กบยิ้ม ไก่แย้ม หมู่ที่ 6บ้าน อพป.คลองน้ำใส ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
กบยิ้ม ไก่แย้ม หมู่ที่ 6บ้าน อพป.คลองน้ำใส ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อนวัตกรรม | กบยิ้ม ไก่แย้ม หมู่ที่ 6บ้าน อพป.คลองน้ำใส ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว |
สถาบันอุดมศึกษาหลัก | มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ |
หน่วยงานหลัก | สำนักส่งเสริมการเรียนรู้และบริการวิชาการ |
หน่วยงานร่วม | วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ |
ชื่อชุมชน | หมู่ที่ 6บ้าน อพป.คลองน้ำใส ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว |
ชื่อผู้รับผิดชอบ | อาจารย์ ดร.ผมหอม เชิดโกทา |
ที่อยู่ผู้รับผิดชอบ | เลขที่ 1 หมู่ 20 ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 13180 |
ชื่อผู้ร่วมโครงการ/สาขา | - |
การติดต่อ | 029093026 |
ปี พ.ศ. | 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 พฤศจิกายน 2561 - 30 กันยายน 2562 |
งบประมาณ | 0.00 บาท |
พื้นที่ดำเนินงาน
จังหวัด | อำเภอ | ตำบล | ชื่องานในพื้นที่ | ลักษณะพื้นที่ | |
---|---|---|---|---|---|
สระแก้ว | อรัญญประเทศ | คลองน้ำใส | place directions |
รายละเอียดชุมชน
ข้อมูลพื้นฐาน
ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตำบลคลองน้ำใสเดิมหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองน้ำใส ทางทิศตะวันออกอพยพมาจากเมืองเวียงจันทร์หลวงพระบางประชาชนเป็นคนไทยน้อย อพยพมาเพื่อทำมาหากินย้อยจากทางเดินทับหลวงมาทางใต้ ตั้งแต่พระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพยกกองทัพไปตีเมืองเวียงจันทร์หลวงพระบางแตก ทรงอันเชิญพระแก้ว (พระแก้วมรกต) พระบางขึ้นหลังข้างเข้าสู่บางกอก (กรุงเทพมหานคร) ประชาชนก๊กนี้ได้อพยพมาพร้อมกันอีกหลายกลุ่มมีกลุ่มไทยใหญ่ ไทยน้อย ไทยย่อย อพยพมาพร้อมพระแก้ว พระบางหลีกทางทัพหลวงมาทำมาหากิน ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่หลายแห่งๆ ละ 10,20,30,40 ปี ล่นถอยมาเรื่อยๆ จนถึงฝั่งตะวันออกคลองน้ำใสไทยเดิมเรียกว่าหวยใส เพราะว่าน้ำในคลองนี้ไหลมาจากภูเขาท้องน้ำจึงใสไหลเย็นสามารถมองเห็นตัวปูปลา มีเพื่อนที่อพยพมาพร้อมกันหลายหมู่บ้าน เช่นบ้านกุดโดน กุดสะเทียน เหล่าคา นาน้อย ยางเดี่ยว อยู่กันอย่างสุขสำราญอย่างพี่อย่างน้องปกคลองกันด้วยความสามัคคีธรรมเป็นเวลาช้านานหลายปี จนถึงสมัยเมืองเวียงจันทร์หลวงพระบาง โพธิสัตว์ พระตะบอง นครจำปาสัก เสียมราฐ ศรีโสภณ มงคลบุรี เขมร ลาว ยังเป็นเมืองขึ้นของเรา ฝรั่งยกกองทัพยึดเมืองจันทบุรี และปิดปากอ่าวไทยไว้เป็นประกัน ได้ส่ง ม.ปาวี มาเจรจาไกล่เกลี่ยเจ้าเมืองลาวและเขมรให้อยู่ใต้อารักขา เมื่อปี พ.