครศรีฯ อยู่ดีมีสุข"

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 เวลา 08:00-16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อเกิดความร่วมมือเพื่อการเคลื่อนสู่พื้นที่สุขภาวะในงานสมัชชาสุขภาพระดับพื้นที่    2.เครือข่ายสื่อได้เปิดพื้นที่การสื่อสารกับเครือข่ายอื่นๆ

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ผลผลิตที่ได้จากการจัดเวที 1. มีเครือข่ายภาคี ความร่วมมือให้ความสำคัญกับกระบวนการสมัชชาสุขภาพ และมองเห็นการนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกันในอนาคต โดยเฉพาะการเริ่มงานขาเคลื่อนในปีต่อไปที่จะสามารถ จัดการให้เกิดความร่วมมือก้าวไปด้วยกันตั้งแต่ต้นปี 2. ได้รูปแบบการสื่อสารที่ชัดเจนมากขึ้น และมีคุณภาพเหมาะสมกับบริบท พฤติกรรมการรับข่าวสารของคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เช่น การสื่อสารเรื่องราวด้วยบทหนังตะลุง  การใช้ “เวทีหยวกกล้วย” ที่แสดงถึงการมีความเสมอภาคความเป็นภราดรภาพต่อกัน เกิดความเท่าเทียมในการแสดงความคิด การเสนอเรื่องราวที่เป็นประโยชน์การสื่อสาร 3. ร่างมติ และข้อเสนอของแต่ละประเด็นที่ขับเคลื่อน ซึ่งเกิดจากกระบวนการนโยบายสาธารณะ มีรูปธรรม และมีเนื้อหาทางวิชาการที่สมารถพัฒนา ต่อไปอย่างมีทิศทาง และเกิดประโยชน์กับชุมชนอย่างจริงจัง
4. รูปธรรมการขับเคลื่อนตามหลักคิดนครบูรณาการ  เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นั้นคือ การรวมองค์กรภาคี  หน่วยงาน ชุมชน เพื่อให้เกิดเวทีกลางที่เป็นการแสดง ถึงบทบาท ปฏิบัติการของแต่ละส่วน ดำเนินการสอดคล้องกัน ภายใต้ วิสัยทัศน์ นครศรี อยู่ดีมีสุข  และสามารถขยายแนวปฏิบัติ ที่เกิดกว้าง ให้ทุกภาคส่วน ได้ใช้ประโยชน์ สร้างพลังการขับเคลื่อน ในรูปแบบ สมัชชา ประชาชน คนคอนรวมพลคนจิตอาสา ขับเคลื่อนนครศรี อยู่ดีมีสุข

ผลลัพธ์ 1. Participatory  เกิดการมีส่วนร่วม แบบบูรณาการ ขององค์กรภาคี หน่วยงาน และชุมชนสถาบันพัฒนาองค์การชุมชน โดยเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน เป็นกลไกหลักในการรวมคน รวมเครือข่าย รวมงานที่ขับเคลื่อน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด/อำเภอ สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอีก หลากหลาย กลุ่มองค์กร ภายใต้วิสัยทัศน์ นครศรีฯ อยู่ดี มีสุข 2. Public  การร่วมมือกันของภาคส่วนต่างๆเกิดการมีส่วนร่วมจากภาคีเครือข่ายในงานสมัชชา “รวมพลคนอาสา” เพื่อการขับเคลื่อนนครศรี อยู่ดี  มีสุข นำมติด้านปัจจัยเสี่ยง เด็กและเยาวชน มาบูรณาการแผนงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อการแก้ไขปัญหาความเสี่ยง ในเด็กและเยาวชน อย่างเป็นระบบต่อไป 3. policy  ได้ร่างมติ และข้อเสนอ ที่ผ่านการรับรองจากสมาชิกสมัชชาขาขึ้น 2 ประเด็น ที่จะเป็นแนวในการเสนอเป็นนโยบายสาธารณะทั้งในระดับพื้นที่และในระดับจังหวัด ความมั่นคงทางด้านอาหาร(อาหารปลอดภัย) ปัจจัยเสี่ยงเด็กและเยาวชน(เหล้า บุหรี่ และ ผลงานขาเคลื่อนในประเด็นการบริหารจัดการน้ำตามมติสมัชชาจังหวัดปี 2559 4. Process  การพัฒนากระบวนการขับเคลื่อน นโยบายสาธารณะ โดยตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆให้ความสำคัญและมีความร่วมมือมากขึ้น โดยการนำมติสมัชชาสู่การปฏิบัติ

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

          เป็นการประชุมสมัชชาระดับจังหวัด  โดยนายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดงาน พิธีเปิดงานเป็นการแสดงพลังของการมีส่วนร่วมที่สื่อให้เห็นความเสมอภาค หรือความมีภราดรภาพของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช นั้นคือ “เวทีหยวกกล้วย”  มีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน หนังตะลุง  นาฎศิลป์ การสื่อสารด้วยศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยนายหนัง วีระ งามขำ การเสวนาในหัวข้อ.การขับเคลื่อนนครศรีฯอยู่ดีมีสุขแบบมีส่วนร่วม ภาคีสนับสนุนมีความคิดเห็นอย่างไร..โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา คือ ดร.วิรยะ แต้มแก้วหัวหน้าปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนภาคใต้ พลเอกภัทรชัย แทนขำ ผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์กองทัพภาคที่4  นายชูรินทร์  ขวัญทอง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ช่วยผู้ประสานงานสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน นางสุจิตรา ป้านวัน รองปลัดองค์กรบริหารส่วนตำบลนาไม้ไผ่ อ.ทุ่งสง คุณจารึก ไชยรักษ์ ผู้แทนจำสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ดำเนินรายการโดยคุณอานนท์ มีศรี นายยกสามาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช และในช่วงบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยตาม ประเด็นการขับเคลื่อน 3 ประเด็น คือ 1) ประเด็นการจัดการน้ำด้วยฝายมีชีวิต 2) ประเด็นอาหารปลอดภัย 3) ประเด็นปกป้องเด็กจากปัจจัยเสี่ยง แอลกอฮอล์และบุหรี่ และมีกลุ่มย่อยของ พมจ. และ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน  และประกาศมติและข้อเสนอของแต่ละประเด็น 

กิจกรรมที่ทำจริง

          เป็นการประชุมสมัชชาระดับจังหวัด  มีภาคีหลัก เข้าร่วมได้แก่ สาธารณะสุขจังหวัด สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช  และผู้แทนจากประเด็นขับเคลื่อนทางสุขภาวะ 3 ประเด็น ได้แก่ประเด็นการจัดการน้ำด้วยฝายมีชีวิต  ประเด็นอาหารปลอดภัย  ประเด็นปกป้องเด็กจากปัจจัยเสี่ยง แอลกอฮอล์และบุหรี่ โดยนายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดงาน พิธีเปิดงานเป็นการแสดงพลังของการมีส่วนร่วมที่สื่อให้เห็นความเสมอภาค หรือความมีภราดรภาพของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช นั้นคือ “เวทีหยวกกล้วย”  มีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน หนังตะลุง  นาฎศิลป์ การสื่อสารด้วยศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยนายหนัง วีระ งามขำ การเสวนาในหัวข้อ.การขับเคลื่อนนครศรีฯอยู่ดีมีสุขแบบมีส่วนร่วม ภาคีสนับสนุนมีความคิดเห็นอย่างไร..โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา คือ ดร.วิรยะ แต้มแก้วหัวหน้าปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนภาคใต้ พลเอกภัทรชัย แทนขำ ผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์กองทัพภาคที่4  นายชูรินทร์  ขวัญทอง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ช่วยผู้ประสานงานสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน นางสุจิตรา ป้านวัน รองปลัดองค์กรบริหารส่วนตำบลนาไม้ไผ่ อ.ทุ่งสง คุณจารึก ไชยรักษ์ ผู้แทนจำสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ดำเนินรายการโดยคุณอานนท์ มีศรี นายยกสามาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช และในช่วงบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยตาม ประเด็นการขับเคลื่อน 3 ประเด็น คือ 1) ประเด็นการจัดการน้ำด้วยฝายมีชีวิต 2) ประเด็นอาหารปลอดภัย 3) ประเด็นปกป้องเด็กจากปัจจัยเสี่ยง แอลกอฮอล์และบุหรี่ และมีกลุ่มย่อยของ พมจ. และ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน  และประกาศมติและข้อเสนอของแต่ละประเด็น 

 

200 180

4. หักภาษีดอกเบี้ยรับเงินฝากธนาคาร

วันที่ 15 ธันวาคม 2560 เวลา 09:00-10:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

หักภาษีดอกเบี้ยรับเงินฝากธนาคาร

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ไม่มี

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

หักภาษีดอกเบี้ยรับเงินฝากธนาคาร

กิจกรรมที่ทำจริง

ไม่่มี

 

0 0

5. ประชุม กองบก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ ครั้งที่ 1

วันที่ 26 ธันวาคม 2560 เวลา 09:00-15:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

1.เพื่อการรายงานความก้าวหน้าและการวางแผนการดำเนินงานของเครือข่าย 2.การติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหว

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

1.จัดเวทีถกเถียงสาธารณะ 3 ประเด็น หลัก - การท่องเที่ยวโดยชุมชน
- ปัจจัยเสี่ยง
- การจัดการน้ำทั้งระบบ
2.กำหนดแนวทางการดำเนินงานใน ระยะที่ 2 มี 2 เรื่อง ที่จะเป็นเป้าหมาย คือ -รูปแบบการสื่อสารกับประเด็นสุขภาวะ -แนวปฏิบัติเพื่อกำหนดจริยธรรมสื่อ เพื่อสุขภาวะทางสังคม ทั้งนี้ ผลลัพธ์ คือการยกระดับความเป็นมืออาชีพ 3.ให้เครือข่ายสื่อทั้ง 14 จังหวัด ดำเนินกิจกรรมหนุนเสริม เครือข่ายสื่อในจังหวัด ด้านศักยภาพการใช้สื่อเพื่อการขับเคลื่อนสังคม จังหวัดละ 5 คน เป็นอย่างน้อย และ นำ 2 ประเด็น คือ การท่องเที่ยวโดยชุมชน และปัจจัยเสี่ยง เป็น ประเด็นที่ใช้สื่อเพื่อการขับเคลื่อน ให้ได้มา 2 เรื่อง - รูปแบบการสื่อสารประเด็นสุขภาวะ - แนวปฏิบัติเพื่อกำหนดจริยธรรมสื่อ เพื่อสุขภาวะทางสังคม 4.ห้องย่อยในงานสร้างสุขภาคใต้ ในเดือน มีนาคม วันที่ 27-29 มี.ค. 2561 จะเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็น จากข้อเสนอที่ ทางเครือข่ายสื่อในจังหวัดส่งมา 5.ใช้รายการวิทยุ "กินอิ่ม นอนอุ่น บนแผ่นดินใต้" เป็นรายการหลัก ที่ใช้สื่อสารกับประเด็นที่ขับเคลื่อน ในช่วง 2 เดือน ก่อนถึงงาน สร้างสุขภาคใต้ จะนำเสนอ 2 ประเด็น หลัก ตามที่กล่าวมา 6.กำหนดรูปแบบการสื่อสาร ช่องทางใหม่ กินอิ่ม นอนอุ่น บนแผ่นดินใต้ ทางface book live นำเสนอ 2 ประเด็น คือ การท่องเที่ยวโดยชุมชน และ ปัจจัยเสี่ยง
7.จังหวัด นำร่อง คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช , กระบี่ , พังงา , ชุมพร , สงขลา , สุราษฏร์ธานี , พัทลุง วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ช่วงเวลา 16.00 น. - 19.00 น.หรือ ตามความเหมาะสม ใช้เฟจ สมาคมสื่อฯเป็นมาสเตอร์ สมาชิก บก.ช่วยมอนิเตอร์ และเก็บ Reccord จากผู้ชมและผู้ฟัง

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

ประชุมเพื่อการรายงานความก้าวหน้า  และแลกเปลี่ยน  วางแผนการขับเคลื่อนงานในระยะที่ 2

กิจกรรมที่ทำจริง

1.ชี้แจงวัตถุประสงค์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทิศทางการทำงานและการทำงานร่วมกับภาคีในบทบาทของเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้ 2.กำหนดแนวทางการดำเนินงานใน ระยะที่ 2 มี 2 เรื่อง ที่จะเป็นเป้าหมาย คือ -รูปแบบการสื่อสารกับประเด็นสุขภาวะ -แนวปฏิบัติเพื่อกำหนดจริยธรรมสื่อ เพื่อสุขภาวะทางสังคม ทั้งนี้ ผลลัพธ์ คือการยกระดับความเป็นมืออาชีพ 3.บทบาทในงานสร้างสุขภาคใต้

 

30 30

6. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ (การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดพังงา งวดที่ 1

วันที่ 5 มกราคม 2561 เวลา น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

 

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

  1. ได้นำเรื่องราวการท่องเที่ยวโดยชุมชนของจังหวัดพังงา เพื่อให้เกิดการรับรู้ และเป็นผลต่อเนื่องให้นักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยวแบบชุมชนได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น
  2. สื่อสารการขับเคลื่อนงานประเด็นต่างๆ ผ่านรายการวิทยุ และเฟสบุคไลฟ์ โดย นำเสนอผ่านเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้ ขยายพื้นที่การสื่อสารในรูปแบบเครือข่าย
  3. คณะทำงานและเครือข่ายในพื้นที่มีความเข้าใจ เรื่องของวิธีการสื่่อสาร ผ่านสื่อยุคใหม่ ที่สามารถสื่อเรื่องราวต่างๆด้วยความรวดเร็ว แต่ต้องคำนึงถึงความจริงและผลกระทบจากการสื่อสารด้วย

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

  1. ผลิต/จัดรายการกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ กับกอง บก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ เดือนละ 2 ครั้ง
  2. รับสัญญาณเสียงรายการกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา 09.00-10.00 น. ร่วมกับเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้
  3. ถ่ายเสียงเวทีสาธารณะ “ท่องเที่ยวชุมชน” วันที่ 19-20 มกราคม 2561 (1 ชม.)
  4. รายการ “กินอิ่ม เที่ยวสนุก @ พังงา ” วันเสาร์ (2  ครั้ง/เดือน) เวลา 10.00 – 11.00 น. ออกอากาศทางสถานีวิทยุฮีโร่ FM.95.25 Mhz.พังงา
  5. ผลิต/จัดรายการ “กินอิ่ม เที่ยวสนุก @ พังงา ” ทาง face book live เดือนละ 2 ครั้ง (จัดรายการนอกสถานที่ แหล่งท่องเที่ยวชุมชนเข็มแข็ง จ.พังงา) 6.จัดเวทีถกเถียงสาธารณะ ประเด็น การท่องเที่ยวชุมชน เกาะยาว ณ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา  และถ่ายทอดทาง face book live 7.รับสัญญาณ ถ่ายทอดเสียง งานสร้างสุขภาคใต้
  6. ร่วมถ่ายทอดเสียง/รับสัญญาณจากเวทีประเด็นต่างๆ จากกอง บก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ ส่วนกลาง

กิจกรรมที่ทำจริง

1.จัดรายการ “กินอิ่ม นอนอุ่น บนแผ่นดินใต้”
    -  ประเด็น การท่องเที่ยววิถีมุสลิมสไตล์กับการท่องเที่ยวชุมชนบ้านเขาปิหลาย ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา     -  ประเด็น ถนนปลอดภัย
    -  ประเด็น สุขภาวะของเด็ก
    -  ประเด็น นวัตกรรมธุรกิจก่อสร้างไทย
2.จัดรายการ “ กินอิ่ม เที่ยวสนุก @  พังงา ” (Facebook LIVE )     -  ประเด็น “พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่  (พ.ศ.2560)และบุหรี่ จุดเริ่มต้นของยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ”
    -  ประเด็น “การท่องเที่ยวชุมชน สะพานสารสิน-บ้านท่านุ่น ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา”
    -  ประเด็นของแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย     -  ประเด็น การบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้ สวนวราภรณ์ 1 ไร่คลายจน
3.ร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (ค.1) 4.ประชุมเตรียมงานจัดทำแผนปฏิบัติการ  รายการ “กินอิ่ม นอนอุ่น บนแผ่นดินใต้”

 

1,000 0

7. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ (การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช งวดที่ 1

วันที่ 5 มกราคม 2561 เวลา 09:00-16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อให้การขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคีต่างๆ ถูกสื่อสารสู่สาธารณะและส่วนงานที่เกี่ยวข้อง  2. เพื่อศึกษารูปแบบการสื่อสารจากเนื้อหา  วิธีการสื่อสาร ช่องทางการสื่อสาร การรับรู้ของข่าวสารที่ถูก  สื่อออกไปสามารถสร้างการรับรู้และนำไป

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ผลผลิต 1. สื่อสารกระบวนการทำงานของแต่ละประเด็นงานและเครือข่ายต่างๆในจังหวัด โดยเฉพาะประเด็นที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. สจรส.มอ.
2. การร่วมกันผลิตเนื้อหา การสื่อสารของแต่ละพื้นที่ เพื่อทำการสื่อสารในช่องทางต่างๆ ร่วมกันโดยการจัดการร่วมของกองบรรณาธิการสื่อสร้างสุขภาคใต้
3. เนื้อหาประเด็นการขับเคลื่อนจะรวบรวมเป็นข้อมูลทางวิชาการในการรับฟังความเห็นในห้องย่อย การสื่อสารสร้างสุขภาคใต้ ในงานสร้างสุขภาคใต้ปี  60
4. ใช้เป็นข้อมูลงานวิจัยเรื่องรูปแบบการสื่อสาร  และ เรื่องแนวปฏิบัติจริยธรรมการสื่อสาร

ผลลัพธ์ 1.  เป็นส่วนหนึ่งในการให้เกิดเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาพใต้ ทั้ง 14 จังหวัด 2.  การทำงานร่วมในรูปแบบกองบรรณาธิการสื่อสร้างสุขภาคใต้ โดยมีการร่วมการผลิตเนื้อหาการสื่อสารในประเด็นสุขภาวะของแต่ละพื้นนำมาสื่อสารในช่องทาง การสื่อสารของแต่ละจังหวัด โดยมีตารางการนำเสนอสลับสับเปลี่ยนกันในแต่ละจังหวัด ในการนำเสนอเนื้อหา 3.  การวิเคราะห์เนื้อหาและวิธีการสื่อสารที่ได้ทำการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาคุณภาพสื่อ และรูปแบบวิธีการที่เหมาะสม

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.ผลิตสื่อวิดิทัศน์ กระบวนการขับเคลื่อนในพื้นที่ เพื่อเผยแพร่ในช่องทางการสื่อสาร ทุกทาง 2.จัดรายการล้อมวงคุยกับคณะทำงาน แกนนำ และผู้ที่มีส่วนกับการผลักดันการขับเคลื่อนงานแต่ละ  ประเด็น 3.นำเนื้อหาการขับเคลื่อนประเด็นงาน สื่อสารผ่านช่องทาง รายการวิทยุ  Facebook Live เพจสมาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช  และนำเสนอสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 4.จัดเวทีประชุมเสวนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการเชื่อมโยงประเด็นงานการขับเคลื่อนรวมถึงภาคีสนับสนุน 5.จัดประชุมคณะทำงานโครงการเพื่อสร้างความเข้าใจ

กิจกรรมที่ทำจริง

1.จัดประชุมคณะทำงานโครงการเพื่อสร้างความเข้าใจและประชุมคณะทำงานเตรียมงานประชุมวิชาการ ประจำปี 2561 "สร้างคน  สร้างงาน สร้างสุข สานพลังที่ก้าวข้ามขีดกำจัดสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน 2.จัดเวทีถกเถียงสาธารณะ " ท่องเที่ยววีไทย เก๋ไก๋  อย่างยั่งยืน" และ  "เวทีสาธารณะ  “ย้อนรอย 470 วัน น้ำท่วมใหญ่ : การจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน" 3.รายการ “ กินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ ”
  - ประเด็นท่องเที่ยวโดยชุมชน และเตรียมงานสร้างสุข   - ประเด็นการจัดการน้ำทั้งระบบจังหวัดนครศรีธรรมราช   - ประชาสัมพันธ์งานสร้างสุขภาคใต้   4.จัดรายการล้อมวงคุย  ทาง Facebook Live
  - วิถีน้ำเมืองคอน   - สปาโคลน  บ้านแหลมโฮมสเตย์”   - การทำสวนยั่งยืน ภายใต้การขับเคลื่อนสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง         


 

500 70

8. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ (การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดชุมพร งวดที่ 1

วันที่ 5 มกราคม 2561 เวลา 09:00-16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อให้การขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคีต่างๆ ถูกสื่อสารสู่สาธารณะและส่วนงานที่เกี่ยวข้อง  2. เพื่อศึกษารูปแบบการสื่อสารจากเนื้อหา  วิธีการสื่อสาร ช่องทางการสื่อสาร การรับรู้ของข่าวสารที่ถูก  สื่อออกไปสามารถสร้างการรับรู้และนำไป

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ผลผลิต 1.สามารถสื่อสารการทำงานแต่ละประเด็นของเครือข่ายในจังหวัดทั้งที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่าย และไม่ได้การสนับสนุนจากภาคีเครือข่าย 2.สามารถถ่ายทอดข้อมูล  เนื้อหา  ความรู้  และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ 3.สามารถเชื่อมโยง ประสานงานเครือข่ายทางด้านข้อมูลและบุคคล 4.เพิ่มและพัฒนาทักษะรูปแบบการสื่อสารโซเซียลมีเดีย

ผลลัพธ์ 1.เกิดความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายมากขึ้น 2.มีพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ในแปลงเกษตรเพิ่มมากขึ้น 3.มีการทำงานร่วมกันในรูปแบบของกองบรรณาธิการสื่อสร้างสุขภาคใต้  โดยผลิตเนื้อหาของแต่ละประเด็นและจังหวัด แล้วนำมาเสนอ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแต่ละจังหวัด

