แนวทางการจัดตั้งกลุ่มฝึกวิชาชีพทอผ้าไหมในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่
แนวทางการจัดตั้งกลุ่มฝึกวิชาชีพทอผ้าไหมในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่
ข้อมูลโครงการ
ชื่อนวัตกรรม | แนวทางการจัดตั้งกลุ่มฝึกวิชาชีพทอผ้าไหมในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ |
สถาบันอุดมศึกษาหลัก | มหาวิทยาลัยฟาร์อีเทอร์น |
หน่วยงานหลัก | ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ |
หน่วยงานร่วม | ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ |
ชื่อชุมชน | ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เลขที่ 142 ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300 |
ชื่อผู้รับผิดชอบ | อาจารย์จันทร์จิตร เธียรสิริ |
ที่อยู่ผู้รับผิดชอบ | มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น เลขที่ 120 ถนนมหิดล ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50100 |
ชื่อผู้ร่วมโครงการ/สาขา | นางนรพรรณ โพธิพฤกษ์ นางสาวธนาภรณ์ ดวงจันทร์ นายพงศา จัตตสิทธิ์ นางแสงจันทร์ ภูวปัญญา นางสาวสุชญา หล้าเมือง นางหทัยกาญจน์ ประไพพานิช |
การติดต่อ | 053-201800 |
ปี พ.ศ. | 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 12 กุมภาพันธ์ 2563 - 31 มีนาคม 2563 |
งบประมาณ | 40,000.00 บาท |
พื้นที่ดำเนินงาน
จังหวัด | อำเภอ | ตำบล | ชื่องานในพื้นที่ | ลักษณะพื้นที่ | |
---|---|---|---|---|---|
เชียงใหม่ | เมืองเชียงใหม่ | ช้างเผือก | place directions |
รายละเอียดชุมชน
ข้อมูลพื้นฐาน
ฝ่ายฝึกวิชาชีพ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (2559) ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ได้ดำเนินการฝึกอบรมวิชาชีพต่างๆ ให้กับผู้ต้องขัง เพื่อให้มีทักษะประสบการณ์ มีทางเลือกในการประกอบอาชีพสุจริตภายหลังจากพ้นโทษ เช่น วิชาชีพนวดแผนไทย วิชาชีพการประกอบอาหารและเครื่องดื่ม วิชาชีพงานศิลปะ วิชาชีพการเย็บผ้า วิชาชีพช่างไม้เครื่องเรือน วิชาชีพการเย็บปัก ถักร้อย และวิชาชีพการทอผ้าไทยพื้นบ้าน โดยเฉพาะการฝึกอบรมวิชาชีพด้านการทอผ้า ได้ดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิดการน้อมนำแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาปฏิบัติเพื่อการเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้ต้องขังให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียงเมื่อพ้นโทษ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างกระแสสังคม ค่านิยมของผู้ต้องขังให้มีการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เป็นกรอบความคิดหรือส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม ด้วยหลัก 3 ประการ คือ “ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี” โดยอยู่บนเงื่อนไขของความรู้และคุณธรรม ทั้งนี้ ได้เน้นกระบวนการดำเนินงานการเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้ต้องขังให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียงเมื่อพ้นโทษ และเมื่อต้องโทษอยู่ในทัณฑสถานฯ เกิดการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยใช้ชีวิตแบบพอเพียง ผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพด้านการทอผ้าไทยควบคู่กับการศึกษาเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังให้สามารถพึ่งพาตนเองได้บนวิถีความพอเพียงภายหลังจากพ้นโทษ โดยสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ สังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของตน ในขณะเดียวกันการที่ฝึกอบรมให้ผู้ต้องขังได้ประกอบอาชีพทอผ้า ขณะต้องโทษอยู่ในทัณฑสถานฯ ยังเป็นการสร้างอาชีพควบคู่กับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นล้านนาศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ (2559) จากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีเมื่อครั้นเสด็จทรงงานพื้นที่เรือนจำชั่วคราวเขาน้อย อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2555 ทรงติดตามงานการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและได้ทรงตรัสแก่ผู้บริหารระดับสูงกรมหม่อนไหมและกรมราชทัณฑ์ ไว้ว่า “งานผ้าไหมเป็นงานที่มีค่า ให้รักษารากเหง้าภูมิปัญญาของไทย” นับเป็นจุดเริ่มต้นในทอผ้าไหมในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่
ในปีพ.ศ.2556 ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ได้ทำการสำรวจกี่ทอผ้าภายในทัณฑสถานฯ พบว่า เกิดการชำรุดทรุดโทรม ไม่สามารถใช้งานได้ ในขณะเดียวกันทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่มีทรัพยากรบุคคลที่มีค่า มีความสามารถพิเศษ เป็นกำลังการผลิตด้านการทอผ้าแบบหลากหลาย เนื่องจากผู้ต้องขังที่อยู่ในทัณฑสถาน มีที่มาจากหลากหลายท้องถิ่นวัฒนธรรม ทั้งชาวไทยใหญ่ ชาวพื้นเมือง และผู้ต้องขังจากภาคต่างๆ ที่ถูกย้ายระบายมาคุมขัง นับได้ว่าหากได้ริเริ่มการทอผ้าไทยจะได้ลายผ้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีความหลากหลายเหมาะแก่การเป็นแหล่งการเรียนรู้วัฒนธรรมด้านการทอผ้าไทย
จากการสำรวจดังกล่าว ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ จึงเห็นว่าสามารถดำเนินการสร้างพื้นที่ ซึ่งเป็นศูนย์การศึกษาเรียนรู้ศิลปะการทอผ้า ควบคู่กับการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงภายในทัณฑสถานฯ ได้อย่างครบวงจรตั้งแต่การผลิตในระดับต้นน้ำ (การพัฒนาปัจจัยการผลิต) ระดับกลางน้ำ (การแปรรูป) และระดับปลายน้ำ (การตลาด) โดยการผลิตในระดับต้นน้ำ ได้ดำเนินการให้การฝึกอบรมผู้ต้องขังให้เกิดการปรับเปลี่ยนนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ควบคู่กับการฝึกอบรมการทอผ้าไทยให้มีความชำนาญเกิดการเรียนรู้กระบวนการผลิต การจัดการผลผลิต
ในระดับกลางน้ำ จากการฝึกอบรมวิชาชีพการทอผ้าไทย ผู้ต้องขังเกิดความชำนาญ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทำให้สามารถทอผ้าที่มีลายเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้อย่างประณีต และอาจต่อยอดไปจนถึงการสร้างลายผ้าใหม่ๆ ได้
ในระดับปลายน้ำ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ จากการเกิดแหล่งศึกษาดูงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้จักและเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามาเยี่ยมชมสัมผัส ผลิตภัณฑ์จากการทอผ้า อาจนำแสดงและจำหน่ายในงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ งานแสดงสินค้า OTOP ของจังหวัด และมูลนิธิหรือร้านค้าในพระองค์
ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (2558) ในปี พ.ศ2557 ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาการทอผ้าไหมตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการฯ จากกรมหม่อนไหมจำนวน 126,800 บาท ซึ่งกรมหม่อนไหมได้ให้การสนับสุนนงบประมาณดำเนินการฝึกอบรม จำนวน 127,300 บาท และให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนวิทยากรฝึกอบรมฯ ให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติในการฝึกอบรมโดยเน้นการฟอกย้อมเส้นไหม การกรอไหม การทอผ้าพื้นเมือง