ศ. 2449 ฝรั่งเศสไม่ยอมถอนกำลังจากเมืองจันทบุรีปิดปากอ่าวไทยไว้บังคับให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยอมให้ลาวและเขมรอยู่ใต้อารักขา และบังคับให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตอบรับภายใน 48 ชั่วโมง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าฝรั่งเศสเป็นชาติมหาอำนาจมีกำลังมากกว่าจะคัดค้านก็จะเข้าทำนอง ตีนช้างเหยียบปากนก เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย กล้านักมักบิ่น ดังคำพังเพยที่ว่า ไม้อ่อนบ่อห่อนหัก ดังตัวอย่าง ประเทศพม่า อินเดีย มีประชากรน้อยนับร้อยล้านยังตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พระองค์จึงยอมยกให้ลาว เขมร พนมเปญ เวียงจันทร์ หลวงพระบาง โพธิสัตว์ พระตะบอง นครจำปาสัก เสียมราฐ ศรีโสภณ มงคลบุรี ให้แก่ฝรั่งเศสเพื่อแลกเอาส่วนใหญ่และเอกราชเอาไว้ ฝรั่งเศสจึงจัดแบ่งอาณาเขตเอาตามใจชอบ ตรงไหนมีภูเขาที่สูงที่สุดเป็นหลักเขต ตรงไหนมีลำคลองก็ถือเอากลางน้ำเป็นเขตแดนตรงไหนไม่มีภูเขาและแม่น้ำลำคลองก็ใช้หลักศิลาจารึกทำด้วยปูนซิเมนต์คอนกรีตสี่เหลี่ยมกว้าง 1 เมตร ยาว 1 เมตร 50 เซนติเมตร ปักห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ถี่กว่านั้นบ้างเป็นระยะๆ ลงมาทางทิศใต้เป็นลำดับ ทางตะวันออกจารึกว่าประเทศกัมพูชา ด้านทิศตะวันตกจารึกว่าประเทศสยาม ตรงลงมาทางทิศใต้ลงมาถึงคลองลึก ซึ่งอยู่ในเขตเขมรโน้มที่ชาวเขมรเรียกว่า โอชเลา ตรงไปใส่เกาะกง ฝรั่งเศสไม่พอใจจึงย้อนรอยถอยหลังไปเพราะเสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณ มงคลบุรี ก็ยังเป็นของเรา ฝรั่งเศสไม่พอใจใช้อำนาจมาถือเอาคลองเล็กๆ ทีไหลลงคลองพรมโหสถ์ เรียกว่า คลองเล็ก แล้วถือเอาคลองพรมโหสถ์ไปจนสุดคลองถึงแหลมหนองเอี่ยนที่คลองน้ำใสไหลลงไปบรรจบ แล้วถือเอาคลองน้ำใสไปถึงขึ้นภูเขาทองจังหวัดจันทบุรีเป็นคลองเขตแดนตามลำดับ บ้านกุดโดน กุดสะเทียน เหล่าคา นาอ้อย ยางเดี่ยว ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองน้ำใสทางทิศตะวันออกต้องตกเป็นของเขา การสำรวจสำมะโนครัวประชากรครั้งแรก ฝรั่งพูดภาษาไทยไม่ชัดไทยย่อยเป็นไทยญ้อ จึงเรียกตัวเองว่าไทยญ้อมาตลอด ไทยย่อย ไทยญ้อ อันมีเชื้อสายมาจากไทยน้อยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นและขี้ข้าทาสใคร มีความรักสมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และรักความเป็นไทย แต่ไหนแต่ไรมามีอุปนิสัยสืบเนื่องมาจากบรรพบุรุษหัวหน้าผู้นำพาอพยพแต่ท่านได้ถึงแก่กรรมเสียชีวิตแล้วแต่อยู่โพธิสัตว์ มีชื่อว่า หลวงคลังมหาดไทยถึก แล้วจึงได้อพยพข้ามฝั่งคลองน้ำใสมาตั้งเป็นหมู่บ้าน อาทิเช่น บ้านใหม่ปากฮ่อง บ้านจุกหลุก (แสนสุข) บ้านห้วยใสใน (คลองน้ำใส) บ้านหนองผักกาดฮอง (ผักกาดฮอง) มารวมกันอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่าไทโซ่ อพยพข้ามฝั่งคลองน้ำใสตั้งเป็นหมู่บ้านทับไฮ ท่าเกด ขณะนั้นเป็นหลายหมู่บ้านจึงได้แต่งตั้งให้เป็นตำบลท่าเกดสมัยรัชกาลที่ 5 คนบ้านท่าเกดได้รับแต่งตั้งเป็นขุนเจ้าเมือง เรียกว่าขุนพินิจโวหาร ขุนพิจารณ์แจ้งเจตน์ ขุนไตรเทศดาวเรืองขุนเจ้าเมืองรักไพร่ ขุนเจ้าเมืองรักไพร่เป็นคนบ้านห้วยใสในตระกูลเกตุสายเมืองอยู่ทุกวันนี้ ต่อมาขุนพินิจโวหาร ขุนพิจารณ์แจ้งเจตน์ ขุนไตรเทศดาวเรือง