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.ผลิต/จัดรายการ “ท่องเที่ยวโดยชุมชนตลาดใต้เคี่ยม เศรษฐกิจพอเพียง อาหารปลอดภัย”                  ทาง facebook live เดือนละ 2 ครั้ง 2.รับสัญญาณเสียงรายการกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา 09.00-10.00 น. ร่วมกับเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้ 3.ผลิต/จัดรายการทาง face book live เดือนละ 2 ครั้ง       -  ท่องเที่ยวโดยชุมชนตลาดใต้เคี่ยม เศรษฐกิจพอเพียง อาหารปลอดภัย
      -  ท่องเที่ยวโดยชุมชน  อาหารปลอดภัย ครัวเรือนพอเพียงและสิทธิ 4.สนับสนุนจัดสัมมนาโดยใช้สมาร์ทโฟนในการสื่อสารโซเชียลมีเดียและออนไลน์กับกลุ่มเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชน 5.จัดทำสื่อสื่อสิ่งพิมพ์ท้องถิ่น “ฐานชุมพร” เดือนละ 1ครั้ง 6.จัดทำสื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ปะทิวนิวส์ เดือนละ 2ครั้ง 7.ร่วมถ่ายทอดเสียง/รับสัญญาณจากเวทีประเด็นต่างๆ จากกอง บก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ ส่วนกลาง

กิจกรรมที่ทำจริง

1.Face Book Live ตอน 1 ปี ตลาดใต้เคี่ยม(ท่องเที่ยวโดยชุมชนตลาดใต้เคี่ยม) 2.ร่วมเวทีเตรียมงานสร้างสุขภาคใต้ 2561 ห้องย่อยการท่องเที่ยวโดยชุมชนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโซนอันดามัน 3.เวทีพัฒนาศักยภาพสื่อโซเชียลมีเดีย 4.จัดทำสื่อสื่อสิ่งพิมพ์ท้องถิ่น “ฐานชุมพร”และจัดทำสื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ปะทิวนิวส์

 

1,000 1,000

9. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้(การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดสงขลา งวดที่ 1

วันที่ 5 มกราคม 2561 เวลา 09:00-16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

1.สื่อสารสาธารณะด้านการสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่จังหวัดสงขลา              2.สนับสนุนการผลิตสื่อและจัดรายการเพื่อการสื่อสารสาธารณะให้เกิดการ  เปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

  1. การทำงานของเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาวะในประเด็นที่กำหนดได้รับการสื่อสารผ่านสื่อสาธารณะ
  2. เกิดเวทีและผลงานสื่อสารสาธารณะที่จะเป็นเครื่องมือไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือข้อเสนอเชิงนโยบาย

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

  1. ประชุมสร้างความเข้าใจคณะทำงานโครงการ และติดตามผลการดำเนินงาน รวม 10 ครั้ง (จัดตั้งคณะทำงาน ติดตามความก้าวหน้า ถอดบทเรียน)
  2. วัสดุและสื่อประชาสัมพันธ์
  3. พบเครือข่ายสื่อมวลชนและนักสื่อสารสุขภาวะ
  4. สนับสนุนการลงพื้นที่เพื่อสื่อสารงานสร้างเสริมสุขภาวะใน 2 ประเด็น ได้แก่ • การจัดการปัจจัยเสี่ยง • การท่องเที่ยวโดยชุมชน 5.จัดเวทีพูดคุยประเด็นสาธารณะ 2 ครั้ง

กิจกรรมที่ทำจริง

1.เข้าร่วมเวทีระดมความคิดเห็นประเด็นการท่องเที่ยวชุมชนโซนใต้บน  ทำความรู้จักเครือข่ายสื่อชุมชนภาคใต้และวางแผนแนวทางการสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบสื่อสร้างสุขสงขลา 2.เวทีถอดบทเรียนโครงการ “เสริมสร้างศักยภาพและเตรียมความพร้อมของชุมชนหลังประสบอุทกภัยพื้นที่ตำบลเชิงแส อ.กระแสสินธุ์  จ.สงขลา” 3.สัมภาษณ์เชิงลึก ถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ เพื่อเก็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ได้แก่ ทะเลสาบสงขลาแหล่งอาศัยโลมาอิระวดี ธนาคารกุ้งเพื่อการอนุรักษ์ รวมทั้ง สัมภาษณ์บุคคลสำคัญที่เป็นแกนนำการอนุรักษ์ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา 4.จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายภัยพิบัติภาคใต้ 5.สัมภาษณ์เชิงลึก ถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ เพื่อเก็บข้อมูลประเด็นร้านนมสร้างสุข      อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 6.สัมภาษณ์เชิงลึก ถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ เพื่อเก็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ได้แก่ บ้านใบตาลอายุ 100 ปี ชุมชนรำแดง และยอดหัวเขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา 7.ประชาสัมพันธ์การจัดงานภาคใต้สร้างสุข โดยพาชมบู๊ธต่างๆ และพูดคุยกับองค์กรภาคีเครือข่ายด้านสุขภาวะภาคใต้ที่มาร่วมกิจกรรม 8.สัมภาษณ์ปราชญ์ชาวบ้าน        อาจารย์ภิรมย์ จิตภักดี ประเด็นสงขลาเมืองเก่า 9.Live คุยกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จังหวัดสงขลา“ดื่มไม่ขับ กลับปลอดภัย” 10.เวทีเสวนาข้าวปลูกกับคนปลูกข้าวบ้านเรา เทศกาลข้าวใหม่บ้านเรา ครั้งที่ 1

 

500 200

10. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ (การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดกระบี่ งวดที่ 1

วันที่ 5 มกราคม 2561 เวลา 09:00-10:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อสนับสนุนการสื่อสารเของครือข่ายสื่อสรา้งสุขภาคใต้ 2. เพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษารูปแบบการสื่อสาร เนื้อหา วิธีการ ช่องทางการสื่อสาร ของการขับเคลื่อนงานในประเด็นต่างๆ แต่ละเครือข่าย 3. เพื่อสื่อสารเรื่องราวการขับเคลื่อนประเด็นงานของชุมชนสู่สังคม.

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ผลผลิต (Output): พัฒนารูปแบบการใช้สื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีวิธีการนำเสนอ การเผยแพร่ข่าวสารเชิงประเด็น ที่เป็นรูปแบบโดยการผสมผสานสื่อวิทยุท้องถิ่น และเชื่อมโยงกับสื่อใหม่คือ การเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย และการใช้เทคโนโลยี เชื่อมสัญญาณการออกอากาศเป็นเครือข่ายสื่อวิทยุของภาคใต้

ผลลัพธ์ (Outcome):
1. เกิดองค์ความรู้จากประเด็นปัญหาในแต่ละพื้นที่ จากประเด็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่งแวดล้อม โดยใช้การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นเครื่องมือในการดำเนินการ คือ องค์ความรู้จากชุมชนท่องเที่ยว/ จากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง/ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจากนักวิชาการ 2. การเกิดความร่วมมือ ในการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาในการดำเนินการด้านท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีการยกระดับ มาตรฐาน สู่การท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่มีเป้าหมายสู่สังคมสุขภาวะ โดยเป็นผลจากการรับรู้ข้อมูล เป็นแรงกระตุ้นจากการสื่อสารสาธารณะ

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.ผลิต/จัดรายการกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้กับกอง บก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ เดือนละ 2 ครั้ง 2.รับสัญญาณเสียงรายการกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา9.00-10.00 น.ร่วมกับเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้ 3.ถ่ายทอดเสียงเวทีสาธารณะ “ท่องเที่ยวชุมชน” วันที่ 19-20 มกราคม 2561 (1 ชม.) 4.รายการ “ท่องเที่ยวหัวใจชุมชน” ทุกวันศุกร์ที่ 1 และ 3 ของสัปดาห์ (2 ครั้ง/เดือน) เวลา 09.00-10.00 น. ออกอากาศทางสถานีวิทยุ FM.96 Mhz. 5.ผลิต/จัดรายการ “ท่องเที่ยวหัวใจชุมชน” ทาง face book live เดือนละ 2 ครั้ง 6.รับสัญญาณ ถ่ายทอดเสียง งานสร้างสุขภาคใต้ 7.ร่วมถ่ายทอดเสียง/รับสัญญาณจากเวทีประเด็นต่างๆ จากกอง บก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ ส่วนกลาง

กิจกรรมที่ทำจริง

1.ประชุมคณะทำงาน 2.ดำเนินรายการ กินอิ่ม นอนอุ่น บนแผ่นดินใต้  ประเด็นท่องเที่ยวโดยชุมชน ปัจจัยเสี่ยง และ ประชาสัมพันธ์ งานสร้างสุขภาคใต้ 3.Facebook live ที่ไร่ปรีดาโฮมสเตย์ และ Facebook live ณ ท่าเรือบ้าน  ถ้ำเสือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่  ประเด็นท่องเที่ยวโดยชุมชน ปัจจัยเสี่ยง 4.ร่วมเวทีเตรีมความพร้อมงานสร้างสุข เวที “โซนอันดามัน” 5.ผลิตสปอตวิทยุรายการ กินอิ่ม นอนอุ่น  บนแผ่นดินใต้

 

500 500

11. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ (การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดพัทลุง งวดที่ 1

วันที่ 5 มกราคม 2561 เวลา 09:00-10:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อสนับสนุนการสื่อสารในรูปแบบเครือข่ายสื่อสรา้งสุขภาคใต้ 2. เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการศึกษารูปแบบการสื่อสาร เนื้อหา วิธีการ ช่องทางการสื่อสาร ของการขับเคลื่อนงานในประเด็นต่างๆ แต่ละเครือข่าย 3. เพื่อสื่อสารเรื่องราวความจริงของชุมชนสู่สังคม

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

  1. ขยายพื้นที่การสื่อสาร โดยลิงค์สัญญาญกับเคาือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้
  2. เรื่องราวการขับเคลื่อนงานในพื้นที่มีช่องทางในการสื่อสารเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อการรับรู้ในวงกว้างและรวดเร็ว
  3. คณะทำงานมีความเข้าใจกระบวนการสื่อสารและให้ความสำคัญกับรูปแบบการสื่อสารที่จะทำให้เิกดการรับรู้และขยายผลตามวัตถุประสงค์มากขึ้น

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

  1. ผลิต/จัดรายการกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ กับกอง บก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ เดือนละ 2 ครั้ง
  2. รับสัญญาณเสียงรายการกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา 09.00-10.00 น. ร่วมกับเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้
  3. ถ่ายทอดเสียงเวทีสาธารณะ “ท่องเที่ยวชุมชน” วันที่ 13 มกราคม 2561 (1 ชม.)
  4. รายการ “ท่องเที่ยวชุมชน” ทุกวันอาทิตย์ที่ 1 และ 3 ของสัปดาห์ (2 ครั้ง/เดือน) เวลา 12.00-13.00 น. ออกอากาศทางสถานีวิทยุ FM.99.75MHz.และFM.107.25 MHz.
  5. ผลิต/จัดรายการ “ท่องเที่ยวชุมชน” ทาง face book live เดือนละ 1 ครั้ง
    6.รับสัญญาณ ถ่ายทอดเสียง งานสร้างสุขภาคใต้
  6. ร่วมถ่ายทอดเสียง/รับสัญญาณจากเวทีประเด็นต่างๆ จากกอง บก.สื่อสร้างสุขภาคใต้ ส่วนกลาง

กิจกรรมที่ทำจริง

1.จัดรายการวิทยุและถ่ายทอดสัญญาณวิทยุกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้     -  ประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน
2.จัดรายการวิทยุและถ่ายทอดสัญญาณวิทยุกินอิ่มนอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ FACEBOOK lIVE     -  ประเด็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการสร้างความสัมพันธ์สานรักสามัคคี
    -  ประเด็นการท่องเที่ยวชุมชนที่เที่ยวผจญภัยสุดฮิตของจังหวัดพัทลุง 3.ประชุมคณะทำงานโครงการ 

 

500 500

12. สนับสนุนประเด็นสุขภาวะทางสังคม ประเด็นการจัดการปัจจัยเสี่ยงจังหวัดชุมพรงวดที่ 1

วันที่ 9 มกราคม 2561 เวลา 08:00-13:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการจัดการปัญหาอุบัติเหตุ 2. เพื่อสรุปบทเรียนการจัดการอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดชุมพรและนำสู่การแก้ปัญหาต่อไป 3. เพื่อพัฒนาข้อเสนอการจัดการอุบัติเหตุทางถนนต่อนโยบายจังหวัด 4. เพื่อสื่อสารต่อสาธารณะ

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ได้ข้อมูลเชิงลึกของสถานณ์ปัญหา ด้านปัจจัยเสียง การจัดการน้ำ ระบบอาหาร และแนวทางแก้ไขปัญหา
  2. นำข้อมูลวิเคราะห์เพื่อทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และ การนำไปสู่การบริหารจัดการร่วมเพื่อการแก้ปัญหา
  3. รูปแบบการสื่อสารที่จะทำให้เกิดการเข้าใจในปัญหาและสิ่งที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของสังคมในประเด็นที่ขับเคลื่อนได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

สรุปประเด็นถอดบทเรียน เวทีสานเสวนาสาธารณะ ร้อยใจคนชุมพร ร่วมสร้างเมืองปลอดภัย กรณีศึกษา
“อุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล” ณ ห้องประชุมเกาะเต่า โรงแรมโนโวเทล ชุมพรบีช รีสอร์ต จ.ชุมพร
จากการรวบรวมสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2560 -3 มกราคม 2561 ของสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดชุมพร พบว่า การเกิดอุบัติเหตุมีจานวนทั้งสิ้น 30 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บจานวนทั้งสิ้น 35 คน และมีผู้เสียชีวิตจานวน 5 ราย ซึ่งจากสถิติที่รายงานมีจานวนการเกิดอุบัติลดลงจากปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ การขับรถโดยประมาท การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัญหาเดิมทั้งสิ้น จังหวัดชุมพรจึงมีแนวทางในการลดอุบัติเหตุ เพื่อลดการสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ จากการเสวนาในครั้งนี้จึงพบประเด็นปัญหาหลักของการเกิดอุบัติด้วยกันหลากหลายประการ การดาเนินการในการลดอุบัติเหตุทางถนนจึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันในการวางแนวทางเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่จังหวัดชุมพร ซึ่งจากการเสวนาในครั้งนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหาแนวทางในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจากการเสวนาพบว่า ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่จังหวัดชุมพรเกิดจากสาเหตุหลักๆ ดังนี้
1. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด ส่งผลต่อสติสัมปชัญญะในการควบคุม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากในช่วงเทศกาลประชาชนมักดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสังสรรค์ในครอบครัว หรือในกลุ่มสมาชิก โดยบริโภคในจานวนมากซึ่งส่งผลต่อการควบคุมสติ เช่น กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นโดยพบว่ามีหญิงชาวไทยขับจักรยานยนต์ชนรถสิบล้อ เนื่องจากดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นต้น
2. การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทาให้ผู้ขับขี่พาหนะไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ส่งผลกระทบต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การไม่สวมใส่หมวกกันน็อก การฝ่าฝืนกฎจราจร เป็นต้น ซึ่งจากข้อสังเกตพบว่า ประชาชนในจังหวัดชุมพรมีอัตราการสวมหมวกกันน็อกอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีผลกระทบที่รุนแรงทั้งผู้ขับขี่และผู้ที่ซ้อนท้าย
3. สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออานวยในการขับขี่ เช่น ไม่มีป้ายสัญญาณบอกทิศทาง ไม่มีสัญญาณไฟ แสงสว่างไม่ทั่วถึง และปัญหาต้นไม้ที่อยู่บริเวณริมถนน ซึ่งส่งผลให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเส้นทางได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเกิดการกระแทกกับต้นไม้ที่ปลูกไว้บริเวณเกาะกลาง หรือพื้นที่ข้างถนน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการเพิ่มความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
4. การตั้งจุดตรวจในพื้นที่ที่เสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ผู้ที่ขับขี่ไม่ถูกตรวจสอบ
จากการเสวนาในครั้งนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจึงร่วมกันหาแนวทางในการป้องกันเพื่อลดอุบัติเหตุโดยมีแนวทางดังนี้ 2
1. การบังคับใช้กฎหมายที่เข็มแข็งมากขึ้น โดยเฉพาะฝ่ายตำรวจและทหารที่มีส่วนช่วยในการตรวจและจับผู้ที่ทำผิดกฎจราจร โดยเน้นการประสานงานกับท้องถิ่นและชุมชนในการช่วยเหลือ หรือตักเตือนสมาชิกในหมู่บ้านให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ถูกต้อง
2. การงดดื่มในช่วงเทศกาล ซึ่งจะต้องดาเนินการในภาพรวมตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมายห้ามขาย แต่เนื่องจากบริบทของการบังคับใช้กฎหมายอาจมีความซับซ้อนและต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน หลายหน่วยงานจึงมีข้อเสนอแนะให้ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มปฏิบัติดังนี้
2.1 การงดขับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ถ้ามีการดื่ม แต่ให้มีบริการรถจัดส่งผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปยังที่อยู่ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ซึ่งนับว่าเป็นข้อเสนอแนะหนึ่งในการปฏิบัติ
2.2 งดการขายเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาล เป็นต้น
3. ปรับปรุงสภาพถนนพร้อมทั้งเพิ่มป้ายและสัญญาณไฟจราจรในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ผู้ขับขี่เกิดความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการงดปลูกต้นไม้บริเวณพื้นที่เกาะกลางถนนหรือพื้นที่เสี่ยงเพื่อลดความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
4. การเพิ่มจุดตรวจหรือจุดบริการประชาชนเพิ่มเติมในพื้นที่ชั้นในและพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อให้เกิดการตรวจตราอย่างถี่ถ้วน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุและลดการฝ่าฝืนกฎจราจร
5. การรณรงค์ร่วมกันในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อเพิ่มความตระหนักและเพิ่มการรับรู้ของประชาชนให้เกิดจิตสานึกในการขับขี่บนท้องถนน และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเน้นการประชาสัมพันธ์ในระดับหมู่บ้าน ตาบล ท้องถิ่น และในหน่วยงานการศึกษาเนื่องจากมีกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น เพื่อลดการเกิดการสูญเสียในกลุ่มเด็กและเยาวชน
6. การประชาสัมพันธ์ของสื่อ โดยเน้นการใช้สื่อที่สั้น กระชับ ตรงประเด็น และเข้าใจง่าย และควรสื่อสารในกลุ่มเป้าหมายหลักเพื่อให้เกิดความตระหนักและความเข้าใจ โดยจะต้องมีการประสานงานทั้งระหว่างสื่อท้องถิ่นและสื่อในระดับจังหวัดอย่างบูรณาการ ซึ่งจะทาให้ผู้ใช้รถบนท้องถนนเกิดความตระหนักมากขึ้น

ภายหลังการเสวนา นายนายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้กล่าวโดยสรุปพร้อมมอบแนวทางการลดการเกิดอุบัติเหตุให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อนาไปใช้เป็นนโยบายต่อไป โดยเน้นการป้องกันในภาพรวมตลอดทุกวัน ไม่เพียงเฉพาะในเทศกาลสำคัญเท่านั้น เพื่อให้เกิดความยั่งยืนโดยมีรูปแบบดังนี้
1. ด้านพฤติกรรม (Behavior) ทุกภาคส่วนต้องทาให้ประชาชนทุกคนรับรู้ เข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การใส่หมวกนิรภัย การปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร การข้ามถนนตรงทางม้าลาย เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันรณรงค์เพื่อสร้างความภัย
2. ด้านกฎหมาย (Law) ผู้มีส่วนรับผิดชอบด้านกฎหมายต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต้องได้รับการลงโทษตามข้อบังคับนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ขณะเดียวกันผู้บังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มงวดมากนัก จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกภาคส่วน
3. ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) โดยมุ่งเน้นการจัดสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งด้านกายภาพและชีวภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การกาจัดสิ่งกีดขวางต่างๆบนถนน การติดป้ายสัญญาณจราจรที่ชัดเจน การสร้างสัญญาณไฟจราจร ณ บริเวณแยกที่มีความเสี่ยงสูง และการขยายพื้นที่ถนนเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ปัจจุบันหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ร่วมมือในการสำรวจพื้นที่เสี่ยงที่ไม่มีป้ายสัญญาณจราจร ถนนที่ชารุด เพื่อเร่งแก้ไขให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
4. ด้านความร่วมมือ (Cooperative) โดยเน้นการทาอย่างบูรณาการในทุกๆภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยร่วมกันหาแนวทางในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันหน่วยงานภาครัฐต้องมีการร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อนาข้อมูลมาร่วมวางแผนและพัฒนาเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
5. ด้านการวิเคราะห์และการตรวจสอบ (Analysis and Audit) ควรมีระบบการวิเคราะห์ข้อมูลถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นถึงสาเหตุการเกิดเพื่อหาแนวทางการป้องกัน ขณะเดียวกันควรจะมีหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบเป็นระยะๆ เพื่อวางแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

ซึ่งจากการเสวนาครั้งนี้ยังพบประเด็นที่น่าสนใจในหลายๆประเด็น เช่น ปัญหาของชาวต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัยในจังหวัดชุมพรซึ่งไม่เข้าใจภาษาไทย ทาให้ไม่สามารถสื่อสารและเข้าใจกฎหมายหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ได้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ ปัญหาพื้นที่เสี่ยงที่มีทางแยกซึ่งไม่ใช่ทางแยกตามกฎหมายกำหนด ปัญหาการละเมิดสิทธิผู้ป่วยและการนาเสนอข่าวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เป็นต้น ผู้เข้าร่วมเสวนาจึงมีข้อเสนอแนะดังนี้
1. ควรจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์สาหรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวพม่าซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจังหวัดชุมพรมากที่สุด โดยประสานงานกับนายจ้างในการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย
2. ควรจัดตั้งศูนย์ประสานงานชาวต่างชาติเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เพื่อให้การดาเนินการและการประงานเกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
3. ควรจัดการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยนาแบบอย่างการปฏิบัติของชุมชนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการรณรงค์การลดอุบัติเหตุเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับชุมชนอื่นๆ ได้เรียนรู้และเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติ
4. ควรจัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมสำรวจพื้นที่เสี่ยง เพื่อร่วมวางแนวทางในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ

ดังนั้นการลดการเกิดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืนในพื้นที่จัดหวัดชุมพรจาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการร่วมกันหาแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเน้นการสร้างจิตสานึกให้ประชาชนเกิดการเกรงกลัวต่ออุบัติเหตุ ไม่ขับขี่เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันต้องสร้างให้ประชาชนเกิดพฤติกรรมที่ดีในการเคารพกฎหมายและกฎจราจร ซึ่งจะต้องเน้นการประชาสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างจริงใจเพื่อให้เกิดความยั่งยืนกับชาวชุมพรสืบไป

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

เป็นเวทีสานเสวนา  ระดมความคิดเห็น และถอดบทเรียนการดำเนินงานการจัดการอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลโดยมีวิทยากรเป็นผู้เปิดประเด็นชวนคิดชวนคุย เจาะประเด็นตามภารกิจที่หน่วยงาน รับผิดชอบของ รับฟังสถานการณ์  ปัญหาและข้อเสนอแนะ  ซึ่งตลอดทั้งงานมีการถ่ายทอดสดผ่านรายการสื่อชุมชนภาคใต้  และมีการรับฟังความคิดเห็นผ่านรายการรวมทั้งการตอบปัญหาให้กับผู้ที่ซักถามผ่านรายการอีกด้วย

กิจกรรมที่ทำจริง

  1. ติดต่อประสานงานกับป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเพื่อออกแบบวางแผนการทำงาน
      กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง  กำหนดวันเวลาสถานที่ วิทยากรและทีมงานสื่อสร้างสุขภาคใต้
  2. ประสานเชิญกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น  ผู้ว่าราชการจังหวัด  วิทยากรที่จะเป็นผู้ดำเนินรายการ       ชวนคิดชวนคุยถอดบทเรียน  สถานที่  ทีมสื่อ  และเชิญผู้เข้าร่วม
  3. ลงทะเบียนผู้เข้าร่วม 4.  กล่าวทักทายผู้เขข้าร่วมและนำเข้าข้อมูลอุบัติเหตุช่วงเทศกาลที่ผ่านมา
  4. วิทยากรชวนคิดชวนคุยสานเสวนาประเด็นการจัดการการอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล
    สถานการณ์  ปัญหาข้อเสนอแนะ
  5. เปิดรับฟังความคิดเห็นและตอบข้อซักถามผ่านสื่อออนไลน์
  6. ผู้ว่าราชการจังหวัดรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น  และข้อเสนอ จากเวที  โดยให้ข้อคิดเห็นและปิดการเสวนา

 

50 56

13. สนับสนุนประเด็นสุขภาวะทางสังคม ประเด็นการจัดการปัจจัยเสี่ยงจังหวัดกระบี่ งวดที่ 1

วันที่ 9 มกราคม 2561 เวลา 09:00 - 16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1.เพื่อให้ได้รูปแบบการสื่อสารเพื่อสุขภาวะโดยใช้ทรัพยากรเยาวชนขับเคลื่อนผ่านสื่อรูปแบบที่หลากหลาย  2.องค์กรเข้มแข็ง พร้อมขับเคลื่อนงานสุขภาวะเพื่อประโยชน์สาธารณะ 3.องค์กรโปร่งใส ฅนทำงานพร้อมทุกสถานการณ์การขับเคลื่อนสาธารณะ

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ได้ข้อมูลเชิงลึกของสถานณ์ปัญหา ด้านปัจจัยเสียง การจัดการน้ำ ระบบอาหาร และแนวทางแก้ไขปัญหา
  2. นำข้อมูลวิเคราะห์เพื่อทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และ การนำไปสู่การบริหารจัดการร่วมเพื่อการแก้ปัญหา
  3. รูปแบบการสื่อสารที่จะทำให้เกิดการเข้าใจในปัญหาและสิ่งที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของสังคมในประเด็นที่ขับเคลื่อนได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

1.มีกลุ่มคนทุกรุ่นแต่ละระดับอายุ ปรับจูนทำความเข้าใจร่วมกันในกลุ่มอายุต่างๆ แต่ยังมีความสนใจจากผู้เข้าร่วมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสังคมโดยใช้สื่อใกล้ตัวร่วมกัน พร้อมทั้งเกิดช่องการสื่อสารและการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ร่วมกันทำงานแบบบูรณาการการทำงานร่วมกันกับระหว่างเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ หน่วยงาน สื่อมวลชน ในการใช้สื่อขยับสังคมสร้างสรรค์
2.การรับการ ณ ปัจจุบันของผู้เข้าร่วมอบรมเป็นไปอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะสื่อออนไลน์จะได้รัความยินยอมที่สุด  อนึ่ง ผู้เข้าร่วมอบรมมีความสนใจในการเปลี่ยนแปลงในการสื่อสารของยุคต่างเพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องศึกษานอกห้องเรียนต่อไปในอนาคต ซึ่งปัจจุบันในโรงเรียนยังไม่มีการบรรจุเรื่องนี้ลงหลักสูตรแผนการเรียนการสอนปกตินั้นเอง 3.การได้สัมผัสเครื่องมือสำนักงานจากหน่วยงานภาครัฐซึ่งปัจจุบันบางหน่วยงานนั้นยังไม่ได้เปิดโอกาสให้คนทั่วไป เด็กและเยาวชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากนัก ซึ่งในโอกาสที่ผู้เข้าอบรมให้ความสนใจ และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดกระบี่ ได้เปิดโอกาสเปิดโลกกระทัศใหม่ๆ ให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสเครื่องมือที่ไม่ได้เจอกันแบบง่ายๆ ในห้องส่งจริงจริง 4.ผู้อบรมได้ความรู้ที่ใกล้ตัวใหม่ๆ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดการสื่อสารของตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน ซึ่งการได้อบรมครั้งผู้อบรมสนใจเป็นอย่างมาก เพราะสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือที่อยู่ใกล้ตัวของทุกคน

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.สร้างเครือข่ายสื่อเยาวชน พลเมือง ฅนสร้างสุขปลอดปัจจัยเสี่ยง จ.กระบี่พร้อมทั้งขยายเครือข่าย 2.ประชาสัมพันธ์ เรื่องราวผ่านสื่อท้องถิ่น วิทยุ เคเบิ้ลท้องถิ่น
สื่อโซเซียล
3.เพิ่มประสิทธิภาพผู้นำการสร้างสุขเยาวชน ฅนรุ่นใหม่ปลอดปัจจัยเสี่ยง

กิจกรรมที่ทำจริง

1.เวทีสร้างแกนนำสื่อเยาวชนพลเมือง ฅนสร้างสุขปลอดปัจจัยเสี่ยง จ.กระบี่”
2.ประชุมทีมเตรียมการจัดงาน“เวทีสร้างแกนนำสื่อเยาวชนพลเมือง ฅนสร้างสุขปลอดปัจจัยเสี่ยง จ.กระบี่” ครั้งที่ 1 3.ร่วมเวทีเตรียมงานสร้างสุขภาคใต้ปี 2561  ห้องย่อยการท่องเที่ยวโดยชุมชนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโซนอันดามัน 4.ประชุมคณะทำงานหลักและภาคีร่วมงาน 5.ประชุมคณะทำงานหลักเตรียมงาน ครั้งที่ 2 6.เวทีอบรมทบทวน เพิ่มคุณภาพเครือข่ายเยาวชนพลเมือง แกนนำฅนทำงาน

 

200 198

14. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ (การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี งวดที่ 1

วันที่ 10 มกราคม 2561 เวลา 09:00-10:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อสนับสนุนการสื่อสารในรูปแบบเครือข่ายสื่อสรา้งสุขภาคใต้ 2. เพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษารูปแบบการสื่อสาร เนื้อหา วิธีการ ช่องทางการสื่อสาร ของการขับเคลื่อนงานในประเด็นต่างๆ แต่ละเครอข่าย 3. เพื่อสื่อสารเรื่องราวความจริงของชุมชนสู่สังคม

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

1 สื่อสารกระบวนการการจัดการขยะจากต้นทางภายใต้ความร่วมมือของชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง 2. นำเนื้อหาจากการพูดคุยนำเสนอในรายการวิทยุ กินกิ่มนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้ 3. คณะทำงานโครงการ และผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีความเข้าใจตระหนักถึงปัญหาการจัดการขยะ

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.พัฒนาศักยภาพและขยายโครงข่ายสื่อในจังหวัดสุราษฎร์ธานี     -  เวทีทำความเข้าใจแผนงานโครงการ     -  งดเหล้าอาทิตย์ละ 1 วันให้ความสำคัญกับครอบครัว     -  สนับสนุนการผลิตสื่อในพื้นที่     -  อบรมรมเชิงปฏิบัติการต้นกล้าสื่อสร้างสุขภาวะ 2.ติดตามประเมินผล 3.สรุปการดำเนินงาน
    -  ประชุมสรุปผลการดำเนินโครงการทุกกิจกรรม และถอดบทเรียน     -  สนับสนุนด้านการบันทึกข้อมูลและเอกสาร

กิจกรรมที่ทำจริง

1.เวทีทำความเข้าใจแผนงานโครงการ 2.จัดรายการถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุคไลฟ์ประเด็นการจัดการขยะ

 

100 100

15. เวทีถกเถียงสาธารณะ ร้อยใจคนชุมพร ร่วมสร้างเมืองปลอดภัย กรณีศึกษา “อุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล”

วันที่ 16 มกราคม 2561 เวลา น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

 

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

.....1 ข้อมูล การเกิดอุบัติเหตุ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง เพื่อนำมาเป็นข้อมุลสำคัญในการวิเคราห์และแก้ปัญหาร่วมกัน     2. การสื่อสารโดยตรงจากเวทีถึง ผู้ชมในพื้นที่และมีการแสดงความเห็นกันภายใต้ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงและการายงานผลกระทบที่เกิดขึ้น มีความครอบคลุม และกระจาย     3.  ข้อสรุปในเชิปฏิบัติการ่วม ที่ผู้เข้าร่วมจากหลายฝ่ายมีความเห็นร่วมกัน     4.  การแกปัญหาเพื่อลดอุบัติเหต ภายใต้ข้อมูลที่มีความหลากหลาย และมีความชัดเจนน่าเชื่อถือของข้อมูลนำไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสืิทธิภาพ

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

เป็นเวทีสานเสวนา  ระดมความคิดเห็น และถอดบทเรียนการดำเนินงานการจัดการอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลโดยมีวิทยากรเป็นผู้เปิดประเด็นชวนคิดชวนคุย เจาะประเด็นตามภารกิจที่หน่วยงานรับผิดชอบของ
รับฟังสถานการณ์  ปัญหาและข้อเสนอแนะ  ซึ่งตลอดทั้งงานมีการถ่ายทอดสดผ่านทางเพจ สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้ นครศรีธรรมราช และมีการรับฟังความคิดเห็นผ่านรายการรวมทั้งการตอบปัญหาให้กับผู้ที่ซักถาม

กิจกรรมที่ทำจริง

1.จัดเวทีเสวนาโดยเชิญ องค์กร หน่วยงาน ภาคี ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม  นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย 2.  อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตชุมพร เป็นผู้ดำเนินรายการ ตั้งคำถาม จากผู้เข้าร่วม ตามภากิจแการบรณรการในเชงละบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอุบัติเหตบนท้องถนน 3. ถ่ายทอดสด การเสวนาผ่านเฟสบุคไลฟ์ ช่องสมาคมสื่อชุมชนชนภาคใต้นครศรีธรรมราช และให้ผู้ชมทางบ้านร่วมแสดงความเห้น ข้อเสนอ และข้อซักถามผ่านรายการ 4  นักวิชาการ สรุปประเด็นปัญหา ที่มา และสาเหตของการเกิดปัญหา  การบรณาการในเชิงปฏิบ้ตการเพื่อลดอุบัติเหตบนท้องถนน

 

50 0

16. สานเสวนา ทางเลือก ทางรอด ของเยาวชนคนคอน ภายใต้ปัจจัยเลี่ยงต่อสุขภาพที่รุมเร้า

วันที่ 17 มกราคม 2561 เวลา 09:00-15:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดกับเยาวชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช 2. เพื่อกำหนดแนวทางพัฒนามติสมาสุขภาพเป็นนโยบายสาธารณะจังหวัดนครศรีธรรมราช 3. เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านเยาวชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

นำสานเสวนาโดย คุณอรอุมาเรืองสังข์เครือข่ายสื่อมวลชน สถานการณ์ปัญหาของเยาวชนปัญหาของเยาวชนในทุกวันนี้มีให้เห็นอยู่ทุกวัน ทุกรูปแบบไมว่าจะเป็นเรื่องของเยาวชนติดเกมส์ ติดยา เด็กแว๊นท์ ท้องก่อนวัยอันควรเกิดขึ้นเพราะเราไม่กล้ายอมรับความจริง กลัวเสียชื่อเสียง ปัญหาและความเป็นไปของเยาวชนในปัจจุบัน ผู้เข้าร่วม ทำอย่างไรให้เยาวชนหลุดพ้นจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และทำไมต้องทำ ? ตัวแทนสาธารณะสุข ทำอย่างไรให้เยาวชนหลุดพ้นจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และทำไมต้องทำเกิดอะไรขึ้นกับสังคมทุกวันนี้มองว่า สังคมมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นหรือเยาวชนที่กระทำกันหรือเกิดขึ้นบ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดา ปลัดอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชนโยบายของภาคใต้ทีเราต้องนำมาปรับใช้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องนำปัญหาจากข้างล่างขึ้นสู่ข้างบนเข้าใจต่อเด็กวัยรุ่นอาจเกิดจากความพลาดพลั้งการแก้ปัญหายาเสพติดแนวโน้มอาจมีพื้นที่ให้ปลูกกระท่อม ปลูกกัญชาได้ ผอ.โรงเรียนท่านครญาณโรภาส(ครูมองเห็นปัญหาและสถานการที่เกิดขึ้นอย่างไร)การสร้างโอกาส การให้โอกาสเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคนที่ก้าวพลาด สังคมจะดึงเขากลับมาได้อย่างไรการทำโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนแห่งความสุขเป็นทางหนึ่งที่จะดึงเขากลับมา นักเรียนโรงเรียนท่านครญาณโรภาส(กล้ามั๊ยที่จะออกมาจากปัญหา) การพาเพื่อนออกมาจากปัญหาเป็นเรื่องยาก เด็กไม่สามารถสะท้อนปัญหาให้รับรู้ได้ แต่สามารถทำได้โดยใช้ความเป็นเพื่อนเนื่องจากเด็กวัยนี้รักเพื่อมักจะฟังเพื่อนมากว่าคนอื่นๆเช่น ชวนกันเล่นกีฬา เป็นต้น สสอ.เมืองนครศรีธรรมราชการลด ละ เลิก เป็นนโยบายของทางสาธารณะสุขซึ่งต้องทำไปตามนโยบายอยู่แล้ว ปลัดอบต.ไชยมนตรีปรับขบวนการการทำงานให้ง่าย กว้าง ครอบคลุมเป้าหมาย ทำอย่างไรต้องมีการพูดคุยกับนายอำเภอในฐานะที่เป็นองค์กรระดับอำเภอและจะเชื่อมโยงกับองค์กรอื่นๆได้หรือไม่อย่างไร การเอาตัวตัวรอดจะรอดได้อย่างไรสิ่งเร้าทุกเรื่องที่เข้ามาประเด็นที่ขับเคลื่อนจะต้องไปเคลื่อนระดับตำบล สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ปัญหาที่เหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆที่ตามมามากมายการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หน่วยงานทุกภาคส่วน เริ่มแต่พ่อแม่ ต้องเข้ามาพูดคุยกันงบประมาณส่วนของเขต11 อยู่ที่ 40 ล้าน อยู่ที่อบต.สามารถขอมาใช้ได้ รองปลัดอบต.นาไม้ไผ่มองเห็นปัญหาอย่างไรที่จะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนเนื่องจากท้องถิ่นเป็นชุมชนมีเด็กหลายบริบทในชุมชน ปัญหาที่เกิดระดับต้นๆมาจากครัว ความไม่เข้าใจจากผู้ใหญ่การที่เราจะทำงานให้เกิดความสำเร็จได้เราต้องรู้จักพื้นที่การทำงานต้องทำด้วยหัวใจการเป็นพี่น้องใช้รากเหง้าในชุมชนมาดูแลกันเปิดโอกาสให้เขามีพื้นที่เรากำหนดเด็กได้ 0-9 ปีเท่านั้น เกินจากนั้นเรากำหนดยากมากนาไม้ไผ่ใช้โครงการขยะเป็นตัวเชื่อมกับผู้ใหญ่ให้เด็กคิดกระบวนการเองผู้ใหญ่ให้การหนุนเสริมเท่านั้น ให้เด็กเขามีพื้นที่ได้คิดเอง อย่าวางระบบให้เด็กคิดเด็กหลังห้องมักเป็นเด็กที่มีกกระบวนการคิดดีมากถ้าเราได้ส่งเสริมใช้ศาสตร์พระราชาเข้ามาประกอบให้เด็กได้ทำและใช้กระบวนการที่เขาได้คิดขึ้นมาเอง (เข้าใจเข้าถึงการพัฒนา) เครือข่ายงดเหล้าภาคใต้ตอนบนปัจจัยแวดล้อมต้องประกอบทั้ง 2 ส่วน คือภายในและภายนอกภายในจุดเริ่มต้นมาจากครอบครัว การเริ่มกินเหล้าครั้งแรกของเด็กส่วนใหญ่มาจากที่บ้าน เช่น งานวันเกิด งานปีใหม่ในส่วนงานที่ขับเคลื่อนอยู่เราทำได้เรามีเครือข่ายหลายๆภาคส่วน ผู้กำกับสภ.เมืองนครศรีธรรมราชกระบวนสุดท้ายคือกฎหมายเริ่มจากการป้องกันก่อนถ้าป้องกันไม่ไหวจึงจะถึงกระบวนการปราบปรามเช่น เรื่องแอลกอฮอร์เริ่มที่บ้าน ครอบครัว การป้องกันในสถานศึกษามีการจำกัดระยะของสถานบันเทิงบุหรี่มีการบังคับใช้ของใหม่ปี 60นครเป็นจังหวัดที่ใหญ่ปัญหาจึงมีมากและ นักหนากว่าจังหวัดอื่นคู่ๆกับจังหวัดสุราษฎร์ธานียาเสพติดเป็นปัญหาที่หนักกว่าเรื่องอื่นๆโดยเฉพาะน้ำกระท่อม สื่อฯเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสาเหตุที่ทำให้คนตายเป็นอันดับหนึ่งมาจากอุบัติเหตุการทำงานแบบนี้ต้องมีจิตอาสาเป็นอันดับแรก พื้นที่การศึกษาเขต12เห็นอะไรในกระบวนการและมีแนวคิดอย่างไรบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้นๆของเด็กวัยมัธยมต้นประเด็นแรก ครอบครัวเป็นการตั้งต้นที่จะช่วยเสริมสร้างความรักความอบอุ่นโรงเรียน เป็นครอบครัวที่ 2 ที่สามารถช่วยฉุดรั้งหรือป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นได้หรือถ้าเกิดขึ้นแล้วต้องมีวิธีที่จะช่วยพยุงเด็กให้เดินต่อไปได้อย่างมีกำลังใจ มีทางเลือก ปลอดภัย นักวิชาการศึกษาเขตพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช/พัทลุงดูแลเด็ก 90 โรงเรียน แนวทางในการดูแลเด็ก/เยาวชน (สถิติ ความร่วมมือ) การจัดอันดับ 1. สารเสพติด ประมาณ 70 % 2. ความรุนแรง 3. ท้องก่อนวัย 4. อุบัติเหตุ 5. พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