ส่วนในเรื่องกี่ทอผ้า ได้ดำเนินการประสานให้ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสำปางทำการซ่อมแซมชิ้นส่วนกี่ทอผ้าที่สภาพทรุดโทรมและประกอบให้สามารถใช้งานได้จำนวน 10 หลัง กอปรกับการมีงบประมาณที่จำกัดและปัญหาอันเกิดจากตัวกี่ทอผ้าที่ทำไม่สมบูรณ์ รวมทั้งจำนวนกี่ที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ต้องขังโทษที่มีความสนใจเข้ารับการฝึกอบรมฯ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่จึงได้ดำเนินการจัดทำโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาการทอผ้าไหมตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยคณะอนุกรรมการอำนวยการโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้การสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการฯ ทั้งสิ้น 275,800 บาท และได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรฝึกอบรมจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 เชียงใหม่ ได้แก่ นายวิเชียร เสนาธรรม และนางอุษา เสนาธรรม ซึ่งจุดนี้ถือว่าทำให้โครงการดังกล่าวเกิดผลขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากวิทยากรทั้งสองเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในด้านการทอผ้า ผลการดำเนินงานปัจจุบันผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้เรียนรู้กระบวนการขั้นตอนการทอผ้าอย่างละเอียด เทคนิคการแก้ปัญหาการทอ การออกแบบและขึ้นลายผ้า การคัดลายการเก็บตะกอ การทอผ้ายกดอกและผ้าพื้น
ในปี พ.ศ.2557 ทางทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณตามโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาการทอผ้าไทยตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อไปยังสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย จำนวน 218,400 บาท และต่อมาทางทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากบริษัทไทยซิลค์วิลเลจจำกัด อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ในการเข้าฝึกอบรมวิชาชีพการออกแบบ และสร้างผลิตภัณฑ์งานประดิษฐ์จากเศษผ้าไหมและได้ดำเนินการจัดอบรมเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์กรมหาชน) ในการเข้าฝึกอบรมวิชาชีพการขึ้นหัวม้วน ตลอดจนสอนการทำเครื่องกรอไหมด้วยวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 14 – 20 พฤศจิกายน 2558 ต่อด้วยมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นร่วมกับศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ จัดทำงานวิจัยการทำหลักสูตรการฝึกอบรมการทอผ้าไหมที่เหมาะสมต่อผู้ต้องขังส่งผลให้ทางศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 133,000 บาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าวิทยากรซึ่งได้ประสานปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญงานทอผ้าไหมที่จังหวัดลำพูนและเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติมให้แก่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่
จากการสัมภาษณ์ผู้ปกครองโรงงานเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของกลุ่มวิชาชีพทอผ้าไหม (2561) พบว่า ในโรงงานทอผ้ามีผู้ต้องขัง จำนวน 87 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังทอผ้าฝ้าย จำนวน 50 คน ผู้ต้องขังทอผ้าไหม จำนวน 35 คน และผู้ต้องขังที่เข้ามาในกลุ่มใหม่ (ยังไม่ได้เริ่มทอผ้า) จำนวน 2 คน ปัจจุบันมีกี่ทอผ้าไหม จำนวน 30 หลัง และกี่ทอผ้าฝ้าย จำนวน 11 หลัง มีผ้าไหมที่ทอเสร็จแล้ว ประมาณ 50 ผืน ลวดลายผ้าไหมที่ออกแบบโดยผู้ต้องขังและทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มีจำนวน 5 ลาย ได้แก่ ลายนารีสานฝัน ลายรมิตา ลายยิ้มสยาม ลายบัวบูชา และลายมงกุฏแก้ว นอกจากนี้มีอีก 2 ลาย กำลังอยู่ในขั้นตอนการขอลิขสิทธิ์ คือ ลายแก้วตาเสาวรส และ ลายกำลังใจหลังกำแพง (เป็นลวดลายที่ได้จากการประกวดจากงานวิจัยระยะที่ 1 คือ ลายยิ้มสยาม ลายบัวบูชา ลายแก้วตาเสาวรส) รายได้จากกลุ่มวิชาชีพทอผ้าไหม ส่วนใหญ่มาจากการทองานจ้าง แต่ผ้าไหมที่ทอเสร็จแล้วยังขายได้น้อย ขาดการประชาสัมพันธ์
ข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
- ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่เป็นผู้มีวิสัยทัศน์มองเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วมมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหากลุ่มวิชาชีพทอผ้าไหม ให้สามารถพึ่งพอตนเองได้- ผ้าไหมเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ต้องขังเลี้ยงดูตนเองและส่งเลี้ยงดูครอบครัวได้
- การทอผ้าไหมเป็นงานหัตถกรรมที่ต้องใช้ความประณีตและความพิถีพิถันในการผลิตอย่างยิ่ง จึงเป็นฝึกให้ผู้ต้องขังมีสมาธิ และมีจิตใจแน่วแน่ในการทอผ้า เมื่อผู้ต้องขังทอผ้าไหมเสร็จแต่ละผืน จะมีความภาคภูมิใจในผลงานและความสามารถของตนเอง
ข้อมูลประเด็นปัญหา
- ไม่มีการจัดทำหลักสูตรวิชาชีพทอผ้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นระบบ- ผู้ต้องขังไม่มีความรู้และทักษะการผลิตในบางขั้นตอนต้องรอให้อาจารย์ผู้สอนจากภายนอกมาสอน
- ขาดความรู้เรื่องวัตถุดิบในการผลิตต้องรออาจารย์ผู้สอนเป็นจัดหาให้
- เจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้และความสามารถในวิชาชีพทอผ้า
- ผ้าไหมที่ผู้ต้องขังทอเสร็จแล้ว ยังมีจำนวนไม่มากพอที่จะสามารถนำจัดจำหน่ายได้
- ขาดเงินทุนสนับสนุนในการปันผลให้ผู้ต้องหาและจัดจ้างอาจารย์ผู้สอนทอผ้า
- กี่ทอผ้าไม่ได้มาตรฐาน
ข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
1. กลุ่มฝึกวิชาชีพทอผ้าไหมมีการพัฒนาในด้านการผลิตผ้าไหม2. ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทอผ้าไหมมีความสอดคล้องตามความต้องการของตลาด
3. สมาชิกกลุ่มทอผ้าไหมมีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้นและมีความภูมิใจในผลิตภัณฑ์ของตนเอง
ประเด็นปัญหาหลัก
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
องค์ความรู้หรือนวัตกรรมที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน
ประเภทนวัตกรรม
นวัตกรรมชุมชน , นวัตกรรมเกษตร , นวัตกรรมแก้จน , นวัตกรรมสังคม
รายละเอียดนวัตกรรม/หลักการและเหตุผล
การฝึกวิชาชีพกลุ่มทอผ้าไหมเป็นกลุ่มวิชาชีพที่เริ่มตั้ง ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งพบว่า มีปัญหาค่อนข้างมาก ต้องพึ่งพาวิทยากรจากภายนอกมาถ่ายทอดทักษะความรู้ในการทอผ้า ขาดความต่อเนื่องในการเข้ามาสอน มีวิทยากรสอนหลายคนสอนให้ทำคนละเทคนิคทำให้ผู้เรียนเกิดความสับสน ขาดวัสดุอุปกรณ์ เมื่อมีปัญหาในการทอหรืออุปกรณ์เสียแก้ไขปัญหาไม่ได้ ต้องรอวิทยากรมาช่วย จากปัญหาที่กล่าวมาเป็นที่มาของโจทย์งานวิจัยระยะที่ 1 “การพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพทอผ้าไหมแบบมีส่วนร่วมของทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่” ดำเนินการระหว่างตุลาคม 2558 ถึง กันยายน 2559 และได้ดำเนินงานวิจัยต่อเนื่องมาระยะที่ 2 ซึ่งเป้าหมายคือเพื่อเสริมสร้างความชำนาญการให้ผู้ต้องขังพร้อมที่จะถ่ายทอดสู่ผู้ต้องขังรุ่นต่อไป จึงเป็นที่มาของงานวิจัยระยะที่ 2 “แนวทางการพัฒนาผู้ต้องขังให้เป็นครูสอนการทอผ้าไหมแบบมีส่วนร่วมของกลุ่มวิชาชีพทอผ้าไหม ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่” ดำเนินการระหว่างกรกฏาคม 2560 ถึง เมษายน 2562 ได้งบสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น และกรมหม่อนไหม
จากการดำเนินงานวิจัยทั้งสองระยะ ทีมวิจัยได้จัดตั้ง “ศูนย์วิจัยชุมชนกลุ่มฝึกวิชาชีพทอผ้าไหมในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่” และถอดบทเรียนที่เป็นองค์ความรู้แนวทางการจัดตั้งกลุ่มฝึกวิชาชีพทอผ้าไหม เพื่อเป็นต้นแบบให้กับเรือนจำหรือทัณฑสถานอื่นที่มีความสนใจ
คำสำคัญเพื่อการค้นหา
- การจัดตั้งกลุ่มฝึกวิชาชีพทอผ้าไหม
- การทอผ้าไหม
- ทัณฑสถานหญิง
- เรือนจำ
ภาพถ่าย
วีดิโอ
ไฟล์เอกสาร
โครงการขยายผล
project version release 2022-02-13. ช่วยเหลือ