ได้ถึงแก่กรรมลงทางการจึงได้แต่งตั้งให้ขุนเจ้าเมืองรักไพร่เป็นเจ้าเมืองแทน ต่อมาไม่นานก็ถึงแก่กรรมแล้วได้แต่งตั้งให้นายทิ้งเป็นกำนันตำบลท่าเกด ต่อมานายทิ้งได้ถึงกรรมจึงได้แต่งตั้งนายวรรณาเป็นกำนันอยู่บ้านห้วยใสใน ต่อมาได้เปลี่ยนตำบลท่าเกดเป็นตำบลคลองน้ำใสจนถึงปัจจุบัน คนรุ่นเก่ายังคงเหลืออยู่แต่นายสินจำปา หรือนายสิบสาลี ได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านห้วยใสในเป็นบ้านคลองน้ำใสจนตราบเท่าทุกวันนี้ เป็นคนต้นตระกูลพลอยมาลี(องค์การบริการส่วนตำบลคลองน้ำใส, 2562)
ในปี พ.ศ. 2518 ประเทศกัมพูชาได้เกิดแตกแยกเป็นหลายฝ่ายได้มีทหารกลุ่มหนึ่งซึ่งมียศเป็นนายพล ชื่อนายพลอินตำ ได้มาตั้งกองกำลังพลอยู่ตรงข้ามบ้านใหม่ปากฮ่อง ได้ให้ทหารช่วยกันทำนาเพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นที่ทำนาของพี่น้องบ้านใหม่และบ้านแสนสุขมาก่อนเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เป็นที่ลุ่มเหมาะแก่การทำนาเป็นอย่างดี ในช่วงนั้นยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ในช่วงต่อมาได้มีเขมรอีกกลุ่มหนึ่ง เรียกตนเองว่าเขมรแดงได้มาขับไล่เขมรกลุ่มของนายพลอินตำจนแตกกระเจิงไป เมื่อปี พ.ศ. 2519 เขมรแดงได้เริ่มออกทำการก่อกวนตามแนวชายแดนได้ทำลายทำนบเหมืองฝายตามแนวเขตแดน ตั้งแต่บ้านหนองปรือจนถึงบ้านใหม่ปากฮ่องรวม 8, 9 แห่งแล้วเริ่มตรวจตราตามแนวชายแดนอย่างเคร่งคัดได้จับคนไทยที่เข้าไปทำมาหากินฝั่งโน้นหลายคน บางคนก็ถูกตัดหัวไป บางคนก็หายสาบสูญไปเหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวันเข้ามาปล้นสะดมชาวบ้านตามแนวชายแดน กลางคืนลักลอบเข้ามาปล้นทรัพย์สินและฆ่าเจ้าของแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้ชราและผู้หญิงมีครรภ์ก็ไม่เว้น หมู่บ้านตามแนวชายแดนได้จัดฝึกอบรมอาสาพัฒนาตนเอง และไทยอาสาป้องกันชาติขึ้นจัดตั้งเป็นศูนย์อำนวยการจดเวรยามเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดจัดเวร ๆ ละ 1 วัน เริ่มแต่วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์วันละไม่น้อยกว่า 15 คน เป็นประจำ ได้รับการสนับสนุนอาวุธปืนลุกซองจากทางอำเภอ และปส.บปลย.ป. จากทางหน่วยทหาร เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเขมรแดงได้เข้ามาเผาบ้าน โรงเรียน สถานีตำรวจทำลายวัดวาอาราม สถานีอนามัย (องค์การบริการส่วนตำบลคลองน้ำใส, 2562)
ในช่วงต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2520 เขมรแดงได้ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มหมู่บ้านตามแนวชายแดนหนักขึ้นทุกวันทั้งกลางวันและกลางคืน จะมีเครื่องบินไทยและเครื่องบินเขมรขึ้นบินตรวจการณ์อยู่ทุกคน บางครั้งก็มีการต่อสู้กันทางภาคพื้นดินและทางภาคอากาศ โดยใช้เครื่องยิงถล่มกันตามแนวชายแดนจนเป็นเหตุทำให้ไทยเราต้องสูญเสียเครื่องบินไป 1 ลำ เป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดตกที่ฝั่งเขมร เป็นเครื่องบิน โอ วี 10 และที่วัดเขาน้อยยังถูกทิ้งระเบิดขนาด 500 ปอนด์ อีก 2 ลูก