แนวทาง 3 ส. 1. สร้างโอกาส 2. สร้างศักยภาพ 3. สร้างคุณภาพ คือ ผลการเรียน สร้างให้นักเรียนมีมาตรฐานที่สูงขึ้น จุดแตกหักของปัญหาอยู่ที่หมู่บ้าน ชุมชนเราทำอยู่ในทางหน้าที่ได้ในระดับหนึ่งต้องทำทางอื่นด้วยปัญหาที่เกิดทำอย่างไรให้พื้นที่ปลอดภัยลดพื้นที่เสี่ยงเพิ่มพื้นที่ดีประสานหลายๆส่วนมาช่วยดูแล มีพื้นที่นำร่อง คนทำงานทำอย่างไรให้มีหัวใจเดียวกันงบประมาณต้องดูแลอย่างทั่วถึง ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกวัย ผู้กำกับสภ.เมืองนครศรีธรรมราชการทะเลาะวิวาทเดี๋ยวนี้เกิดน้อยลงเนื่องจาก การเสียค่าปรับที่แพงขึ้นอุบัติเหตุทางท้องถนนช่วงปีใหม่61 มี 2 ราย ซึ่งเพิ่มจากปี 60 1 ราย สาเหตุเนื่องจากคนขับรถไม่มีวินัย ประมาทสื่อฯต้องปรับทัศนคติในเรื่องการนำเสนอเรื่องราวที่ต้องนำเรื่องดีๆมานำเสนอมากกว่านำเสนอเรื่องราวในทางลบ ผอ.กองอำนวยการการดูแลเยาวชน2 ส่วน 1. ในสถานศึกษา 2. นอกสถานศึกษาอยู่ในเขตชุมชนจำนวน 63 ชุมชนปัญหาจากการสำรวจข้อมูลเรื่องสารเสพติดมาอันดับหนึ่งการดึงเด็กออกมาจากภาวะปัญหาครอบครัวเป็นสถาบันที่เล็กที่สุดแต่มีความสำคัญที่สุด ถ้าครอบครัวเข้มแข็งโอกาสที่เด็กจะก้าวล่วงไปในทางที่ผิดพลาดย่อมเกิดได้ยากชุมชน หมู่บ้านให้มองเด็กๆเป็นเสมือนลูกหลานของตนเอง
เครือข่ายเด็กมัธยมจะมีอยู่ในทุกที่ มีกิจกรรมที่ซ่อมเสริมให้กับเด็ก
สถาบันการเรียนรู้ฯ (นายทวีสร้อยศิริสุนทร)สถาบันฯทำเรื่องสร้างคน พัฒนาคนบูรณากรทุกภาคส่วนโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้งข้อมูลล่าสุดของสารเสพติดแพร่ไปถึงระดับต้องทำกับครอบครัวซึ่งเป็นสังคมย่อยที่ดีที่สุดวันนี้ครอบครัวเรากล้าที่จะทำเป็นต้นแบบแล้วหรือยังในชุมชนมีกิจกรรมร่วมกันมากน้อยแค่ไหน วันนี้เรามีทักษะพอแล้วหรือยังที่เมื่อเพื่อนส่งให้แล้วเรากล้าปฏิเสธวันนี้เราบอกว่ากลไกมี งบประมาณมี กฎหมายเอื้อไปจนถึงธรรมนูญหมู่บ้าน แต่สิ่งที่ขาดคือ การจัดการเด็กในโรงเรียนขยายโอกาสมีโอกาส และได้รับการเข้าถึงอย่างจริงจังหรือไม่ย่างไรมีกิจกรรมเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ได้อย่างไร รูปธรรมการบูรณาการที่ผ่านมาเห็นเพียงรูปแบบ ไม่ใช่การสร้างการรับรู้ได้อย่างเท่าเทียม เห็นนโยบายแล้วหรือยัง ม.วลัยลักษณ์ 1. ตัวอย่างความไม่สำเร็จ 2. ตัวอย่างความสำเร็จต้องมีการสรุปบทเรียนเพื่อนำไปปรับใช้ 3. ความสำเร็จ ผู้ปกครอง หน่วยงาน ข้อมูลทางวิชาการมาช่วย นักการเมือง(นโยบาย) มาตรการ กิจกรรม ข้อมูลเชิงวิจัย ถ้าจะเดินต่อเป้าหมายที่จะเดินร่วมกันคืออะไร

การสื่อสารและช่องทาง รูปแบบการใช้ร่วมกัน ผอ.ท่านครโรงเรียนแห่งการมีความสุขเราต้องเปิดหูฟังเด็กให้มากที่สุดช่องทางสื่อในหลายๆช่องทางมีความแตกต่างกันเด็กที่สร้างนวัตกรรมให้กับโรงเรียนคือกลุ่มเด็กหลังห้อง สิ่งที่สังคมจะต้องให้การสนับสนุนนักเรียนกลุ่มที่บกพร่องต่อการเรียนรู้ที่ถูกละเลยโดยระบบ(ท้อง แท้ง ทิ้ง) ถ้าเราสร้างโอกาสเด็กเหล่านี้จะกลับมาเรียนตามศักยภาพของเขาได้ - สร้างระบบผู้นำ โรงเรียนทุกโรงจะต้องมีสภาผู้นำ - แบบอย่างของสังคมเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่ต้องใส่ใจ - สร้างหลักสูตรอบรมผู้ปกครองสร้างความรู้ ความเข้าใจให้ตรงกัน - การสร้างเครือข่าย บูรณาการหรือการเชื่อมโยงให้เข้าไปสู่วิถีชีวิตของเด็กให้ได้มากที่สุด ผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาเมื่อเด็กเผชิญความเสี่ยงไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราเก็บเรื่องราวเหล่านี้เพื่อให้เกิดรูปธรรมการบูรณาการ สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้ (นายอานนท์มีศรี) รูปแบบการสื่อสาร ภายใต้การขับเคลื่อนโครงการภาคใต้แห่งความสุขเรื่องสุขภาวะของสังคมเป็นเรื่องสำคัญมีทั้งหมด 8 ประเด็นงานภายใต้ต้นทุน 1. ต้นทุนงานเป็นการต่อยอดไม่ใช่เริ่มใหม่มีการเปิดเวทีพูดคุยอย่างต่อเนื่อง 2. ต้นทุนของงบประมาณ 3. ต้นทุนเครือข่าย/คน กระบวนการ - กระบวนการสื่อสารที่ผ่านมา สิ่งที่เราขาดคือ จริยธรรมเอาความถูกใจเป็นที่ตั้ง - การรายงานผลรูปธรรมความสำเร็จ - การสร้างและขยายเครือข่ายทางสังคม - ขับเคลื่อนต่อ สรุปภาพรวม (เจกะพันธ์) 1. สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงของเด็กคอนคือ เหล้า บุหรี่ ยาบ้า ยาไอซ์ ท้องก่อนวัยอันควร 2. บทบาทของสื่อ - กระบวนการสื่อสาร - จริยธรรม/จรรยาบรรณในการสื่อสาร - เปิดเวทีพูดคุย/ต่อยอด 3. โอกาสหรือทางออก
- มีกลไกที่ชัดขึ้น - มีเครือข่ายเพิ่มขึ้น
- งบประมาณในการขับเคลื่อน - พื้นที่เสี่ยงลดลง - กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้มข้น
- นโยบายปลอดเหล้าบุหรี่ครอบคลุมมากขึ้น 4. บทบาทของหน่วยงาน - เปิดพื้นที่เรียนรู้ให้กับเด็ก - สนับสนุนงบประมาณ - เชื่อมระหว่างหน่วยงานตำบล อำเภอ จังหวัด ในการแก้ปัญหา

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

มีการสำรวจและรวบรวมข้อมูลด้านสถานการณ์  พฤติกรรมเสี่ยง  ผลกระทบที่เกิดขึ้นของเด็กและเยาวชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช  พบว่าสถานการณ์ของเด็กและเยาวชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีพฤติกรรมเสี่ยงทั้งด้านการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  สูบบุหรี่  ยาเสพติด  เพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย  อุบัติเหตุความรุนแรง  การบริโภคสื่อที่ไม่ปลอดภัยโดยการดำเนินงานที่ผ่านมาได้เกิดเป็นมติสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครศรีธรรมราช  ประเด็นการปกป้องเด็กและเยาวชนโดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน  จึงมีแนวคิดในการจัดกิจกรรมเวทีสานเสวนา ทางเลือก ทางรอด ของเยาวชนคนคอน ภายใต้ปัจจัยเลี่ยงต่อสุขภาพที่รุมเร้า  เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแบบมีส่วนร่วมและบูรณาการการทำงารทุกภาคส่วน

กิจกรรมที่ทำจริง

1.การแสดงสัญลักษณ์ สถานการณ์ผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพโดยกลุ่มเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช 2.ล้อมวงคุยโดยมีผู้ดำเนินรายการนำคุุยเกี่ยวกับ
-สถานการณ์ปัญหาแนวโน้ม ความรุนแรงของเด็กและ
เยาวชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช -บทบาทหน้าที่ของระบบสุขภาพในพื้นที่ 4 ระบบได้แก่
1. ระบบสุขภาพระดับจังหวัด เช่น คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตระดับจังหวัดนครศรีธรรมราช
2. คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ 3. กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล 4. ภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ -แนวทางการจัดการปัญหาด้านเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน 3.มีการสรุปเป็นผังภาพและสรุปข้อเสนอจากทุกภาคส่วน

 

40 60

17. เวทีเตรียมงานสร้างสุขภาคใต้ปี 2561 ห้องย่อยการท่องเที่ยวโดยชุมชนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโซนอันดามัน

วันที่ 19 มกราคม 2561 เวลา 09:00-16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

1.เพื่อรับฟังสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยชุมชน ปัญหา อุปสรรค ข้อท้าทาย และข้อเสนอเชิงนโยบายในการก้าวต่อ 2.เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคใต้ รวมทั้งรับฟังร่างมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนของทางสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคใต้

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ความเป็นมางานสร้างสุขภาพใต้ มีจุดเริ่มมาจากงานสร้างสุขภาคใต้ตั้งแต่ปี 2549 โดยดูความความพร้อมของหน่วยงานที่มาหนุนเสริม เรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญที่นำมาซึ่งความสุข มี 3 ระดับ ปี 2549 ปี2559การเป็นเจ้าของห้องย่อยมาจากฐานงานวิจัย ทำไปช่วงหนึ่งพบว่าพลังในการขับเคลื่อนยังมีไม่มากพอ เจ้าของประเด็นห้องย่อยที่แท้จริงต้องมาเป็นแกนนำ วิชาการเพียงหนุนเสริมเท่านั้น มาปี 2561 ในส่วนของห้องย่อยชุมชนควรขยับอย่างไร เวทีระดับโซน ตั้งแต่อันดามัน ใต้บน ใต้ล่าง โดยมีสมาคมมานร่วมขับอย่างจริงจัง กระบวนการพูดคุยผู้เล่นสำคัญโดยสมาคมท่องเที่ยวชุมชนที่ขยับมาตั้งแต่ปี 58 มีผลสัมฤทธิ์ไปถึงไหนแล้ว การขับเคลื่อนงาน ต้องเริ่มมาจากความเข้มแข็งของชุมนก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องพึ่ง 3 ส่วน ประกอบด้วย 1. พึ่งตนเอง เพื่อให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับนโยบาย 2. พึ่งงานวิจัย ยุทธศาสตร์ 60-64 มี4 ยุทธศาสตร์หลัก ยึดโยงแผนงานเหมือนหน่วยงานราชการทั่วไป
- พัฒนาองค์กร สทยต. เชื่อมโยงระดับองค์กรในการขับเคลื่อนเครือข่าย
- การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางการท่องเที่ยว - การตลาดและประชาสัมพันธ์ สสส. สจรส.
- การจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกัน 3. พึ่งหน่วยงาน เช่น มหาวิทยาลัย พอช. สกว.ฝ่ายท้องถิ่น เครือข่ายสื่อมวลชน
กระบวนการทั้งหมดเป็นปนิธานของสมาคมที่จะขับเคลื่อนงานท่องเที่ยวชุมชน เจตนาเพื่อการพัฒนาโครงข่ายให้เป็นมาตรฐานของการท่องเที่ยวภาคใต้ และมีการรับรองมากขึ้น คัดกรองเพื่อพัฒนาให้เป็นไปตามตัวชี้วัด เพื่อตอบโจทย์ของ สจรส. และหน่วยงานอื่นๆ กระบวนการท่องเที่ยวชุมชนแต่ละจังหวัด สถานการณ์ปัญหา จังหวัดระนอง เป็นจังหวัดเล็กแต่มีความยาวของพื้นที่ มีอุทยานแห่งชาติแหลมสนเป็นข้อได้เปรียบ มีการท่องเที่ยวแบบ “1 วันอัศจรรย์ป่าชายเลน” การเชื่อมโยงเครือข่าย ชายแดนชุมพร คืออำเภอกระบุรี มี 14 เครือข่าย การสร้างเครือข่ายถูกเมินจากภาครัฐ สร้างความเข้มแข็งมาโดยตัวของชุมชนเอง มีการแก้ปัญหาประมงชายฝั่ง อาชีพของกลุ่มต่างๆ ทำอย่างไรให้แต่ละกลุ่มดำเนินการไปได้อย่างมีผลกำไร เลี้ยงชีพ เลี้ยงคนเองได้อย่างพอเพียง การร้อยเรียงเชื่อมโยงตั้งแต่เหนือสุดถึงล่างสุด มีการหารือพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาของแต่ละพื้นที่ ให้สมาคมช่วยเหลือในเรื่องใดบ้าง การทำท่องเที่ยวชุมชนโดยอาศัยทรัพยากรในพื้นที่ส่วนใหญ่จะกระทบกับนโยบายรัฐ แต่ยังขับเคลื่อนไปได้เพราะเรารวมตัวกัน ระนองมีการวางแผนการดำเนินกาในเรื่องธุรกิจนำเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวตามฤดูกาล การท่องเที่ยวตามชุมชนต่างๆ จังหวัดสตูล  มี 23 ชุมชนที่ร่วมกันขับเคลื่อน โดยแบ่งเป็นโซน  แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นรูปแบบวิสาหกิจ เช่น ปากบารา อนาคต อ.ละงู เป็นที่เดี่ยวที่ชาวบ้านเก็บค่าเข้าชมมาบริหารจัดการกันเอง ไม่ใช่เก็บให้กับอุทยาน มีการสร้างมัคคุเทศก์ท้องถิ่นจำนวน 170 กว่าคน มีภาคีร่วม อุทยาน หน่วยกู้ชีพ อบต. อบจ. สนับสนุนในเรื่องงบประมาณ องค์ความรู้ ไม่เป็นปฏิปักษ์กับหน่วยงานไหน ร่วมกันขับเคลื่อนไปด้วยกัน พลิกทุกปัญหาให้เป็นโอกาส
จังหวัดกระบี่ มี 15 ชุมชนการท่องเที่ยว และ1 สมาคม มีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน มีการพัฒนาขีดความสามารถของแต่ละชุมชนให้มีการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยชุมชนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการจัดกระบวนการทางความคิดของคน/ชุมชน มีการเชื่อมโยงเป็นโซนอันดามัน ผลักดันให้มีการดูแลในมิติของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม หัวใจหลักชุมชนต้องทำใน 3 ปัจจัยหลักนี้ก่อนจึงจะประสพความสำเร็จ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากกระบวนการเรียนรู้เป็นโอกาสส่งเสริมให้กับชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจในการจัดการชุมชนตนเองได้ จังหวัดตรัง แบ่งเป็น 2 นิเวศน์ คือเขาและทะเล เน้นเรื่องวิถี ความเป็นอยู่ของชุมชนเป็นจุดขาย ภาพรวมการท่องเที่ยวชุมชนถูกยกระดับไปอีกระดับหนึ่งแล้ว เช่น นาหมื่นสี ลำขนุน เป็นต้น ถือเป็นจุดขายและปัจจัยที่เป็นโอกาส แผนการพัฒนาจังหวัดที่ผู้ว่าฯดูและมีเวทีประชาคม ทำให้ชุมชนหลายชุมชนได้รับโอกาสได้รับการสนับสนุนในการท่องเที่ยว ปัญหาที่พบคือ การท่องเที่ยวยังอ่อนในเรื่องกระบวนการคิด ทำอย่างไรให้ไปถึงคำขวัญท่องเที่ยวที่ว่า “คนอยู่ได้ทรัพยากรอยู่ดี” ภาพรวมโซนจังหวัดอันดามัน
แนวทางการขับเคลื่อนมีทั้งแบบวิถีชุมชน และแบบธุรกิจท่องเที่ยว แต่ทั้ง 2 แบบมีการบริหารจัดการโดยชุมชน โดยอาศัยโอกาสจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ หรือเรียกว่าธรรมชาติที่เอื้อให้กับชุมชน
ข้อเสนอ 1. มีทีมจัดการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวชุมชนเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน 2. จัดให้มีมหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวชุมชน
3. เครือข่ายการท่องเที่ยวต้องมีตัวแทนเข้าไปนั่งในระดับจังหวัด(นโยบายเศรษฐกิจฐานราก) 4. มีการทำMOUกับหน่วยงานเพื่อเชื่อมโยงทางการตลาด 5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการสนับสนุนเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และPagketing ให้เป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยว 6. หน่วยงานวิชาการด้านวิจัย ต้องมีชุดองค์ความรู้ให้ไว้กับชุมชน 7. ให้มหาวิทยาลัยมีและพัฒนาหลักสูตรท่องเที่ยวโดยชุมชน 8. ให้ทีมวิจัยมีการติดตามประเมินผลชุมชน เช่น รายได้ ทรัพยากร ความสุข เปรียบเทียบกับก่อนที่จะมีการขับเคลื่อนเรื่องท่องเที่ยวชุมชน แง่คิดเพื่อการปรับปรุง 1. ชุมชนเองตอบสนองนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกันแน่ ? 2. สื่อต้องเป็นตัวขยายเรื่องราวให้ข้างนอกได้รับรู้ กระตุ้นการท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยใช้สื่อเป็นตัวเชื่อม เช่น จัดประกวดหนังสั้นเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 3. ด้านพื้นที่ชุมชนเรื่องของยานพาหนะในการขนส่งต้องพร้อม 4. การจูงใจ เช่น ยกระดับเป็นการท่องเที่ยวเป็น The best plectist 5. รายได้ต้องเป็นแรงจูงใจให้กับชุมชน 6. ชุมชนต้องมีการเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่น 7. ต้องมีแบบสอบถามให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อการปรับปรุงที่ตอบสนองนักท่องเที่ยวภายใต้บริบทและอัตลักษณ์ของชุมชน เช่น มีการสอนทำอาหารพื้นบ้านให้กับนักท่องเที่ยว 8. มองให้ออก “ท่องเที่ยวโดยชุมชน” และ “ท่องเที่ยวเพื่อชุมชน” ต่างกันอย่างไร 9. พื้นที่ต้องมีจุดยืน แต่ขณะเดียวกันต้องพร้อมยอมรับการบูรณาการ ที่ไปทิศทางที่ดีขึ้น 10. ชุมชนต้องศึกษากฏหมายที่เกี่ยวข้อง เสวนา “การท่องเที่ยวโดยชุมชนอันดามัน จะสร้างความมั่นคงยั่งยืนได้อย่างไร” ผู้ร่วมเวที ประกอบด้วย 1. คุณศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต 2. คุณสมพร สาระการ ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดฝั่งอันดามัน 3. ผศ.อำนาจ รักษาพล ม.แม่โจ้-ชุมพร และเครือข่ายสายใยนักวิชาการ ดำเนินเวทีเสวนาโดย คุณบัญชร วิเชียรศรี มุมมองด้านนโยบายเกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวชุมชน คุณศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นวาระแห่งชาติ ทางรัฐบาลเน้นเรื่องที่จะทำอย่างไรให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง สร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร พรบ.การขับเคลื่อนเขตพัฒนาการท่องเที่ยวมี 8 เขต ทางอันดามันจะได้เปรียบเรื่องต้นทุนด้านทรัพยากร วิถีชีวิตของชุมชน ที่สืบทอดมาจากศรีวิชัย ชาวจีนฮกเกี้ยน ชาวไทยมุสลิมที่มาจากมลายู มีการหลอมรวมเรื่องอาหารหารกินและวัฒนธรรมต่างๆ และมีกลุ่มชาติพันธุ์ วิถีของชาวเลที่แตกต่างออกไป ซึ่งนโยบายรัฐบาลกำลังเชื่อมเรื่องการท่องเที่ยว การดำเนินงานที่มีการจัดการที่สมดุล
ผศ.อำนาจ รักษาพล ม.แม่โจ้-ชุมพร และเครือข่ายสายใยนักวิชาการ เป็นวิธีการหนึ่งที่ชุมชนนำมาเป็นเครื่องมือ ที่มาจากฐานราก สามารถเชื่อมโยงคน พัฒนาชุมชน แต่ทั้งนี้ชุมชนเองต้องเห็นฐานของทรัพยากรสำคัญในการท่องเที่ยว วิธีการ เช่น น้ำตก ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมองน้ำตกมากกว่าเป็นสถานที่มาเที่ยว มาเล่น ให้มองเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นอยู่ คน ต้องมีความสุขในพื้นที่ และต้องทำให้คนที่มาเที่ยวมีความสุขด้วย
งานวิจัยของจังหวัดโดยชุมพร ได้พัฒนาหลักสูตรท่องเที่ยวโดยชุมชน จะเป็นการสร้างมูลค่าใหม่ให้กับการท่องเที่ยวโดยชุมชน ให้ชุมชนได้มีโอกาสเรียนรู้กับห้องเรียนที่เป็นธรรมชาติ คุณชาญวิทย์ เพิ่มทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดกระบี่ ต้องการทำให้เป็นเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เมื่อถึงเวลาต้องมีการยกระดับ 15 ชุมชน และ 1 เครือข่ายย่อย เป็นการรวมตัวกันภายใต้การขับเคลื่อนไปในทิศทางและเป้าหมายเดียวกัน มีกระบวนการพัฒนา ช่วยขับเคลื่อนในระดับชุมชน การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวโดยชุมชนต้องมีการเชื่อมโยงกันได้จริง สังคมไม่แตกแยก วัฒนธรรมคงอยู่ มีกฎกติกาของการอยู่ร่วม หรือเข้ามาในพื้นที่ สิ่งแวดล้อมคงอยู่อย่างสมบูรณ์ ยั่งยืน การท่องเที่ยวชุมชนถึงจะยั่งยืนไปด้วย
อุปนายกการท่องเที่ยว การบูรณาการในการเข้าใจไม่เหมือนกัน จึงต้องมีการพูดคุยกันให้ตกผลึก เช่น เรื่องมาตรฐานของการท่องเที่ยว มีหลักสูตรท่องเที่ยวโดยชุมชน นโยบายการท่องเที่ยวภาคใต้จะเป็นอันดับหนึ่ง