ทางวัดเขาน้อยได้รับความเสียหายโดยเฉพาะศาลาการเปรียญต้องซ่อมใหม่ทั้งหลังและกุฏิอีก 1 หลัง ได้รับความเสียหายส่วนประชาชนที่อพยพมาอาศัยอยู่ที่วัดเขาน้อย คือบ้านผักกาดฮอง และบ้านสลองคอง พร้อมทั้งนักเรียนบ้านผักกาดฮองไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด หมู่บ้านน้ำใสจึงเป็น เหตุบ้านแตก สาแหลกขาดได้อพยพออกไปปลูกกระต๊อบอาศัยอยู่ตามไร่นาป่าสวน ทางราชการเห็นว่าไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินจึงได้จัดที่อยู่อาศัยให้ครอบครัวละ 2 งาน ที่โคกด่านทุกวันนี้ซึ่งเป็นที่สงวนไว้เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของหมู่บ้าน วัด โรงเรียน สถานีอนามัย ก็ได้ย้ายออกมาเป็นลำดับมา อยู่กันนานหลายปีเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นจึงขอแยกหมู่บ้านเป็นหมู่ที่ 15 ต่อมาได้ขอแยกตำบลคลองน้ำใส ออกเป็น 3 ตำบล คือ ตำบลคลองน้ำใส ตำบลผ่านศึก ได้เรียบลำดับหมู่บ้านใหม่ของตำบลคลองน้ำใส หมู่ที่ 15 เป็นหมู่ที่ 1 ต่อมาได้ขอแยกหมู่บ้านอีกเพื่อสะดวกในการปกครอง เป็นหมู่ที่ 9 บ้านทุ่งรวงทอง และต่อมาได้สำรวจประชากรของหมู่ที่ 1 มีจำนวนมาก ได้แยกหมู่บ้านจากหมู่ที่ 1 ออกมาอีก คือ หมู่ที่ 11 บ้านศรีวิไล ปัจจุบัน มี 12 หมู่บ้านจนทุกวันนี้
ที่ตั้งของตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลคลองน้ำใส ติดชายแดนไทย – กัมพูชา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภออรัญประเทศ ระยะห่างจากอำเภออรัญประเทศประมาณ 14 กิโลเมตร
ทิศเหนือติดกับองค์การบริหารส่วนตำบลฟากห้วยและองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม
ทิศใต้ติดกับประเทศสาธารณรัฐกัมพูชา
ทิศตะวันออกติดกับองค์การบริการส่วนตำบลท่าข้ามและประเทศสาธารณรัฐกัมพูชา
ทิศตะวันตกติดกับองค์การบริหารส่วนตำบลผ่านศึกและประเทศสาธารณรัฐกัมพูชา
ประวัติหมู่ที่ 6 บ้าน อพป.คลองน้ำใส ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศจังหวัดสระแก้ว
ในอดีตบ้านอพป.คลองน้ำใส เดิมหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งคลองน้ำใส อพยพมาจากเมืองเวียงจันทร์หลวงพระบางประชาชนเป็นคนไทยน้อย อพยพมาทำกินเดินทางมากับทับหลวงมาทางใต้ประชาชนกลุ่มนี้ได้อพยพมาพร้อมกันหลายกลุ่ม มีกลุ่มไทยใหญ่ ไทยน้อย อพยพมาพร้อมพระแก้วพระบาง มาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่หลายแห่ง และล่นถอยมาเรื่อยๆ จนถึงฝั่งตะวันออกคลองน้ำใสไทยเดิม เรียกว่าห้วยใส เพราะว่าน้ำในคลองนี้ไหลมาจากภูเขาท้องน้ำจึงใสไหลเย็นสามารถมองเห็นตัวปูปลาเหตุผลในการเลือกหมู่บ้าน การเริ่มต้น ลักษณะการตั้งถิ่นฐานและการขยายตัวของหมู่บ้านชุมชนบ้าน อพป.คลองน้ำใสเป็นชุมชนที่อพยพมาจากประเทศลาวเมืองเวียนจันทร์อพยพมาทำกินเดินทางมากับทับหลวงมาทางใต้และได้อพยพมาจากหมู่บ้านเก่าคือบ้านทุ่งรวงทองงาน เดิมเป็นชาวไทยญ้อ มีการตั้งรกรากอยู่ติดชายแดนกัมพูชา โดยมีลำคลองเล็กๆ กั้นเขตแดนระหว่างกัมพูชามีภัยสงครามของประเทศกัมพูชาในปี พ.ศ. 2518 ซึ่งมาจากหลายหมู่บ้าน ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2522-2552 โดยหน่วย นปก. จังหวัดได้มาจัดสถานที่หมู่บ้าน อพป.ขึ้นจัดสรรที่ดินให้คนละ 2 งาน จนถึงปัจจุบัน
ข้อมูลศักยภาพ/ทรัพยากร
1) การเกษตรประชากรในตำบลคลองน้ำใส ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ได้แก่
ทำนา ถือเป็นผลผลิตที่สำคัญและมีชื่อเสียง
ทำไร่ พื้นที่ทำไร่ที่ปลูกมาเป็นอันดับหนึ่ง คือ ข้าวโพด,อ้อย,มันสำปะหลัง,มะละกอ
ทำสวน ประเภทที่ปลูกคือ มะพร้าว, มะม่วง, กล้วย, ขนุน, ส้มโอ, มะขามหวาน, ลำไย
2) การประมง
ตำบลคลองน้ำใสไม่มีการทำประมงเป็นการจับปลาตามธรรมชาติในบริโภคในครัวเรือนตามฤดูกาลเท่านั้น
3) การปศุสัตว์
การประกอบการในลักษณะการเลี้ยงในครัวเรือนเป็นอาชีพเสริม เช่น การเลี้ยงไก่ เป็ด, โค, กระบือ สุกร
4) การบริการ
- โรงแรมหรือรีสอร์ท จำนวน 1 แห่ง
- หอพักหรืออพาร์ทเม้นท์ จำนวน 3 แห่ง
5) การท่องเที่ยว
- มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวน 1 แห่ง คือ ปราสาทเขาน้อยสีชมพู
6) อุตสาหกรรม
- โรงงานอุตสาหกรรม ประเภทตัดเย็บเสื้อผ้า จำนวน 1 แห่ง
- โรงงานในครัวเรือน ประเภททำไม้เสียบลูกชิ้น จำนวน 1 แห่ง
7) การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ
การพาณิชย์
- สถานีบริการน้ำมัน จำนวน 3 แห่ง
- ปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญ จำนวน 5 แห่ง
ข้อมูลประเด็นปัญหา
1.จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้มีการจัดกิจกรรมปฏิบัติการจัดเวทีประชาคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและศึกษาประเด็นการเรียนรู้ประสบการณ์จริงในพื้นที่เพื่อหาแนวทางยกระดับคุณภาพชีวิตตามประเด็นความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ดังนั้นการแก้ปัญหาความยากจนให้บรรลุเป้าหมายต้องพัฒนาคนที่ยากจนก่อนให้มีอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ ดังนั้นมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงจัดให้มีโครงการเพื่อดำเนินการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างเร่งด่วน จากปัญหาที่พบทีมอาจารย์ที่ลงพื้นที่แก้ปัญหาความยากจนร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน2.รายได้ไม่มี ต้นทุนไม่มี จึงนำมาใช้ประกอบในการตัดสินใจเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมาย
ข้อมูลความต้องการเชิงพื้นที่
แก้ปัญหาด้วยการสร้างอาชีพเลี้ยงไก่ไข่และการเลี้ยงกบ ดังนั้นทีมอาจารย์ที่ลงพื้นที่จึงนำข้อมูลดังกล่าวมาวางแผนในการแก้ปัญหาความยากจนด้วยการสร้างอาชีพให้กับชุมชนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปประเด็นปัญหาหลัก
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
องค์ความรู้หรือนวัตกรรมที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน
ประเภทนวัตกรรม
นวัตกรรมชุมชน , นวัตกรรมเกษตร , นวัตกรรมแก้จน , นวัตกรรมสังคม
รายละเอียดนวัตกรรม/หลักการและเหตุผล