วันที่ 20 มกราคม 2561(สะท้อนวันวาน) เป็นเวทีของการเรียนรู้สถานการณ์ท่องเที่ยวชุมชนของแต่ละจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยวที่จัดโดยชุมชน การเชื่อมโยงหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือของหน่วยงาน การรับรู้/การเรียนรู้วิถี วัฒนธรรมท่องเที่ยวชุมชนแต่ละจังหวัด เพื่อนำไปปรับใช้ในชุมชนของตนเอง อานนท์ มีศรี กองบก.สื่อสร้างสุข การทำงานร่วมของสื่อสร้างสุขภาคใต้ กระบวนการขับเคลื่อนภาคประชาชนสื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขยายผล เป็นช่องทางสื่อสารเรื่องราวให้สังคมรับรู้ ที่ผ่านมา ประกอบด้วย7 จังหวัด 4 ประเด็น ความมั่นคงทางด้านอาหาร การแพทย์พหุวัฒนธรรม ปัจจัยเสี่ยง  ลองพัฒนาศักยภาพสื่อโดยการสร้างเครือข่ายสื่อเพื่อการสื่อสร้างสุขภาคใต้ ที่ผ่านมามีรายการกินอิ่มนอนอุ่นที่ภาคใต้ นำเสนอเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เช่น เรื่องข้าวไร่ และตลาดใต้โหนดที่พัทลุง  การขับเคลื่อนสื่อเพื่อสร้างสุขภาคใต้ เป็นการคลายข้อกังวลในข้อประเด็นปัญหา คนทำงานประเด็นกับทำงานสื่อไม่เคยได้เจอกัน คุยเรื่องดีกัน มีการสรุปบทเรียนร่วมกัน คุยเรื่องเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดส่งผลกระทบด้านใดบ้าง ใช้กระบวนการแบบ ออนแอร์ ออนไลน์ ออนกราวน์ เวทีวันนี้ถือเป็นเวทีออนกราวน์(ล้อมวงคุย)
งานในปี 61 เป็นรูปแบบของงานวิจัยทำ 2 เรื่อง คือ จริยธรรมของสื่อ และรูปแบบของการสื่อสาร การเชื่อมโยงเครือข่ายและประเด็นงานต้องมีการแจ้งผ่านกองบก.สื่อเพื่อการเข้าร่วม
1. 18 ก.พ. 61 ลำขนุน และตลาดต้นน้ำ เวทีการท่องเที่ยวชุมชน 2. 28-30 มี.ค. 61 งานสื่อสร้างสุขภาคใต้ต้องมีเครือข่ายเพิ่มขึ้นสื่อต้องทำงานให้เร็วขึ้น ขยายวงการทำสื่อให้กว้างขึ้น
3. 23-26 งานแข่งขันวิ่งว่าวที่สตูล 4. 24-28 เม.ย.61 งานท่องเที่ยวโดยชุมชนอันดามัน ทำMOUการท่องเที่ยวชุมชนระดับประเทศ

ประชุมส่วนกองบก. 3 เครือข่ายประเด็น 1. การจัดการน้ำโดยฝายมีชีวิต 2. ความมั่นคงด้านอาหาร 3. ปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วย 6 จังหวัด นคร พัทลุง สงขลา พังงา กระบี่ ชุมพร งบประมาณ โอนลงจังหวัดแล้ว การทำงานร่วมเครือข่าย เชิงประเด็น ได้รูปแบบของการสื่อสาร - แผนงาน - การสื่อสารก่อน-หลัง - การทำงานร่วมกัน

เป้าหมาย ยกระดับการสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลง สะท้อนกระบวนการเวทีของโซนอันดามัน
- ประเด็นพูดคุย - กระบวนการแบบออนกราวน์ สามารถสะท้อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง - กองบก.นำการสื่อสารมาใช้ในวงได้ สามารถให้ความรู้ เป็นการชวนคุยความรู้พื้นฐานในวงพูดคุยได้ - สื่อเป็นส่วนช่วยในการขยายผล - ดึงให้เห็นความสำคัญของสื่อ - พรบ.การท่องเที่ยวชุมชน เป็นเรื่องที่พื้นที่ต้องการ สื่อสามารถผลักดันได้ - การจับคู่ท่องเที่ยวชุมชนถือเป็น cast statsdy สิ่งที่สจรส.ต้องการคือ งานวิชาการ สิ่งที่นำไปปรับใช้ในงานสื่อสร้างสุขภาคใต้ - ความเป็นมา รูปแบบ กรอบเนื้อหา ทิศทาง สร้างการเปลี่ยนแปลง - กลุ่มเป้าหมายต้องเป็นกลุ่มคนที่มาคุยเรื่องรูปแบบ - จริยธรรมสื่อที่นำมาใช้มีอะไรบ้าง - ดึงให้เห็นรูปแบบการสื่อสารกระบวนการ 6 จังหวัด 3 ประเด็น - วาง Time line การขับเคลื่อน - ใช้ผังกลางในการส่งงานให้กับจังหวัด - การเปลี่ยนแปลงเน้นทั้งปริมาณและคุณภาพ - ส่งรูปแบบเป็นเรื่องเล่า ส่งไม่เกินวันที่ 5 มีนาคม 60 - แผน 3 ส่วน ประกอบด้วย แผนออนไลน์ ออนแอร์ ออนกราวน์ 8 ประเด็นงานสร้างสุข 1. ความมั่นคงทางด้านอาหาร 2. ปัจจัยเสี่ยง 3. การจัดการน้ำโดยฝายมีชีวิต 4. ชุมชนน่าอยู่ 5.  ภัยพิบัตื 6.  จริยธรรมสื่อเพื่อสุขภาวะทางสังคม 7.  ความมั่นคงทางสุขภาพและเขตสุขภาพ 8.  เกษตรกรรมเพื่อสุขภาพ

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

วันที่ 19 มกราคม 2560 1.เกริ่นนำ – ความเป็นมางานสร้างสุขภาคใต้ และที่มาห้องย่อย      การท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคใต้ 2.การนำเสนอแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนมติการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ งานสร้างสุขภาคใต้ พ.ศ. 2559 การแลกเปลี่ยนสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยชุมชน ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอใหม่เพื่อการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ จาก • ผู้แทนภาครัฐ  สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด /สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
• ผู้แทนกลุ่มเครือข่ายสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดโซนอันดามัน • ผู้แทนภาคองค์กรสนับสนุน อาทิ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) , สสส. • ผู้แทนภาควิชาการ วันที่ 20 มกราคม 2560 1.Check –in /ทบทวนประเด็นการพูดคุย 2.เวทีสาธารณะ “การท่องเที่ยวโดยชุมชนอันดามัน จะสร้างความมั่นคง ยั่งยืนได้อย่างไร” • นางศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต กรรมการและเลขานุการเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอันดามัน • นายสมพร สาระการ ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดฝั่งอันดามัน • ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ รักษาพล มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร และเครือข่ายสายใยนักวิชาการ • ดำเนินการเสวนาโดย คุณบัญชร วิเชียรศรี 3.รับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) เกณฑ์มาตรฐานท่องเที่ยวโดยชุมชน ภาคใต้ โดย สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคใต้

กิจกรรมที่ทำจริง

วันที่ 19 มกราคม 2560 1.เกริ่นนำ – ความเป็นมางานสร้างสุขภาคใต้ และที่มาห้องย่อย      การท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคใต้ 2.การนำเสนอแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนมติการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ งานสร้างสุขภาคใต้ พ.ศ. 2559 การแลกเปลี่ยนสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยชุมชน ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอใหม่เพื่อการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ จาก • ผู้แทนภาครัฐ  สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด /สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
• ผู้แทนกลุ่มเครือข่ายสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดโซนอันดามัน • ผู้แทนภาคองค์กรสนับสนุน อาทิ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) , สสส. • ผู้แทนภาควิชาการ วันที่ 20 มกราคม 2560 1.Check –in /ทบทวนประเด็นการพูดคุย 2.เวทีสาธารณะ “การท่องเที่ยวโดยชุมชนอันดามัน จะสร้างความมั่นคง ยั่งยืนได้อย่างไร” • นางศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต กรรมการและเลขานุการเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอันดามัน • นายสมพร สาระการ ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดฝั่งอันดามัน • ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ รักษาพล มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร และเครือข่ายสายใยนักวิชาการ • ดำเนินการเสวนาโดย คุณบัญชร วิเชียรศรี 3.รับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) เกณฑ์มาตรฐานท่องเที่ยวโดยชุมชน ภาคใต้ โดย สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคใต้ 4.พูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดงานสร้างสุขภาคใต้  โดยเครือข่ายสื่อสร้างสุขภาคใต้ 

 

50 32

18. สนับสนุนเครือข่ายกขป.เขต 11 สุราษฎร์ธานี

วันที่ 22 มกราคม 2561 เวลา 09:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

เพื่อเชิญชวนกลุ่มคนที่ทำงานทางสังคมมาร่วมเรียนรู้รากเหง้าประวัติศาสตร์ศรีวิชัยซึ่งเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและความรุ่งเรืองในอดีตที่มีพลัง คุณค่า ความหมาย มาปรับใช้ในการสร้างพลังทางสังคมและการขับเคลื่อนงานทางสังคมต่อไป

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

วันที่ 22  มกราคม 2560

ทำไมเราต้องมาพุดคุยกันเรื่องอาณาจักรศรีวิชัย สิ่งนี้มีความสำคัญกับเราอย่างไร และสำคัญกับอนาคตของเราภาคใต้อย่างไร?  โดยอาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธ์
พวกเราที่มีความตั้งใจอยากจะทำอะไรดี ๆเพื่อปักษ์ใต้บ้านเรา  การทำงานต่อสู้และการเคลื่อนไหวของเราในพื้นที่ภาคใต้หลายครั้งที่ผ่านมาเรามีการคิด ออกแบบ เขียนแผนยุทธศาสตร์  เป็นเรื่องที่ดีแต่มีบางอย่างที่เรามองข้ามไปแล้วทำให้การทำงานของเรามีข้อจำกัด  การทำงานของเราต้องกลับมาทบทวนใหม่  ต้องมาดูว่าเรื่องอะไรที่เราหลงลืมไป  เช่น รากเหง้า ภูมิปัญญา วัฒนธรรม  ความศักดิ์สิทธิ์หรือความคิดของบรรพบุรุษ  หากเราจะดูแลรักษาแผ่นดินและพัฒนาพื้นที่ภาคใต้เราต้องหันกลับมาทบทวนใหม่  เป็นเรื่องคุณค่า ความหมาย และพลังของบรรพบุรุษที่ส่งผลมาถึงเรา ครั้งนี้เราจะชวนกับพูดคุยเรื่องศรีวิชัยและความเป็นนักรบศรีวิชัย  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วเรารู้สึกอย่างไร  เรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
เมื่อพูดถึงเรื่องนักรบศรีวิชัย  หลาคนมองว่า - ศรีวิชัย  เป็นเรื่องอดีตที่น่าค้นหา  ทั้งประวัติศาสตร์  คุณค่า  ความศักดิ์สิทธิ์
- การที่เราหันกลับมาศึกษาเรื่องศรีวิชัย  ทำให้เราเห็นขุมพลังที่ทำให้เราฮึกเหิม
- การศึกษาเรื่องศรีวิชัย  เราจะเห็นบทเรียนในอดีตที่สามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานกับปัจจุบันได้  สามารถรับมือกับอนาคตได้ - การศึกษาเรื่องราวของศรีวิชัยช่วยทำให้เราทรนง  ภาคภูมิใจ  มีศักดิ์ศรี - การทำให้เราหันย้อนกลับมามองตนเอง    บ้านของเรา  สังคมของเรา  ทำให้เราเห็นตัวเราเองมากขึ้น  รู้สึกภาคภูมิใจ”เราคือคนที่ถูกเลือก” - การคุยเรื่องประวัติศาสตร์ทำให้เราเห็นร่องรอยความรุ่งเรืองในอดีตซึ่งเป็นสิ่งที่บอกให้เรารู้และมั่นใจได้ว่าสังคมอุดมคติที่เราอยากเห็น การเอื้อเฟื้อ  แบ่งปัน ช่วยเหลือกัน  ในอดีตเคยเกิดขึ้นแล้ว

ต้อนรับ ขับบทกลอนปลุกพลังคาถาคุณธรรมพระโพธิสัตว์และเส้นทางนักรบศรีวิชัย
โดยอาจารย์บุญธรรม  เทิดเกียรติชาติ  ปราชญ์ ศิลปินภาคใต้ ความแตกต่างระหว่างประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม  คือ  ประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งมีความเป็นมาชัด คุณค่าชัด  และวัฒนธรรมคือคุณค่าชัดแต่ความเป็นมายังไม่ชัด
พระโพธิสัตว์ปัตมะปานิ  เป็นรูปพระโพธิสัตว์ถือดอกบัว  ในอดีตพบที่เมืองเวียงสระซึ่งหายไปนานแล้ว แต่ปรากฎอยู่ในตัวหนังตะลุง
บทกลอนคาถาคุณธรรมพระโพธิสัตว์ปลุกใจนักรบศรีวิชัย
ออ ออ  ออ  ออ  ออ...... กล่าวคาถามาปลุกใจชาวศรีวิชัยทุก ๆ คน ปัจจานัง สิระสัง จะ ตัง อดทน นะกาโร  อ่อนน้อมถ่อมตน  สู่มรรคผลมีโชคชัย นัตถิ  สัมพะโว  ให้ชีวิตมีพลัง นารา นาจิตตัง  ให้ชีวิตมีพลังอันยิ่งใหญ่ เอวัง นะตะระ  เทโว หิ  สัมฤทธิชัย ทินจัง  นะรานัง  ให้พลังกาย จิตใจยั้งยืนยง
ตั้งสติและสัมมาสมาธิดังประสบ สุขตัง นังตันหะ  ดังพระโพธิสัตว์ประทับทรง แล นะจง ศรีวิชัย  ชนะให้ไปตามที่คอย ด้วยคุณธรรรมพระโพธิสัตว์ โบราณยังคงไว้  อันตรายก็จะไม่ท้อถอย ความสำเร็จเสร็จเมื่อไหร่ตั้งใจคอย ไม่ใจน้อยหรือใจร้อนทุกตอนไป ทำความดีไม่หวังผลตอบแทน  ไม่โลภ โกรธ หลง หวั่นไหว การคบคนไม่หวังผลประโยชน์ใด ไม่ทำตามเอาใจใครแต่ทำไปตามวิจารณญาณ ใครมีความปรารถนาจะร่วมหุ้น กับทรงคุณพระโพธิสัตว์  อันนี้เป็นบรรทัดฐาน นักรบศรีวิชัยครั้งสมัยโบราณ  ขอทุก ๆ ท่านจงกล้าหาญ  เอย แบบศรีวิชัย แล้ว .... ขอทุก ๆ ท่านจงกล้าหาญ ออ แบบศรีวิชัย....

สนทนาว่าด้วยเรื่อง “การศึกษาประวัติศาสตร์และคุณค่าความหมายของสังคมการเมือง วัฒนธรรมศรีวิชัย สู่การสร้างขบวนการนักรบพลเมืองในภาคใต้” อาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธ์
เมื่อนึกถึงเรื่องศรีวิชัยแล้วมามองการทำงานของเราที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นบางอย่างที่ขาดหายไปที่ทำให้พลังการต่อสู้ยังไม่มีพลังที่ยิ่งใหญ่พอ  การทำงานบางอย่างมีความท้าทายมากขึ้น  หลายเรื่องอาจจะต้องปรับปรุงให้เป็นคุณภาพใหม่  โดยเฉพาะการกำหนดยุทธศาสตร์และทำแผนทำอย่างไรให้มีคุณภาพ มีพลังและสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ การเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ศรีวิชัย  เราจะชวนการค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่มีพลังในอดีต งดงาม  สังคมแงอุดมคติ แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง  ชุมชนแห่งสันติภาพ  สงบ สุข เราเคยมีชุมชนแบบนี้เกิดขึ้นแล้วในอดีต  ครั้งนี้เป็นการชวนคุยและชวนมองด้วยใจ ย้อยมองไปสู่อดีตศรีวิชัยเชื่อมโยงกับปัจจุบัน

      อาจารย์ปรีชา  อูยตระกูล  เสริมเรื่องเทพปกรณัม เทพปกรณัม  ในอดีตมีความเชื่อว่าเทพปกรณัมคือเทพที่คอยช่วยปกป้องรักษา หรือดลบันดาลให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น มีเรื่องราวและตำนานต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่นพระอิศวร    หรือแม้กระทั่งเจ้าป่าเจ้าเขาในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งคนในพื้นที่นั้น ๆ จะให้ความเคารพมาก  บางครั้งต้องทำพิธีเพื่อทำความเคารพ  เป็นเรื่องวิถีชีวิตและการดำรงอยู่เอความสุขและให้กำลังใจ

วันที่ 23  มกราคม 2560 เกริ่นนำโดยอาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธ์ การทำงานเพื่อสังคมเราต้องใช้พลังพลังความกล้าหาญ  พลังทางปัญญา  ความเมตตา  ไม่ใช่เพียงการไปประชุมในเวทีต่าง ๆ ตามสิ่งที่เขาเชิญเท่านั้น  พวกเราจำนวนมากทิ้งเวลาไปกับการประชุมแบบเดิม ๆ แต่ขาดการยกระดับเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและมีความล้ำค่า  เราจะทำอย่างไรให้มีความล้ำค่า เมื่อเราเจอสถานการณ์ที่มีความยาก เราจะทำตัวอย่างไร คือความท้าทาย  เราจะมีปัญญาการปฏิบัติการ  เพราะเมื่อถึงเวลาเราจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ทัน ดังนั้นเราจำเป็นต้องฝึกให้เป็นนิสัย  รู้จักการครุ่นคิด  มีสติ  เราจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการตั้งสติ ใคร่ครวญ เราร่วมกันนั่งสมาธิภาวนานำภาวนา โดยคุณทวีศักดิ์    สุขรัตน์ การภาวนา....เริ่มจากการตั้งจิตของราให้มีความสงบ  ใช้มือขวาทับมือซ้าย  ใครถนัดสมาธิแบบลืมตาก็สามารถลืมตาได้ แต่หากใครถนัดหลับตาก็หลับตา  สำหรับผมเองใช้วิธีการหลับตา เพราะรู้สึกสงบ  จากนั้นหายใจเข้า ออก  ให้รู้สึกตัวว่าเราหายใจเข้า ออก  แล้วตามลมหายใจ เข้า  ออก  ยาว  สั้น  จากนั้นขอให้เราทุกคนร่วมปฏิบัติสมาธิภาวนา  ประมาณ 5 นาที

คุณทวีศักดิ์  สุขรัตน์  การเคลื่อนด้วยสติ สมาธิ ถือเป็นปัญญาญาณ ทำให้จิตมีพลัง อาจารย์ณัฐพงศ์  จิตนิรัตน์  ได้มีโอกาสดูบรรยากาศยามเช้า สวยงามมาก แต่เมื่อลองเปิดประตูด้านหลังกลับพบว่าด้านหลังมีคลองมีต้นไม้  มีธรรมชาติที่สวยงามมาก  ทำให้เกิดความรู้สึกว่าบางครั้งการที่เรามุ่งไปข้างหน้าแต่เรามักจะลืมดูข้างหลังที่สวยงาม  ดังนั้น  เราต้องหันกลับมาดูข้างหลังด้วยก่อนการก้าวต่อไปข้างหน้า คุณซิกส์  ได้ทบทวนตัวเองและพยายามตีโจทย์การเรียนรู้ตั้งแต่เมื่อวานว่าเรากำลังมาทำอะไร ?เรามาเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องศรีวิชัยซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสเรียนรู้  ถือเป็นเรื่องที่มีความแปลกใหม่  แต่รู้สึกว่าการเรียนรู้ครั้งนี้เป็นการเรียนรู้เพื่อให้เราดึงคุณค่าที่มีอยู่เพื่อให้เราดึงเอาพลังคุณค่านั้นไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของเรา  การปฏิบัติภาวนาทำให้เกิดความสงบ มีสติ สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น หมอสุภัทร์  ฮาสุวรรณกิจ  ได้ทบทวนตัวเองว่าในช่วงที่ผ่านมาเราจะไม่ค่อยได้ฟังใครมาก เพราะส่วนใหญ่จะถูกเชิญไปให้พูด  ไปเป็นวิทยาการ  ไปร่วมนำกระบวนการเสียส่วนใหญ่  จึงไม่ค่อยได้ฟังมากนัก  ครั้งนี้ได้มานั่งฟังจริง ๆ  เมื่อตั้งใจฟังจริง ๆ ที่ไม่ได้รับรู้พียงเรื่องเล่า  รู้สึกว่าตัวเองได้อะไรเพิ่มขึ้น อาจารย์บุญธรรม  เทอดเกียรติชาติ  โดยส่วนใหญ่ความเป็นมนุษย์มีสามความรู้สึกหลักคือ  ฮึกเหิม  เฉย ๆ และเศร้าซึม  ในยุคนี้หากเราประคับประคองตนเอง  สติ  ให้มีความมั่นคง สงบ  จิตก็จะมีพลัง  ยกสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้พบเห็นขึ้นมาเป็นความรู้ใหม่ซึ่งจะเป็นความรู้ที่มีปัญญา คุณทวีวัตร  เครือสาย  ในการทำงานเราต้องตั้งสติให้ดีเพราะจะมีสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดเข้ามาทำให้การทำงานไม่ราบรื่น  ซึ่งในการทำงานจริงนั้นเราต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้เสมอ  ครั้งนี้ดีใจที่ได้เจอมิตรที่ดีที่เราห่างหายกันไปนาน  ถือเป็นโอกาสที่ดีในการทำงานต่อไป  ช่วงหลังมานี้ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานกับใครมากนัก  จะไปเท่าที่จำเป็นเพราะอยากจะทำงานอยู่ในพื้นที่ในท้องถิ่น  มาครั้งนี้อยากจะมาร่วมฟังเรื่องราวความรู้จากทุกท่าน เพื่อได้มีโอกาสสั่งสมความรู้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ อาจารย์ดำรง  โยธารักษ์ ได้ทบทวนว่าการทำงานที่ผ่านมาเรามีความเร่าร้อน เร่งรีบ กระวนกระวาย  เพราะเราใช้ความรู้ความชำนาญที่มีเป็นปรีชาญาณ ซึ่งสิ่งนี้เป็นขั้นแรก  การก้าวเดินของเราต้องมีศรัทธาหากเรามีศรัทธาเชื่อมั่นว่าเราจะก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีพลัง คุณอานนท์  มีศรี  ช่วงที่มีการนั่งภาวนาตนเองลืมปิดโทรศัพท์  ในขณะที่นั่งภาวนาจึงมีความรู้สึกกังวลว่าจะมีสายโทรศัพท์เข้ามาแล้วจะทำให้ผู้อื่นเสียสมาธิและกลัวว่าอาจารย์จะดุทำให้ตนเองจดจ่อเพียงว่าเมื่อไหร่จะหมดเวลาเสียทีจะได้รีบปิดโทรศัพท์    หลังจากช่วงเวลาในการภาวนาจบลงรีบมาปิดโทรศัพท์และคลายความกังวลไปมาก  ก่อนมาเข้าร่วมครั้งนี้กังวลว่าตนเองจะได้มาหรือไม่เพราะมีภารกิจมากและโดยส่วนตัวรู้ตัวเองดีว่าขาดวินัยในเรื่องเวลาแต่พยายามปรับปรุง  ครั้งนี้จึงจะลองปิดโทรศัพท์ในระหว่างการประชุมแต่ยังมีความกังวลอยู่บ้างว่าอาจจะมีใครโทรประสานงานไม่ได้  แต่ก็จะทดลองปิดดู คุณปิยนาถ  ประยูร  ช่วงเช้าได้ทบทวนเรื่องวัฒนธรรม  ซึ่งมองว่าเรื่องวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่สร้างได้  ที่ผ่านมาได้ทำงานและฝึกฝนตนเองจากการติดตามสังเกตการทำงานของอาจารย์  พบว่าการสนทนาบางครั้งมีคลื่นพลังที่ดี  แต่บางครั้งคลื่นพลังมีน้อย  ความน่าสนใจคือเราจะพบพลังบางอย่างที่เรามองไม่เห็นแต่เราสัมผัสได้ว่ามีพลังเรารู้สึกได้  ในการทำกระบวนการเราจะช่วยกันสร้างสนามพลังร่วมให้เกิดขึ้นได้อย่างไรในวงใหญ่  ซึ่งทุกคนในวงสนทนาจะสามารถร่วมกันสร้างคลื่นพลังนั้นให้เกิดขึ้นได้    อีกประเด็นคือเรื่องการสร้างวัฒนธรรมในการประชุม การอยู่ร่วมกัน  ตั้งแต่การเข้าร่วมสนทนา เราเป็นอย่างไร เพื่อนเป็นอย่างไร  เราจะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมในการสนทนาที่เรามีท่าทีที่เหมาะสม  เพื่อนก็สามารถสัมผัสได้  แม้ว่าผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมกระบวนการของอาจารย์ช่วงหลังก็จะเห็นว่าเขาสามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมในการสนทนาได้เร็วและดีมากขึ้น  ซึ่งคนที่เข้ามาใหม่จะสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมการสนทนาของกลุ่มได้  เขาจะรู้ว่าหากเป็นกลุ่มนี้เขาต้องปฏิบัติตัวในลักษณะนี้วิธีการสนทนาเป็นไปในลักษณะนี้  ซึ่งเราจะสัมผัสได้ คุณหนูพียร  แสนอินทร์    นึกถึงเรื่องเทพปกรณัม    เพราะอาจารย์พูดถึงเรื่องนี้บ่อย  มีความสนใจในเรื่องนี้ซึ่งจะได้มีโอกาสศึกษาต่อ อาจารย์ปรีชา  อูยตระกูล  เราเป็นผู้รับพลังจักรวาลมาสู่ตน  หลายครั้งมีกลุ่มคนที่คอยทำพิธีการต่าง ๆ เพื่อติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ  เช่น เฒ่าจ้ำ  ซึ่งเป็นคนทำพิธีกรรมติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทางภาคอีสาน  เขาก็จะมีความเชื่อบางอย่างในการทำให้เกิดพลังความศักดิ์สิทธิให้เกิดขึ้น  และกลายเป็นความเชื่อความศรัทธาของคนในชุมชน  ซึ่งพลังแห่งอดีตนั้นมีอยู่แล้วเราเป็นผู้รับพลังจักรวาลมาสู่ตนเพื่อกระทำการบางอย่างต่อไป
อาจารย์นิวัตร์  โอ้เต้กิ้ม  เชื่อมั่นว่าความศักดิ์สิทธิมีอยู่จริง  พื้นที่ศรีวิชัยเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิที่มีความสำคัญเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทางวัฒนธรรม  ครั้งนี้เราจะได้มีโอกาสลงพื้นที่เพื่อสัมผัสพลังความศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่  ตนเองมีความสนใจว่าเราจะนำเอาความศักดิ์สิทธิ์มาปกป้องบ้านเราอย่างไร  ซึ่งจะต้องคิดหาหนทางกันต่อไป

อาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธ์  ชวนคิดชวนคุยต่อ เมื่อวานเราสัมผัสได้ว่าเรื่องที่เรากำหนดไว้ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้  พลังกระจัดกระจาย มีแต่ความกังวล  ไม่สมหวังไม่ได้ดังใจ  แต่เราพยายามจูลคลื่นพลังขึ้นมาใหม่  ปรับใหม่ เพื่อสร้างพลังขึ้นมาใหม่  ช่วงที่อาจารย์บุญธรรมได้กล่าวบทคาถาปลุกใจและบทพระโพธิสัตว์  เราจะเห็นได้ว่าพลังเริ่มก่อตัวขึ้นมา  จากความสับสน  หดหู่  สิ้นหวัง  เราค่อย ๆ ฟอร์มพลัง ความรู้สึก สภาวะ ขึ้นมาใหม่  จัดคลื่นพลังใหม่  จัดระเบียบคลื่นพลัง  วันนี้การสนทนาของเราก็เริ่มมีพลังมากขึ้น เราทุกคนรู้สึกได้ อาจารย์ปรีชาพูดถึงเรื่องเฒ่าจ้ำ  ซึ่งมีความน่าสนใจ  เราเป็นเพียงคนส่วนน้อย  แต่หวังว่าคนส่วนน้อยที่มีพลังจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เป็น  Power of action ที่สามารถผูกโยงความหวัง กำลังใจ ความตั้งใจของผู้คนเข้ามา  โดยส่วนตัวรู้สึกว่าคนจำนวนไม่น้อยกำลังสิ้นหวังและกำลังรอคอยความหวัง  แต่คนไทยมีความเฉพาะที่น่าสนใจคือในท่ามกลางความสิ้นหวังคนไทยยังสามารถยิ้มได้หัวเราะได้  ไม่ถึงขั้นล้ม  แม้ไม่มีความหวังแต่ก็ยังไม่ทั้งสิ่งที่หวังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แต่ความฮึกเหิมมีน้อยลง  สมาธิจิตความมุ่งมั่นมีน้อยลง  คนจำนวนมากกำลังรอความหวังซึ่งความหวังนั้นไม่ได้มาจากนักการเมืองหรือใครอื่น  แต่ความหวังเหล่านั้นมาจากคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจในความหวังของตนมากนัก ถึงเวลาแล้วหรือเปล่าที่เราต้องร่วมกันสร้างความหวังความมั่นใจให้คนเล็ก ๆ  จำนวนหนึ่งให้เขาได้มีความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองทำและยกระดับต่อทำให้ดี มีพลังขึ้นกว่าเดิม  หากจิตบอกว่าเราคงทำได้ประมาณนี้ ทำให้รอด ๆ ไป  เราก็คงจะสามารถทำได้เพียงเท่านี้  แต่หากจิตคิดใหญ่กว่านั้นเราจะสามารถทำได้ใหญ่กว่านั้น  เรามีบรรพบุรุษช่วยหนุนเสริมเป็นลมใต้ปีกที่คอยช่วยโอบอุ้มเรา  เหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจคือทหารอเมริกันมีอาวุธยุทธโทรปกรณ์เหลือคณานัปซึ่งไม่เคยมีใครคิดว่าทหารเวียดกง เวียดนามจะสู้เขาได้แต่เขาก็สู้ได้จากกองกำลังเล็ก ๆ มีปืน  ดาบ ปืนพก  ซึ่งมีอาวุธจำนวนน้อยเป็นกองกำลังเล็ก ๆ แต่ก็เติบโตขึ้นจนสามารถตั้งกองกำลังต่อสู้กับเอมริกาได้  ทำไมเขาจึงสู้ได้  หรือแม้กระทั่งทหารไทยเองก็มักจะมีของขลังเพื่อสร้างความฮึกเหิม  มนุษย์เรานั้นมีความมหัศจรรย์ภายในบางอย่างที่สามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้
คนใต้นั้น ไม่ใช่เพียงไม่รบนายไม่หายจน  การสู้รบครั้งใหม่ไม่ใช่การสู้รบด้วยอาวุธแต่การสู้รบครั้งใหม่เราต้องใช้ปัญญา  ความรัก ความเมตตา  ความกล้าหาญ  อาจจะถึงเวลาที่เราต้องเลือกทางเดินที่ไม่มีคนเดินเมื่อเราเดินไปก็จะเริ่มมีทางแล้วสักวันจะมีผู้เดินตามมา  ทางนี้อาจจะไม่มีคนเดินแต่เราจะต้องเดิน  เราอาจจะได้รับการฝึกฝนในการทำงานด้วยหลักการ ทฤษฎีและเทคนิคต่าง ๆ ทั้งเรื่องการสนทนา การสร้างสนามพลัง  หรืออื่น ๆ อีกมากมายแต่สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้ผสานเชื่อมร้อยเข้าด้วยกัน
เมื่อเราไม่สามารถฝากความหวังไว้กับนักการเมืองได้แล้วเราจะอยู่อย่างไร  อยู่เพียงให้มีชีวิตรอดไปวัน ๆ เท่านั้นหรือ  หรือเราจะใช้ชีวิตอย่างสง่างาม  เกิดมาชาตินี้เราจะเต็มที่  เมื่อวานมีคนพูดว่า เราคือผู้ที่ถูกเลือกเพื่อให้เรามาทำภารกิจบางอย่าง  ทำให้เรามีความฮึกเหิม การทำให้คนรุ่นใหม่รู้ตัวตน  เข้าใจสังคม และมีพลังฮึกเหิมจะทำให้เขาสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะต่อไปจะเป็นยุคของพวกเขาซึ่งมีภารกิจบางอย่างที่จะสานต่อในสิ่งที่คนรุ่นก่อนยังทำไม่จบ  แต่สำหรับอาจารย์เองจะรบเดินเคียงข้างจนนาทีสุดท้าย  และเมื่อต้องรบเคียงข้างกันแล้วเราก็จะเดินไปด้วยกันเพราะเราถูกเลือกแล้ว
การต่อสู้ เราจะรู้ว่าตัวเองแน่หรือไม่เราต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรี  เราจึงจะภูมิใจในการชนะที่ข้ามผ่านมา  ในสนามรบเราอาจจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้แต่เราต้องมีสติเพื่อการก้าวผ่านพ้นไปอย่างมีสติ  มองอย่างรอบด้านเห็นเหตุการณ์ สถานการณ์ ตรงหน้าแล้วพลิกให้เป็นพลัง  นำไปสู่การแก้ปัญหาและก้าวต่อให้เป็นพลัง  ไม่หวั่นไหว มีความหวัง กล้าหาญ  เราอย่ารอปาฏิหาริย์แต่เราต้องเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์  มีพลังแห่งการครุ่นคิด ใคร่ครวญ การสนทนาของเราแต่ละครั้ง แต่ละเวที  เราต้องจัดท่าทีใหม่ จัดคลื่นพลังใหม่  เกิดประโยชน์สร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงการสร้างภาพไปเวทีแล้วถ่ายภาพส่งถึงกันเท่านั้น  สิ่งที่อยากชวนคิดต่อคือเราจะทำอย่างไรให้การสนทนาหรือการพบเจอกันของเราแต่ละครั้งให้เกิดเป็นสภาวะแห่งปัญญาเป็นคลื่นพลังที่มีคุณภาพ

ช่วงแบ่งกลุ่มย่อย แลกเปลี่ยนสิ่งที่ฉุกคิดใหม่ กระบวนการแบ่งกลุ่มย่อย 2 กลุ่มแล้วแต่ละกลุ่มร่วมสนทนาการเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแบ่งปันให้เพื่อนในกลุ่มได้รับทราบ สรุปแบ่งปันการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น - ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์  สามารถปลุกให้เราลุกขึ้นสู้ด้วยความฮึกเหิมได้ - ความเชื่อ ศรัทธา จะนำมาสู่ความรัก หวงแหนแผ่นดินเกิด  เคารพในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ - การสร้างประวิติศาสตร์สามัญชนจะสามารถสร้างความรักความภูมิใจในแผ่นดิน  เราต้องใส่ใจกับประวัติศาสตร์สามัญชนแล้วนำมาเป็นพลังเพื่อร้อยคนเข้าร่วมปกป้องแผ่นดินเกิด - การจัดคลื่นพลังที่หลากหลายให้สามารถนำมาเคลื่อนร่วมกันได้เป็นศิลปะการทำงาน  เราต้องใช้คลื่นพลังที่ต่าง กระจัดกระจายมาจัดคลื่นพลังร่วมเพื่อทำงานร่วมกัน - การหันกลับมาทำงานเล็ก ๆ ในชุมชนมากขึ้น  แล้วนำเอาบทเรียนที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้จริงเพื่อสร้างรูปธรรมในพื้นที่เป็นเรื่องที่สามารถสร้างการยอมรับในการทำงาน
- การทำงานต้องมีการเรียนรู้สิ่งซึ่งมีบทเรียนสำคัญแล้วน้ำมาออกแบบสร้างสิ่งใหม่จากฐานทุนเดิมในชุมชน  สร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นแล้วรอจังหวะเวลาบ่มเพาะเพื่อให้การทำงานสามารถสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง - การเรียนรู้ประวัติศาสตร์  จะสามารถนำมาสู่การฟื้นพลังของตัวเราเอง ความคิด ความเชื่อศักดิ์ศรี การส่งทอดพลังของบรรพบุรุษมาสู่เราได้ - หลังจากพูดคุยรู้สึกว่าเสียดายเวลาที่เราอยู่ใกล้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่เราไม่ได้นำความศักดิ์สิทธ์นั้นมาใช้ให้เกิดพลังหรือสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพมากนัก - ได้มีโอกาสไปสถานที่เขาศรีวิชัยหลายครั้งและสัมผัสได้ถึงพลังความศักดิ์สิทธิ์ของที่นั่นทุกครั้ง - คนสมัยก่อนการได้ไปสัมผัสกับพื้นที่พบพลังความศักดิ์สิทธิ์เขาจะบอกว่าได้แรงอก  แต่ไม่รู้ว่าคนรุ่นเราจะได้แรงอกไหมหลังจากที่ได้ไปดูพื้นที่แล้ว - ปัจจุบันเป็นอย่างไรถ้าเราจะกำหนดอนาคตเราต้องย้อนมองอดีตด้วย
- ดีใจที่ได้เข้าร่วมสัมผัสกับอารยธรรมของบรรพบุรุษ - การลงพื้นที่ทำให้เราเห็นแล้วทำให้คิดว่า เรายังทำอะไรได้อีกมาก - ดีใจที่เราทุกคนมีความสุข

อาจารย์ชัยวัฒน์  ตั้งคำถามชวนคุยเพิ่มเติม การภาวนาไม่ใช่เพียงการนั่งนิ่งแล้วบริกรรมยุบหนอ  พองหนอ เท่านั้น  การภาวนาที่ง่ายจะ เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราใส่ใจ  มีสติ  ตระหนักรู้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นข้างหน้าและเกิดขึ้นกับเรา  เชื่อว่าวันนี้เรามีความสุข  ทำไมเราถึงมีความสุข  บางคนอาจจะบอกว่าเราได้กลิ่นของอดีต  แต่เราเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ว่าทำไมเราถึงมีความสุขแล้วความสุขนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
วันนี้ทำไมเราจึงมีความสุข - เราได้พบเจอ เรียนรู้ร่วมกันกับกลุ่มเพื่อนพี่น้องที่มีความคิด ความไว้ใจและผูกพันระหว่างกัน
- เราไปเดินในพื้นที่ที่เคยรุ่งเรือง มีอารยะมีพลัง ช่วยส่งพลังมาถึงเราด้วย
- ความสุข  เป็นเรื่องที่เราได้ปลดปล่อยเป็นอิสระออกจากความกังวล
- การได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนพี่น้องที่ต่างอาชีพ แต่ถูกคอ ถูกใจ  คุยกันรู้เรื่องคุยในสิ่งที่เราอยากคุย รู้สึกปลอดภัย เหมือนมีเพื่อนร่วมสุข ทุกข์
- การได้ลงไปเยี่ยมพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์  รู้สึกผิดที่เราไม่ได้ดูแล  ละทิ้งอารยะที่เราเคยมี  จิตใจของหลายคนเราลืมเรื่องเหล่านี้ไป เราควรต้องฟื้นสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างความรักชาติรักแผ่นดิน  ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเชื่อมสะพานระหว่างปัจจุบันและอดีตเพื่อตามหารากของเรา - เกิดการหยั่งรู้  นึกถึงคนในอดีตว่าเขาคงมีความสุขในการอยู่ร่วมกันในยุคนั้น  คนเรามีพลังงานและพลังเล่น  ซึ่งเราต้องผสานทั้งพลังงานและพลังเล่นเพื่อให้เกิดพลังที่สร้างสรรค์
- การได้ร่วมสนทนาในกลุ่มวงเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข  เป็นการเติมพลังและเป็นกำลังใจในการทำงานร่วมกันอย่างมีชีวิตชีวา

อาจารย์ชัยวัฒน์  ชวนมองเพิ่มเติม การร่วมสนทนาของเราถือเป็นการสานพลัง แต่เป็นการสานพลังที่เราไม่ต้องพูดว่าสานพลัง
เมื่อเราต้องทำกระบวนการเรื่องสานพลังต้องระมัดระวังให้มาก  ความลี้ลับและกุญแจอยู่ตรงไหนหาให้เจอ ทั้งความทุกข์ ความสุข เป็นพลัง แต่ความทุกข์เป็นพลังแห่งความโกรธ เกลียด  เป็นพลังแห่งการทำลาย  เราต้องร่วมกันสร้างพลังทางบวกที่ต้องใช้ความรัก ความเมตตา  พลังที่สร้างสรรค์  เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ กระบวนการเหล่านี้เราต้องใส่ใจ
วันนี้หากเราบอกว่าทำไมเราถึงมีพลังและมีความสุข  กุญแจสำคัญคือการที่เราได้เป็นอิสระ  มีอิสระจากความทุกข์ ความกลัว  หากอิสระขั้นสูงก็จะถึงขั้นหลุดพ้น  แต่เราคงพูดถึงความอิสระในระดับโลก ๆ การที่เราได้หัวเราะ สนุกแต่ไม่ใช่สนุกขำแบบตลกคาเฟ่  เราได้ปลดปล่อย  มีสติตระหนัก รู้  จริงใจ เป็นการภาวนาอย่างง่าย  เมื่อเราต้องอยู่ในหมู่มวลมิตร หากเรามีมวลมิตรมากทำให้เรามีพลัง  ไม่อ่อนแอ  แต่เรารู้สึกได้ว่าเรามีเพื่อนร่วมเดินทาง  เราล้วนเชื่อมโยงเข้าหากันด้วยสภาวะต่าง ๆ  ทำให้เรามีพลัง  ทำไมบางครั้งการที่เรายืนมองทะเลหรือยืนบนยอดเขาแล้วเรามีความสุข เพราะจักรวาลนี้ยิ่งใหญ่และมีพลัง  เรารับพลังแห่งจักรวาลนั้นเข้ามาใส่ตัวทำให้เรามีพลังมากขึ้น  เปิดเข้าหาเพื่อนพี่ น้อง เพื่อนมนุษย์ จักรวาล ท้องฟ้า ทะเล  พลังของเราจะถูกส่งถึงกันไม่มีวันหมด  และในวันนี้เราสืบสายไปถึงพลังของบรรพบุรุษทำให้เรามีพลังเรารู้ว่าเราเป็นใคร เรามาจากไหน  เมื่อเรารู้รากที่หยั่งลึกเราจะมีความภูมิใจ  เป็นสภาวะที่เรามีความสามารถ มีพลัง  การพูดคุยเรื่องสานพลังต้องทำให้ลึกซึ้งและทำให้เห็นมิติต่าง ๆ
การมาเรียนรู้ครั้งนี้ เรากำลังท่องเข้าไปสู่การสนทนาบางอย่าง  บางเรื่องอธิบายในวันนี้อาจจะไม่มีประโยชน์  แต่เป็นพลังที่หลายคนสัมผัสได้  เราต้องไม่ลืมว่าการชวนคนไปหาปลา เราอย่าเพียงชวนเขาไปตัดไม้เพื่อต่อเรือแต่เราต้องชวนเขาเหล่านั้นให้ค้นหาความลี้ลับให้พบ  เพื่อให้เกิดพลังและเกิดประโยชน์สูงสุด