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นมหาวิทยาลัยที่พระราชาประสงค์ให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฎ พ.ศ. 2547 มาตรา 7ที่ระบุให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเสริมพลังปัญญาของแผ่นดิน ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์เพื่อยกคุณภาพมาตรฐานมหาวิทยาลัยราชภัฎสู่คุณภาพเป็นเลิศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตสู่นักปฏิบัติอย่างมืออาชีพ การยกคุณภาพมาตรฐานชีวิตของชุมชน ท้องถิ่น และพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน พร้อมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนางานพันธกิจสัมพันธ์ และถ่ายทอด เผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีกลยุทธ์ในการสร้างเครือข่ายชุมชนนักปฏิบัติจากภายในและภายนอกเพื่อร่วมกันศึกษาแก้ไขปัญหาของชุมชนท้องถิ่นและเสริมพลังให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญในการพัฒนาชุมชน และท้องถิ่น
ผลสำรวจชุมชนและครัวเรือนเป้าหมายในชุมชนหมู่ที่6อพป.บ้านคลองน้ำใส ตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พบว่า สภาพปัญหาที่ทั่วไปผู้นำชุมชนขาดความเข้มแข็งส่งผลให้สมาชิกในหมู่บ้านขาดความสามัคคี แบ่งเป็นหลายกลุ่มขาดความร่วมมือในการทำกิจกรรมร่วมของชุมชน รวมไปถึงปัญหายาเสพติด การพนัน และชุมชนกลุ่มครัวเรือนเป้าหมายมีทักษะความรู้เดิมและกลุ่มเป้าหมายมีประสบการณ์มีสถานที่พร้อม บ่อกบ พื้นที่สำหรับเลี้ยงไก่ในการเลี้ยงไก่ไข่และกบเป็นทุนเดิมแต่ขาดทุนทรัพย์ในการซื้อพันธุ์ไก่ไข่ และพันธุ์กบขาดความรู้ในการประกอบการและขาดเครื่องมือ อุปกรณ์ในการประกอบการบางครัวเรือนมีแต่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม ดังนั้นคณะอาจารย์ที่ลงพื้นที่แก้ปัญหาความยากจนได้สำรวจความต้องการและประชุมปฏิบัติการร่วมกับชุมชนและผู้นำชุมชน และชุมชน
ครัวเรือนเป้าหมายจำนวน 6ครัวเรือนมีความเห็นพ้องร่วมกันที่จะต้องจัดให้มีการเลี้ยงไก่ไข่จำนวน 4ครัวเรือนและเลี้ยงกบจำนวน 2ครัวเรือน
ดังนั้น วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมถ์จึงได้จัดทำโครงการสร้างเครือข่ายชุมชนนักปฏิบัติเพื่อร่วมกันศึกษาแก้ไขปัญหาของชุมชนท้องถิ่น เสริมพลังให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนโดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนในชุมชนสามารถบริหารจัดการชีวิตตนเองได้อย่างสมดุลและมีความเหมาะสม สามารถดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ร่วมกับการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น เพิ่มคุณค่าและมูลค่า เสริมเศรษฐกิจฐานรากในชุมชนให้มีความ เข้มแข็ง มั่นคง นำไปสู่การพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้ชุมชนหมู่บ้านมีคุณภาพชีวิตและรายได้ที่เพิ่มขึ้น
คำสำคัญเพื่อการค้นหา
- กบยิ้ม
- กลุ่มเลี้ยงกบ
- กลุ่มเลี้ยงไก่ไข่
- ไก่แย้ม
- จังหวัดสระแก้ว
- ตำบลคลองน้ำใส
- บ้าน อพป.คลองน้ำใส
- เลี้ยงกบ
- เลี้ยงไก่
- หมู่ที่ 6
- อำเภออรัญประเทศ
ภาพถ่าย
วีดิโอ
ไฟล์เอกสาร
โครงการขยายผล
project version release 2022-02-13. ช่วยเหลือ