ช่วงค่ำ  วงสนทนาหลังรับประทานอาหารค่ำ ปลุกหัวใจคนด้วยพลังจิตวิญญาณบรรพบุรุษ    การค้นหาความลี้ลับมหัศจรรย์เราจับที่ใจของเรา  การกลับมาหาพลังของบรรพบุรุษคือความสุขและมีพลัง  การก้าวเดินแต่ละครั้งขอให้เรามีศักดิ์ศรีแล้วจะกลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์  ไม่หวาดหวั่น  ไม่หวั่นไหว ขอพียงเราเคารพนอบน้อมกตัญญูต่อบรรพบุรุษแล้วจะมีพลังบางอย่างจากบรรพบุรุษที่โอบอุ้มเราเป็นพลังให้เรารักษาแผ่นดินต่อไป การร่วมสร้างชุมชนแห่งสำนึกอย่ารีบร้อน  เราต้องมีสติสร้างความร่วมมือกับกลุ่มคน  ชวนให้ชุมชนเห็นพลังของความลี้ลับมหัศจรรย์ นำพลังของบรรพบุรุษมาช่วยหนุนเสริมโอบอุ้มในการก้าวเดินของเรา  ขอเพียงเราหากุญแจความลี้ลับมหัศจรรย์ให้พบแล้วเราจะสามารถเชื่อมร้อยกลุ่มคนในสังคมเพื่อร่วมสร้างชุมชนแห่งสำนึกได้  สังคมใหม่อยู่ที่เราบ่มเพาะปัจจุบันดังนั้นเราต้องสร้างคนคุณภาพ มีปัญญาในวันนี้เพื่อสร้างสังคมที่มีคุณภาพ การสู้รบที่มีพลังต้องใช้ปัญญา ความรัก ความเมตตา  เพราะศึกครั้งหน้าใหญ่หลวงนัก  การสู้รบครั้งหน้าอาจจะเป็นการสู้รบครั้งสุดท้ายสำหรับบางคน  แต่การต่อสู้ครั้งหน้าจะไม่เหมือนเดิม การต่อสู้เราจะเห็นวิธีการที่แปลกใหม่มากขึ้น ไม่ใช่การเดินออกมาประท้วงแต่อาจจะมีการใช้สื่อมากขึ้น  ตัวละครที่จะเล่นก็มีมากขึ้น  พวกเราเป็นเพียงตัวละครหนึ่งในสนามรบเท่านั้น สิ่งที่เราน่าจะทำได้คือชวนเพื่อนมิตรหาแนวร่วมเพื่อร่วมรบ  เห็นศัตรูร่วมเราจึงจับมือกันรบ แต่การรบต้องสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพ  ซึ่งต้องใช้ทั้งฐานข้อมูล ความรู้  ปัญญา  และใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารและสร้างเครือข่ายที่มีพลัง
จัดระเบียบพลังที่กระจัดกระจายให้เป็นพลังร่วม สำหรับกลุ่มคนที่มีความตั้งใจดีหรือกลุ่มที่เรา กำลังเชื่อมสัมพันธ์อยู่นั้นต้องร่วมกันคิด ตั้งหลัก จัดระเบียบพลังที่กระจัดกระจายให้เป็นพลังร่วม  มุ่งพลังไปที่พลังของเรา  มีเวลาครุ่นคิด ใคร่ครวญ  สนทนากับตนเอง  ตั้งคำถามใหม่ ๆ ให้กับตนเอง  ซึ่งเราต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว  ตัวเราเองทำงานไปก็ต้องเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่และสั่งสมความรู้  พลัง  เพื่อนำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น รับมือกับสถานการณ์ที่ผกผันของโลกอนาคตได้ การตั้งคำถามง่าย ๆ  ช่วยให้เรากลับมามีสติอยู่กับตนเอง  “อะไรคือความสุข ทำไมเราถึงมีความสุข? การชวนคุยเรื่องความสุขเป็นการชวนพวกเราทุกคนให้หันกลับมาดูตนเอง ทบทวนตนเอง  มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม ใคร่ครวญกับสิ่งที่เราพบเจอ  และให้เราได้เห็นว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรานั้นล้วนมีพลัง  พลังต่าง ๆ อยู่รายรอบตัวเรา ความสุขอยู่ใกล้ตัวเรา  เพียงเราตั้งใจเปิดรับพลังที่อยู่รายรอบจะช่วยโอบอุ้มเรา  ความรัก ความอบอุ่นมีอยู่ทุกที่เพียงเราเปิดรับสิ่งต่าง ๆ ขอเพียงเราหาเวลาในการใคร่ครวญตนเองอยู่เสมอ เป็นความท้าทายที่ช่วยให้เราได้ตรวจสอบความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเราและให้เรารู้ตัวรู้ตนเข้าใจตนเองมากขึ้น ฟังเสียงตนเอง ฟังเสียงเพื่อน ทำให้เกิดปัญญาและเกิดความรู้ใหม่ การได้มีโอกาสตั้งใจฟังคำถามที่อาจารย์ได้ชวนคิดใคร่ครวญ  ทำให้เราแต่ละคนได้มีโอกาสฟังความคิดของผู้อื่นซึ่งแต่ละคนได้ตอบตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น  เมื่อฟังคำตอบจากผู้อื่นแล้วกลับช่วยให้เราได้สัมผัสกับคำตอบของเราด้วยความรู้สึกของเราเองด้วย  การตั้งใจฟังอย่างลึกซึ้ง  ฟังเพื่อเข้าใจ  ใส่ใจ ทำให้เราได้ฟังเสียงตนเองขณะที่เราสนทนาซึ่งต้องมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ การสนทนาต้องนำไปสู่การสร้างคุณภาพใหม่    ทำให้เกิดปัญญาและเกิดความรู้ใหม่ ๆ  เราเป็นศิษย์และเป็นครูไปด้วยกัน การทำงานท่ามกลางความไม่สมบูรณ์  การทำงานของพวกเราที่ผ่านมาหลาย ๆ ครั้งเราจะพบกับความไม่สมบูรณ์แบบ  แม้ว่าบางเรื่องจะมีการเตรียมการเป็นอย่างดีแต่ก็มีปัญหาอุปสรรคเข้ามาขวาง  ดังนั้นการทำงานของเราต้องมีสติ  รู้จักพลิกแพลง  ยืดหยุ่น เราต้องอยู่ได้ท่ามกลางความไม่สมบูรณ์  อย่าปล่อยให้ความไม่สมบูรณ์ทำร้ายเรา  เราต้องเล่นกับสถานการณ์ที่เป็นจริง  อะไรจะเกิดเราห้ามไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้เกิด  แต่จงมีสติ ตั้งหลักให้ได้อย่าหวั่นไหวฝ่าข้ามไปให้ได้ท่ามกลางความไม่สมบูรณ์

วันที่ 24  มกราคม 2560 สมาธิภาวนา...สร้างสนามพลังแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน เช็คอิน  สนทนายามเช้า (กระบวนการ  ผู้เข้าร่วมที่อยากจะแบ่งปันการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น  บอกเล่าแบ่งปันให้เพื่อนได้รับทราบด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ) คุณปรีชา  อูยตระกูล  ฉุกคิดเรื่องการรบครั้งหน้า จะเป็นการรบครั้งสุดท้าย  ในฐานะนักรบที่อยากจะเห็นสิ่งดี ๆ เรารบอย่างต่อเนื่องเพื่อการเปลี่ยนแปลง  การรบของเรา...ไม่มีครั้งสุดท้าย คุณทวีศักดิ์  สุขรัตน์  สังเกตเห็นว่าการพุดคุยของพวกเราใช้ภาที่มีพลัง ปลุกเร้า ให้กำลังใจ  การรบครั้งสุดท้ายบอกให้เรารู้ว่าเราไม่มีเวลาอีกแล้ว  พลังทางจิตวิญญาณเป็นพลังแห่งกายที่สัมผัสได้จากสิ่งรอบข้าง  เราจะชนะ  ใจเราและสิ่งรอบข้างที่ดำลังเข้ามา คุณรัตนา  ชูแสง  ฉุกคิดเรื่องการรบครั้งสุดท้าย  มองว่าการรบครั้งสุดท้ายไม่ใช่การรบเพียงเพื่อเราอยู่รอดแต่การรบครั้งสุดท้ายเป็นการรบเพื่อปกป้องแผ่นดินทีมีเถ้าถ่านของบรรพบุรุษ คุณนิวัตร์  โฮ้เต้กิ้ม  เรื่องอะไรที่เราไม่รู้แต่มีสัญญาณบางอย่าง    การยังคงอยู่ของภูมินิเวศน์อันศักดิสิทธิ์  การสร้างเครือข่ายเล็ก ๆ ให้เติบโต  มีพลัง  มีความศักดิ์สิทธิ์ คุณบุญธรรม  เทอดเกียรติชาติ  เรื่องพิธีกรรมไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่เดี่ยว ๆ แต่มีความเชื่อมโยงกับจารีต  ปัจจุบันเห็นได้ว่าเรากำลังเลี้ยงลูกแบบนกกาเหว่า  ไข่ให้แม่กาฟัก  เราเองก็ส่งลูกไปให้โรงเรียนดูแลตั้งแต่เด็ก  อยากชวนมองเรื่

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

เป็นการพบเจอกันของคน  3 วัย 3 รุ่น ร่วมเรียนรู้ learn how to learn and learn how to coach  หัวข้อที่เราจะร่วมสนทนา คือ ทำไมการศึกษาประวัติศาสตร์และคุณค่าความหมายของสังคม การเมือง วัฒนธรรมศรีวิชัย จึงมีความหมายในการสร้างขบวนการนักรบพลเมืองในภาคใต้  ได้พลังสาระความรู้สู่การนำไปใช้ขับเคลื่อนงานทางสังคม  จะช่วยตั้งคำถามชวนให้พวกเรามองเห็นสิ่งที่มองข้ามไปเพื่อตั้งหลักอย่างมีสติก่อนจะเคลื่อนต่ออย่างมีพลังและร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง

กิจกรรมที่ทำจริง

“ เรียนรู้รากเหง้าประวัติศาสตร์ศรีวิชัย...สู่การสร้างพลังทางสังคม ”
เป็นการพบเจอกันของคน  3 วัย 3 รุ่น ร่วมเรียนรู้ learn how to learn and learn how to coach  หัวข้อที่เราจะร่วมสนทนา คือ ทำไมการศึกษาประวัติศาสตร์และคุณค่าความหมายของสังคม การเมือง วัฒนธรรมศรีวิชัย จึงมีความหมายในการสร้างขบวนการนักรบพลเมืองในภาคใต้  เราจะร่วมสนทนากันด้วยบรรยากาศแห่งเพื่อนมิตร  ครู ศิษย์  ผ่อนคลาย สบาย ๆ แต่ได้พลังสาระความรู้สู่การนำไปใช้ขับเคลื่อนงานทางสังคม  เริ่มต้นเปิดวงคุยโดยการให้ อาจารย์สมเจตนา  มุนีโมไนย  ช่วยเล่าประวัติศาสตร์ศรีวิชัย  นักรบไพร่วัด  สมัยพระเจ้าทรงธรรม  ต่อจากนั้นอาจารย์บุญธรรม  เทอดเกียรติชาติ  อาจารย์พิชัย ศรีใส  พี่ทวีศักดิ์  สุขรัตน์  รวมถึงพี่ ๆ ช่วยเสริมเติมเต็ม  โดยมีอาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธุ์  จะช่วยตั้งคำถามชวนให้พวกเรามองเห็นสิ่งที่มองข้ามไปเพื่อตั้งหลักอย่างมีสติก่อนจะเคลื่อนต่ออย่างมีพลังและร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง

 

30 20

19. เวทีเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศรีวิชัยสู่การสร้างพลังทางสังคม

วันที่ 22 มกราคม 2561 เวลา 09:00-16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

1.เพื่อต้องการข้อมูลเพื่อการสื่อสารด้านประวัติศาสตร์        2.เพื่อการเชื่อมโยงประเด็นทางสุขภาวะกับเครือข่ายอื่นๆ

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

เวทีเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศรีวิชัยสู่การสร้างพลังทางสังคม  มีเป้าหมายเพื่อเชิญชวนกลุ่มคนที่ทำงานทางสังคมมาร่วมเรียนรู้รากเหง้าประวัติศาสตร์ศรีวิชัยซึ่งเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและความรุ่งเรืองในอดีตที่มีพลัง คุณค่า ความหมาย มาปรับใช้ในการสร้างพลังทางสังคมและการขับเคลื่อนงานทางสังคมต่อไป หัวข้อที่เราร่วมสนทนา คือ ทำไมการศึกษาประวัติศาสตร์และคุณค่าความหมายของสังคม การเมือง วัฒนธรรมศรีวิชัย จึงมีความหมายในการสร้างขบวนการนักรบพลเมืองในภาคใต้  การสนทนาครั้งนี้เป็นการพบเจอกันของคน  3 วัย 3 รุ่น ร่วมเรียนรู้ learn how to learn and learn how to coach  ร่วมสนทนากันด้วยบรรยากาศแห่งเพื่อนมิตร  ครู ศิษย์  ผ่อนคลาย สบาย ๆ แต่ได้พลังสาระความรู้สู่การนำไปใช้ขับเคลื่อนงานทางสังคม  เริ่มต้นเปิดวงคุยโดยการเชิญอาจารย์บุญธรรม  เทิดเกียรติชาติ  ขับบทกลอนปลุกพลังคาถาพระโพธิสัตว์และเส้นทางนักรบศรีวิชัย  จากนั้นคณะผู้เข้าร่วมช่วยเล่าเรื่องราวศรีวิชัยในอดีตและการเชื่อมโยงกับปัจจุบัน    ตลอดช่วงระหว่างการสนทนาอาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธุ์  ได้ช่วยตั้งคำถามชวนให้ผู้เข้าร่วมได้มองเห็นสิ่งดี มีพลัง คุณค่า ความหมายในอดีตที่แต่ละคนมองข้ามไป  เพื่อตั้งหลักอย่างมีสตินำบทเรียนที่มีค่าในอดีตมาปรับใช้กับปัจจุบัน ก่อนจะเคลื่อนต่ออย่างมีพลังเพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง เกิดวงคุยผ่านรายการ “กินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้”

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

ปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนทัศนะการขับเคลื่อนขบวนประชาสังคมภาคใต้  ในหัวข้อ "ทำไมการศึกษาประวัติศาสตร์และคุณค่าความหมายของสังคม การเมือง วัฒนธรรมศรีวิชัย"  และมีข้อสรุปร่วมกันที่จัดให้มีการเรียนรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์บทเรียนจากคนสามรุ่น สามวัยเพื่อยกระดับการเคลื่อนไหวทางสังคมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง และการสื่อสารผ่าน fb live

กิจกรรมที่ทำจริง

แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในหัวข้อ "ทำไมการศึกษาประวัติศาสตร์และคุณค่าความหมายของสังคม การเมือง วัฒนธรรมศรีวิชัย"  และลงพื้นที่เขาศรีวิชัย บันทึกเทป รายการล้อมวงคุย 

 

50 1

20. เวทีเสวนา สมุยโมเดล “เตรียมวางแผนกิจกรรมเดินรอบเกาะ”

วันที่ 23 มกราคม 2561 เวลา 08:00-17:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

1.วางแผนหารือ และรวบรวมข้อมูลพื้นที่  2.เพื่อต้องการสื่อสารประเด็นการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม 3.เพื่อต้องการให้คนทั่วไปได้รับรู้สถานการณ์จริงในเกาะสมุยกับการปกป้องถิ่นฐานบ้านเกิด

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. ปฏิบัติการด้านการสื่อสารผ่านรายการวิทยุ รายการกินอิมนอนอุ่น บนแผ่นดินใต้
  2. เนื้อหาการสื่อสารที่แต่ละจังหวัดผลิตเองและเนื้อหาการสื่อสาร สาธารณะผ่านประเด็นการขับเคลื่อนในพื้นที่
  3. ช่องทางการสื่อสาร ผ่านรายการวิทยุ เครือข่ายจังหวัดทั้ง 14 ถ่ายทอดพร้อมกัน
  4. ผลจากการสื่อสารด้วยเนื้อหาและช่องทางต่าง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

ผลผลิต (Output) ในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสื่อชุมชนท้องถิ่น

ผลลัพธ์ (Outcome) คนในพื้นที่ได้มีโอกาสได้สื่อสารและได้แลกเปลี่ยนผ่านช่องทางสื่อสารของชุมชนตนเอง

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.การสื่อสารผ่านการถ่ายทอดสดในระบบทีวีออนไลน์
2.ประชุม-แลกเปลี่ยน-นำเสนอข้อมูล

กิจกรรมที่ทำจริง

ลงพื้นที่เพื่อทำคลิป รณรงค์ ประเด็นการจัดการขยะ ถ่ายทอดสดและบันทึกเทป เพื่อมาออกรายการ กินอิ่ม  นอนอุ่น บนแผ่นดินใต้

 

30 2

21. เวทีถกเถียงสาธารณะ ”เสวนาการจัดการน้ำเมืองคอน ทั้งระบบแบบมีส่วนร่วม “

วันที่ 26 มกราคม 2561 เวลา 09:00 - 16:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

  1. เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกริหารจัดการน้ำ ผู้ประสบภัย ผู้ที่เกิดผลกระทบจาการแก้ปัญหา การจัดการน้ำ2.ทำการสื่อสาร จากเวทีการพูดคุย ให้เกิดการรับรับรู้กับบุคคลทั่วไป3. รวยรวมข้อมูลปัญหาผลกระทบ และการแก้ปัญา รวมทั้งข้อเสนอจากเวที

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

นำประเด็นธรรมมะกับ พระมหาบุญธรรม เจ้าอาวาสวัดท้าวโคะอ.พรหมคีรีความเป็นมาเมืองนครศรีธรรมราช ในอดีตมีชื่อเรียกดินแดนแถบนี้หลายชื่อ ที่ตะวันตกนิยมเรียกกันมาจนกระทั่งต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 คือ "ลิกอร์" สันนิษฐานว่าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาติดต่อค้าขายในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นเป็นผู้เรียกก่อน โดยเพี้ยนมาจากคำว่า "นคร" ส่วนชื่อ "นครศรีธรรมราช" มาจากพระนามของกษัตริย์ผู้ครองนครในอดีต ทรงมีพระนามว่า "พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช" (ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) มีความหมายว่า "นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม" หรือ "เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่" สืบทอดมาจาก ลังกาวง และเป็นแม่บทให้กับสุโขทัยในแบบธรรมศาสตร์ เวียง วัง คลัง นา
ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในช่วงรัชกาลที่ 5 ได้มีการแก้ไขการปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ใหม่ นครศรีธรรมราชได้เปลี่ยนฐานะเป็นมณฑลนครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ. 2439จนกระทั่งได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 จึงได้ยุบมณฑล นครศรีธรรมราชลงเป็นจังหวัดหนึ่งของราชอาณาจักรไทย และดํารงฐานะดังกล่าวเรื่อยมา จนปัจจุบัน นครศรีธรรมราชมีพื้นที่เป็นเนินทราย เช่น โมคลาน หาดทรายแก้ว การะเกด ตอนกลางนคร ท่าเรือไปการะเกด ท่าแพไปโมคลานตะวันตกเป็นภูเขาสูง เขา ป่า นา เล มีเรือเหนือ เรือใต้ ล่องจากปากพนังขึ้นไปกำโลน ได้มีการเอาปลาแห้ง กะปิ ไปแลกข้าว แลกผลไม้มีคลอง 4 สาย ผ่านตัวเมืองนครคูพาย ป่าเหล้าหน้าเมือง ท่ามอญ ไปออกอ่าวปากนคร ฤดูน้ำพ่าน้ำในคลองทุกสายจะเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด

เสวนาถกเถียงสาธารณะ“การจัดการน้ำเมืองคอน ทั้งระบบแบบมีส่วนร่วม” ผู้เข้าร่วมเสวนา 1. ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จังหวัดนครศรีธรรมราช 2. อาจารย์สุธีระทองขาวอารจารย์จากมหาวิทยาลัย วลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช 3. ตัวแทนต้นน้ำ คุณศิริภัคนาคบาศว์ 4. ตัวแทนกลางน้ำ โดยณัฐวีร์ภูมี 5. ตัวแทนปลายน้ำ โดย อาจารย์นิเวศน์วนคุณากร นำสานเสวนาโดย ดร.มัลลิกาสุบงกฎ อาจารย์ประจำสาขาบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

• สถานการณ์น้ำของเมืองนครเป็นอย่างไร ผอ.ชลประทาน จังหวัดนครศรีธรรมราชมีการใช้น้ำในส่วนของการเกษตร การประปา ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในจังหวัด ได้มีการพัฒนา พื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช มี 23 อำเภอ มีพื้นที่ 6 ล้านไร่เศษ มีพื้นที่ที่ทำการเกษตรได้ 3 ล้านไร่เศษ และเป็นพื้นที่ที่ใช้น้ำจำนวนมากในช่วงฤดูแล้งในบางปีจะมีปัญหามากมายจะขาดแคลนน้ำ พื้นที่ชลประทานมีประมาณ 8 แสนไร่เศษ ปัญหา 1. การพัฒนาแหล่งน้ำดำเนินการช้าเมื่อเทียบกับที่อื่น 2. การบริหารจัดการน้ำยังไม่คลอบคลุม/หลายหน่วยงานไม่มีการร่วมมือกัน รวมถึงภาคเอกชน การพัฒนาพื้นที่ชลประทานในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชมีแหล่งน้ำหลักๆคือ 1. อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำไส อ.ชะอวด เก็บน้ำได้ 8 ล้าน ลบ.ม. 2. อ่างเก็บน้ำอ.พิปูนสามารถเก็บน้ำได้จำนวนมาก มีประโยชน์ทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝน 3. อ่างเก็บน้ำคลองดินแดงอ.พิปูน เกิดขึ้นเนื่องจากการเกิดอุทกภัยอย่างรุนแรงในปี 2531 ปัจจุบันหน้าแล้งเก็บน้ำได้ 60 ล้านลูกบาทเมตร ไปใช้ในพื้นที่รอบๆอ่างเก็บน้ำ 4. อ่างเก็บน้ำเสม็ด อ.ทุ่งใหญ่ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ใช้สำหรับอุปโภค บริโภค แผนงานของชลประทานในปี 61 อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โครงการของชลประทานต้องชะลอไว้ก่อนพื้นที่เกษตรจำนวน 3 ล้านไร่ ต้องมีการใช้น้ำจำนวนมหาศาล แต่ละหน่วยงานแบ่งกันทำ ทำให้เกิดความล่าช้าในการบริหารจัดการน้ำ

สถานการณ์น้ำในปัจจุบันของพื้นที่ต้นน้ำ โดย นางศิริภัคนาคบาศ พื้นที่ต้นน้ำคีรีวง มีสภาพสมบูรณ์มากในอดีต มีปัญญาเรื่องน้ำหลากซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากลัวมาก ตั้งแต่ปี 35 จนถึงปัจจุบัน มีเพียงปี 2554 มีเหตุการณ์น้ำท่วมหนักมากใน จ.นครศรีธรรมราช ท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ ปลายปี 59 มีน้ำท่วมมากเช่นกัน ท่วมเป็นเวลานาน 4 วัน ปลายปี 60 เจอเหตุการณ์น้ำท่วมในวันที่ 6 มกราคม มีปริมาณน้ำฝนมาก ปริมาณน้ำฝนรวมของปี 54 และ 60 จะเห็นว่าปี 60 มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 54 แต่ในปี 60 น้ำไม่ท่วมในเขตตัวเมืองด้านใน

สถานการณ์น้ำในปัจจุบันของพื้นที่กลางน้ำ โดยนายณัฐวีร์ภูมี พื้นที่กลางน้ำรับน้ำมาจากต้นน้ำคือคีรีวง เป็นพื้นที่น้ำท่วมหลาก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติ มีพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลแค่ 20-30 เมตรเป็นพื้นที่ราบลุ่มปัจจุบันปัญหาเรื่องน้ำท่วมขังเกิดจากการสร้างถนน สมัยก่อนมีการเตรียมตัวเพื่อรองรับกับสถานการณ์น้ำท่วมปัญหาอีกเรื่องคือหลักจากฤดูน้ำหลากผ่านไป เพียงแค่ 1 เดือนก็เกิดปัญหาน้ำแล้งขาดน้ำปัจจุบันมีการสร้างนบ เพื่อกักเก็บน้ำรวมถึงการสร้างฝายขึ้นมาเพื่อคงความสมบูรณ์ของพื้นที่ มีการแก้ปัญหาในระบบนิเวศน์ โดยการใช้คลองธรรมชาติในการกักเก็บน้ำ ปัจจุบันน้ำในบ่อดินที่หายไป ได้มีการฟื้นตัวมีน้ำจากบ่อดินใช้ในการดำเนินชีวิต
แนวทางรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้ง ต้องมีการคิดถึงการแก้ไข เมื่อมีน้ำท่วมให้คิดถึงการแก้ไขในช่วงน้ำแล้ง เมื่อน้ำแล้งให้คิดถึงการแก้ไขในเวลาน้ำท่วม

สถานการณ์น้ำในปัจจุบันของพื้นที่ปลายน้ำ (อ.นิเวศน์) ปัจจุบันหาคนที่จะมาพัฒนาบ้านเมืองได้น้อยลงต้องมีการชักจูงลูกหลานคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองให้มากขึ้นเพื่อร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
การจัดการต้องให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันของโลก ปัญหาคือกรมชลประทานคิดจะผันน้ำไม่ให้ท่วมเมืองนครแต่เป็นการผันน้ำไปลงในบริเวณก้นอ่าวเมืองปากพนัง มีการใช้งบประมาณจำนวนเป็นหมื่นล้าน มีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับชาวปากพนัง เมื่อเกิดน้ำทะเลหนุนสูง เกิดมรสุมน้ำทะเลจะอัดเข้าไปในเมืองปากพนัง ชุมชนรอบอ่าวปากพนังน้ำทะเลหนุนสูงอัดเข้าท่วมเมืองปากพนังการผันน้ำจะทำให้น้ำท่วมถนนจากเมืองนครไปปากพนัง เส้นทางจะถูกตัดขาด การจราจรจะมีปัญหามาก ทำให้คลองต่างมีน้ำท่วมขังมากมาย ภาครัฐและประชาชนไม่ให้ความสนใจ /ไม่ใส่ใจ
แนวทางแก้ไข 1. หน่วยงานรัฐต้องมีการทำข้อมูลของพื้นที่นั้นๆ ในการจะพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2. พื้นที่ปลายน้ำ ภาครัฐเป็นคนถืองบประมาณและกำหนดแนวทางในการพัฒนา เมื่อมีการเชิญชาวบ้านให้แสดงความคิดเห็น ก็ไม่นำความคิดเห็นของชาวบ้านมาเป็นข้อคิดเห็นในการดำเนินโครงการในระบบนิเวศน์ของธรรมชาติคิดทำแค่เรื่องเดียวจะกระทบไปทั้งหมด วิธีแก้น้ำท่วมเมืองนคร

ปัญหาสำคัญในการบริหารจัดการน้ำคือการมีส่วนร่วมในการจัดการ ปัจจุบันในตัวเมืองนครมีการบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างไร การบริหารจัดการน้ำสิ่งที่สำคัญคือนครจะเดินไปในทิศทางไหน ต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดี มีแนวทางที่ชัดเจนโดยเฉพาะในตัวเรื่องของผังเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่เมืองนครยังไม่มีการประกาศใช้ผังเมืองอย่างเป็นรูปแบบที่ชัดเจนรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลง ต้องมีวิถีชีวิตของคนในอดีตควบคู่ไปกับปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่สนในและใส่ใจว่าสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ต้องตระหนักว่าปัจจุบันเรามีการดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ปัจจัยความเสี่ยงมากมายพื้นที่ต้นน้ำ/กลางน้ำ/ปลายน้ำ ต้องมีการเอื้ออาทรกัน ภาคใต้มีลักษณะเป็นลุ่มน้ำย่อยๆ และทีทางน้ำระยะสั้น มีเทือกเขาหลวงเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในภาคใต้มีทางน้ำที่ชันสูงมาก เราต้องมีความเข้าใจในบริบทของน้ำ ต้องมีการพิจารณาว่าสิ่งไหนที่เสี่ยงและเราสามารถที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันได้หรือไม่ ปัจจุบันการสร้างบ้านครัวเรือน ทุกคนจะไม่สนใจในเรื่องของการกักเก็บน้ำ เน้นแต่การใช้น้ำประปา ทำให้เกิดปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง

ข้อเสนอแนะจากทางบ้าน 1.ต้องมีการรวมตัวกันของคนในพื้นที่
2.ต้องสำรวจหาพื้นที่เพื่อขุดคลองสายใหม่ให้น้ำไหลลงสู่ทะเล 3.แก้ปัญหาที่เป็นปัจจุบัน ข้อนำเสนอจากผู้เข้าร่วม เมืองนครศรีธรรมราช มี 3 เทือกเขา 1. เทือกเขาปู่เขาย่า จะไหลลงสู่ห้วยน้ำใส และตัวเมืองชะอวด 2. เทือกเขาหลวงไหลลงสู่อ.ท่าศาลา และอ.เมือง 3. เทือกเขานัน จะไหลลงสู่คลองเสาธง ร่อนพิบูลย์
เมื่อช่วงฤดูน้ำหลาก ให้มีการเปิดเขื่อนให้หมด ในการแก้ไขต้องมีการสร้างคลองลัด
4. ต้องมองถึงระบบของการจัดการน้ำเป็นอย่างไรในแต่ละภูมินิเวศน์
5. เรียกร้องให้มีการสำรวจใหม่ ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการออกแบบ ต้องมีการคิดเห็นจากชาวบ้านก่อนที่จะมีการดำเนินโครงการ ชาวนครฯจะมีส่วนร่วมและร่วมมือกันอย่างไรในการบริหารจัดการน้ำอย่างไรอย่างยั่งยืน
1. พื้นที่ปากพนัง(ปลายน้ำ)เป็นพื้นที่เพาะและขยายพันธุ์สัตว์น้ำ เกิดจากการไปแย่งพื้นที่แก้มลิง เสนอให้ขุดคลองเพิ่มเพื่อส่งน้ำไปสู่แปลงเกษตร 2. พื้นที่กลางน้ำน้ำมีความจำเป็นในการทำการเกษตร การอุปโภคบริโภค พื้นที่กลางน้ำมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะคลองท่าดีแก้ปัญหาโดยการสร้างฝายในคลองท่าดีที่ต.ไชยมนตรีเสนอให้พื้นที่ของ ต.ไชยมนตรีมีฝายตลอดลำคลองท่าดี เพื่อเป็นการชะลอน้ำและกักเก็บน้ำ 3. พื้นที่ต้นน้ำเสนอให้มีการกักเก็บน้ำไว้ด้านบนต้องมีการวิจัยในเรื่องของการไหลของน้ำพื้นที่ต้นน้ำมีฝาย 6 ตัว แต่ตอนนี้ไม่มีเหลือเนื่องจากพังจากโดนน้ำท่วมครั้งล่าสุด ต้องสร้างฝายในพื้นที่ต้นน้ำให้มากที่สุด กรณีโครงการบรรเทาอุทกภัยของจังหวัดนครศรีธรรมราช 9,000 ล้าน สิ่งที่ชาวบ้านต้องการ 1. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นใหม่ 2. ต้องมีแผนฟื้นฟูระบบนิเวศน์ 3. ต้องมีการประเมินศักยภาพของโครงการ 4. ปรับปรุงโครงการให้มีความสอดคล้องและละผลกระทบให้มากที่สุด 5. วิธีการแก้ปัญหาที่ดีต้องมีความเข้าใจในบริบทของพื้นที่ การแก้ปัญหาของชลประทาน 1. เจรจา พูดคุย พบปะชาวบ้าน ใช้เวลาในการสำรวจความเสี่ยงต่างๆ หรืออาจใช้กฎหมายบังคับ 2. ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วม สอบถามข้อมูล 3. เมื่อสร้างเสร็จต้องเข้าไปติดตาม ดูแล 4. จัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ 5. ใช้หลัก 4 ประสาน ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่นชลประทานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาชิกผู้ใช้น้ำ ในมุมองของนักวิชาการสามารถมีการบูรณาการนำมุมมองต่างๆมาประยุกต์ร่วมแก้ไข 1.ต้องเรียนรู้ว่าระบบนิเวศน์ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำดินสามารถใช้เป็นที่กักเก็บน้ำได้ด้วย รวมถึงพืชในบางชนิด ต้องมีการปลูกป่าและต้นไม้ การบริหารจัดการน้ำไม่ใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งต้องมีการร่วมมือและบูรณาการร่วมกัน

บทวิเคราะห์สรุปสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ พบว่าพื้นที่ต้นน้ำ ปริมาณน้ำมีมากแต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำตลอดทั้งปี ไม่มีระบบกักเก็บน้ำ ชะลอ, รักษาที่มีคุณภาพและไม่เข้าใจระบบนิเวศน์ ขาดกฎเกณฑ์การใช้น้ำ มีการแก้ปัญหาน้ำแบบไม่มีส่วนร่วม ป่าต้นน้ำลดปริมาณลงการปลูกพืชเปลี่ยนสภาพเป็นการปลูกพื้นเชิงเดี่ยว การกัดเซาะตลิ่งทรายจากตลิ่งที่พังทำให้ลำน้ำตื้นเขิน พื้นที่กลางน้ำ ทรายกอง คลองแคบ ต้นเลารุกคลอง น้ำเปลี่ยนทิศทาง ลักลอบขายทรายแบบแยบยล “ขุดบ่อล่อทราย”ถนนขวางทางน้ำคลองหายไปจากเดิม ขยะในลำคลอง น้ำไม่พอใช้ในการอุปโภค และพื้นที่ปลายน้ำน้ำเค็มรุกน้ำจืด น้ำไม่เพียงพอในการอุปโภค ขาดเจ้าภาพในการจัดการ น้ำเสียจากชุมชนเมือง ทะเลงอกผิดทางน้ำ ความต้องการแก้ปัญหา 1. การสร้างนบ เพื่อกักเก็บน้ำรวมถึงการสร้างฝายขึ้นมาเพื่อคงความสมบูรณ์ของพื้นที่ 2. การใช้คลองธรรมชาติในการกักเก็บน้ำ 3. สร้างความเข้าใจในเรื่องของการกักเก็บน้ำให้กับชาวบ้านในพื้นที่ 4. หน่วยงานรัฐต้องมีการทำข้อมูลของพื้นที่นั้นๆ ในการจะพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด 5. ให้มีการประกาศใช้ผังเมืองอย่างเป็นรูปแบบที่ชัดเจนผ่านการทำประชาคมอย่างแท้จริง 6. มีการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลง ต้องมีวิถีชีวิตของคนในอดีตควบคู่ไปกับปัจจุบัน 7. มีความเข้าใจในบริบทของน้ำ

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

1.พระมหาบุญธรรม เจ้าอาวาสวัดท้าวโคะอ.พรหมคีรี เล่าความเป็นมาเมืองนครศรีธรรมราช 2. เวทีถกเถียงสาธารณะ "การจัดการน้ำเมืองคอน  ทั้งระบบแบบมีส่วนร่วม" ผู้เข้าร่วมเสวนา         1. ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จังหวัดนครศรีธรรมราช         2. อาจารย์สุธีระทองขาวอารจารย์จากมหาวิทยาลัย วลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช         3. ตัวแทนต้นน้ำ คุณศิริภัคนาคบาศว์         4. ตัวแทนกลางน้ำ โดยณัฐวีร์ภูมี         5. ตัวแทนปลายน้ำ โดย อาจารย์นิเวศน์วนคุณากร นำสานเสวนาโดย ดร.มัลลิกาสุบงกฎ อาจารย์ประจำสาขาบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

กิจกรรมที่ทำจริง

1.พระมหาบุญธรรม เจ้าอาวาสวัดท้าวโคะอ.พรหมคีรี เล่าความเป็นมาเมืองนครศรีธรรมราช 2. เวทีถกเถียงสาธารณะ  "การจัดการน้ำเมืองคอน ทั้งระบบแบบมีส่วนร่วม" ผู้เข้าร่วมเสวนา     1. ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จังหวัดนครศรีธรรมราช     2. อาจารย์สุธีระทองขาวอารจารย์จากมหาวิทยาลัย วลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช     3. ตัวแทนต้นน้ำ คุณศิริภัคนาคบาศว์     4. ตัวแทนกลางน้ำ โดยณัฐวีร์ภูมี     5. ตัวแทนปลายน้ำ โดย อาจารย์นิเวศน์วนคุณากร นำสานเสวนาโดย ดร.มัลลิกาสุบงกฎ อาจารย์ประจำสาขาบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

 

200 200

22. เวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่

วันที่ 28 มกราคม 2561 เวลา 08:00-17:00 น.

วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

เพื่อรับทราบและเตรียมนำข่าวสารของโครงการโรงไฟฟ้า พลังความร้อนกระบี่ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปสื่อสารทางช่องทางสื่อสารออนไลน์และสื่อโซเชียลมีเดีย

ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

  1. เกิด เครือข่ายการสื่อสารสาธารณะ เพื่อการขับเคลื่อนสังคม ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้
  2. มีการสื่อสารกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกช่องทาง onair online onground
  3. เกิดแนวปฏิบัติร่วมกันของนักสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม หริอจริยธรรมสื่อ
  4. มีรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องเหมาะสมกับบริบททางสังคม ในแต่ละพื้นที่ และสามารถ สื่อสารให้ชุมชนรับรู้และตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง

        ชาวกระบี่ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังและนำเสนอความคิดเห็นหลากหลายมุมมองในการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ค.1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ (ส่วนขยาย ครั้งที่ 1) กว่า 2,500 คน ซึ่งข้อคิดเห็นทั้งหมด บริษัท แอร์เซฟ จำกัด จะนำไปกำหนดขอบเขต และหามาตรการป้องกันและแก้ไขตามที่ประชาชนห่วงกังวล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งต่อไป       วันนี้ (28 มกราคม 2561) นางมีนา พิทยโสภณกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์เซฟ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณชาวกระบี่ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟัง แสดงความคิดเห็นและข้อวิตกกังวล รวมทั้งสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ ในเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping หรือ ค.1) ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ (ส่วนขยาย ครั้งที่ 1) ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่เวลา 13.00 - 17.00 น. ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีชาวกระบี่และผู้สนใจทุกภาคส่วนเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็น จำนวน 2,630 คน โดยมีผู้แจ้งแสดงความคิดเห็นด้วยวาจา จำนวน 57 คน สำหรับประชาชนที่ร่วมนำเสนอความคิดเห็นบนเวที ส่วนใหญ่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อห่วงกังวลต่อการขยายเขตของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านจิตใจและวิถีชีวิตของชุมชน และด้านการสื่อสารข้อมูลโครงการควรบอกทั้งข้อดีและข้อด้อยไปพร้อมกัน เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลรอบด้านในการตัดสินใจ เป็นต้น โดยข้อคิดเห็นของประชาชนทั้งหมด บริษัท แอร์เซฟ จำกัด จะนำไปกำหนดขอบเขตและหามาตรการเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมข้อห่วงกังวลของประชาชนในพื้นที่ทั้ง 4 ตำบล ได้แก่ ต.คลองขนาน ต.ปกาสัย ต.คลองท่อมใต้ และ ต.โคกยาง และหลังจากนี้จะเป็นการทำ ค.2 (Public Screening) โดยการลงพื้นที่เพื่อสัมภาษณ์และพูดคุยกับกลุ่มประชาชนในพื้นที่ศึกษาอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการทบทวนและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรายงาน EHIA หรือ ค.3 (Public Review) ต่อไป         ด้านว่าที่ พ.ต. อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมโครงการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ขอขอบคุณชาวกระบี่ที่ให้ความสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำรายงาน EHIA ตั้งแต่ต้น ที่มารับฟังและร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งข้อคิดเห็นของท่านจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและจัดทำรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โดย กฟผ. และบริษัทที่ปรึกษาจะนำไปกำหนดกรอบการจัดทำแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในการจัดทำ ค.2 และ ค.3 เพื่อให้การจัดทำรายงานมีความถูกต้องครบถ้วน และเกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึง ครอบคลุมทุกข้อห่วงกังวลอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กฟผ. มุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชนเป็นสำคัญ เพื่อให้โรงไฟฟ้าสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่าง เป็นมิตรอย่างแท้จริง ชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงไฟฟ้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน

        เป็นเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โครงการโรงไฟฟ้า พลังความร้อนกระบี่ (ส่วนขยาย ครั้งที่ 1)และเพื่่อให้ กฟผ. ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ใหม่ 

กิจกรรมที่ทำจริง

        เป็นเวทีแลกปลี่ยนความคิดเห็น  เสนอแนวทางการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจ โดยในเวทีดังกล่าวได้มีประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping หรือ ค.1) โครงการโรงไฟฟ้า พลังความร้อนกระบี่ (ส่วนขยาย ครั้งที่ 1) ตามขั้นตอนกฎหมาย เปิดให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมแสดงความเห็นอย่างเปิดกว้าง ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในขั้นตอนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ (EHIA) ครอบคลุมทุกข้อห่วงกังวลเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างแท้จริง 

 

2,500 3

* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น

ส่วนที่ 2 ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการและปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการ

ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการ

การดำเนินงานเมื่อเทียบกับการดำเนินงานทั้งโครงการทั้งหมดทำแล้ว10%20%30%40%50%60%70%80%90%100%
การทำกิจกรรม                    
การใช้จ่ายงบประมาณ 2,500,000.00 0.00                    
คุณภาพกิจกรรม                    

ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงานโครงการ (สรุปเป็นข้อ ๆ)

ประเด็นปัญหา/อุปสรรคสาเหตุเพราะแนวทางการแก้ไขของผู้รับทุน

 

 

 

แผนงาน/กิจกรรม ที่จะดำเนินการในงวดต่อไป

  1. เวทีประชุมเชิงปฏิบัติการพลังการสื่อสาร เผยเเพร่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสู่การเปลี่ยนแปลงสุขภาวะ ( 12 ก.พ. 2561 - 13 ก.พ. 2561 )
  2. เวทีเชื่อมโยงเครือข่ายสื่อจังหวัดตรัง ( 21 ก.พ. 2561 )
  3. เวทีประเด็นเหล้ากับระบบสุขภาพคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ ( 25 ก.พ. 2561 )
  4. เวทีประเด็นอุบัติเหตุกับแผนพัฒนาจังหวัดระนอง ( 26 ก.พ. 2561 )
  5. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้(การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดกระบี่ งวดที่ 2 ( 12 มี.ค. 2561 )
  6. ค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมเช็ค ( 15 มี.ค. 2561 )
  7. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้(การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดตรัง งวดที่ 1 ( 19 มี.ค. 2561 )
  8. เวทีสาธารณะ“คนเมืองตรังบ้านโคกออกร่วมจัดการชุมชนอยู่ดีมีสุข” ( 19 มี.ค. 2561 )
  9. ประชุม กองบก. สื่อสร้างสุขภาคใต้ ครั้งที่ 2 ( 20 มี.ค. 2561 )
  10. สนับสนุนพื้นที่ ประเด็นสุขภาวะทางสังคมการจัดการปัจจัยเสี่ยงจังหวัดชุมพร งวดที่ 2 ( 21 มี.ค. 2561 )
  11. ประชุมวิชาการ ประจำปี 2561 "สร้างคน สร้างงาน สร้างสุข สานพลังที่ก้าวข้ามขีดกำจัดสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน ( 28 มี.ค. 2561 - 30 มี.ค. 2561 )
  12. เวทีสร้างสุขภาคใต้ ปี 2561 ( 28 มี.ค. 2561 - 30 มี.ค. 2561 )
  13. ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานในพื้นที่ ( 2 เม.ย. 2561 )
  14. จัดประชุมร่างแนวปฏิบัติเพื่อกำหนดจริยธรรมสื่อในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ( 2 เม.ย. 2561 )
  15. จัดประชุมรูปแบบการสื่อสาร นโยบายสาธารณะ ( 2 เม.ย. 2561 )
  16. สนับสนุนประเด็นสุขภาวะทางสังคม ประเด็นระบบอาหาร ( 2 เม.ย. 2561 )
  17. สนับสนุนประเด็นสุขภาวะทางสังคม ประเด็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ( 2 เม.ย. 2561 )
  18. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส งวดที่ 1 ( 2 เม.ย. 2561 )
  19. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ จังหวัดภูเก็ตงวดที่ 1 ( 2 เม.ย. 2561 )
  20. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ จังหวัดตรังงวดที่ 1 ( 2 เม.ย. 2561 )
  21. สนับสนุนการเชื่อมโยงการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้(การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ)ผ่านรายการกินอิ่ม นอนอุ่นบนแผ่นดินใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช งวดที่ 2 ( 11 เม.ย. 2561 )
  22. ค่าตรวจบัญชีโครงการ ( 9 พ.ค. 2561 )
  23. ค่าตรวจบันชี ( 9 พ.ค. 2561 )

(................................)
อานนท์ มีศรี
ผู้รับผิดชอบโครงการ